พระพรที่เราได้รับเมื่อสวดสายประคำ (2)

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ พ.ค. 23, 2012 7:48 pm

เกียรติคุณแห่งสายประคำ ต่อ.... ( จะพิมพ์ให้ครบ 15 เรื่องตามจำนวนข้อรำพึง 15 ข้อ
เพื่อเทิดเกียรติสายประคำศักดิ์สิทธิ์ ของพระแม่มารีย์ )
เรื่องที่9 สายประคำมหัศจรรย์
......พ่อค้าคนหนึ่งบรรทุกสินค้ามาจากประเทศ อินเดีย มาค้าขายที่เมืองมะละกา
แหลมมลายู (ปัญจุบันอยู่ในมาเลเซีย)
ที่นั่นเขาพบกับ นักบุญฟรังซิส เซเวียร์ เมื่อได้รับพรจากท่านแล้ว ก็ขอของที่ระลึกสักอย่างหนึ่งด้วย
แต่คุณพ่อผู้ยากไร้หาอะไรไม่ได้ ที่สุดท่านปลดเอาสายประคำที่คล้องคอออก พลางกล่าวว่า
"เชิญท่านรับสายประคำนี้ไว้เถิด จะมีประโยชน์มากแก่ผู้สวดสายประคำและวางใจในพระแม่มารีย์"
.....พ่อค้าก็อำลาท่าน และเดินทางกลับอินเดีย เขารู้สึกวางใจในพระแม่เป็นพิเศษ ไม่กลัวลม
ไม่กลัวโจรสลัด ไม่กลัวชนหินโสโครกเลย แต่พระเป็นเจ้าใคร่จะทดลองความเชื่อของเขา
ขณะที่เรือกำลังพ้นอ่าว ที่อยู่ระหว่างเมืองมะละกากับเมืองเมลีอาปุระ ทันใดนั้นก็เกิดพายุใหญ่
ทะเลบ้าคลั่งขึ้น เสากระโดงเรือ หางเสือทนพายุไม่ไหว ก็หักลง เรือไปชนหินโสโครกแตกกระจาย
ทั้งลำ กะลาสี คนโดยสารส่วนมากจมน้ำตาย บางคนอาศัยเกาะอยู่ที่โขดหิน ในจำนวนนี้มีพ่อค้า
คนนั้นอยู่ด้วย แต่ในกลางทะเลเช่นนี้ขืนอยู่ไปก็อดตาย เขาจึงเก็บเศษไม้แตก ผูกเป็นแพขึ้น
แล้วนั่งแพ ปล่อยลอยไปตามกระแสคลื่น
......พ่อค้าของเราเต็มเปี่ยมไปด้วยความวางใจในแม่พระเสมอ ในมือถือสายประคำของนักบุญฟรังซิส
และคิดว่าปลอดภัย ถ้าเขาสวดอยู่ ทันใดนั้นเขารู้สึกเหมือนเข้าภวังค์ และดูเหมือนตัวเขากำลังอยู่ที่
เมืองเมลีอาปุระกับนักบุญฟรังซิส และเมื่อเขารู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่ง ปรากฎว่าตัวเขามาอยู่ที่ชายหาดที่
ไม่เคยรู้จัก มองหาเพื่อนและแพก็ไม่รู้ว่าไปทางไหนกันหมด เขาถามชาวบ้านได้ความว่า เมืองที่เขา
มาอยู่นี่ชื่อ นาคาปาทาน บ้านเกิดเขาเอง เขารู้สึกปลาบปลื้ม และสำนึกคุณที่รอดมาได้อย่างประหลาดที่สุด
เขาได้เล่ามหัศจรรย์ที่เกิดกับเขา ให้ทุกคนได้ทราบ....
....... :s005: :s005: :s005: .....
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2012 9:04 pm, แก้ไขไปแล้ว 5 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ พ.ค. 23, 2012 7:54 pm

เรื่องที่10 ฉลองแม่พระลูกประคำ
.....ในราวศตวรรษที่16 กษัตริย์ โซลิมัน แห่งตุรกี (อาณาจักรอ๊อตโตมัน)
ทรงกรีธาทัพหลวงรุกรานประเทศต่างๆในยุโรป หมายมั่นจะปราบยุโรปไว้ในเงื้อมพระหัตย์
พระองค์ยึดประเทศต่างๆไว้ในอำนาจหลายแห่ง ต่อมาพระองค์ก็สิ้นพระชนม์
พระราชโอรสก็ขึ้นครองแทนและดำเนินตามพระราชบิดา ทรงตั้งพระทัยจะตีกรุงโรมให้ได้
จึงยกทัพใหญ่ มาในเวลาเดียวกันถึง 3 ทัพ
......ครั้นนั้นพระสันตะปาปา นักบุญปีโอที่ 5 ทรงทราบข่าวศึก พระองค์ตกพระทัยเป็นอันมาก
ทรงเชิญชวนบรรดากษัตริย์คริสตังในยุโรป ให้ร่วมมือปราบปรามศัตรูเพื่อตัดทอนกำลังเสีย
แต่ต้นมือ แต่อนิจจา! บรรดากษัตริย์พากันเมินเฉยเสีย ไม่ปฎิบัติตามพระสันตะปาปาทรงขอร้อง
นอกจากกษัตริย์แห่งเวนิช และกษัตริย์แห่งสเปน 2พระองค์เท่านั้น ที่กระทำตามพระประสงค์
ของพระสันตะปาปา กษัตริย์ทั้ง2พระองค์ได้ทรงรวบรวมเรือรบเข้าด้วยกันได้ 200 ลำ
และแต่งตั้ง ดอนฮวนแห่งออสเตรีย ผู้ทรงพระชนม์มายุเพียง 25 พรรษา
ราชโอรสของพระเจ้าการ์โลสที่ 5 แห่งสเปน ให้เป็นผู้บัญชาการรบ
......ในวันที่ 7 เดือนตุลาคม ค.ศ. 1571 กองทัพทั้งสองฝ่ายได้ประทะกันที่อ่าว "เลปันโต"
ทิศใต้ของกรีช กองทัพเรือของตุรกีมีกำลังเข้มแข็งกว่าของ ดอนฮวนมากมายนัก
แต่ดอนฮวนทรงมีพระมานะพยายาม ประกอบด้วยพระปรีชาสามารถ และทรงมี
ความเลื่อมใสศรัทธา ในพระบารมีแห่งพระเป็นเจ้า พร้อมทั้งอาศัยคำวิงวอนที่พระสันตะปาปา
ทรงขอร้องให้ สัตบุรุตคริสตังทั่วประเทศทั้งหลายร่วมใจ วอนขอพระแม่เจ้า โดยการสวด
สายประคำตลอดการสงคราม กองทัพทัพตุรกีก็ถึงแก่ความพินาศอย่างย่อยยับ เสียแม่ทัพเรือ
พร้อมทั้งทหารเป็นจำนานมาก
.....นับเป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง คือเวลาที่ดอนฮวนมีชัยแก่กองทัพตุรกีนั้น เป็นเวลาที่
พระสันตะปาปา กำลังรับสั่งปรึกษาอยู่กับข้าราชการผู้ใหญ่หลายท่าน พระองค์เสด็จไปที่หน้าต่าง
ซึ่งหันไปทางทิศบูรพาแล้ว เสด็จสู่ที่ประชุมอีกพร้อมกับทรงอุทานอย่างพอพระทัย "เวลานี้-
ชาวเราจงร่วมใจขอบคุณพระเป็นเจ้า ที่โปรดประทานชัยชนะให้แก่คริสตังเราเถิด"
.....ชัยชนะที่กองทัพคริสตังได้รับคราวนั้น พระศาสนาจักรคาทอลิกเชื่ออย่างแน่นอนว่า
เนื่องมาจากผลของ การสวดสายประคำ พระสันตะปาปาปีโอที่ 5 จึงทรงแทรกในบทเร้าวิงวอน
แม่พระอีกข้อหนึ่งว่า "แม่พระเป็นองค์อุปถัมย์ของคริสตัง" และพระศาสนาจักรคาทอลิกทรงตั้ง
วันฉลองขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม เรียกว่า "วันฉลองแม่พระมหาชัย" เพื่อระลึกถึงพระกรุณาธิคุณ
ที่พระนางมารีอาได้ทรงประทานในคราวนั้น
......ต่อมาพระสันตะปาปาเกรโกรี่ที่ 13 ทรงเปลื่ยนชื่อวันฉลองนี้ว่า..
... "วันฉลองแม่พระลูกประคำ"
....... :s005: :s005: :s005: .......
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ จันทร์ พ.ค. 28, 2012 5:43 pm, แก้ไขไปแล้ว 8 ครั้ง.
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

พุธ พ.ค. 23, 2012 7:56 pm

พี่โรซาลีเร็วเร้วฯฯฯฯฯ ::019:: อยากอ่านเเล้วฯฯฯฯ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2012 7:20 pm

ความลับของสายประคำ กุหลาบดอกที่ 36
เรื่องที่ 11 เรื่องพ้นจากอำนาจซาตาน
......ในปี ค.ศ. 1578 มีผู้หญิงคนหนึ่งในเมืองอังแวร์ (Anvers) ได้มอบตัวเองแก่ปิศาจและได้
เซ็นสัญญาด้วยเลือดของตน ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ถูกติเตียนจากเสียงมโนธรรมอย่างรุนแรง
จึงรู้สึกเสียใจและตั้งใจจะแก้ความผิดอันยิ่งใหญ่นี้ มีคนแนะนำให้เธอไปหาคุณพ่อ เฮ็นรี่ ซึ่งเป็น
พระสงฆ์ฤาษีคณะดอมินิกันคนหนึ่ง ท่านผู้นี้เป็นอธิการคณะภราดรภาพแห่งสายประคำในเมืองนั้น
เพื่อขอท่านลงทะเบียนเป็นสมาชิกคณะนี้ และฟังการสารภาพบาปของเธอด้วย
.....เธอได้เดินทางตามหาคุณพ่อ เฮ็นรี่ แต่ไม่ได้พบกับคุณพ่อ เฮ็นรี่ กลับไปพบเจ้าปิศาจซึ่งปลอม
ตัวเป็นพระสงฆ์ดอมินิกันคนหนึ่ง สงฆ์ปลอมได้ดุด่าว่าเธอ อย่างไม่มีดีและบอกว่า เธอไม่มีวันจะได้
รับพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าอีกเลยในชีวิตนี้ และไม่มีทางใดเลยที่จะได้ใบสัญญานั้นคืนมา
เรื่องนี้ทำให้เธอเป็นทุกข์เศร้าใจมาก แต่ก็ไม่สูญเสียความไว้วางใจในพระเมตตาของพระเป็นเจ้า
เสียทีเดียว และออกติดตามหาคุณพ่อ เฮ็นรี่อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็มาเจอกับปิศาจอีกเป็นครั้งที่สอง
และก็ได้รับแต่การประชดประชันเหมือนเดิม เธอออกเดินทางไปหาอีกครั้งที่สาม แล้วในที่สุด
โดยพระเมตตาของพระเป็นเจ้าก็ได้พบ คุณพ่อ เฮ็นรี่ ดังหวัง ท่านก็ได้พิจารณาช่วยเหลือเธอด้วย
ความเมตตา เตือนให้เธอมอบตนไว้ในความกรุณาของพระเป็นเจ้า และได้สารภาพบาปอย่างดี
และรับเธอเข้าเป็นสมาชิกของ คณะภราดรภาพและเตือนให้สวดสายประคำบ่อยๆ
.....วันหนึ่งขณะที่ คุณพ่อ เฮ็นรี่ ทำมิสซาอุทิศให้เธออยู่นั้น พระแม่เจ้าบังคับให้เจ้าปิศาจเอาใบสัญญา
ที่เธอเขียนด้วยเลือดนั้นคืนมาให้เธอ สรุปแล้วก็คือ เธอเป็นอิสระจากอำนาจปีศาจ โดยอิทธิพล
ของพระแม่ และโดยความศรัทธาต่อการสวดสายประคำนี้...
..... :s005: :s005: :s005: ......
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ พ.ค. 25, 2012 11:23 am

เรื่องที่ 12 สายประคำกับนักปรัชญาเมธี
...ยวง โบลิโล นักปรัชญาเมธีและอักษรศาสตร์ ที่หยิ่งผยอง ไม่ยอมเชื่อ
เรื่องพระเจ้า เรื่องสวรรค์นรก
...ค่ำวันหนึ่งประมาณ 21.00 น. เขากลับมาบ้าน พบมารดานั่งอยู่ในห้องรับประทานอาหาร
กำลังสวดสายประคำอยู่ตามลำพัง เขาจึงถามมารดาว่า "คุณแม่กำลังทำอะไร และถืออะไร
อยู่ในมือ ? โยนมันทิ้งเสียเถอะ ของเหลวไหล งมงายพรรค์อย่างนั้นน่ะ"
....คำพูดจากจิตใจที่มืดบอดของลูกทิ่มแทงหัวใจมารดาอย่างรุนแรง จนมิอาจกลั้นน้ำตา
ไว้ได้ นางวางสายประคำลงบนโต๊ะ พลางพูดเสียงเรียบๆ ประสาแม่ที่รักและห่วงใย
อนาคตนิรันดรของลูกว่า "เออ! ลูกรัก คราวนี้แม่เชื่อฟังลูกละ แล้วลูกมีอะไรให้แม่เป็นการ
แลกเปลื่ยนบ้างล่ะ"
.....คำพูดอ่อนโยนของแม่บวกกับพระหรรษทานสวรรค์ เปรียบดังมีดกรีดหัวใจลูกให้บังเกิด
สำนึก เขาสงบลง น้ำตาไหลพรากเห็นได้ชัด เขาตรงเข้าสวมกอดมารดาไว้แน่น พลางหยิบ
สายประคำส่งให้มารดา แล้วรีบเดินเข้าห้องของตน
.....ต่อมาไม่นาน ยวง โบวิโล ผู้ปราดเปรื่องทางปรัชญาและอักษรศาสตร์ ก็ได้
กลับใจมาเชื่อมั่นในพระเป็นเจ้า ยอมรับเรื่องสวรรค์นรก ตลอดจนอัตถ์ความจริงต่างๆ
ที่พระเป็นเจ้าทรงเปิดเผย และมอบให้พระศาสนจักรสั่งสอน
.....เรื่องนี้แสดงว่า การสวดสายประคำของมารดา เพื่อการกลับใจของบุตรมิได้ไร้ผลเลย
เราแต่ละคนอาจมีญาติมิตรสหาย เพื่อนร่วมงาน ฯลฯ ที่เมามัวอยู่ในอบายมุข ที่จมอยู่ใน
บาปบ้างไม่มากก็น้อย โปรดใช้การสวดสายประคำเป็นพลังเพื่อการกลับใจของคนบาปเถิด....
..... :s005: :s005: :s005: .....
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ พ.ค. 25, 2012 1:36 pm

เรื่องที่ 13 น้ำตาของแม่พระ
.....เด็กหนุ่มคนหนึ่งตั้งแต่เล็กจนโต ประพฤติตัวเป็นคนดีเรียบร้อยมาตลอด....
แต่อยู่มาเขาเริ่มคบเพื่อนเสเพล จึงค่อยๆถลำลงสู่ปลักแปลงแห่งความเสื่อมทุกชนิด
บัดนี้เขาละเลยต่อการสวดสายประคำ และศาสนกิจ อื่นๆทั้งสิ้น
......คืนหนึ่งเขาฝันว่าเขาตาย และวิญญานต้องไปปรากฎเฉพาะพระพักตร์ พระเป็นเจ้า
องค์ตุลาการสุงสุด เขาแลเห็นตาชั่งแห่งพระยุติธรรม บนจานตาชั่งทั้งสองบรรจุบุญและ
บาปทั้งชีวิตของเขา เขาตกใจอกสั่นขวัญแขวน เมื่อแลเห็นกองบาปของตนกำลังถ่วงจาน
ชั่งให้เอียงต่ำลงๆ เพราะจานอีกข้างหนึ่งซึ่งบรรจุบุญกุศลมีปริมาณน้อยมาก มิอาจต้าน
ทานน้ำหนักข้างบาปไหว
......ขณะเดียวกันเขาเห็นเทวดารักษาตัวของเขากำลังกุลีกุจร ค้นหาบัญชีบุญกุศลมา
ใส่เพิ่มเติม พร้อมทั้งทูลขอพระกรุณาจากองค์พระตุลาการ แต่ไร้ผล มิอาจทัดทาน
พระยุติธรรมอันเคร่งครัดของพระเป็นเจ้าได้
......ครั้นถึงเวลาอ่านคำพิพากษา... ฉับพลันอารักขเทวดานึกขึ้นได้ว่า หนุ่มคนนี้ เมื่อ
ยังเด็กอยู่ เคยสวดสายประคำอย่างดีมิได้ขาด อารักขเทวดาจึงรวบรวมความกล้าหาญ กราบทูล
พระเป็นเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายว่า "พระเจ้าข้า ได้โปรดกรุณาเถิด เด็กหนุ่มผู้นี้สมัยเป็นเด็กเคยรักการ
สวดสายประคำมาก พระเจ้าข้า"
......องค์พระตุลาการสดับฟังแล้ว ก็ทรงผินพักตร์ไปยังพระมารดา ผู้ประทับอยู่เคียงข้างพระบัลลังก์
เป็นเชิงขอความเห็น พระแม่เจ้ามิได้ตรัสประการใด เสด็จพระดำเนินไปหาเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารนั้น
พลางหลั่งน้ำพระเนตรแห่งความรักความเมตตาประสาแม่ต่อลูก ใส่ลงในจานซีกบุญกุศล 1 หยด
......ทันใดนั้น จานข้างบาปกลับขยับสูงขึ้นๆ... และจานบุญกุศลโน้มต่ำลงๆ ...หนุ่มน่าสงสารเห็น
ดังนั้น แสนจะดีใจจนกระทั่งตกใจตื่นขึ้น....เขาบังเกิดความสำนึกตนกลับใจใช้โทษบาป
อยู่ในศิลในธรรม จนตลอดชีวิต
.......แทบไม่ต้องกล่าวว่า เรื่องนี้สอนใจเราอย่างไรบ้าง มีแต่ศาสนาคริสตังเท่านั้น สอนว่าเรามี
พระแม่ผู้ปรานียิ่งอยู่ในสวรรค์ แม่ที่น่ารัก ห่วงใยมวลมนุษย์ผู้บุตรของพระนาง ยิ่งกว่าความรักใดๆ
ต่อลูกของแม่ทั้งสิ้นในโลกนี้รวมกันเสียอีก
..... :s005: :s005: :s005: .....
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

ศุกร์ พ.ค. 25, 2012 3:55 pm

:s007: :s007: ขอบคุณค่าพี่โรซารี่ :s005: :s005:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ พ.ค. 25, 2012 4:09 pm

เรื่องที่ 14 สายประคำของเด็กเลี้ยงแกะ
.....ในสมัยนักบุญดอมินิโก (ค.ศ.1170-1221) มีเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่ง เป็นเด็กดีซื่อตรง
ชอบสวดสายประคำ เพราสมัยนั้นนักบุญดอมินิโก รนณรงค์ เทศนาเตือนใจให้สัตบุรุษ
เลื่อมใสต่อการสวดสายประคำอยู่เสมอ แต่เวลานั้นยังไม่มีผู้ประดิษฐ์สายประคำเรียบร้อย
สวยงาม อย่างที่ใช้กันอยู่ในเวลานี้ ต้องอาศัยนับนิ้วมือบ้าง ก้อนหิน ก้อนกรวดเล็กๆบ้าง
...วันหนึ่งเด็กผู้รักการสวดสายประคำนี้ ต้อนฝูงแกะไปเลี้ยงตามทุ่งหญ้าเช่นเคย
เขานึกอยากสวดสายประคำ แต่ก็เบื่อวิธีการนับนิ้ว เพราะนับผิดบ้างถูกบ้างบ่อยๆ
เขาจึงหาวิธีใหม่ เอามีดพับไปตัดกิ่งองุ่นมากำหนึ่ง แล้วเฉือนออกเป็นท่อนเล็กๆ
เจาะรูตรงกลาง ใช้เชือกร้อยเป็นระยะๆละ 10 ท่อน เขารู้สึกดีใจมากในผลสำเร็จชิ้นนี้
จึงเริ่มสวดสายประคำ ด้วยใจศรัทธาร้อนรน ไม่ช้าก็จบสาย เพราะนับสะดวกและถูกต้อง
......เขาสวดได้หลายสาย กว่าจะตกบ่ายได้เวลาต้อนแกะกลับบ้าน เขาเอาสายประคำนั้น
แขวนไว้กับกิ่งไม้ข้างไร่องุ่น ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะกลับมาเอาไปสวดอีก
....รุ่งขึ้น หลังจากปล่อยแกะให้กินหญ้าแล้ว เขาก็เดินตรงไปยังกิ่งไม้ที่เขาแขวน
สายประคำไว้ ทันใดนั้น...เขาต้องตกตะลึงพรึงเพริศอยุู่่่่่ชั่วครู่ เพราะสายประคำที่เขา
ประดิษฐ์ขึ้นนั้น กลายเป็นดอกกุหลาบสีขาวทั้งสาย แต่ละดอกเปล่งปลั่งสดใส สวยงาม
ส่งกลิ่นหอมฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณนั้น
....เมื่อคลายความตะลึงงันแล้ว เขาเอื้อมมือไปหยิบสายประคำกุหลาบนั้น รีบวิ่งนำกลับ
ไปอวดมารดาที่บ้าน ชาวบ้านใกล้เคียงทราบข่าว ต่างก็พากันมาดูสายประคำกุหลาบ
ที่อยู่ในมือของเด็กด้วยความพิศวงยิ่งนัก.....
....แล้วชวนกันนำสายประคำนี้ไปให้คุณพ่อเจ้าวัดดู คุณพ่อเข้าใจทันทีว่าเป็นพระแม่เอง
ที่ทำอัศจรรย์นี้ ท่านจึงใช้โอกาศนี้ชี้ชวนทุกคนให้รัก และสนใจสวดสายประคำด้วยใจศรัทธา
มากยิ่งขึ้น แม้จะไม่ได้รับอัศจรรย์เยี่ยงเด็กเลี้ยงแกะคนนี้ แต่ก็เป็นที่มั่นใจได้ว่า สายประคำ
ที่เราสวดด้วยใจศรัทธา ภักดี สรรเสริญพระแม่นั้นจักกลายเป็นพวงกุหลาบสวรรค์
ประดับประดาที่นั่งของเราในเมืองสวรรค์ตลอดนิรันดร......
..... :s005: :s005: :s005: .....
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6637
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ พ.ค. 25, 2012 4:54 pm

เรื่องที่ 15 การประจักษ์อันน่าชื่นใจ
....ขณะที่นักบุญดอมินิโก เทศน์สอนพวก อัลบียัวส์ (Albigeois) ซึ่งเป็นเฮเรติ๊ก
ทางภาคใต้ของประเทศฝรั่งเศส ในศตวรรษที่ 12-13 จนท่านนักบุญหมดหวังจะทำให้
เขาเหล่านั้นกลับใจแล้ว นักบุญดอมินิโกจึงเข้าไปกราบวิงวอน ขอความช่วยเหลือ
จากพระนางมารีย์พรหมจารี ท่านออกจากเมืองตูร์ลูู้้้ส (Toulouse) เข้าไปในป่าแห่งหนึ่ง
และภาวนาอย่างตั้งใจมิได้หยุดหย่อนตลอดเวลา 3วัน 3 คืน
....พระแม่มารีย์ทรงประจักษ์มา แวดล้อมด้วยรังสีอันรุ่งโรจน์สง่างาม มีพระราชินี 3 องค์
ติดตามมาด้วย ราชินีแต่ละองค์ห้อมล้อมด้วยพรหมจารี องค์ละ 50นางคอยรับใช้
ราชินีองค์แรกและผู้แวดล้อมทรงอาภรณ์สีขาว องค์ที่ 2 ทรงอาภรณ์สีแดง
องค์ที่3 ทรงอาภรณ์สีทองอันรุ่งโรจน์สุกใส
....แล้วพระแม่เจ้าตรัสแก่ท่านนักบุญว่า " ราชินี3 องค์นี้เป็นสัญลักษณ์แทนสายประคำ
3 สาย พรหมจารี 50 นางซึ่งเป็นกองคุ้มกันราชินี หมายถึงบทวันทามารีอา
50 บท ของสาย ประคำแต่ละสายนั่นเอง ส่วนสีขาว หมายถึงข้อรำพึง ภาคชื่นชมยินดี
สีแดงหมายถึง ภาคเศร้าโศก(ภาคพระมหาทรมาน) และสีทองหมายถึง ภาคสิริรุ่งโรจน์
......อัตถ์ลึกซึ้งหรือรหัสธรรมเรื่องการปฎิสนธิ การบังเกิด การดำรงค์พระชนม์ชีพ
และพระมหาทรมานของพระบุตรสุดที่รักของแม่ก็ดีิ การเสด็จกลับคืนพระชนม์ชืพ
และสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ก็ดี เหล่านี้ปรากฎอยู่อย่างแนบเนียน ในบท วันทามารีอา
และ ข้าแต่พระบิดา เช่นนี้แหละ สายประคำจึงเป็นสิ่งโปรดปรานของแม่เป็น
อย่างมาก ลูก(นักบุญดอมินีโก)จงเผยแพร่การสวดสาย ประคำนี้ทั่วๆไปเถิด พวกเฮเรติ๊ก
จะกลับใจ และบรรดาสัตบุรุตจะยึดมั่นในทางบุญกุศล และบรรลุถึงความสุขนิรันดร"
.......นักบุญดอมินิกโกได้รับความบรรเทาใจจากการประจักษ์นี้ จึงกลับไปยังเมืองตูร์ลู้ส
เข้าไปในวัด ท่านเล่าเรื่องนี้อย่างศรัทธา อัศจรรย์นักหนาคือระฆังของวัดนั้นส่งเสียงดังขึ้นเอง
ชาวบ้านประหลาดใจ ที่ได้ยินเสียงระฆังดังผิดเวลา ต่างก็พากันมาดูเหตุการณ์ที่วัด
ท่านนักบุญได้ขึ้นเทศน์ กล่าวถึงความเคร่งครัด แห่งการพิพากษาของพระเป็นเจ้า
และประกาศว่า เพื่อจะพ้นจากพระยุติธรรมอันเคร่งครัดนี้ ก็มีวิธีแน่นอนทางเดียว
คือวอนขอพระแม่เจ้าผู้เมตตาช่วยเหลือ ท่านนักบุญได้อธิบายถึงการสวดสายประคำ
และเริ่มนำสวดภาวนาด้วยเสียงอันดัง สัตบุรุตก็สวดตาม
.....ผลของความศรัทธานี้เป็นที่น่าพิศวง เฮเรติ๊กอัลบียัวส์กว่า 10,000 คน
สละทิ้งความลุ่มหลงของตน และชั่วเวลาเล็กน้อย ก็มีคนบาปนับไม่ถ้วนได้กลับใจ
นักบุญดอมินิโก จึงตั้ง "สมาคมสวดสายประคำ" ขึ้น โดยได้รับพระอาชญาสิทธิ์จาก
พระสันตะปาปา ท่านมีความยินดีมากตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ที่ได้เห็นสัตบุรุตกว่า4 ล้านคน
เข้าในคณะของพระนางพรหมจารีมารีอา
......ทุกวันนี้การสวดสายประคำเผยแพร่ไปทั่วโลก และวันหนึ่งๆก็มีบทวันทามารีอา
หลายร้อยล้านบท ขึ้นไปเสนอยังพระที่นั่งของพระแม่เจ้า......
วันนี้ท่านสวดสายประคำ วันทามารีอาหรือยังคะ
...... :s005: :s005: :s005: ......
ตอบกลับโพส