หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 24, 2005 10:27 am
โดย Andreas
1. ชื่อ ลักษณะทั่วไป

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 24, 2005 10:30 am
โดย Andreas
2. ข้อความนำหน้าเพลงสดุดี

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 24, 2005 10:30 am
โดย Andreas
3. แบบวรรณกรรมของเพลงสดุดี

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 24, 2005 10:31 am
โดย Andreas
การจำแนกเพลงสดุดีตามแบบวรรณกรรม ทำให้เราได้แบบสำคัญ 3 แบบต่อไปนี้

3.1 เพลงสดุดีประเภท "คำสรรเสริญ" (Tehillim ในภาษาฮีบรู) ได้แก่ สดด 8;19; 29; 33; 65-66[:1-12]; 100; 104-105; 111; 113-114; 117; 135-136; 145-146; 148-150 และยังรวม สดด 46; 48; 76; 84; 87 ซึ่งเป็น "บทเพลงศิโยน" กับ สดด 47; 93; 95-96 ซึ่งเป็น "บทเพลงกล่าวถึงพระยาห์เวห์ทรงครองราชย์เป็นกษัตริย์" อีกด้วย

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 24, 2005 10:32 am
โดย Andreas
3.2 เพลงสดุดีประเภท "คำอ้อนวอน" (Psalms of supplication) ซึ่งผู้ประพันธ์มิได้สรรเสริญพระเจ้า แต่ร้องหาพระองค์โดยตรง ขอความช่วยเหลือจากพระองค์ในยามทุกข์ยาก ซึ่งอาจแบ่งออกเป็น "คำอ้อนวอนส่วนตัว" (Individual supplication) ถ้าความทุกข์ร้อนนั้นเป็นความทุกข์ร้อนส่วนตัว และ "คำอ้อนวอนส่วนรวม" (Collective supplication) เมื่อประชากรทั้งชาติต้องเผชิญกับความทุกข์ร้อนหรืออันตรายส่วนรวม และร้องหาพระยาห์เวห์ให้ทรงช่วยเหลือ

รูปภาพ

เพลงสดุดีประเภทคำอ้อนวอนมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
ก) คำร้องหาพระยาห์เวห์
ข) เนื้อหาของเพลงสดุดีประเภทนี้จะเป็นการบรรยายถึงความทุกข์และความต้องการต่างๆ
ค) คำอ้อนวอน ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าให้พ้นทุกข์
ง) เหตุผล ที่ทำให้พระยาห์เวห์ต้องยื่นพระหัตถ์มาช่วยเหลือ
จ) คำสัญญา หรือบนบานว่าจะขอบพระคุณหรือสรรเสริญ ถ้าพระองค์ทรงฟังคำอ้อนวอนและประทานความช่วยเหลือแล้ว
ฉ) คำขอบพระคุณพระเจ้าที่ได้ทรงช่วยเหลือ

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 24, 2005 10:33 am
โดย Andreas
3.3 เพลงสดุดีประเภท "คำขอบพระคุณ" (Psalms of Thanksgiving) เพลงสดุดีประเภทนี้สืบเนื่องมาจากประเภท "คำอ้อนวอน" ด้วยเช่นกัน เป็นการขอบพระคุณที่ได้รับความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ตามที่ได้อ้อนวอนขอ เพลงสดุดีประเภทนี้มีจำนวนไม่มากนัก (สดด 9-10; 18; 21; 30; 33; 34; 40; 65-68; 92; 116; 118; 124; 129; 138; 144) สภานการณ์แวดล้อมของเพลงสดุดีประเภทนี้ก็คือศาสนพิธีในพระวิหารที่บุคคลซึ่งได้รับความช่วยเหลือตามที่วอนขอมาถวายบูชาขอบพระคุณที่พระยาห์เวห์ได้โปรดให้ตามที่ขอ จะเป็นการส่วนตัวหรือส่วนรวมก็ได้

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 24, 2005 10:34 am
โดย Andreas
4. การจำแนกเพลงสดุดีตามเนื้อหา
การแบ่งเพลงสดุดีตามลักษณะวรรณกรรมช่วยให้เราเข้าใจเนื้อหาของเพลงสดุดีแต่ละบทได้ง่ายขึ้นก็จริง แต่หลายครั้งลักษณะต่างๆที่ช่วยให้จัดประเภทเช่นนี้อาจเห็นได้ไม่ง่ายนัก ส่วนมากในเพลงสดุดีบทเดียวกันอาจมีลักษณะของประเภทต่างๆปนกันอยู่ เพราะฉะนั้น เราจึงอาจใช้ "เนื้อหา" และ "โอกาสที่ใช้" ของเพลงสดุดีมาเป็นมาตรการจัดประเภทเพลงสดุดีได้อีก ดังนี้


4.1 เพลงสดุดีเกี่ยวกับกษัตริย์ (Royal Psalms) เพลงสดุดีประเภทนี้ไม่มีแบบวรรณกรรมใหม่ เพราะจัดอยู่ในประเภทคำสรรเสริญ คำอ้อนวอน หรือคำขอบพระคุณก็ได้ แต่มีการกล่าวถึงกษัตริย์โดยเฉพาะ เพราะกษัตริย์ในอิสราเอลมีตำแหน่งพิเศษ พระองค์มิใช่เพียงผู้นำทางโลกของประชากรที่พระยาห์เวห์ทรงเลือกสรรเป็นพิเศษเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นเครื่องมือในแผนการของพระเจ้า ทรงมีส่วนในพระสัญญาและทรงเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ของชนชาตินี้ด้วย กษัตริย์ทรงเป็นทั้งผู้แทนของพระยาห์เวห์ ผู้นำประชากร และทรงเป็นผู้แทนประชากรเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พระองค์ยังเป็นผู้แทนของราชวงศ์ที่ได้รับพระพรพิเศษจากพระเจ้า (2 ซมอ 7) เพลงสดุดีเกี่ยวกับกษัตริย์ส่วนใหญ่จึงมีความหมายถึงพระเมสสิยาห์ (= "ผู้รับเจิม") ของพระยาห์เวห์อีกด้วย เพลงสดุดีประเภทนี้ได้แก่ สดด 2; 18; 20-21; 45; 72; 89; 101; 110; 132

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 24, 2005 10:34 am
โดย Andreas
4.2 บทเพลงศิโยน (Psalms of Sion)
เมื่อกษัตริย์ดาวิดทรงยึดกรุงเยรูซาเล็มได้แล้ว ทรงสถาปนาให้เป็นราชธานี และทรงนำหีบพันธสัญญามาประดิษฐานที่นี่ เมื่อกษัตริย์ซาโลมอนทรงสร้างพระวิหารขึ้นแล้ว กรุงเยรูซาเล็มหรือศิโยนกลายเป็นศูนย์กลางทางศาสนาของอิสราเอล เป็นสถานที่พระยาห์เวห์ทรงเลือกไว้เป็นที่ประทับของพระองค์ (สดด 78:68-69; 67:16) เมื่อพระวิหารถูกทำลายและชาวอิสราเอลกลับจากการเนรเทศที่กรุงบาบิโลนแล้ว ศิโยนได้กลายเป็นศูนย์กลางของความหวังในพระเมสสิยาห์ (อสย 60; 66; ศคย 8) เป็นศูนย์รวมจิตใจของมวลมนุษย์ เพราะฉะนั้น ทั้งก่อนและหลังเนรเทศจึงมีเพลงสดุดีหลายบทกล่าวถึงนครศักดิ์สิทธิ์และพระวิหาร (เช่น สดด 15; 24; 46; 48; 76; 84; 120-134)
บทเพลงศิโยนเหล่านี้ใช้ขับร้องขณะที่ชาวอิสราเอลผู้แสวงบุญเดินทางไปยังกรุงเยรูซาเล็มตามที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้ในโอกาสฉลอง 3 ครั้งคือ ปัสกา เปนเตกอสเต และเทศกาลอยู่เพิง (อพย 23:17; 34:23; ฉธบ 16:16)


4.3 เพลงสดุดีกล่าวถึงพระยาห์เวห์ทรงครองราชย์เป็นกษัตริย์ (Kingship of Yahweh Psalms) อิสราเอลมีความเชื่อมาตั้งแต่โบราณว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเขา (อพย 15:18; กดว 23:21; ฉธบ 33:5; วนฉ 8:22; 1 ซมอ 8:7; 12:12) พระองค์ประทับท่ามกลางพวกเขาเหนือหีบพันธสัญญาระหว่างเครูบสองตน (สดด 18:10; 80:1; 99:1; ดนล 3:55; 2 พกษ 19:15) หนังสืออพยพ (37:1-9) บรรยายถึงหีบพันธสัญญาว่ามีฝาเป็น "พระที่นั่งพระกรุณา" ประดิษฐานอยู่ในกระโจมนัดพบ และภายหลังใน "สถานศักดิ์สิทธิ์ที่สุด" ที่มืดทึบของพระวิหารส่วนในที่สุด พระยาห์เวห์จึง "ประทับอยู่เหนือหีบพันธสัญญา" โดยไม่มีใครแลเห็น หีบพันธสัญญาจึงได้ชื่อว่าเป็น "ที่รองพระบาทของพระยาห์เวห์" (สดด 132:7 เทียบ 99:5)

รูปภาพ

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 24, 2005 10:35 am
โดย Andreas
4.4 เพลงสดุดีประเภทปรีชาญาณ (Wisdom Psalms) แบบแผนและเนื้อหาของเพลงสดุดีประเภทนี้แสดงให้เห็นความเกี่ยวข้องกับวรรณกรรมประเภทปรีชาญาณ แต่ก็ยังถกเถียงกันไม่เป็นที่ยุติระหว่างผู้รู้เกี่ยวกับปัญหาสำคัญ 3 ประการด้วยกัน คือ ก) เพลงสดุดีบทใดบ้างอาจจัดอยู่ในประเภทนี้ ข) สถานการณ์ที่มาของเพลงสดุดีประเภทนี้ และ ค) เพลงสดุดีประเภทนี้มีลักษณะเฉพาะอย่างไร เพลงสดุดีประเภทนี้ได้แก่ สดด 1; 34; 37; 49; 112; 128 และยังอาจรวมถึง สดด 32; 73; 111 และ 127 ด้วย
ลักษณะเฉพาะของเพลงสดุดีประเภทนี้คล้ายกับลักษณะของวรรณกรรมประเภทปรีชาญาณทั่วไป บางบทขึ้นต้นด้วยสูตร "ย่อมเป็นสุข" ('ashre) สดด 1:1; 32:1-2; 127:5; 128:1 หรือสูตร "ดีกว่า" สดด 37:16; หรือคำเรียกศิษย์ว่า "ลูกเอ๋ย" สดด 34:11-14 และยังมีสุภาษิตบางบทแทรกเข้ามาด้วย (สดด 37:9-11,22,28ข-29ก,34ข = สภษ 2:21-22; สดด 111:10 = สภษ 1:7) นอกจากนั้น สดด 127:1-2,3-5 ยังมีลักษณะคำพังเพย และ สดด 34; 37; 111; 112; 119 ยังมีลักษณะ "กลบทอักษร" (acrostic) คือแต่ละบรรทัดหรือแต่ละตอนจะเริ่มด้วยพยัญชนะภาษาฮีบรูเรียงตามลำดับด้วย


รูปภาพ

4.5 เพลงสดุดีศาสนพิธี (Liturgical Psalms) เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในปัจจุบันนี้ว่าเพลงสดุดีเป็นบทเพลงที่ใช้ขับร้องในศาสนพิธี เพลงสดุดีแต่ละบทอาจสะท้อนบางด้านของศาสนพิธีของอิสราเอล แต่ก็มีเพลงสดุดีจำนวนไม่น้อยที่มีที่มาจากศาสนพิธีโดยตรง เช่นเป็นบทเพลงใช้ตอนเริ่มพิธี สดด 15; 24:3-6; อสย 33:14ข-16 (เทียบ ยรม 7:2-15; มคา 6:6-8) บทเพลงเหล่านี้อาจเป็นองค์ประกอบของศาสนพิธีภาคเริ่มต้น โดยที่ผู้มาร่วมพิธีเดินขบวนแห่เข้ามาในบริเวณพิธี มีการโต้ตอบระหว่างผู้จะเข้ามาร่วมพิธีกับบุคลากรของพระวิหารเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ที่เหมาะสมจะเข้ามาร่วมพิธีในพระวิหารได้ คำตอบเน้นถึงความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านและยืนยันว่าผู้มีคุณสมบัติดังกล่าวอาจเข้ามาร่วมพิธีได้ (สดด 15:1; 24:3/ 15:5ข; 24:5-6) สดด 24:7-10 อาจสะท้อนการแห่เข้าพระวิหารซึ่งเป็นพิธีต่อจากนั้น บางท่านยังเห็นว่า สดด 134 ก็เป็นเพลงสดุดีศาสนพิธีด้วย เพลงสดุดีสั้นๆบทนี้ ซึ่งเป็นบทสุดท้ายของ "บทเพลงแห่ขึ้น" ประกอบด้วยคำเชิญชวนให้ถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์ (ข้อ 1-2) และจบลงด้วยคำอวยพรจากสมณะประธานในพิธี (ข้อ 3)

4.6 เพลงสดุดีประวัติศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ (Historical Psalms) สดด 78; 105-106; 135-136 เล่าถึงกิจการยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ทรงกระทำในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 24, 2005 10:36 am
โดย Andreas
5. ผู้นิพนธ์และระยะเวลานิพนธ์เพลงสดุดี
"คำนำหน้า" จัดให้เพลงสดุดีจำนวน 73 บทเป็นของกษัตริย์ดาวิด 12 บทเป็นของอาศาฟ 11 บทเป็นของ "คณะโคราห์" และเป็นของเฮมาน เอทาน (หรือเยดูธูน) โมเสส และซาโลมอน คนละ 1บท คำนำหน้าในภาษากรีก (LXX) ไม่ตรงกับตัวบทภาษาฮีบรูเสมอไปนัก และให้เพลงสดุดีจำนวน 82 บทเป็นของกษัตริย์ดาวิด ในภาษาซีเรียคก็ยิ่งแตกต่างกันไปอีกมาก ธรรมประเพณีมักจัดให้กษัตริย์ดาวิดเป็นผู้ประพันธ์มิใช่เพียงแต่เพลงสดุดีที่มีชื่อของพระองค์ติดอยู่เท่านั้น แต่เป็นผู้ประพันธ์เพลงสดุดีทั้งหมดไปเลย

แต่ในความเป็นจริง หนังสือเพลงสดุดีครอบคลุมผลงานกวีของกวีหลายคนตลอดเวลาหลายศตวรรษ เพลงสดุดีจำนวนมากทีเดียวประพันธ์ขึ้นในสมัยมีกษัตริย์ปกครอง โดยเฉพาะเพลงสดุดีเกี่ยวกับกษัตริย์ ส่วนเพลงสดุดีเกี่ยวกับพระยาห์เวห์ทรงครองราชย์เป็นกษัตริย์นั้นสะท้อนเพลงสดุดีก่อนหน้านั้น เพลงสดุดีบางบทน่าจะประพันธ์ขึ้นระหว่างช่วงเวลาเนรเทศ เช่น สดด 137 ที่กล่าวถึงการทำลายกรุงเยรูซาเล็มและการเนรเทศ สดด 126 ฉลองการกลับจากถิ่นเนรเทศ ระยะเวลาหลังจากนั้นน่าจะเป็นเวลาที่เพลงสดุดีจำนวนมากประพันธ์ขึ้น พระวิหารหลังที่สองซึ่งสร้างขึ้นใหม่คงจะเอื้ออำนวยการฟื้นฟูศาสนพิธีให้สง่างามยิ่งขึ้น สถานภาพของนักขับร้องได้รับการยกย่องขึ้นเสมอกับชนเลวี และผู้มีปรีชาอย่างบุตรสิราก็ใช้แบบแผนของเพลงสดุดีในการเผยแผ่คำสั่งสอนของตน เพลงสดุดีบางบทอาจเขียนขึ้นในสมัยชาวเปอร์เซียปกครองหรือในสมัยมัคคาบีเสียด้วย เช่น สดด 44; 74; 79 และ 83 เป็นต้น


รูปภาพ

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 24, 2005 10:36 am
โดย Andreas
6. คุณค่าทางจิตใจของเพลงสดุดี
เพลงสดุดีเป็นคำอธิษฐานภาวนาของอิสราเอลในพันธสัญญาเดิมที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า พระองค์ทรงดลใจให้เกิดความรู้สึกที่บรรดาบุตรของพระองค์ควรมีต่อพระองค์ ทรงดลใจให้เขียนข้อความที่เขาควรใช้เมื่อสนทนากับพระองค์ พระเยซูเจ้า พระนางมารีย์พรหมจารี บรรดาอัครสาวก มรณสักขีในสมัยแรกได้ใช้เพลงสดุดีเหล่านี้สนทนากับพระเจ้า พระศาสนจักรได้รับเอาเพลงสดุดีมาเป็นบทภาวนาทางการของตนด้วยโดยมิได้เปลี่ยนแปลง คำร้องสรรเสริญ อ้อนวอนและขอบพระคุณที่ออกมาจากผู้ประพันธ์เพลงสดุดีในเหตุการณ์และประสบการณ์ส่วนตัวในชีวิต มีคุณค่าเป็นสากล เพราะแสดงออกซึ่งท่าทีและความรู้สึกที่มนุษย์ทุกคนควรมีต่อพระเจ้า พระศาสนจักรรับเพลงสดุดีเหล่านี้มาโดยมิได้เปลี่ยนแปลงถ้อยคำก็จริง แต่ก็ทำให้ถ้อยคำเหล่านี้มีความหมายสมบูรณ์และร่ำรวยขึ้น ในพันธสัญญาใหม่ คริสตชนผู้ขับร้องจะสรรเสริญและขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงเปิดเผยความลึกลับเกี่ยวกับพระธรรมชาริของพระองค์ให้เราทราบ ขอบพระคุณพระองค์ที่ประทานพระคริสตเจ้า พระบุตรเพื่อไถ่ชาวเรา ขอบพระคุณพระองค์ที่ประทานพระจิตเจ้าให้มาประทับอยู่กับเรา เพราะฉะนั้น คริสตชนจึงสรุปเพลงสดุดีแต่ละบทด้วยการถวายเกียรติแด่พระตรีเอกภาพ "สิริพึงมีแด่พระบิดา และพระบุตร และพระจิต...." คำอ้อนวอนของอดีตยิ่งมีความหมายประทับใจมากขึ้นในเมื่อการเลี้ยงครั้งสุดท้าย ไม้กางเขน และการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้าได้สอนเราให้เข้าใจความรักอันปราศจากขอบเขตของพระเจ้า ความเลวร้ายของบาป และความรุ่งเรืองที่ทรงสัญญาจะประทานให้แก่ผู้มีความเชื่อ ความหวังที่เพลงสดุดีเหล่านี้แสดงไว้ก็ได้สำเร็จเป็นจริงไปแล้ว พระเมสสิยาห์เสด็จมาแล้ว พระองค์กำลังครองราชย์ และนานาชาติก็ได้รับเชิญให้เข้ามาสรรเสริญพระองค์โดยพร้อมเพรียงกัน

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 24, 2005 10:38 am
โดย Andreas
7. เพลงสดุดีเป็นคำภาวนาของคริสตชนอย่างไร
เพลงสดุดีอาจจะรับการตีความจากคริสตชนได้เป็น 3 แบบต่อไปนี้ คือ
ก) เป็นพระวาจาของพระคริสตเจ้าที่ตรัสกับพระบิดา
ข) เป็นถ้อยคำที่พระศาสนจักร (อิสราเอลที่แท้จริง) กราบทูลพระบิดาเกี่ยวกับพระคริสตเจ้า หรือ
ค) เป็นถ้อยคำที่พระศาสนจักรกราบทูลพระคริสตเจ้า ("พระยาห์เวห์" หรือ "องค์พระผู้เป็นเจ้า") โดยตรง

7.1 ในกรณีแรก (พระคริสตเจ้าตรัสกับพระบิดา) นักบุญออกัสตินเน้นคำสอนที่ว่าพระคริสตเจ้าผู้ตรัสกับพระบิดานี้คือ "พระคริสตเจ้าทั้งองค์" (The Whole Christ) คือพระองค์ผู้ทรงเป็นศีรษะพร้อมกับพระศาสนจักรซึ่งเป็นพระกาย ฉะนั้น เมื่อกลุ่มคริสตชนขับร้องหรือภาวนาเพลงสดุดี พระคริสตเจ้า "ทั้งองค์" ก็ทรงร่วมภาวนาด้วย คริสตชนกราบทูลพระบิดาในพระนามของพระคริสตเจ้า เปล่งพระสุรเสียงและแสดงความรู้สึกของพระองค์ การเข้าใจแบบนี้ใช้ได้ดีกับเพลงสดุดีประเภท "อ้อนวอน" และ "ขอบพระคุณ" พระคริสตเจ้าซึ่งยังประทับอยู่ในโลกในพระศาสนจักรและในคริสตชนแต่ละคน อ้อนวอนขอพระบิดาในความทุกข์ยากลำบากของบรรดาคริสตชน และขอบพระคุณสำหรับความช่วยเหลือที่ได้รับ ความคิดที่ว่าคริสตชนทุกคนเป็นส่วนของพระกายเดียวกันของพระคริสตเจ้านับว่ามีความสำคัญมากสำหรับบทภาวนาในพิธีกรรม ตัวอย่างเช่น คริสตชนที่กำลังขับร้องหรือสวดเพลงสดุดีอาจไม่มีความทุกข์ตามถ้อยคำของเพลงสดุดีที่บรรยายถึงความทุกข์ยากนั้นเลย แต่การภาวนาของเขาก็ยังมีความหมาย เพราะเขาเป็นหนึ่งเดียวกับคริสตชนอื่นๆที่กำลังทนทุกข์ ร่วมเป็นพระกายเดียวกันของพระคริสตเจ้า

7.2 คำภาวนาของพระศาสนจักรเกี่ยวกับพระคริสตเจ้าแสดงออกในเพลงสดุดีเกี่ยวกับกษัตริย์ (พระเมสสิยาห์) พระศาสนจักรขอบพระคุณพระเจ้าที่ประทานพระคริสตเจ้าซึ่งเป็นพระเมสสิยาห์จากตระกูลดาวิดตามพระสัญญาให้เป็นผู้นำพระศาสนจักร และนำความรอดพ้นมาให้คริสตชนซึ่งเป็นประชากรของพระองค์ นอกจากนั้น คริสตชนแต่ละคน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในพระศาสนจักรของพระคริสตเจ้า ก็มีส่วนในตำแหน่งกษัตริย์ของพระคริสตเจ้าด้วย จึงขอความช่วยเหลือจากพระบิดาสำหรับกษัตริย์ให้มีชัยชนะ

7.3 พระศาสนจักรใช้เพลงสดุดีเป็นคำอ้อนวอนและสรรเสริญพระคริสตเจ้าโดยตรง ในฐานะพระยาห์เวห์ผู้ทรงกอบกู้ชาวเรา พระคริสตเจ้าทรงหลั่งพระโลหิตชำระพระศาสนจักรให้บริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ เป็นธรรมเนียมของพระศาสนจักรแต่แรกเริ่มมาแล้วที่จะถวายคำภาวนาต่อพระคริสตเจ้าโดยตรง ในฐานะที่ทรงเป็น "องค์พระผู้เป็นเจ้า" (Kyrios = Lord ซึ่งเป็นนามที่ชาวอิสราเอลใช้เรียกพระยาห์เวห์ พระเจ้าของตน) และทรงเป็น "พระผู้กอบกู้" เช่นเดียวกับที่พระยาห์เวห์ทรงกระทำต่ออิสราเอลประชากรของพระองค์

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 25, 2005 8:23 am
โดย Andreas
ตัวอย่างเพลงสดุดี

รูปภาพ

เพลงสดุดีที่ 23
ผู้เลี้ยงที่ดี


เพลงสดุดีแสดงความหวังยอดนิยมบทนี้ใช้ภาพ 2 ภาพบรรยายถึงความรักความเอาพระทัยใส่ ที่พระเจ้าทรงมีต่อประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงเป็น "ผู้เลี้ยงแกะ" ซึ่งนำฝูงแกะไปยังทุ่งหญ้าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด และทรงเป็น "เจ้าภาพ" ซึ่งจัดเตรียมโต๊ะอาหารชั้นยอดต้อนรับแขกที่มาหา ภาพของพระเจ้าในฐานะ "ผู้เลี้ยง(แกะ)ของอิสราเอล" (สดด 80:1) เป็นภาพที่ปรากฏบ่อยๆในพันธสัญญาเดิม โดยเฉพาะในข้อเขียนของประกาศก (อสย 40:11; อสค 34:11-16) พระเยซูเจ้าทรงใช้ภารกิจคนเลี้ยงแกะเช่นนี้ตรัสถึงพระองค์ (ยน 10:11-18) ข้อเขียนในพันธสัญญาใหม่ฉบับหลังๆยังใช้ภาพนี้กล่าวถึงพระเยซูเจ้า (ฮบ 13:20; 1 ปต 2:25; วว 7:17) ข้อความที่กล่าวถึงน้ำ น้ำมันและเหล้าองุ่นชวนให้ระลึกถึงศีลศักดิ์สิทธิ์ในพิธีรับคริสตชนใหม่ คือ ศีลล้างบาป ศีลกำลังและศีลมหาสนิท

เพลงสดุดีของกษัตริย์ดาวิด

1 พระยาห์เวห์ทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าอย่างผู้เลี้ยงแกะ
ข้าพเจ้าจึงไม่ขาดสิ่งใด
2 พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าพเจ้านอนพักอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจี
ทรงนำข้าพเจ้าไปริมสายนทีที่เงียบสงบ
3 เพื่อฟื้นฟูจิตใจของข้าพเจ้า
ทรงชี้ทางให้ข้าพเจ้าเดินไปบนมรรคาแห่งความชอบธรรม
ทรงซื่อสัตย์ต่อพระนามของพระองค์
4 แม้ข้าพเจ้าจะต้องเดินไปในหุบเขาที่มืดมิด
ข้าพเจ้าก็จะไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า
พระคทาและธารพระกรของพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าอุ่นใจ
5 พระองค์ทรงจัดเตรียมโต๊ะอาหารไว้สำหรับข้าพเจ้า
ต่อหน้าเหล่าศัตรู
ทรงเทน้ำมันเจิมศีรษะของข้าพเจ้า
ทรงเทเครื่องดื่มลงในถ้วยของข้าพเจ้าจนล้นปรี่
6 พระกรุณาและความรักมั่นคงของพระองค์จะติดตามข้าพเจ้าไปทุกวันตลอดชีวิต
ข้าพเจ้าจะพำนักอยู่ในพระเคหาของพระยาห์เวห์ตลอดไปเป็นนิจนิรันดร์


ที่มา...คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 25, 2005 1:34 pm
โดย -Rei-
ยังอ่านไม่จบ แต่น่าสนใจมากๆๆ

ขอบคุณนะคะ จะรีบมาอ่านต่อให้จบค่ะ ^^

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 25, 2005 11:13 pm
โดย ~@Little lamb@~
หย๋า........ยาวเฟื้อยเลย +_+

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 26, 2005 8:32 am
โดย Andreas
~@Little lamb@~ เขียน: หย๋า........ยาวเฟื้อยเลย +_+
แล้วจะทำยังไงหละครับ ความรู้ก็ต้องยาวแบบนี้แหละครับ หรือจะช่วยเอาไปลงในบทความดีหละครับ พวกกระทู้ที่เป็นความรู้ต่าง ๆ ในห้องนี้

Re:ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเพลงสดุดี

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 27, 2005 12:10 am
โดย ~@Little lamb@~
แหม..ก็เผื่อจะทยอยลง ;D