เพราะไม่รู้ว่าจะขวนขวายดิ้นรนไปทำไม เดี๋ยวก็ตาย ทุกอย่างก็จบสิ้นในชีวิตโลกนี้
ขอเกริ่นนิดนึงนะครับ เราไม่ได้ทำเปล่านะครับ คุณคงไม่ได้คิดว่าพระคริสต์ยอมละสวรรค์มาทรมานจนมาณาเพียงเพื่อให้เราได้ชื่อว่าเป็น"คนคริสต์" แล้วก็จบหรอกนะครับ แท้ที่จริง ตั้งแต่ปฐมกาล พระเจ้าสร้างเราก็เพื่อบรรจุชีวิตอันสมบูรณ์แบบของพระเจ้า เป็นวิหารแท้ของพระองค์ เป็นเจ้าสาวน่ารักงามตาของพระองค์(ไม่ใช่รายบุคคล แต่คือผู้เชื่ออันเป็นหนึ่ง)
เมื่อคริสตชนพักสงบในพระเจ้าแล้ว เราก็เหมือนหลับไป รอวันที่พระเจ้าจะปลุกเราขึ้นมาคิดบัญชี หลังจากนั้นก็เข้าสู่อาณาจักรพันปี(อาณาจักรพันปียังไม่เริ่มนับนะครับ มีพระคัมภีร์หลายตอน อ้างอิงแต่ขอเข้าเรื่องก่อน) งานมงคลสมรสแห่งพระเมษโปดกและคริสตจักรอันบริสุทธิ์ ปราศจากตำหนิ รอยย่น มลทินใดๆ นั่นคือรางวัลของผู้มีชัยชนะ(เราบากบั่นทำการดี แม้จะยากลำบากก็เพื่อสิ่งนี้โดยเห็นแก่พระคริสต์) ถ้าถึงเวลาแล้วยังมีชีวิตอยู่ก็จะไปถึงที่นั่นในรูปของผู้ถูกรับขึ้นไป
อีกส่วน ผู้พ่ายแพ้ก็จะอยู่นอกอาณาจักร ในที่มืดขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเพื่อบ่มให้เป็นผู้สมกับอาณาจักรนิรันดร์ เมื่อครบกำหนด เราทุกคนที่เชื่อจึงเข้าสู่เยรูซาเล็มใหม่นิรันดร์(หรือที่เรียกว่าชีวิตนิรันดร์)ซึ่งอยู่บนโลก ไม่ได้ขึ้นไปข้างบน ผู้ไม่เชื่อ และจอมมารกับพรรคพวกก็จะถูกทิ้งในบึงไฟนิรันดร์(หรือพินาศนิรันดร์)
เมื่อตายจากกันไปแล้วจะได้เจอกันในโลกหน้าหรือสวรรค์หรือไม่ เรายังจะจำกันได้ไหมอ่ะ
เจอกันแน่ครับ เพียงแต่เราจะไม่มีสถานะใดๆต่อกัน ไม่ว่าเป็นพ่อ แม่ สามี ภรรยา ลูก สถานะเหล่านี้ไว้ใช้บนโลกเท่านั้นครับ
(มธ 22:29)พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านคิดผิดแล้ว เพราะไม่เข้าใจพระคัมภีร์ และไม่รู้จักพระอานุภาพของพระเจ้า เมื่อมนุษย์จะกลับคืนชีพ จะไม่มีการแต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก แต่เขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์
ส่วนจะจำกันได้ไหม ส่วนตัวผมก็ว่าน่าจะจำกันได้ อย่างในคำอุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซาลัส เศรษฐียังคงจำลาซาลัสได้ ยังคงจำเครือญาติที่ยังไม่ตายได้อยู่ แต่ท่าทีของเศรษฐีที่ทุกคนชอบมองข้ามคือ เขาอยากให้ญาติของเขาถึงที่รอด ตายแล้วจะได้ไปรอที่เมืองบรมสุขเกษมสบายใจ ไม่ต้องมารอการเรียกให้เป็นขึ้นที่เมืองผีซึ่งแสนทรมาน แม้จะสายไปแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นที่เตือนใจเราว่า เป็นๆอยู่ทำไมไม่ไปประกาศให้เขาเหล่านั้นรู้ถึงพระคุณอัศจรรย์ของพระคริสต์
สุดท้ายนี้ ผมอยากให้คุณมองความเป็นมนุษย์ใหม่นะครับ ถ้าเรามีพระเจ้าแล้ว ชีวิตเราไม่ได้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตานะครับ คุณรู้หรือไม่ว่าเรามีสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ ตั้งแต่ปฐมกาล มนุษย์ถูกสร้างขึ้นตามแบบพระฉายาของพระเจ้า คุณรู้หรือไม่ว่า มนุษย์เท่านั้นที่มีสิทธิรับพระคุณการไถ่ ถ้าคุณเป็นทูตสวรรค์ เป็นสัตว์ คุณหมดสิทธิ เป็นต้น ฉนั้น รู้เถิดครับว่าเรามีค่าและมีความหมายเพียงใด
(สดุดี 8)
ข้าแต่พระยะโฮวา องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ประเสริฐยิ่งทั่วโลกสักเท่าใด พระองค์ทรงเปล่งรัศมีในฟ้าสวรรค์ให้ปรากฏแจ้ง พระองค์ทรงเตรียมกำลังไว้ในปากทารก
พระองค์ทรงตั้งป้อมปราการเพราะพวกศัตรูของพระองค์ พระองค์จะกำจัดศัตรูและผู้พยาบาทเสีย
ครั้นข้าพเจ้าพิจารณาท้องฟ้าที่เป็นพระหัตถกิจของพระองค์ คือดวงจันทร์กับดวงดาวซึ่งพระองค์ได้ทรงประดิษฐานไว้
มนุษย์เป็นผู้ใดเล่าที่พระองค์ทรงระลึกถึงเขา? หรือพงศ์พันธุ์ของมนุษย์เป็นผู้ใดเล่าที่พระองค์เสด็จมาเยี่ยมเขา? แท้จริงพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้ต่ำกว่าทูตสวรรค์แต่หน่อยเดียว และทรงสวมมงกุฎแห่งสง่าราศีและเกียรติยศแก่เขา
พระองค์ทรงมอบอำนาจให้ครอบครองบรรดาพระหัตถกิจของพระองค์ พระองค์ทรงให้สรรพสิ่งอยู่ใต้เท้าของมนุษย์นั้น คือบรรดาฝูงแกะฝูงโค และฝูงสัตว์ตามทุ่งนา ทั้งนกในอากาศ และปลาในทะเล และสรรพสิ่งที่ไปมาทางทะเล ข้าแต่พระยะโฮวา องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ประเสริฐยิ่งทั่วแผ่นดินโลก!
ปล.อิมมานูเอล