อยู่ๆก็รู้สึกจิตตกเรื่อง "ความตาย" อยากได้คำแนะนำและความช่วย
เมื่อเราหรือคนที่เรารักในโลกนี้ตายจากกันไปแล้ว มันเป็นการจากกันชั่วนิรันดรหรือเปล่าครับ
พอคิดแล้วใจจะขาดที่รู้สึกว่าเราจะไม่ได้เจอคนที่เรารักมากที่สุดในโลกนี้ไปอีกชั่วนิรันดร ทั้งพ่อ แม่ พี่น้อง ลูก อื่นๆ ช่วงนี้ก็นั่งมองเขาตอนที่เขามีชีวิตอยู่ ตอนที่เขาพูดคุยหัวเราะกับเรา ถ้าต้องตายจากกันเราจะได้พบกันใหม่โลกหน้าหรือสวรรค์หรือไม่ มีพระวรสารข้อไหนยืนยันกับเราไหม
เท่าที่ทราบพระคัมภีร์บอกแค่ว่าเราจะได้พบกับพระเจ้า และคนที่เรารักในโลกนี้ล่ะครับ (ทำให้ตอนนี้ผมเริ่มทำดีให้ความรักกับคนรอบตัวมากขึ้นอย่างมากกว่าเดิม เพราะความคิดสับสนแบบนี้และครับ) ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งเศร้า ใจก็หดหู่มากครับ
อยู่ๆผมก็รู้สึกกังวลอย่างมาก กังวลและสงสัยเรื่องความตายขึ้นมา ผลคือรู้สึหมดอาลัยตายอยากไม่ค่อยอยากทำอะไรมากมาย เพราะไม่รู้ว่าจะขวนขวายดิ้นรนไปทำไม เดี๋ยวก็ตาย ทุกอย่างก็จบสิ้นในชีวิตโลกนี้ ทำไมเราต้องแข่งขันทั้งการเรียน การทำงาน ต้องดิ้นรนสร้างอนาคต หาทรัพย์สิน ทำโน่นทำนี่มากมาย ซึ่งเป็นเรื่องทางโลก แต่เราก็ทำดีทำที่จะทำได้เหมือนกัน แต่สงสัยว่ามนุษย์เราเกิดมาเพื่ออะไร พระเจ้าให้เราเกิดมาในโลกนี้เพื่อ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้ว.... ! ? ?
มีพระวรสารข้อไหนช่วยบรรเทาใจกับความกังวลแบบมนุษย์ลักษณะนี้ไหมครับ ว่านอกจากเราจะได้พบพระเจ้าแล้ว คนที่เราใช้ชีวิตทั้งชีวิตผูกพันด้วยความรักกับพวกเขาเหล่านั้น เมื่อตายจากกันไปแล้วจะได้เจอกันในโลกหน้าหรือสวรรค์หรือไม่ เรายังจะจำกันได้ไหมอ่ะ หรือเป็นดวงจิต ดวงวิญญาณ ไม่มีรูปร่าง โอ๊ย ! ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว
พอคิดแล้วใจจะขาดที่รู้สึกว่าเราจะไม่ได้เจอคนที่เรารักมากที่สุดในโลกนี้ไปอีกชั่วนิรันดร ทั้งพ่อ แม่ พี่น้อง ลูก อื่นๆ ช่วงนี้ก็นั่งมองเขาตอนที่เขามีชีวิตอยู่ ตอนที่เขาพูดคุยหัวเราะกับเรา ถ้าต้องตายจากกันเราจะได้พบกันใหม่โลกหน้าหรือสวรรค์หรือไม่ มีพระวรสารข้อไหนยืนยันกับเราไหม
เท่าที่ทราบพระคัมภีร์บอกแค่ว่าเราจะได้พบกับพระเจ้า และคนที่เรารักในโลกนี้ล่ะครับ (ทำให้ตอนนี้ผมเริ่มทำดีให้ความรักกับคนรอบตัวมากขึ้นอย่างมากกว่าเดิม เพราะความคิดสับสนแบบนี้และครับ) ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งเศร้า ใจก็หดหู่มากครับ
อยู่ๆผมก็รู้สึกกังวลอย่างมาก กังวลและสงสัยเรื่องความตายขึ้นมา ผลคือรู้สึหมดอาลัยตายอยากไม่ค่อยอยากทำอะไรมากมาย เพราะไม่รู้ว่าจะขวนขวายดิ้นรนไปทำไม เดี๋ยวก็ตาย ทุกอย่างก็จบสิ้นในชีวิตโลกนี้ ทำไมเราต้องแข่งขันทั้งการเรียน การทำงาน ต้องดิ้นรนสร้างอนาคต หาทรัพย์สิน ทำโน่นทำนี่มากมาย ซึ่งเป็นเรื่องทางโลก แต่เราก็ทำดีทำที่จะทำได้เหมือนกัน แต่สงสัยว่ามนุษย์เราเกิดมาเพื่ออะไร พระเจ้าให้เราเกิดมาในโลกนี้เพื่อ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้ว.... ! ? ?
มีพระวรสารข้อไหนช่วยบรรเทาใจกับความกังวลแบบมนุษย์ลักษณะนี้ไหมครับ ว่านอกจากเราจะได้พบพระเจ้าแล้ว คนที่เราใช้ชีวิตทั้งชีวิตผูกพันด้วยความรักกับพวกเขาเหล่านั้น เมื่อตายจากกันไปแล้วจะได้เจอกันในโลกหน้าหรือสวรรค์หรือไม่ เรายังจะจำกันได้ไหมอ่ะ หรือเป็นดวงจิต ดวงวิญญาณ ไม่มีรูปร่าง โอ๊ย ! ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ไม่ค่ะ
สำหรับเราชาวคริสต์ ความตายไม่ใช่การลาจาก แต่เป้นการพบกันใหม่
ความตายของชาวคริสต์ คือ การจากโลกชั่วคราวไปสู่โลกนิรันดร
ที่ที่เราจะได้อยุ่ด้วยกันตลอดไปค่ะ
ความตายของเรา คือ การกลับบ้านของเรา กลับไปอยู่กับพระเจ้า
คนที่คุณรักในโลกนี้ ถ้าอยากให้เขาไปด้วยกัน
ก็ต้องชี้ทางเดินที่จะพาเขาไปสวรรค์ให้เขาสิคะ
หากเกินกำลัง ก็สวดภาวนาให้เขา ขอพระเจ้าให้เมตตาเขา
ถ้าคุณกำลังเดินทางไปเกาะสวรรค์ จู่ ๆ เรือล่ม
ทุกคนตกน้ำหมด มีทั้งคนว่ายน้ำเป็น และ ว่ายไม่เป็น
ถ้าเป็นคนที่คุณรัก คุณก็ต้องช่วยใช่มั๊ยคะ
แล้วถ้ามีเรือลำหนึ่งผ่านมาช่วย
คุณรู้ว่าเรือนั้นจะพาไปเกาะสวรรค์ได้ คุณก็ขึ้นเรือนั้น
พร้อมกับช่วยคนอื่น ๆ ขึ้นเรือด้วย เพราะคุณรักพวกเขา ใช่มั๊ยคะ?
ก็เหมือนกันแหละค่ะ ทำแบบที่พระเจ้าทรงสอน
ทุกคนจะได้ไปอยุ่ด้วยกันบนสวรรค์
สำหรับเราชาวคริสต์ ความตายไม่ใช่การลาจาก แต่เป้นการพบกันใหม่
ความตายของชาวคริสต์ คือ การจากโลกชั่วคราวไปสู่โลกนิรันดร
ที่ที่เราจะได้อยุ่ด้วยกันตลอดไปค่ะ
ความตายของเรา คือ การกลับบ้านของเรา กลับไปอยู่กับพระเจ้า
คนที่คุณรักในโลกนี้ ถ้าอยากให้เขาไปด้วยกัน
ก็ต้องชี้ทางเดินที่จะพาเขาไปสวรรค์ให้เขาสิคะ
หากเกินกำลัง ก็สวดภาวนาให้เขา ขอพระเจ้าให้เมตตาเขา
ถ้าคุณกำลังเดินทางไปเกาะสวรรค์ จู่ ๆ เรือล่ม
ทุกคนตกน้ำหมด มีทั้งคนว่ายน้ำเป็น และ ว่ายไม่เป็น
ถ้าเป็นคนที่คุณรัก คุณก็ต้องช่วยใช่มั๊ยคะ
แล้วถ้ามีเรือลำหนึ่งผ่านมาช่วย
คุณรู้ว่าเรือนั้นจะพาไปเกาะสวรรค์ได้ คุณก็ขึ้นเรือนั้น
พร้อมกับช่วยคนอื่น ๆ ขึ้นเรือด้วย เพราะคุณรักพวกเขา ใช่มั๊ยคะ?
ก็เหมือนกันแหละค่ะ ทำแบบที่พระเจ้าทรงสอน
ทุกคนจะได้ไปอยุ่ด้วยกันบนสวรรค์
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
ขอเกริ่นนิดนึงนะครับ เราไม่ได้ทำเปล่านะครับ คุณคงไม่ได้คิดว่าพระคริสต์ยอมละสวรรค์มาทรมานจนมาณาเพียงเพื่อให้เราได้ชื่อว่าเป็น"คนคริสต์" แล้วก็จบหรอกนะครับ แท้ที่จริง ตั้งแต่ปฐมกาล พระเจ้าสร้างเราก็เพื่อบรรจุชีวิตอันสมบูรณ์แบบของพระเจ้า เป็นวิหารแท้ของพระองค์ เป็นเจ้าสาวน่ารักงามตาของพระองค์(ไม่ใช่รายบุคคล แต่คือผู้เชื่ออันเป็นหนึ่ง)เพราะไม่รู้ว่าจะขวนขวายดิ้นรนไปทำไม เดี๋ยวก็ตาย ทุกอย่างก็จบสิ้นในชีวิตโลกนี้
เมื่อคริสตชนพักสงบในพระเจ้าแล้ว เราก็เหมือนหลับไป รอวันที่พระเจ้าจะปลุกเราขึ้นมาคิดบัญชี หลังจากนั้นก็เข้าสู่อาณาจักรพันปี(อาณาจักรพันปียังไม่เริ่มนับนะครับ มีพระคัมภีร์หลายตอน อ้างอิงแต่ขอเข้าเรื่องก่อน) งานมงคลสมรสแห่งพระเมษโปดกและคริสตจักรอันบริสุทธิ์ ปราศจากตำหนิ รอยย่น มลทินใดๆ นั่นคือรางวัลของผู้มีชัยชนะ(เราบากบั่นทำการดี แม้จะยากลำบากก็เพื่อสิ่งนี้โดยเห็นแก่พระคริสต์) ถ้าถึงเวลาแล้วยังมีชีวิตอยู่ก็จะไปถึงที่นั่นในรูปของผู้ถูกรับขึ้นไป
อีกส่วน ผู้พ่ายแพ้ก็จะอยู่นอกอาณาจักร ในที่มืดขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเพื่อบ่มให้เป็นผู้สมกับอาณาจักรนิรันดร์ เมื่อครบกำหนด เราทุกคนที่เชื่อจึงเข้าสู่เยรูซาเล็มใหม่นิรันดร์(หรือที่เรียกว่าชีวิตนิรันดร์)ซึ่งอยู่บนโลก ไม่ได้ขึ้นไปข้างบน ผู้ไม่เชื่อ และจอมมารกับพรรคพวกก็จะถูกทิ้งในบึงไฟนิรันดร์(หรือพินาศนิรันดร์)
เจอกันแน่ครับ เพียงแต่เราจะไม่มีสถานะใดๆต่อกัน ไม่ว่าเป็นพ่อ แม่ สามี ภรรยา ลูก สถานะเหล่านี้ไว้ใช้บนโลกเท่านั้นครับเมื่อตายจากกันไปแล้วจะได้เจอกันในโลกหน้าหรือสวรรค์หรือไม่ เรายังจะจำกันได้ไหมอ่ะ
(มธ 22:29)พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านคิดผิดแล้ว เพราะไม่เข้าใจพระคัมภีร์ และไม่รู้จักพระอานุภาพของพระเจ้า เมื่อมนุษย์จะกลับคืนชีพ จะไม่มีการแต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก แต่เขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์
ส่วนจะจำกันได้ไหม ส่วนตัวผมก็ว่าน่าจะจำกันได้ อย่างในคำอุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซาลัส เศรษฐียังคงจำลาซาลัสได้ ยังคงจำเครือญาติที่ยังไม่ตายได้อยู่ แต่ท่าทีของเศรษฐีที่ทุกคนชอบมองข้ามคือ เขาอยากให้ญาติของเขาถึงที่รอด ตายแล้วจะได้ไปรอที่เมืองบรมสุขเกษมสบายใจ ไม่ต้องมารอการเรียกให้เป็นขึ้นที่เมืองผีซึ่งแสนทรมาน แม้จะสายไปแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นที่เตือนใจเราว่า เป็นๆอยู่ทำไมไม่ไปประกาศให้เขาเหล่านั้นรู้ถึงพระคุณอัศจรรย์ของพระคริสต์
สุดท้ายนี้ ผมอยากให้คุณมองความเป็นมนุษย์ใหม่นะครับ ถ้าเรามีพระเจ้าแล้ว ชีวิตเราไม่ได้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตานะครับ คุณรู้หรือไม่ว่าเรามีสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ ตั้งแต่ปฐมกาล มนุษย์ถูกสร้างขึ้นตามแบบพระฉายาของพระเจ้า คุณรู้หรือไม่ว่า มนุษย์เท่านั้นที่มีสิทธิรับพระคุณการไถ่ ถ้าคุณเป็นทูตสวรรค์ เป็นสัตว์ คุณหมดสิทธิ เป็นต้น ฉนั้น รู้เถิดครับว่าเรามีค่าและมีความหมายเพียงใด
(สดุดี 8)
ข้าแต่พระยะโฮวา องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ประเสริฐยิ่งทั่วโลกสักเท่าใด พระองค์ทรงเปล่งรัศมีในฟ้าสวรรค์ให้ปรากฏแจ้ง พระองค์ทรงเตรียมกำลังไว้ในปากทารก
พระองค์ทรงตั้งป้อมปราการเพราะพวกศัตรูของพระองค์ พระองค์จะกำจัดศัตรูและผู้พยาบาทเสีย
ครั้นข้าพเจ้าพิจารณาท้องฟ้าที่เป็นพระหัตถกิจของพระองค์ คือดวงจันทร์กับดวงดาวซึ่งพระองค์ได้ทรงประดิษฐานไว้
มนุษย์เป็นผู้ใดเล่าที่พระองค์ทรงระลึกถึงเขา? หรือพงศ์พันธุ์ของมนุษย์เป็นผู้ใดเล่าที่พระองค์เสด็จมาเยี่ยมเขา? แท้จริงพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้ต่ำกว่าทูตสวรรค์แต่หน่อยเดียว และทรงสวมมงกุฎแห่งสง่าราศีและเกียรติยศแก่เขา
พระองค์ทรงมอบอำนาจให้ครอบครองบรรดาพระหัตถกิจของพระองค์ พระองค์ทรงให้สรรพสิ่งอยู่ใต้เท้าของมนุษย์นั้น คือบรรดาฝูงแกะฝูงโค และฝูงสัตว์ตามทุ่งนา ทั้งนกในอากาศ และปลาในทะเล และสรรพสิ่งที่ไปมาทางทะเล ข้าแต่พระยะโฮวา องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ประเสริฐยิ่งทั่วแผ่นดินโลก!
ปล.อิมมานูเอล
1ธส 4:13
พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความรู้ความเข้าใจถึงเรื่องผู้ล่วงหลับคือผู้ที่ตายไปแล้ว เพื่อท่านจะได้ไม่โศกเศร้าเหมือนคนอื่นที่ไม่มีความหวัง เราเชื่อว่าพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ เราจึงเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำบรรดาผู้หลับอยู่มากับพระองค์โดยทางพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกัน ตามพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราขอบอกท่านว่า เราผู้ยังมีชีวิตและรออยู่จนถึงวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะไม่ได้เปรียบบรรดาผู้ที่ล่วงหลับไปแล้ว เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ตามพระบัญชา เมื่อมีเสียงหัวหน้าฑูตสวรรค์และเสียงแตรของพระเจ้า บรรดาผู้ตายในพระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพก่อน ต่อจากนั้น เราผู้ยังมีชีวิตอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในกลุ่มเมฆพร้อมกับพวกเขา ไปพบองค์พระผู้เป็นเจ้าในท้องฟ้าเราจะได้อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป
พี่น้องทั้งหลาย เราไม่อยากให้ท่านขาดความรู้ความเข้าใจถึงเรื่องผู้ล่วงหลับคือผู้ที่ตายไปแล้ว เพื่อท่านจะได้ไม่โศกเศร้าเหมือนคนอื่นที่ไม่มีความหวัง เราเชื่อว่าพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนมชีพ เราจึงเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำบรรดาผู้หลับอยู่มากับพระองค์โดยทางพระเยซูเจ้าเช่นเดียวกัน ตามพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราขอบอกท่านว่า เราผู้ยังมีชีวิตและรออยู่จนถึงวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะไม่ได้เปรียบบรรดาผู้ที่ล่วงหลับไปแล้ว เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ตามพระบัญชา เมื่อมีเสียงหัวหน้าฑูตสวรรค์และเสียงแตรของพระเจ้า บรรดาผู้ตายในพระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพก่อน ต่อจากนั้น เราผู้ยังมีชีวิตอยู่ จะถูกรับขึ้นไปในกลุ่มเมฆพร้อมกับพวกเขา ไปพบองค์พระผู้เป็นเจ้าในท้องฟ้าเราจะได้อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
หลายเรื่องที่เข้ามาในชีวิตอาจจะำทำให้เสียกำลังใจ
เชื่อในความมั่นคง ความรักที่นิรันดร์แล้วเราจะมีความหวังเสมอค่ะ
ขอพระเจ้าทรงอวยพรค่ะ จะสวดให้นะคะ
เชื่อในความมั่นคง ความรักที่นิรันดร์แล้วเราจะมีความหวังเสมอค่ะ
ขอพระเจ้าทรงอวยพรค่ะ จะสวดให้นะคะ
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
......So am I think too much overall?
- dark-kanita
- โพสต์: 317
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 18, 2007 2:37 pm
คิดมากน่าไอ้หนุ่ม คนเราเกิดมาจากการเสียสละของพ่อแม่ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ นะครับ
เกิดมาก็ตายกันทุกคนละ แค่พระเจ้าให้เวลาเราได้เป็นมนุษย์ ลองค้นหาดูว่านายเกิดมาเพื่ออะไร
เกิดมาก็ตายกันทุกคนละ แค่พระเจ้าให้เวลาเราได้เป็นมนุษย์ ลองค้นหาดูว่านายเกิดมาเพื่ออะไร
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
หากพี่รู้สึกจิตตกแบบนี้ จะรีบถวายจิตที่ตกนั้นแด่พระในทันที บอกกับพระองค์ว่า "ข้าแต่พระเยซูคริสตเจ้า พระเป็นเจ้าและพระผู้ไถ่กู้ของลูก ลูกขอน้อมถวายจิตใจและความคิดทั้งหมดของลูกแด่พระองค์ ขอทรงโปรดปกปักรักษาลูกให้พ้นจากจิตชั่วร้ายและการผจญล่อลวงทั้งปวงด้วยเทอญ อาแมน" แล้วก็จะสวดซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรู้สึกปลอดภัยจากสิ่งไม่ดีที่แทรกเข้ามาทางความคิดของเรา