OMFG! นักประวัติศาสตร์เผยพระเยซูอาจมีเมีย

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

พุธ ก.ย. 19, 2012 8:36 pm

นักประวัติศาสตร์และผู้สนใจถกเถียงกันมาช้านานว่าพระเยซูแห่งนาซาเรธเคยแต่งงานมีเมียหรือไม่ บุคคลที่ต้องสงสัยที่สุดว่าเป็นเมียของเยซู คือ สาวกหญิงที่มีชื่อว่า Mary Magdalene หรือ Mary of Magdala ซึ่งเป็นคนแรกที่พบกับพระเยซูหลังจากที่เขาคืนชีพขึ้นมาจากการตรึงกางเขน (บางคนก็เชื่อกันว่า Mary เมียพระเยซูคนนี้นี่แหละที่เป็นจัดเตรียมเรือให้พระเยซูลี้ภัยหนีทหารโรมันไปทางตะวันออก)

Karen L. King แห่ง Harvard Divinity School คิดว่าเธอได้เจอเข้ากับหลักฐานชิ้นสำคัญของคดีนี้แล้ว หลักฐานชิ้นนั้นคือเศษกระดาษพาพีรัสชิ้นเล็กๆ ที่บรรจุข้อความบ่งบอกว่าพระเยซูพูดถึงเมียของเขา

ข้อความบนกระดาษพาพีรัสเขียนด้วยอักษรคอพติกซึ่ง Karen L. King ถอดความเป็นภาษาอังกฤษได้ดังนี้

not [to] me. My mother gave to me li[fe]
The disciples said to Jesus
deny. Mary is worthy of it
Jesus said to them, My wife
she will be able to be my disciple
Let wicked people swell up
As for me, I dwell with her in order to
....an image...

รูปภาพ

ภาพจาก New York Times

กระดาษชิ้นนี้มีขนาดประมาณแผ่นนามบัตร เจ้าของคนปัจจุบันซึ่งเป็นนักสะสมของโบราณหายาก (เจ้าของคนปัจจุบันไม่ยอมเปิดเผยชื่อและรายละเอียดส่วนตัวไปมากกว่านี้) ติดต่อหา Karen L. King ทางอีเมลเนื่องจากอยากให้เธอช่วยแปลข้อความบนนั้น พร้อมกับได้ให้ข้อมูลว่าเขาได้กระดาษพาพีรัสชิ้นนี้มาจากการเหมาซื้อเอกสารพาพีรัสโบราณในปี 1997 ดังนั้นปัจจุบันจึงไม่มีใครรู้ว่ามันถูกค้นพบที่ไหน เจ้าของเดิมเป็นคนเยอรมันชื่อว่า H. U. Laukamp ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว สิ่งที่ติดมาด้วยกับกระดาษพาพีรัสมีเพียงจดหมายและบันทึกสั้นๆ

จดหมายลงชื่อว่าเป็นของ ศ. Peter Munro แห่ง Freie Universität ในกรุงเบอร์ลินและลงวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 1982 ส่วนบันทึกไม่ได้ลงทั้งชื่อและวันที่ แต่ก็เดาได้ว่าเป็นของ ศ. Peter Munro นั่นแหละ เนื่องจากเนื้อหาในบันทึกและจดหมายเขียนตรงกันว่า "ศ. Fecht ได้ตรวจกระดาษพาพีรัสชิ้นนี้แล้วและสรุปว่ามันเป็นส่วน Gospel of John ที่เขียนขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 2-4"
(คาดกันว่า ศ. Fecht หมายถึง Gerhard Fecht ผู้เชี่ยวชาญด้านอียิปต์วิทยาแห่ง Freie Universität -- ข่าวร้ายคือ ศ. Peter Munro และ Gerhard Fecht ต่างก็เสียชีวิตไปแล้วทั้งคู่)

Karen King ได้นำกระดาษพาพีรัสชิ้นนี้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านอียิปต์วิทยาและผู้เชี่ยวชาญภาษาคอปติกหลายคนช่วยกันตรวจสอบ ทุกคนลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่ากระดาษพาพีรัสและข้อความบนนั้นน่าจะเป็นของจริง เนื่องจากเนื้อกระดาษ, รอยหมึก, และรูปแบบไวยากรณ์ที่ใช้ เหมือนกับของที่ทำขึ้นในศตวรรษที่ 4 หรือก่อนหน้านั้นอย่างที่ไม่น่าจะมีคนปลอมแปลงได้

อย่างไรก็ตาม Karen King ก็ไม่คิดว่าเราควรสรุปกันทันทีว่าพระเยซูแต่งงานมีเมีย เอกสารพาพีรัสชิ้นนี้ถูกเขียนขึ้นหลังจากเหตุการณ์เป็นร้อยๆ ปีโดยใครก็ไม่รู้ (ลายมือคนเขียนก็โยกโย้ไปมา ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการคัดลอกคัมภีร์คริสต์ในยุคแรกๆ ที่ต้องลักลอบทำกัน) ข้อสรุปอย่างเดียวที่ชัดเจนจากหลักฐานนี้คือ ชาวคริสต์ยุคแรกในอียิปต์เชื่อกันว่าพระเยซูมีเมียและชาวคริสต์อย่างน้อยบางกลุ่มก็ยอมรับในคำสอนนี้

ที่มา - New York Times

รูปภาพ

ศ. Karen King ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์คริสตศาสนา ถ่ายคู่กับกระดาษพาพีรัสที่กล่าวถึงเมียพระเยซู
ภาพจาก New York Times

ที่มาข่าวแปล : http://jusci.net/node/2796
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

พุธ ก.ย. 19, 2012 8:39 pm

อาจจะเป็นชื่อเยซูคนอื่นหรือเปล่า เพราะหลักฐานที่มาที่ไปไม่แน่นเพียงพอ
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

พุธ ก.ย. 19, 2012 8:42 pm

:s002: :s002: :s002: :s007: :s005:
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

พุธ ก.ย. 19, 2012 8:55 pm

:s004:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

พุธ ก.ย. 19, 2012 9:02 pm

ใช่ค่ะอาจจะคนละคนก็ได้ :s015:
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

พุธ ก.ย. 19, 2012 9:23 pm

:s005:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

พุธ ก.ย. 19, 2012 9:26 pm

น้านไง ::016::
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

พุธ ก.ย. 19, 2012 9:28 pm

:s005:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5962
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 20, 2012 10:19 am

...อย่าให้ใบอะไรก็ไม่รู้ กระติ๊กเดียวที่ขุดพบ มาทำให้ความเชื่อคลางแคลน
แบบที่น้องๆบอกข้างบนนั้นแหละ พวกอยากดัง สรุปโมเมและทิ้งท้ายไว้...
เหมือนกับแดนบราว์ที่แต่งเรื่องดาร์วินชี่โค้สต์ บิดเบือนพระองค์ หมิ่นศาสนา
เพื่ออยากดังและเงินอย่างเดียว(ได้เงินทั้งโลกแต่ตายไป1บาทก็เอาไปไม่ได้
และต้องนรกนิรันดรคุ้มไหม) หนังเรื่องนี้ที่ต่างประเทศทำให้คนที่ไม่รู้ความจริง
คนที่ความเชื่อน้อยเกิดความสงสัย และละทิ้งศาสนาใจเย็นใจเฉยไปก็มาก
(แดนบราว์และผู้สร้างสมรู้ร่วมคิดต้องรับผิดชอบ ต่อหน้าพระเจ้า)
.....ศาสนาคริสต์จะถูกเบียดเบียน ถูกดูหมิ่นใส่ร้าย ถูกกดขี่ในบางประเทศ
และถูกฆ่าตายเป็นมรณะสักขี ดังประกาศกและผู้ชอบธรรมทั้งหลายที่ถูกทำร้าย
ถูกฆ่าตายมาแล้ว จนถึงสิ้นพิภพ ขอให้เรามีความเชื่อที่มั่นคงจนกว่าชีวิตจะหาไม่
และ
.....รางวัลยิ่งใหญ่นักในสวรรค์ที่พระองค์เตรียมไว้ให้กับลูกๆที่เชื่อและรักพระองค์....
:s005: :s005: :s005:
ภาพประจำตัวสมาชิก
dark-kanita
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 18, 2007 2:37 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 20, 2012 5:03 pm

เราว่านะพรเยซู มีเมียไม่มีเมีย ไม่ใช่ประเด็น เรียกว่าเรา ไม่สนใจว่าจะมีเมียหรือไม่มีเมีย สำหรับเจ้นะเเล้วพระเยซูทำตัวเท่ ใจดีขนาดนั้น จนมีแฟนคลับวิ่งตาม เอ้ยติดตามเยอะแยะ ทั้งหญิงม่ายโสเพณี 55555 เราว่านะเท่ขนาดนั้น มีเมียก้ไม่เห็นเป็นไรนิ โดยถีบ :s012:
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

พฤหัสฯ. ก.ย. 20, 2012 9:06 pm

คนที่ต้องการจะ discredit พระองค์ไม่ได้มีแต่ในสมัยนี้นะครับ มันมีมาตั้งแต่ยุคของพระเยซูแล้ว ที่พวกยูดายติดสินบนให้ทหารเฝ้าอุโมงบอกว่ามีคนเอาพระศพไป ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน
อีกประเด็น ประสงค์ที่มารต้องทำเช่นนี้ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็เพื่อจุดประสงค์ที่จะบิดเบือนว่า พระคริสต์"ไม่ใช่พระเจ้า"
สุดท้าย พระเยซูไม่ได้เท่หรอกนะครับ มีแต่คนดูถูก รังเกียจ แต่ทั้งหมดก็เพราะเราทั้งหลาย

อสย 53:2-3 เพราะเขาผู้นั้นได้เจริญวัฒนาขึ้นต่อหน้าเราอย่างต้นไม้อ่อน เหมือนอย่างหน่อที่ผุดออกมาจากดินแห้ง ไม่มีรูปร่างถูกตาหรือน่าเสน่หาที่จะชวนให้เรามองดู ไม่มีความสวยงามที่เราจะได้ชมเชย
เขาเป็นที่ดูหมิ่น และคนไม่คบหา เป็นคนเจ้าทุกข์ และคุ้นเคยกับความเจ็บปวด และเหมือนกับคนที่ใครๆ เบือนหน้าหนี เขาผู้นั้นก็ถูกสบประมาทและเราหาได้นับถือเขาไม่

ปล.อิมมานูเอล
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 20, 2012 9:11 pm

:s015:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ ก.ย. 21, 2012 5:19 am

แต่ลึกๆแล้วเราก็มีความรู้สึกแปลกๆ ที่ว่าถ้าประเด็นนี้จริง ทำไมพระเจ้าจะต้องยังคงสืบเชื้อสายทางร่างกายคงไว้ ซึ่งหาได้เทียบเท่าการสืบเชื้อสายทางความเชื่อนั้นทวีคูณเสียมากกว่าอีก และประเด็นความเชื่อการตั้งครรภ์โดยขณะยังพรหมจารีย์ของแม่พระก็มีอันสั่นคลอนด้วยหรือเปล่า เพราะการประจักษ์ที่แม่พระประกาศตนเองว่ายังพรหมจารีย์อยู่นี่ก็หลอกลวงหมดไปเลยสินะ

กระดาษชิ้นนี้เป็นตัวทดสอบความเชื่อในคำสอนของพระศาสนจักรในพระเยซู ในส่วนของเราได้เหมือนกันนะเนี่ย

พูดง่ายๆว่า ไม่ฝั่งเราก็ฝั่งเขา ก็ต้องมีสักฝั่งที่ข้อเท็จจริงไม่ถูกต้อง

ผมเลือกฝั่งเราถูกต้องในประเด็นความเชื่อหลักๆที่พระศาสนจักรประกาศรับรองครับ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จับประเด็นที่อ้างมาตามข่าว ข้อเท็จจริงที่อ้างตามข่าว

ข้อเท็จจริง
- พิสูจน์แล้วว่าน้ำหมึก กระดาษ ลายมือมีอายุอยู่ในราวๆศตวรรษที่ 4 (อ้างอิงตามผู้เชี่ยวชาญที่ถูกอ้างถึง)
- ยังหาหลักฐานสนับสนุนไม่เพียงพอ
- เจ้าของเดิมเป็นคนเยอรมันชื่อว่า H. U. Laukamp ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว
- เจ้าของคนปัจจุบันไม่ยอมเปิดเผยชื่อและรายละเอียดส่วนตัวไปมากกว่านี้

ข้อสงสัย
- ชื่อเยซูอาจเป็นไปได้ทั้งพระเยซู หรือชื่อเยซูคนอื่น
- ที่มาที่ไปของกระดาษนี้ยังขาดการอ้างอิงเชื่อมโยงกันอยู่
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

ศุกร์ ก.ย. 21, 2012 11:31 pm

“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ที่บังเกิดมา เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงใช้พระบุตรของพระองค์เข้ามาในโลกเพื่อจะพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยโลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น ผู้ที่เชื่อในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษาลงโทษ แต่ผู้ที่มิได้เชื่อก็ต้องถูกพิพากษาลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้เชื่อในพระนามพระบุตรองค์เดียวที่บังเกิดจากพระเจ้า หลักของการพิพากษามีอย่างนี้ คือความสว่างได้เข้ามาในโลกแล้ว แต่มนุษย์ได้รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะกิจการของเขาชั่ว เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง และไม่มาถึงความสว่าง ด้วยกลัวว่าการกระทำของตนจะถูกตำหนิ แต่ผู้ที่ประพฤติตามความจริงก็มาสู่ความสว่าง เพื่อจะให้การกระทำของตนปรากฏว่า ได้กระทำการนั้นโดยพึ่งพระเจ้า” (ยอห์น 3:16-21)

ขนาดซากไดโนเสาร์ยังทำปลอมกันได้เลย กว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นของปลอมก็แห่กันตื่นเต้นดีใจจนเนื้อเต้นตัวสั่น ซื้อขายกันไปเป็นเงินไม่รู้กี่ร้อยล้านดอลล่าร์ แล้วกระดาษชิ้นเล็กๆที่ไม่มีที่มาที่ไปที่แน่ชัด ก็เอามาเชื่อกันเป็นตุเป็นตะ
น่าสงสารบรรดาผู้หูเบาที่หลงเชื่อคำโกหกไร้สาระ
อีกไม่นานผู้ที่กระทำการบิดเบือนและกล่าวเท็จต่อพระเจ้าของตนเหล่านี้ ก็ต้องไปหมอบกราบแทบพระบาทพระเป็นเจ้าของตน รู้ๆกันอยู่ว่ามนุษย์หน่ะ ส่วนมากมีอายุขัยไม่เกินร้อยปี อยู่ในโลกนี้กันแค่ชั่วคราวกันทุกคน แล้วเมื่อเวลาในโลกนี้ของตนหมดลง จิตวิญญาณของตนเองจะไปทางไหนก็ยังไม่รู้เลย ทำไมไม่รีบทำสิ่งดีๆสะสมไว้ให้มากเท่าที่จะทำได้ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องไปเผชิญหน้ากับพระเป็นเจ้า เราจะได้วิ่งเข้าไปกอดพระองค์แล้วบอกพระองค์ว่า "พ่อค่ะ ลูกกลับมาหาพ่อแล้วค่ะ"
sdjakapong
โพสต์: 164
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 24, 2011 2:17 pm

เสาร์ ก.ย. 22, 2012 6:27 pm

ได้ฟังมาเหมือนกันครับ แต่อย่าตื่นตูมแค่พาดหัวข่าวครับ ต้องฟังรายละเอียดด้านในด้วย
ฟังมาจาก voice แล้วครับ

สรุป ชิ้นนี้ไม่น่าใช่ของจริงครับ
peopletribune
โพสต์: 423
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 28, 2009 8:55 pm
ที่อยู่: Maka-Diyos, Makatao, Makakalikasan, at Makabansa

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2012 10:19 am

สวัสดีครับ คุณKichinto และทุกท่าน

รูปภาพ
ศาสนาเป็นเรื่องของ "ความเชื่อ" และความเชื่อควรมีความ "มั่นคง"
ถ้ามันมีทฤษฎีแย้งอย่างนี้ที่น่าเชื่อถือ ทั้งศาสนจักร และคริสต์เตียนสากล
เค้าคงมีการตรวจสอบ มีการแก้ไข ตำรากันไปนานแล้วครับ ...

พวกนี้เป็น ทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory) อยากรู้หาหนังสือทฤษฎีเหล่านี้
อ่าน อย่าอ่าน เล่ม สองเล่ม นะครับ ...อ่านสัก 10-20 เ่ล่ม แล้วค่อยว่ากัน...

สังเกตุอย่างไม๊ครับ ...เรื่องพวกนี้ มักเกิดขึ้นในประเทศที่เป็น "ทุนนิยม"
เป็นประเทศใหญ่ หรือมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น ให้คนมาที่สถานที่ ๆ ตนว่า
ขายหนังสือ,มีรายการทีวี หรือ รับบริจาค หรือ อยากดังของอาจารย์ หรือนักวิชาการ
บางคน หรือไม่ก็ประเภทข่าวดารารักกัน โปรโมทละครหลังข่าว พวกนี้ต้องตาม
ให้ทันครับ...

ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สุขุมภัมภีรภาพ....หากไม่รู้จริง ไม่ศึกษาจริง และ
ขาดความมั่นคง เป๋ไป เป๋มา....เมื่อเจออะไรกระแทก หรือ กระทบหน่อย ก็เป็นตุ
เป็นตะ....อย่างนี้ลังแต่บั่นทอนความเชื่อ และไม่เป็นสาระ ในชีวิต คริสตชน เลยครับ


เหตุการณ์อย่างนี้ ถ้าเกิดขึ้นในศาสนาอิสลาม เค้าประท้วงกันทั่วโลกไปแล้ว...อย่าง
ข่าวที่เห็น

ยิ่ง Forward มาก ยิ่งนำมาตั้งกระทู้มาก ยิ่งสนทนากันมาก ยิ่งเป็นที่ขบขันของต่าง
ศาสนิก....ว่า "ความถ่องแท้ในศาสนาตน ยังไม่มี" >>> แล้วจะเชื่อว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่


:s012:

โดย : ฟรังซิสโก ณัฐวุฒิ เดินทางทุกที่ ๆ มีพระองค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2012 12:05 pm

:s015:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2012 12:08 pm

พี่ฟรังซิสโก ณัฐวุฒิ สุดยอด :s015: :s012: :s013: :s007:
peopletribune
โพสต์: 423
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 28, 2009 8:55 pm
ที่อยู่: Maka-Diyos, Makatao, Makakalikasan, at Makabansa

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2012 3:05 pm

เมจิ เขียน:พี่ฟรังซิสโก ณัฐวุฒิ สุดยอด :s015: :s012: :s013: :s007:
ขอบคุณครับ น้องเมจิ
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2012 3:15 pm

ค่าาา :s007: :s007: :s007:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2012 10:54 pm

peopletribune เขียน:สวัสดีครับ คุณKichinto และทุกท่าน

รูปภาพ
ศาสนาเป็นเรื่องของ "ความเชื่อ" และความเชื่อควรมีความ "มั่นคง"
ถ้ามันมีทฤษฎีแย้งอย่างนี้ที่น่าเชื่อถือ ทั้งศาสนจักร และคริสต์เตียนสากล
เค้าคงมีการตรวจสอบ มีการแก้ไข ตำรากันไปนานแล้วครับ ...

พวกนี้เป็น ทฤษฎีสมคบคิด (Conspiracy Theory) อยากรู้หาหนังสือทฤษฎีเหล่านี้
อ่าน อย่าอ่าน เล่ม สองเล่ม นะครับ ...อ่านสัก 10-20 เ่ล่ม แล้วค่อยว่ากัน...

สังเกตุอย่างไม๊ครับ ...เรื่องพวกนี้ มักเกิดขึ้นในประเทศที่เป็น "ทุนนิยม"
เป็นประเทศใหญ่ หรือมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น ให้คนมาที่สถานที่ ๆ ตนว่า
ขายหนังสือ,มีรายการทีวี หรือ รับบริจาค หรือ อยากดังของอาจารย์ หรือนักวิชาการ
บางคน หรือไม่ก็ประเภทข่าวดารารักกัน โปรโมทละครหลังข่าว พวกนี้ต้องตาม
ให้ทันครับ...

ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สุขุมภัมภีรภาพ....หากไม่รู้จริง ไม่ศึกษาจริง และ
ขาดความมั่นคง เป๋ไป เป๋มา....เมื่อเจออะไรกระแทก หรือ กระทบหน่อย ก็เป็นตุ
เป็นตะ....อย่างนี้ลังแต่บั่นทอนความเชื่อ และไม่เป็นสาระ ในชีวิต คริสตชน เลยครับ


เหตุการณ์อย่างนี้ ถ้าเกิดขึ้นในศาสนาอิสลาม เค้าประท้วงกันทั่วโลกไปแล้ว...อย่าง
ข่าวที่เห็น

ยิ่ง Forward มาก ยิ่งนำมาตั้งกระทู้มาก ยิ่งสนทนากันมาก ยิ่งเป็นที่ขบขันของต่าง
ศาสนิก....ว่า "ความถ่องแท้ในศาสนาตน ยังไม่มี" >>> แล้วจะเชื่อว่าพระเจ้ายิ่งใหญ่


:s012:

โดย : ฟรังซิสโก ณัฐวุฒิ เดินทางทุกที่ ๆ มีพระองค์
ใช่แล้ว เรื่องพวกนี้ทดสอบความเชื่อพวกเรายิ่งนัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2012 10:56 pm

ห้าคำถามใหญ่ต่อเอกสารโบราณที่บ่งชี้ว่าพระเยซูมีภรรยา
โดย ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ เมื่อ 22 กันยายน 2012 เวลา 5:21 น. ·

Harvard University , Papyrus fragment and Dr. Karen King

("Five big questions about the ‘Jesus’ wife’ discovery" เขียนโดย Daniel Burke and David Gibson

แปลโดย ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์)



ข่าวการค้นพบชิ้นส่วนกระดาษพาไพรัสโบราณที่บันทึกข้อมูลที่บ่งชี้ว่าพระเยซูมีภรรยา และชื่อมารี ด้วยนั้นดูเหมือนจะยืนยันข้อมูลของภาพยนต์เรื่อง "รหัสลับดาวินชี่" (The Davinci Code) เป็นอย่างดี แต่ถึงกระนั้นตัวของ ดร.คาเรน คิง ซึ่งเป็นนักโบราณดคีที่เป็นผู้ค้นพบเอกสารชิ้นเล็กๆนี้เอง ก็ไม่ได้เชื่อว่าข้อความในเอกสารดังกล่าวเป็นความจริงทีต้องเชื่อถือ เธอเองได้ตั้งคำถามกับชิ้นส่วนเอกสารโบราณชิ้นนี้ไว้ 5 ประการ



1.กระดาษพาไพรัสนี้มาจากไหน?


คำตอบคือเราไม่รู้เลย ดร.คิงกล่าวว่า "ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่มันถูกค้นพบ" นี่เป็นการยอมรับว่า นี่ถือว่าไม่ผ่านสำหรับแวดวงนักวิชาการ เอกสารชิ้นนี้ถูกพบโดยนักสะสมนิรนามซึ่งขอให้คิงช่วยวิเคราะห์ ในการทดสอบขั้นต่อไป นักวิชาการเรียกร้องให้เธอกดดันให้เจ้าของนิรนามนี้แสดงตัวออกมา



2.ข้อความเหล่านี้พิสูจน์ว่าพระเยซูแต่งงานได้ไหม?

คำตอบคือพิสูจน์ไม่ได้ คิงกล่าวว่า ชิ้นส่วนเอกสารอันนี้เป็นการแปลของศตวรรษที่สี่ของต้นฉบับภาษากรีกในศวรรษที่สอง ฉะนั้นจึงไม่เก่าพอที่จะพิสูจน์ว่าพระเยซูทรงแต่งงาน เพียงแต่อาจพูดได้ว่า คริสเตียนในยุคแรกมีการโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ "หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดและมีความน่าเชื่อถือทางประวัติศาสตร์มากที่สุดไม่พูดอะไรเลยเกี่ยวกับสถานภาพสมรสของพระเยซู" คิงกล่าว



คิงยังกล่าวด้วยว่าพระเยซูอาจกำลังกล่าวเป็นเชิงเปรียบเทียบเมื่อพระองค์พูดว่า"ภรรยาของเรา" ยิ่งกว่านั้น ชิ้นส่วนเอกสารนี้มีเนื้อหายาวเพียง 33 คำ พร้อมกับเป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์และมีบริบทเพียงเล็กน้อยมาก



3. เอกสารโบราณอื่นๆ พูดถึงการแต่งงานของพระเยซูอย่างไร?

แน่นอนว่า พระคัมภีร์นั้นไม่ได้พูดถึงการแต่งงานของพระเยซูเลย ตลอดทั้งพระคัมภีร์ใหม่ไม่พูดเลย มีเพียงการกล่าวถึงการแต่งงานของพระเยซูในฐานะเจ้าบ่าวกับคริสตจักรซึ่งเป็นเจ้าสาว ซึ่งเป็นความหมายเชิงสัญลักษณ์



หนังสือกิตติคุณของพวกนอสติกบางเล่มซึ่งเป็นเอกสารโบราณที่ค้นพบในศตวรรษที่20 และไม่ได้ถูกรวมในพระคัมภีร์ มีการพูดว่า พระเยซูทรงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับนางมารี ชาวมักดาลา ตัวอย่างเช่น หนังสือกิตติคุณของฟิลลิปกล่าวว่า พระเยซูทรงจุบนางมารี และรักเธอมากกว่าอัครสาวกคนใด



แต่ความเห็นของพวกนักวิชาการก็ได้บอกว่า การใกล้ชิดในความหมายของพวกนอสติกมักหมายถึงการใกล้ชิดที่ไม่ใช่เรื่องทางเพศ ตัวอย่างเช่นในหนังสือกิตติคุณของฟิลลิป บอกว่า คริสเตียนมีการทักทายกันและกันด้วยการจุบ เป็นการแสดงความหมายว่า พวกเขาเป็นครอบครัวฝ่ายวิญญาณ



4. เอกสารนี้จะเปลี่ยนความเชื่อของคริสตชนยุคนี้หรือไม่?


ดร.คิง บอกว่า การค้นพบของเธออาจช่วยกระตุ้นให้บรรดาผู้เชื่อได้หวนคิดอีกครั้งถึงสมมติฐานต่างๆ ในเรื่องการถกเถียงของคริสตชนยุคแรกเกี่ยวกับการแต่งงาน การเป็นโสด และ การมีครอบครัว การถกเถียงของคริสตชนยุคแรกในเรื่องนี้นำมาสู่การถือปฏิบัติของของคาทอลิกในทุกวันนี้ ที่ว่า บาทหลวงต้องเป็นเพศชายทั้งหมดและไม่แต่งงาน



ข้อนี้คิงอาจพูดถูกก็ได้ เพราะทุกวันนี้คริสเตียนต่างถกเถียงกันเกือบทุกเรื่อง เหนืออื่นใดคือ คริสเตียนยังคงโต้เถียงกันเกี่ยวกับเรื่องรักร่วมเพศ บทบาทของผู้หญิงในการทำพันธกิจรับใช้ และเรื่องว่าบาทหลวงควรแต่งงานหรือไม่



ยิ่งกว่านั้น การค้นพบเอกสารโบราณหลายครั้งก็จบลงด้วยการพบว่าเป็นเรื่องหลอกลวง



แต่ถึงแม้เอกสารพาไพรัสนี้จะ "ถูกพิสูจน์ว่าจริง ก็คงหมายความได้เพียงว่า มีการเขียนเอกสารอพอคริฟฟา (หรือหนังสือทำเทียมเลียนแบบพระคัมภีร์)ในยุคนั้น ซึ่งก็มีเป็นจำนวนมาก" เมย์เน็ดกล่าว "มันจะไม่ทำให้เกิดการอภิปรายโต้แย้งขึ้นมาใหม่ และ ยังไงก็ตาม เราก็ต้องรอการพิสูจน์และต้องระมัดระวังมากจนกว่าเราจะได้พบจุดเริ่มต้นของเอกสารดังกล่าว"



5. ทางวาติกันจะตอบสนองอย่างไร?


หากทีมโฆษกของวาติกันเก่งอย่างที่พวกเขาเคยคุยไว้ ทางโรมก็คงจะเงียบไว้



ทางวาติกันและพลพรรคผู้เชี่ยวชาญทางสื่อในโอปุส เดอี ก็กล่าวทั้งหมดที่พวกเขาจำเป็นหรือต้องการจะพูดเกี่ยวกับสถานภาพสมรสของพระเยซูระหว่างเหตุการณ์ของนวนิยาย "ดาวินชี่ โค๊ด"เมื่อสองสามปีก่อน พวกเขาเลือกจะให้บรรดาตัวแทนฝ่ายวิชาการเป็นผู้มาถกเรื่องนี้ ในขณะที่บรรดาพระระดับสูงจะนั่งฟังข้างๆ มากกว่า



ทางวาติกันยืนยันว่า ไม่มีอะไรใหม่ในการที่มาจะถกเถียงเรื่องข้อกำหนดเรื่องเพศและการเป็นโสดของคนที่จะเป็นบาทหลวง ไม่มีแนวโน้มเลยว่าชิ้นส่วนเอกสารนี้จะทำให้วาติกันมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้



โดยสรุปก็คือ เอกสารดังกล่าวไม่อาจถือเป็นข้อสรุปได้ว่าพระเยซูมีภรรยา





ที่มา: episcopaldigitalnetwork.com/ens/2012/09/21/five-big-questions-about-the-jesus-wife-discovery/

- September 21, 2012


http://www.facebook.com/notes/%E0%B8%94 ... 9531697839
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2012 11:55 pm

คุณปอ คัดลอกจากต้นฉบับมาเร็วจริง ดีจังครับ
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

อาทิตย์ ก.ย. 23, 2012 11:57 pm

อย่างไรก็ดี ในฐานะผมเป็นชาวคริสต์คนหนึ่ง ผมก็ยังไม่ค่อยเห็นด้วยกับ หนังสือพิมพ์ M2F(ขออณุญาตเอ่ยชื่อ) และสื่ออื่นบางสื่อ ที่ลงข่าวจนผมเชื่อว่า ชาวพุทธในไทยหรือคนศาสนาอื่นที่ไม่มีภูมิหลังด้านประวัติของพระเยซูเกือบ 100% เชื่อเช่นนั้น เค้าลงข่าวอารมณ์ประมาณว่า นักวิชาการลงความเห็น 100% อย่างไงอย่างงั้น มันจะไม่มากไปหน่อยหรอครับ ทั้งที่คนลงข่าวเอง ผมว่าเค้าก็ไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่าเด็กประถมเรียนวิชาศาสนาสากล แต่ลงข่าวซะ...

เหนื่อยที่จะพูดอะไรไปมากกว่า "ขอพระเจ้าทรงเมตตาเขาเหล่านั้นด้วยเถิด"
อิมมานูเอล
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ย. 24, 2012 12:03 am

ดีแล้วที่มีกระทู้นี้ เพราะจะได้มีกระทู้ที่เป็น Archive มีข้อมูล ข้อสงสัย ข้อถกเถียง ได้ให้ผู้อ่านได้ค้นหาเพิ่มเติม จากการอ่านข่าวครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ก.ย. 29, 2012 12:34 am

ฟาติมาสาร - ไร้สาระสิ้นดี (30 กันยายน 2012) http://www.popereport.com/2012/09/30-2012.html

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคมนี้ ปีแห่งความเชื่อก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือนว่า อุปสรรคท้าทายความเชื่อยังคงมาถามไถ่คริสตชนคาทอลิกเป็นระยะ ความวุ่นวายจากกลุ่มสงฆ์ไม่นบนอบพระสังฆราชในออสเตรียยังไม่จบลง เรื่องไร้สาระเรื่องใหม่ก็ถูกนำมาเสนอผ่านสื่อมวลชนอีกแล้ว

วันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา บรรดาสำนักข่าวต่างประเทศพร้อมใจรายงานข่าวที่ คาเร็น คิง นักประวัติศาสตร์สาขาวิชาคริสตศาสนาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา (HARVARD การออกเสียงที่ถูกต้องคือ “ฮาร์เวิร์ด” ไม่ใช่ “ฮาร์วาร์ด” แบบที่หลายคนเข้าใจกัน) ได้ค้นพบชิ้นส่วนกระดาษโบราณเขียนด้วยภาษาอียิปต์ค็อปติกความยาว 8 บรรทัด โดยเนื้อหาของกระดาษชิ้นนี้ มีการอ้างอิงถึงพระดำรัสของพระเยซูที่ตรัสคำว่า “ภรรยา” ออกมา ...

ประโยคดังกล่าว มีใจความว่า “พระเยซูตรัสกับบรรดาสาวกว่า ‘ภรรยาของเรา ...’ และ ‘เธอสามารถจะเป็นอัครสาวกของเราได้’” ข้อความในกระดาษมีแค่นี้เท่านั้น เมื่ออ่านแล้วยังจับใจความใดๆไม่ได้ทั้งสิ้น แต่ คาเรน คิง นักประวัติศาสตร์คนนี้ก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวโชว์ผลงานการค้นพบทันที แม้ตัวเธอเองจะย้ำกับทุกฝ่ายว่า นี่ไม่ใช่การสรุปว่าพระเยซูทรงมีภรรยา แต่เธอก็มั่นใจว่า มีความเป็นไปได้พอสมควรที่พระเยซูจะทรงแต่งงานมีครอบครัว

ผมมั่นใจว่า คริสตชนหลายที่อ่านข่าวนี้ผ่านตาไปบ้าง น่าจะตกใจ บางคนอาจสงสัยและคล้อยตาม ส่วนบางคนอาจเริ่มหวั่นไหวในความเชื่อว่า ตกลงแล้วที่เราเชื่อกันมานานกว่า 2,000 ปีว่าพระเยซูทรงครองโสดนั้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่

ในมุมมองของผม คิดว่า เราไม่ต้องตกใจกับข่าวพวกนี้ มันเป็นเรื่องเดิมๆที่พวกนักวิชาการพวกนี้ชอบบอกว่า ตัวเองค้นพบหลักฐานใหม่ๆที่ระบุได้ว่า พระเยซูทรงมีภรรยา แต่พอเอาเข้าจริง ไม่มีนักวิชาการแม้แต่คนเดียวที่สามารถ “เดินไปต่อ” กับสิ่งที่ตัวเองค้นพบได้ ตัวอย่างที่จำได้แม่นสุดคือ “เจมส์ คาเมร่อน” ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง (อาทิ ไททานิค) ที่เคยตกเป็นข่าวใหญ่ว่า ขุดพบ “หลุมศพ” ของพระเยซู และพยายามหักล้างความเชื่อที่ว่า พระเยซูไม่ได้เสด็จกลับคืนชีพ แต่ศพยังถูกฝังไว้อยู่ในนั้น ทว่า หลังจากคาเมร่อนทำการแถลงข่าวอย่างเอิกเกริก สมมติฐานของเขาถูกถีบทิ้งอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีหลักฐานวิชาการใดๆมาพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เขากล่าวนั้นเป็นความจริง

นอกจากนี้ หากพิจารณาตามมุมมองวิชาการ พระศาสนจักร “ยอมรับ” พระวรสารแค่ 4 เล่มเท่านั้น นั่นคือพระวรสารนักบุญแม็ทธิว, มาร์โก, ลูกา และ จอห์น พระวรสารทั้ง 4 เล่มนี้ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 แต่สำหรับชิ้นส่วนกระดาษโบราณนี้ ตรวจอายุดูแล้ว พบว่า ถูกเขียนขึ้นในศตวรรษที่ 4 ดังนั้น ความถูกต้องนั้น คงไม่ต้องถกเถียงให้มากความก็รู้กันว่า ศตวรรษที่ 1 ซึ่งบรรดาผู้นิพนธ์ทั้งสี่ใช้ชีวิตอยู่กับพระเยซู มีความถูกต้องแม่นยำกว่าหนังสือที่ถูกเขียนในศตวรรษที่ 4 ซึ่งพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์และเสด็จขึ้นสวรรค์ไปแล้วหลายร้อยปี

ในความเป็นจริงมี(พระ)วรสารเล่มอื่นๆถูกเขียนขึ้นด้วย แต่เป็นการเขียนที่เริ่มในศตวรรษที่ 2 โดยคริสตชนบางคน พระศาสนจักรยุคแรกเริ่มมีการชำระพระคัมภีร์และไม่ยอมรับหนังสือเหล่านี้ เพราะมันเป็นการ “แต่งเติม” และ “ตีความ” ชีวิตรวมถึงคำสั่งสอนของพระเยซูตามแนวทางของคนเขียนแต่ละคน

สำหรับประเด็นที่ว่า พระเยซูเคยมีภรรยาหรือไม่ เราก็เห็นกันอยู่แล้วว่า พระวรสารที่ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ไม่มีระบุไว้เลยว่าพระองค์เคยแต่งงาน นักบุญทั้ง 4 ที่นิพนธ์พระวรสารมีแต่บอกเล่าว่าพระเยซูทรงครองโสด กระนั้น ในกลุ่มอัครสาวก บางคนก็แต่งงานมีครอบครัว อาทิ นักบุญเปโตร (พระวรสารระบุชัดเจนตอนที่พระเยซูทรงรักษาแม่ยายของเปโตร)

ดังนั้น ถ้าต่อไปเจอข่าวไร้สาระแบบนี้ ก็อย่าไปตกใจ เรื่องนี้คือการวัดความเชื่อของเราว่า เชื่อในความจริงมากน้อยแค่ไหน เพราะจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีคนมากมายที่พยายามหาเหตุผลมาอ้างว่า พระเยซูเคยแต่งงาน แต่สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ได้แต่อ้างเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้ แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 2,000 ปีแล้วก็ตาม

AVE MARIA
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ ต.ค. 05, 2012 8:56 pm

หลักฐาน 'พระเยซูมีเมีย' อาจเป็นของเก๊!
ข่าวแปลจากเว็บ : http://jusci.net/node/2812

เมื่อเดือนกันยายน 2012 ที่ผ่านมา Karen L. King แห่ง Harvard Divinity School ได้เปิดเผยหลักฐานเศษกระดาษพาพีรัสที่มีข้อความระบุว่าพระเยซูกำลังพูดถึงภรรยาของตัวเอง ในการประชุม international congress of Coptic Studies ที่ Institutum Patristicum Augustinianum ในกรุงโรม พร้อมทั้งอ้างว่าแวดวงผู้เชี่ยวชาญที่เธอได้ปรึกษาลงความเห็นตรงกันว่ากระดาษพาพีรัสเป็นของที่ถูกเขียนขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 2-4 จริงๆ

แต่ Francis Watson นักวิชาการด้านพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่แห่ง Durham University กลับเห็นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เขาสงสัยว่าข้อความในกระดาษพาพีรัสเป็นของเก๊ และน่าจะทำขึ้นโดยการตัดต่อเอาคำจาก Gospel of Thomas มาแปะเรียงกันให้เกิดความเข้าใจผิด

Francis Watson เอาข้อความจาก Gospel of Thomas ที่เป็นภาษาคอปติกมาเปรียบเทียบประโยคต่อประโยคกับข้อความในกระดาษพาพีรัส (ที่ตอนนี้ได้สมญานามว่าเป็น Gospel of Jesus' Wife ไปแล้ว) คำทุกคำที่ปรากฏในข้อความพาพีรัสสามารถหาเจอได้ใน Gospel of Thomas ทั้งหมด บางส่วนก็เห็นได้ชัดเลยว่าตัดเอามาจากประโยคเต็มๆ ใน Gospel of Thomas

ตัวอย่างเช่น วลีส่วนสำคัญที่สุดในกระดาษพาพีรัสซึ่งก็คือข้อความที่ถอดคำต่อคำเป็นภาษาอังกฤษได้ใจความว่า

Mary is worthy of it
Jesus said to them, My wife
she will be able to be my disciple

Francis Watson พบว่ามันน่าจะมาจากการตัดต่อกลับหัวกลับหางข้อความในคัมภีร์ Gospel of Thomas

GTh 51:19-20
Simon Peter said / to them, “Let Mary leave us, for women are not worthy of life.” Jesus said...”

GTh 49.32-36
The one who does not hate his father and his mother in my way will not be able to be disciple to me and the one who does not love his father and his mother in my way will not be able to be disciple to me.

จะเห็นว่ามีการตัดคำว่า "not" ตรงกลางประโยคออกและเรียงประโยคใหม่พร้อมกับย้ายคำว่า "my" จากที่อื่นมาเติมข้างหน้า "women" เพื่อสร้างรูปบริบทให้เหมือนกับว่า พระเยซูพูดถึง Mary (มารีย์แห่งแมกดาลา) เป็น "my woman" หรือ my wife นั่นเอง

บทความการจับผิด Gospel of Jesus' Wife ฉบับเต็มของ Francis Watson สามารถดาวน์โหลดได้จาก http://markgoodacre.org/Watson.pdf

Alberto Camplani ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาคอปติกก็เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ L'Osservatore Romano ของวาติกัน ว่ากระดาษพาพีรัส Gospel of Jesus' Wife มีแหล่งที่มาที่น่าสงสัยมาก วัตถุโบราณที่วางขายในตลาดค้าของเก่าเช่นนั้นควรจะต้องผ่านการตรวจสอบที่รอบคอบกว่านั้น

แต่คนที่รีบร้อนฟันธงที่สุด น่าจะเป็น Giovanni Maria Vian บรรณาธิการของ L'Osservatore Romano ที่เขียนชัดเจนว่ากระดาษพาพีรัส Gospel of Jesus' Wife เป็นของปลอมอย่างไม่ต้องสงสัย ("At any rate, a fake,") ทุกวันนี้ยังไม่มีหลักฐานชิ้นไหนที่ระบุว่าพระเยซูมีเมียหรือเคยแต่งงาน

ที่มา - Discovery News
ตอบกลับโพส