อาจยาวซักหน่อย แต่น่าสนใจครับ ลองอ่านดู ^^
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 26, 2012 10:58 am
อาจยาวซักหน่อย แต่น่าสนใจครับ ลองอ่านดู ^^
แปล Epic Conversation(ชื่อชั่วคราว) เครดิต Mr. Nice Guy
ศาสตราจารย์ : นักเรียน เธอเป็นคริสเตียนใช่ไหม ?
นักเรียน : ใช่ครับ
ศาสตราจารย์ : ถ้าอย่างนั้น เธอก็เชื่อในพระเจ้า ใช่ไหม?
นักเรียน : แน่นอนที่สุดครับ
ศาสตราจารย์ : พระองค์ดีไหม?
นักเรียน : แน่นอนครับ
ศาสตราจารย์ : พระองค์มีพลังอำนาจใช่ไหม?
นักเรียน : ใช่ครับ
ศาสตราจารย์ : แต่พี่ชายของครูเป็นโรคมะเร็งตาย ทั้งๆ ที่เขาภาวนาต่อพระเจ้าให้เขาหายจากโรคร้าย คนเราแทบทุกคนพยายามช่วยเหลือผู้อื่นที่เจ็บไข้ แต่พระเจ้า ไม่ทำสิ่งใดเลย แล้วทีนี้จะบอกว่าพระองค์ดีได้อย่างไร? หืมม์?
(นักเรียนเงียบ)
ศาสตราจารย์ : เธอตอบไม่ได้ ใช่ไหม? ทีนี้ถามอีกครั้ง เด็กน้อย พระเจ้าดีไหม?
นักเรียน : ครับ
ศาสตราจารย์ : แล้วซาตานนี่ดีไหม?
นักเรียน : ไม่ครับ
ศาสตราจารย์ : แล้วถามว่าซาตานมาจากไหนล่ะ?
นักเรียน : มาจาก … พระเจ้าครับ
ศาสตราจารย์ : ถูกต้อง ทีนี้บอกครูสิ ในโลกนี้มีความชั่วร้ายอยู่ไหม?
นักเรียน : มีครับ
ศาสตราจารย์ : ความชั่วร้ายมีอยู่ทุกๆที่ จริงไหม? และพระเจ้าทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง ถูกต้องไหม?
นักเรียน : ครับ
ศาสตราจารย์ : แล้ว ใครกันล่ะที่สร้างความชั่วร้าย
(นักเรียนไม่มีคำตอบ)
ศาสตราจารย์ : วิทยาศาสตร์กล่าวว่า เธอมีสัมผัสทั้งห้า เพื่อจำแนกและสังเกตสิ่งรอบๆตัวเธอ บอกครูหน่อยสิ ว่าเธอเคยเห็นพระเจ้าไหม?
นักเรียน : ไม่เคยครับ
ศาสตราจารย์ : บอกกับทุกๆคนหน่อยสิ ว่าเธอเคยได้ยินเสียงของพระองค์ไหม?
นักเรียน : ไม่เคยครับ
ศาสตราจารย์ : เธอเคยรู้สึก รับรส หรือได้กลิ่นของพระเจ้าของเธอไหม? เธอเคยรับรู้อะไรสักอย่างกับพระเจ้าจากสัมผัสพวกนี้ไหม?
นักเรียน : ไม่ครับ ผมเกรงว่าผมไม่เคย
ศาสตราจารย์ : แล้วเธอยังเชื่อในพระเจ้าอยู่อีกหรือ?
นักเรียน : ครับ
ศาสตราจารย์ : จากประสบการณ์ต่างๆ การทดลอง และการพิสูจน์ทั้งหลายทั้งปวงทางวิทยาศาสตร์ บ่งชี้ว่า พระเจ้าที่เธอนับถือไม่ได้มีอยู่จริง เธอมีคำอธิบายอย่างไร นักเรียน?
นักเรียน : ไม่มีครับ ผมมีแค่ความเชื่อเท่านั้น
ศาสตราจารย์ : อ้อ ใช่ ความเชื่อ นั่นแหละเป็นปัญหาที่วิทยาศาสตร์ต้องประสบ (ความเชื่อของมนุษย์)
นักเรียน : ศาสตราจารย์ครับ ในโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ความร้อน ไหมครับ?
ศาสตราจารย์ : มีสิ
นักเรียน : แล้วในโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ความเย็น ไหมครับ
ศาสตราจารย์ : มีสิ
นักเรียน : ไม่ครับ มันไม่มีความเย็น
(ในห้องเรียนเริ่มเงียบ กับคำตอบนี้)
นักเรียน : ศาสตราจารย์ครับ ศาสตราจารย์อาจมีความร้อนมาก ,ร้อนมากๆ ,ร้อนสุดๆ ,อภิมหาร้อน, ร้อนเล็กน้อย ร้อนน้อยมาก หรือไม่ร้อนเลย แต่เราไม่มีอะไรในโลกที่เรียกว่า ความเย็น ครับ เราสามารถให้อุณหภูมิลงไปต่ำสุดถึง ติดลบ 458 องศา ซึ่ง ณ จุดนั้นไม่มีความร้อนหลงเหลืออยู่ แต่เราไม่ทำให้อุณหภูมิต่ำลงไปกว่านั้นได้ มันไม่มีอะไรที่เรียกว่า ความเย็น ครับ ความเย็นเป็นเพียงคำที่เราใช้เป็นตัวแทนของคำว่า ไม่มีความร้อน เราไม่สามารถวัดความเย็นได้ เพราะความร้อนเป็นพลังงาน ความเย็นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความร้อน และมันก็เป็นแค่ ตัวแทนของการไม่มีความร้อนเฉยๆครับ
(ห้องเรียนตกอยู่ในความเงียบสงัด)
นักเรียน : แล้วความมืดล่ะครับ ศาสตราจารย์? ในโลกนี้มีอะไรที่เรียกว่า ความมืด ไหมครับ?
ศาสตราจารย์ : แน่นอน ถ้าไม่มีความมืด จะมีกลางคืนได้อย่างไร?
นักเรียน : ศาสตราจารย์คิดผิดแล้วครับ ความมืดเป็นเพียงตัวแทนของการไม่มีแสง ศาสตราจารย์ อาจมีแสงสว่างน้อย แสงสว่างปกติ แสงสว่างมาก แสงสว่างสุดๆ แต่เมื่อศาสตราจารย์ไม่มีแสงเลย ศาสตราจารย์ก็ไม่มีอะไรเลย เลยเรียกสิ่งที่ไม่มีแสงว่า ความมืด ใช่ไหมครับ? ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความมืดนั้นไม่มีอยู่จริง ต่อให้มันมีอยู่จริง ศาสตราจารย์จะทำให้ความมืด มืดกว่าเดิมได้ไหมครับ?
ศาสตราจารย์ : แล้วประเด็นที่เธอกล่าวมานี้ มันคืออะไรกันล่ะ เด็กน้อย?
นักเรียน : ศาสตราจารย์ครับ ประเด็นของผมก็คือ สมมติฐานอิงปรัชญาของศาสตราจารย์มันมีจุดบอดครับ
ศาสตราจารย์ : จุดบอดรึ? ลองอธิบายมาหน่อยสิ?
นักเรียน : ครับ ศาสตราจารย์กำลังจดจ่อในสมมติฐานสองสิ่งตรงข้ามกันอยู่ครับ ศาสตราจารย์ กำลังโต้เถียงว่ามันมีทั้งชีวิต และความตาย, พระเจ้าที่ดี และพระเจ้าที่ไม่ดี ศาตราจารย์กำลังยึดติดในมุมมองกับพระเจ้าในมุมที่จำกัด ยึดติดในสิ่งที่เราสามารถวัดค่ามันได้ ศาสตราจารย์ครับ วิทยาศาสตร์ ไม่แม้แต่จะอธิบายความคิดของคนเราได้ด้วยซ้ำ เรารู้ว่ามันใช้กระแสไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แต่เราไม่เคยเห็นมันด้วยซ้ำ หรือแม้แต่จะเข้าในกระแสไฟฟ้าหรือสนามแม่เหล็กจริงๆสักอย่าง ในมุมมองที่มองความตายตรงข้ามกับชีวิตกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ศาสตราจารย์ปฏิเสธความเป็นจริงว่าความจริงนั้นแท้จริงแล้วมันไม่มีตัวตน
ความตายไม่ได้เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับชีวิต ; แต่เป็นเพียงคำที่แสดงสภาพที่ไม่มีชีวิตต่างหาก ทีนี้บอกผมหน่อยสิครับ ศาสตราจารย์ อาจารย์กำลังสอนนักเรียนที่มีวิวัฒนาการมาจากลิง ใช่ไหมครับ?
ศาสตราจารย์ : ถ้าเธออ้างอิงจาก กระบวนการวิวัฒนาการของธรรมชาติละก็ ใช่ ครูสอนแน่นอน
นักเรียน : ศาสตราจารย์เห็นการวิวัฒนาการนั้นมาด้วยตาของศาสตราจารย์เองไหมครับ?
(ศาสตราจารย์พยักหน้าแล้วยิ้ม แล้วกำลังนึกถึงว่าการโต้เถียงนี้ไปถึงไหนแล้ว)
นักเรียน : เพราะว่าไม่มีใครเคยเห็นกระบวนการวิวัฒนาการตอนที่มันเกิดขึ้นด้วยตาของเขาเอง และไม่แม้แต่จะมีใครพิสูจน์กระบวนการนี้ใช้เวลายาวนานเลยสักคน ศาสตราจารย์ไม่ได้กำลังสอนสิ่งที่ตัวเองคิดใช่ไหมครับ? ศาสตราจารย์ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นนักปราชญ์หรือครับ?
(ห้องเรียนเริ่มเกิดเสียงเอะอะขึ้น)
นักเรียน : มีใครในห้องนี้เคยเห็นสมองของศาสตราจารย์ไหมครับ?
(นักเรียนในห้องเริ่มหัวเราะออกมาดังลั่น)
นักเรียน : มีใครในห้องนี้ไหมครับ ที่เคยได้ยินเสียงของสมองของศาสตราจารย์ รู้สึก สัมผัส หรือได้กลิ่นสมองของศาสตราจารย์? แน่ล่ะ ไม่มีใครเคยหรอก ดังนั้น จากข้อสรุปต่างๆ จากประสบการณ์ การทดลองและการพิสูจน์ ทางวิทยาศาสตร์ก็จะกล่าวว่า ศาสตราจารย์ ไม่มีสมองครับ ศาสตราจารย์ ด้วยความเคารพครับศาสตราจารย์ เราจะเชื่อถือการสอนของศาสตราจารย์ได้อย่างไรครับ?
ศาสตราจารย์ : ครูคิดว่าเธอต้องมีความเชื่อในตัวครูนะ นักเรียน
นักเรียน : นั่นไงครับศาสตราจารย์ .. ใช่ที่สุดครับ สิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าคือความเชื่อ ความศรัทธา นั่นคือสิ่งที่ทำให้สิ่งต่างๆ มีอยู่จริง และดำเนินต่อไปครับ
นักเรียนผู้นั้นคือไอน์สไตน์
แปล Epic Conversation(ชื่อชั่วคราว) เครดิต Mr. Nice Guy
ศาสตราจารย์ : นักเรียน เธอเป็นคริสเตียนใช่ไหม ?
นักเรียน : ใช่ครับ
ศาสตราจารย์ : ถ้าอย่างนั้น เธอก็เชื่อในพระเจ้า ใช่ไหม?
นักเรียน : แน่นอนที่สุดครับ
ศาสตราจารย์ : พระองค์ดีไหม?
นักเรียน : แน่นอนครับ
ศาสตราจารย์ : พระองค์มีพลังอำนาจใช่ไหม?
นักเรียน : ใช่ครับ
ศาสตราจารย์ : แต่พี่ชายของครูเป็นโรคมะเร็งตาย ทั้งๆ ที่เขาภาวนาต่อพระเจ้าให้เขาหายจากโรคร้าย คนเราแทบทุกคนพยายามช่วยเหลือผู้อื่นที่เจ็บไข้ แต่พระเจ้า ไม่ทำสิ่งใดเลย แล้วทีนี้จะบอกว่าพระองค์ดีได้อย่างไร? หืมม์?
(นักเรียนเงียบ)
ศาสตราจารย์ : เธอตอบไม่ได้ ใช่ไหม? ทีนี้ถามอีกครั้ง เด็กน้อย พระเจ้าดีไหม?
นักเรียน : ครับ
ศาสตราจารย์ : แล้วซาตานนี่ดีไหม?
นักเรียน : ไม่ครับ
ศาสตราจารย์ : แล้วถามว่าซาตานมาจากไหนล่ะ?
นักเรียน : มาจาก … พระเจ้าครับ
ศาสตราจารย์ : ถูกต้อง ทีนี้บอกครูสิ ในโลกนี้มีความชั่วร้ายอยู่ไหม?
นักเรียน : มีครับ
ศาสตราจารย์ : ความชั่วร้ายมีอยู่ทุกๆที่ จริงไหม? และพระเจ้าทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง ถูกต้องไหม?
นักเรียน : ครับ
ศาสตราจารย์ : แล้ว ใครกันล่ะที่สร้างความชั่วร้าย
(นักเรียนไม่มีคำตอบ)
ศาสตราจารย์ : วิทยาศาสตร์กล่าวว่า เธอมีสัมผัสทั้งห้า เพื่อจำแนกและสังเกตสิ่งรอบๆตัวเธอ บอกครูหน่อยสิ ว่าเธอเคยเห็นพระเจ้าไหม?
นักเรียน : ไม่เคยครับ
ศาสตราจารย์ : บอกกับทุกๆคนหน่อยสิ ว่าเธอเคยได้ยินเสียงของพระองค์ไหม?
นักเรียน : ไม่เคยครับ
ศาสตราจารย์ : เธอเคยรู้สึก รับรส หรือได้กลิ่นของพระเจ้าของเธอไหม? เธอเคยรับรู้อะไรสักอย่างกับพระเจ้าจากสัมผัสพวกนี้ไหม?
นักเรียน : ไม่ครับ ผมเกรงว่าผมไม่เคย
ศาสตราจารย์ : แล้วเธอยังเชื่อในพระเจ้าอยู่อีกหรือ?
นักเรียน : ครับ
ศาสตราจารย์ : จากประสบการณ์ต่างๆ การทดลอง และการพิสูจน์ทั้งหลายทั้งปวงทางวิทยาศาสตร์ บ่งชี้ว่า พระเจ้าที่เธอนับถือไม่ได้มีอยู่จริง เธอมีคำอธิบายอย่างไร นักเรียน?
นักเรียน : ไม่มีครับ ผมมีแค่ความเชื่อเท่านั้น
ศาสตราจารย์ : อ้อ ใช่ ความเชื่อ นั่นแหละเป็นปัญหาที่วิทยาศาสตร์ต้องประสบ (ความเชื่อของมนุษย์)
นักเรียน : ศาสตราจารย์ครับ ในโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ความร้อน ไหมครับ?
ศาสตราจารย์ : มีสิ
นักเรียน : แล้วในโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ความเย็น ไหมครับ
ศาสตราจารย์ : มีสิ
นักเรียน : ไม่ครับ มันไม่มีความเย็น
(ในห้องเรียนเริ่มเงียบ กับคำตอบนี้)
นักเรียน : ศาสตราจารย์ครับ ศาสตราจารย์อาจมีความร้อนมาก ,ร้อนมากๆ ,ร้อนสุดๆ ,อภิมหาร้อน, ร้อนเล็กน้อย ร้อนน้อยมาก หรือไม่ร้อนเลย แต่เราไม่มีอะไรในโลกที่เรียกว่า ความเย็น ครับ เราสามารถให้อุณหภูมิลงไปต่ำสุดถึง ติดลบ 458 องศา ซึ่ง ณ จุดนั้นไม่มีความร้อนหลงเหลืออยู่ แต่เราไม่ทำให้อุณหภูมิต่ำลงไปกว่านั้นได้ มันไม่มีอะไรที่เรียกว่า ความเย็น ครับ ความเย็นเป็นเพียงคำที่เราใช้เป็นตัวแทนของคำว่า ไม่มีความร้อน เราไม่สามารถวัดความเย็นได้ เพราะความร้อนเป็นพลังงาน ความเย็นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความร้อน และมันก็เป็นแค่ ตัวแทนของการไม่มีความร้อนเฉยๆครับ
(ห้องเรียนตกอยู่ในความเงียบสงัด)
นักเรียน : แล้วความมืดล่ะครับ ศาสตราจารย์? ในโลกนี้มีอะไรที่เรียกว่า ความมืด ไหมครับ?
ศาสตราจารย์ : แน่นอน ถ้าไม่มีความมืด จะมีกลางคืนได้อย่างไร?
นักเรียน : ศาสตราจารย์คิดผิดแล้วครับ ความมืดเป็นเพียงตัวแทนของการไม่มีแสง ศาสตราจารย์ อาจมีแสงสว่างน้อย แสงสว่างปกติ แสงสว่างมาก แสงสว่างสุดๆ แต่เมื่อศาสตราจารย์ไม่มีแสงเลย ศาสตราจารย์ก็ไม่มีอะไรเลย เลยเรียกสิ่งที่ไม่มีแสงว่า ความมืด ใช่ไหมครับ? ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความมืดนั้นไม่มีอยู่จริง ต่อให้มันมีอยู่จริง ศาสตราจารย์จะทำให้ความมืด มืดกว่าเดิมได้ไหมครับ?
ศาสตราจารย์ : แล้วประเด็นที่เธอกล่าวมานี้ มันคืออะไรกันล่ะ เด็กน้อย?
นักเรียน : ศาสตราจารย์ครับ ประเด็นของผมก็คือ สมมติฐานอิงปรัชญาของศาสตราจารย์มันมีจุดบอดครับ
ศาสตราจารย์ : จุดบอดรึ? ลองอธิบายมาหน่อยสิ?
นักเรียน : ครับ ศาสตราจารย์กำลังจดจ่อในสมมติฐานสองสิ่งตรงข้ามกันอยู่ครับ ศาสตราจารย์ กำลังโต้เถียงว่ามันมีทั้งชีวิต และความตาย, พระเจ้าที่ดี และพระเจ้าที่ไม่ดี ศาตราจารย์กำลังยึดติดในมุมมองกับพระเจ้าในมุมที่จำกัด ยึดติดในสิ่งที่เราสามารถวัดค่ามันได้ ศาสตราจารย์ครับ วิทยาศาสตร์ ไม่แม้แต่จะอธิบายความคิดของคนเราได้ด้วยซ้ำ เรารู้ว่ามันใช้กระแสไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แต่เราไม่เคยเห็นมันด้วยซ้ำ หรือแม้แต่จะเข้าในกระแสไฟฟ้าหรือสนามแม่เหล็กจริงๆสักอย่าง ในมุมมองที่มองความตายตรงข้ามกับชีวิตกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ศาสตราจารย์ปฏิเสธความเป็นจริงว่าความจริงนั้นแท้จริงแล้วมันไม่มีตัวตน
ความตายไม่ได้เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับชีวิต ; แต่เป็นเพียงคำที่แสดงสภาพที่ไม่มีชีวิตต่างหาก ทีนี้บอกผมหน่อยสิครับ ศาสตราจารย์ อาจารย์กำลังสอนนักเรียนที่มีวิวัฒนาการมาจากลิง ใช่ไหมครับ?
ศาสตราจารย์ : ถ้าเธออ้างอิงจาก กระบวนการวิวัฒนาการของธรรมชาติละก็ ใช่ ครูสอนแน่นอน
นักเรียน : ศาสตราจารย์เห็นการวิวัฒนาการนั้นมาด้วยตาของศาสตราจารย์เองไหมครับ?
(ศาสตราจารย์พยักหน้าแล้วยิ้ม แล้วกำลังนึกถึงว่าการโต้เถียงนี้ไปถึงไหนแล้ว)
นักเรียน : เพราะว่าไม่มีใครเคยเห็นกระบวนการวิวัฒนาการตอนที่มันเกิดขึ้นด้วยตาของเขาเอง และไม่แม้แต่จะมีใครพิสูจน์กระบวนการนี้ใช้เวลายาวนานเลยสักคน ศาสตราจารย์ไม่ได้กำลังสอนสิ่งที่ตัวเองคิดใช่ไหมครับ? ศาสตราจารย์ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นนักปราชญ์หรือครับ?
(ห้องเรียนเริ่มเกิดเสียงเอะอะขึ้น)
นักเรียน : มีใครในห้องนี้เคยเห็นสมองของศาสตราจารย์ไหมครับ?
(นักเรียนในห้องเริ่มหัวเราะออกมาดังลั่น)
นักเรียน : มีใครในห้องนี้ไหมครับ ที่เคยได้ยินเสียงของสมองของศาสตราจารย์ รู้สึก สัมผัส หรือได้กลิ่นสมองของศาสตราจารย์? แน่ล่ะ ไม่มีใครเคยหรอก ดังนั้น จากข้อสรุปต่างๆ จากประสบการณ์ การทดลองและการพิสูจน์ ทางวิทยาศาสตร์ก็จะกล่าวว่า ศาสตราจารย์ ไม่มีสมองครับ ศาสตราจารย์ ด้วยความเคารพครับศาสตราจารย์ เราจะเชื่อถือการสอนของศาสตราจารย์ได้อย่างไรครับ?
ศาสตราจารย์ : ครูคิดว่าเธอต้องมีความเชื่อในตัวครูนะ นักเรียน
นักเรียน : นั่นไงครับศาสตราจารย์ .. ใช่ที่สุดครับ สิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าคือความเชื่อ ความศรัทธา นั่นคือสิ่งที่ทำให้สิ่งต่างๆ มีอยู่จริง และดำเนินต่อไปครับ
นักเรียนผู้นั้นคือไอน์สไตน์