Belong to the Truth Jesus Christ

คือตั้งแต่เป็นคาทอลิกมานี้ ตัดขาดจากหมู๋บ้านเลย มองหน้าใครไม่ติด
พ่อบอกว่า ถ้าพ่อยังมีชีวิตอยู๋ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าพ่อตายไป
ปัญหาจะตามมาแน่นอน (หากผมจะยังอยู๋ที่หมู๋บ้านของผมจนสิ้นชีพ)
คือ ศพไม่มีใครมางาน หรือไม่มีใครมาช่วยงานศพผม (กรณีผมตาย)
ทุกคนจะไม่สนใจใยดีผมในหมู๋บ้าน ไม่มีใครอยากมาอธิษฐานเผื่อให้ผม
ฯลฯ

ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปถ้า ผม ออกจากหมู๋บ้านนี้

ผมมีสองทางเลือกคือ บริจาคศพ กับ ไปตายที่บ้านยาย (บ้านยายเป็นหมู๋บ้านพุทธ)
ทำพิธีศพแบบพุทธเหมือนแม่

หรือ เปลี่ยนกลับมาเป็นสมาชิกโปรแตสแตนซ์ของหมู๋บ้านดังเดิม

---------------------------------------------

ผมตัดสินใจกับพ่ออย่างเด็ดขาดแล้วว่า "ผมจะไม่หวนกลับจากคาทอลิกเด็ดขาด"
ผมรักแม่พระ ผมรักคาทอลิก ผมรักศาสนจักร ผมรักวัดของผม

ผมจะไปตายที่บ้านยาย!!!! ที่นั่นถึงแม้ญาตจะเป็นคนพุทธ
แต่ก็อบอุ่นกว่าการถูกเย็นชาจากคนในหมู๋บ้านผมเอง

เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายอย่ากังวลถึงวันพรุ่งนี้
เพราะวันพรุ่งนี้จะกังวลสำหรับตนเอง
แต่ละวันมีทุกข์พออยู่แล้ว" (มธ 6:34)

พี่คิดคนละแบบกับความเชื่อของชาวคริสต์เกี่ยวกับร่างผู้ตายค่ะ

ญาติพี่และคนรู้จักพี่ทั้งหมดเป็นพุทธค่ะ
พี่ลองถามเรื่องนี้กับคุณพ่อที่สอนคำสอนก็ได้คำตอบ
ที่เรียกว่าไม่ต้องหวังว่าวัดจะช่วยอะไรได้

ตอนนี้พี่บริจาคศพให้รพ. เพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ค่ะ
และไม่คิดว่าหลังจากนั้นร่างพี่จะได้รับการฝั่งตามศาสนาคริสต์
แต่พี่มีความหวังและความวางใจว่าทุกอย่าง
พระเจ้าทรงรับรู้และจัดการเตรียมทุกอย่างไว้ครบถ้วนแล้ว
ร่างพี่จะถูกเผา ลอยอัฐิหรือทำพิธีแบบไหนพี่ไม่สนใจอีกต่อไป
เพราะเมื่อพี่ตายไปพี่คงไม่รู้สึกรู้สากับร่างกายอีกแล้ว
การสวดหรืออธิษฐานให้พี่ไม่ไปรอให้ใครสวดให้ในงานศพ
พี่เริ่มสวดตั้งแต่วันนี้ วอนขอพระเมตตาตั้งแต่เวลานี้
และผลจากบาปที่เหลือไปชดใช้ในไฟชำระเอา

ขอพระเจ้าทรงอวยพรค่ะ

หมู่บ้านของน้องนับถืออะไรคะ ทำไมรังเกลียดคนต่างศาสนาขนาดนั้น
ถ้ารู้จักกันตามมารยาทแล้วจะศาสนาไหนก็ไปร่วมงานศพได้ เพราะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
ที่จะให้เกียรติ ไปเคารพ ไว้อาลัย ไปร่วมงานศพ มันเป็นมารยาททางสังคม
คุณพ่อของน้องขู่น้องให้กลัวหรือเปล่า เรายังไม่ตาย ไม่ต้องคิดมาก น้องยืนหยัดต่อ
พระองค์ ต่อพระแม่ของพระองค์ พระองค์ไม่ทอดทิ้งน้องหรอก อนาคตยังอีกไกล
มีสิ่งดีๆอีกมากมายที่พระองค์จะมอบให้กับลูกๆที่รักพระองค์ และวางใจในพระองค์...
.... ....

นี่เป็นอีกเหตุผลนึงที่เราหันหลังให้โปรแตสแตนท์

หมดยุคมืดของศาสนจักรคาทอลิกโบราณแล้ว จึงไม่เข้าใจว่าจะแบ่งนิกายต่อไปอีกทำไมกัน

ถ้าเป็นในอดีตการแยกนิกายมีเหตุผลอยู่หรอก แต่ตอนนี้เรามองเห็นแค่ พวกนั้นกลับมาเป็นผู้ร้ายรุมรังแกคาทอลิกเสียเอง

แล้วคิดว่าเราควรเข้าข้างใครดีล่ะ

(อยากขอโทษพระเจ้า ไอ้แค่พยายามเลี่ยงไม่ผูกจิตเจ็บแค้นใครนี่อาจพอทำได้หากพระองค์ให้เวลาต่อรายบุคคลหรือนิดหน่อย แต่ไอ้เรื่องให้ทำใจรักคนทุกประเภทนี่ ยังไม่เข้มแข็งพอจะทำได้จริง ๆ )

littleseal เขียน:พี่คิดคนละแบบกับความเชื่อของชาวคริสต์เกี่ยวกับร่างผู้ตายค่ะ

ญาติพี่และคนรู้จักพี่ทั้งหมดเป็นพุทธค่ะ
พี่ลองถามเรื่องนี้กับคุณพ่อที่สอนคำสอนก็ได้คำตอบ
ที่เรียกว่าไม่ต้องหวังว่าวัดจะช่วยอะไรได้

ตอนนี้พี่บริจาคศพให้รพ. เพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ค่ะ
และไม่คิดว่าหลังจากนั้นร่างพี่จะได้รับการฝั่งตามศาสนาคริสต์
แต่พี่มีความหวังและความวางใจว่าทุกอย่าง
พระเจ้าทรงรับรู้และจัดการเตรียมทุกอย่างไว้ครบถ้วนแล้ว
ร่างพี่จะถูกเผา ลอยอัฐิหรือทำพิธีแบบไหนพี่ไม่สนใจอีกต่อไป
เพราะเมื่อพี่ตายไปพี่คงไม่รู้สึกรู้สากับร่างกายอีกแล้ว
การสวดหรืออธิษฐานให้พี่ไม่ไปรอให้ใครสวดให้ในงานศพ
พี่เริ่มสวดตั้งแต่วันนี้ วอนขอพระเมตตาตั้งแต่เวลานี้
และผลจากบาปที่เหลือไปชดใช้ในไฟชำระเอา

ขอพระเจ้าทรงอวยพรค่ะ

ไม่ได้หมายถึงจะทำพิธีแบบพุทธครับ แค่จะไปสิ้นชีวิตที่บ้านหลังนั้น
ส่วนศพ ไม่รู้ครับ ตอนนี้รู้คือ ทำใจไๆด้แล้วครับ ฝากไว้กับพระเจ้าหมด

พระบิดาบนสวรรค์เตรียมทางไว้ให้เราเสมอครับ

อาเมนครับ ผมก็เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงจัดเตรียม

ผมพยายามอ่านทําความเข้าใจกับสถานการณ์นะครับ แต่ก็ยังงงตรงที่ว่า คุณพ่อของคุณ Cherval เป็นโปรฯ หรือคาทอลิก และหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านเป็นโปรฯกันหมดเลยหรอครับ ในหมู่บ้านหรือบริเวณใกล้เคียงไม่มีโบสถ์คาทอลิกเลยหรอครับ

พวกนั้นกลับมาเป็นผู้ร้ายรุมรังแกคาทอลิกเสียเอง

ผมพูดในฐานะคริสเตียนคนหนึ่ง ซึ่งก็มีเพื่อนคาทอลิกพอสมควร ทุกวันนี้ก็ยังคุยกันดี

คือโปรฯโดยปกติ อย่าว่าแต่เป็นคาทอลิกเลยครับ แม้แต่โปรฯด้วยกันเองถ้านมัสการกันคนละที่ เมื่อมีงานศพงานแต่ง งานอะไรก็จะจัดกันในที่ๆตัวเองนมัสการ ซึ่งแน่นอน คนในนั้นก็รู้จักมักคุ้นกัน ก็จะช่วยกันจัดงานโดยเห็นแก่ความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่เราจะไม่ก้าวก่ายงานของโบสถ์อื่นกันนะครับ ไม่งั้นคนตายคนนึงแต่ละโบสถ์ก็มาแย่งศพกันจะเอาไปจัดพิธี คงเป็นภาพที่น่าขันไม่น้อย

สรุปคือ ใครอยู่ที่ไหน มีอะไร ก็ประกอบการกันที่ของตน ไม่ก้าวก่ายกัน ไม่วางภาระแก่ที่อื่น ผมกําลังงงว่าทําไมคุณไม่
ให้ทางคาทอลิกประกอบพิธีให้หละครับ(ในกรณีดังที่คุณกล่าว)ในเมื่อคุณก็เป็นคาทอลิกเต็มตัว ผมก็ไม่รู้นะครับว่า
ระเบียบเช่นนี้จะเรียกว่ารังแกกันรึเปล่า

จึงไม่เข้าใจว่าจะแบ่งนิกายต่อไปอีกทำไมกัน

ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ เข้าใจเถอะครับว่าหลักข้อเชื่อและการตีความของแต่ละกลุ่นคริสตชนมีความแตกต่างกันออกไป
เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะให้ทุกกลุ่มรวมกันเป็นออโธด็อกซ์
เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะให้ทุกกลุ่มรวมกันเป็นแองกลิกัน
เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะให้ทุกกลุ่มรวมกันเป็นคาทอลิก
เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะให้ทุกกลุ่มรวมกันเป็นเวสเล่ย์
เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะให้ทุกกลุ่มรวมกันเป็นเพรสไบทีเรียน
ฯลฯ ผมเขียนทั้งวันคงไม่หมด^^
คุณก็มีข้ออ้าง เขาก็มีข้ออ้าง ต่างคนต่างบอกว่าตนเองถูกกันทั้งนั้น ไม่เว้นคาทอลิก โปรฯ หรือกลุ่มไหน
จะเป็นหนึ่งกันได้อย่างไร ถ้ายังมีคาทอลิก ยังมีออโธด็อกซ์ ยังมีโปรแตสแตนท์
จะเป็นหนึ่งกันได้อย่างไร ถ้าทุกคนยังคงไม่ยกป้ายบ่งชี้ความแต่ต่างเหล่านี้ลง แล้วหันกลับสู่ฐานแห่งความเป็นหนึ่งดั้งเดิม ไม่ใช่กลับสู่คริสตจักรที่สืบต่อกันมาจากบรรดาอัครสาวกเพียงแต่ปากเท่านั้น แต่ธาตุแท้ต้องกลับสู่ฐานแห่งความเป็นหนึ่งที่พระคริสต์ตั้งไว้อย่างแท้จริง ขจัดทุกสิ่งที่มาจากมือมนุษย์ จากการเห็นดีเห็นชอบของมนุษย์ที่เจือลงไปจนแป้งขนมปังไร้เชื้อฟูไปทั้งก้อน
คุณทําได้หรอครับ? ผมทําได้หรอครับ? หรือเขาทําได้?
ซึ่งผมกล้าพูดเลยว่า ไม่ว่าผม คุณหรือใคร ไม่ว่าใหญ่มาจากไหนก็ทําให้เป็นหนึ่งกันไม่ได้เว้นแต่พระผู้เป็นเจ้าเอง วันหนึ่งเราคงจะได้เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งวันนั้นก็คงอีกไม่ช้าแล้วหละครับ
ภาวนาเพื่อกันและกันให้วันนั้นมาถึงดีกว่านะครับ

ในสังคมปัจจุบัน ชาวคริสต์ก็อยู่ร่วมกันได้แม้กับคนต่างศาสนา แต่หมู่บ้านคุณ เค้าเหยียดนิกายกันถึงขั้นเข้าหน้ากันไม่
ติดเลยหรอครับ ทั้งหมดนี้ผมถามด้วยความสงสัยจริงๆ ไม่ใช่ซํ้าเติมนะครับ กรุณาอย่าเข้าใจผมผิดนะครับ^^

ปล.อิมมานูเอล

aqua-alta เขียน:อาเมนครับ ผมก็เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงจัดเตรียม

ผมพยายามอ่านทําความเข้าใจกับสถานการณ์นะครับ แต่ก็ยังงงตรงที่ว่า คุณพ่อของคุณ Cherval เป็นโปรฯ หรือคาทอลิก และหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านเป็นโปรฯกันหมดเลยหรอครับ ในหมู่บ้านหรือบริเวณใกล้เคียงไม่มีโบสถ์คาทอลิกเลยหรอครับ

ผมไมไ่ด้กล่าวถึงนิกายครับ แต่กล่าวถึงการที่บุคคลคนหนึ่งมองนิกายและมองตัวผม

สรุปคือ ผมกล่าวถึงนิสัยคนในหมู๋บ้านครับ ยังไม่พาดพิงว่าเป็นนิกายไหน
แค่พาดพิงว่าเขามีนิสัยมองกับคาทอลิกอย่างไร

สรุปอีกทีคือ ผมกล่าวถึงนิสัยคนครับ