ประวัติคณะ ภคิณีเซนต์ปอล เดอ ชาตร์
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 26, 2012 9:42 pm
พระพรพิเศษ
อุทิศชีวิตเพื่อการศึกษา การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยและคนยากไร้ โดยมีพระมารดาแห่งชาร์ตร และนักบุญเปาโลเป็นองค์อุปถัมภ์ของคณะ
ภารกิจ
คณะตอบสนองการเรียกร้องของพระศาสนจักร และของเพื่อนมนุษย์โดยทำงานในโรงเรียน 33 แห่ง โรงพยาบาล 2 แห่ง คลินิก 1 แห่ง สถานทูต 1 แห่ง รวมทั้งงานสงเคราะห์ต่างๆ ดูแลเด็กกำพร้า เด็กติดเชื้อเอดส์ คนชรา ชาวไทยภูเขา ชุมชนแออัด ฯลฯ
จิตตารมณ์
พื้นฐานจิตตารมณ์ของภคินีเซนต์ปอล มาจากจิตตารมณ์ของนักบุญเปาโล กล่าวคือ มี พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งแสดงออกด้วยความรักอย่างลึกซึ้งในองค์พระคริสต์ ใส่ใจอย่าง ร้อนรนในพระวรสารของพระองค์ จิตตารมณ์ซึ่งเชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีวิตขององค์พระคริสต์แสดงออกด้วยการน้อมรับพระธรรมล้ำลึกแห่งความทรมานกาย และความตายในชีวิตของตน อันเป็นทางไปสู่การเริ่มเจริญของชีวิตใหม่ และความชื่นชมยินดีนิรันดร คณะได้รับการกำหนดให้อุทิศชีวิตเพื่อการศึกษา การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยและคนยากไร้ ภคินีจึงพร้อมเสมอที่จะประกอบกิจกรรมทุกแบบ ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติในภาระหน้าที่ดังกล่าว ทั้งนี้ ด้วยความซื่อสัตย์ต่อความสุภาพถ่อมตน และความราบเรียบอันเป็นรากฐานดั้งเดิมของคณะ
ประวัติการก่อตั้งคณะ
ภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร กำเนิดในประเทศฝรั่งเศสซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่รักสวยรักงามและมีความเจริญก้าวหน้า แต่ก็ยังมีความอดอยากยากไร้ และคนไม่มีการศึกษาเป็นจำนวนไม่น้อยนิดในประเทศฝรั่งเศส
ในศตวรรษที่ 17 พระศาสนจักรเริ่มมีทัศนะที่กว้างขวางยิ่งขึ้น เกี่ยวกับการถวายตัวของนักบวช ว่ามิใช่จะเก็บตัวอยู่ในอารามอย่างเดียว แต่ควรอุทิศตนเพื่อเพื่อนมนุษย์ด้วย เพราะมนุษย์มีทั้งร่างกาย วิญญาณ และสติปัญญาที่รอคอยความรอด
ปี ค.ศ. 1696 ภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร จึงได้กำเนิดขึ้น โดยมีคุณพ่อหลุยส์ โชเวต์ (Louis CHAUVET) พระสงฆ์พื้นเมือง เจ้าอาวาสวัดประจำตำบล เลอเวส์วิลล์-ลา-เชอนาร์ด (Levesville-la-Chenard) เป็นผู้รวบรวมหญิงสาวชาวนา 4 ค น ที่มีความศรัทธาและปรารถนาจะรับใช้เพื่อนมนุษย์ ให้มาทำงานช่วยวัด นอกจากสมาชิก 4 คนแรกนี้แล้วยังมีลูกสาวของขุนนางอยู่อีกผู้หนึ่งด้วย คือ คุณแม่มารี อานน์ เดอ ตียี (Demoiselle Marie-Anne de Tilly) ซึ่งคุณพ่อหลุยส์ โชเวต์ ได้ให้เป็นผู้อบรมหญิงสาวรุ่นแรกนั้น ให้พร้อมสำหรับเมตตาธรรมตามความต้องการของยุคนั้น คือ การพัฒนาหมู่บ้านใกล้เคียง ทั้งในด้านมนุษยธรรมและด้านวิญญาณ ให้การศึกษาอบรมเด็กหญิ งโดยไม่คิดมูลค่า พร้อมทั้งเอาใจใส่รักษาพยาบาล บริการคนเจ็บตามโรงพยาบาล เยี่ยมเยียนคนยากจน คนเจ็บตามบ้าน และอบรมหญิงสาวให้รู้จักทำงาน
งานของคณะดำเนินการเรื่อยมาอย่างเรียบๆ ในละแวกวัดเลอเวส์วิลล์นั้นเอง ควบคู่ไปกับการทรมานกายอย่างเคร่งครัด และการทำงานหนักที่ต่ำต้อยที่สุดเพื่อเลี้ยงชีพ สัตบุรุษเรียกเราว่า "ภคินีเมตตา" ค.ศ. 1707 คุณพ่อหลุยส์ โชเวต์ ได้มอบภคินีของท่านให้อยู่ในความรับผิดชอบของพระสังฆราชปอล โกเดต์ เดมาเรส์ (Mgr Paul Godet des Marais) ผู้ได้ตั้งชื่อให้เราว่า "ภคินีเซนต์ปอล" ให้มีนักบุญเปาโลเป็นองค์อุปถัมภ์และแบบอย่างแห่งความกระตือรือร้นในการ แพร่ธรรม พระคุณเจ้ายังได้แต่งตั้งให้คุณพ่อ มาเรโชว์ (P?re Mar?chaux) เป็นอธิการคนแรกของคณะ ซึ่งเป็นผู้ปลูกฝังจิตตารมณ์ของคณะให้แก่ภคินีรุ่นแรก
เมื่อภคินีอุทิศตนทำงานดังกล่าวข้างต้นมาได้ 30 ปี คือ ค.ศ. 1727 ท่านเค้าท์เดอ โมเรอปาส์ (M.le comte de Maurepas) เลขาธิการของรัฐสภา ได้ขอพระสังฆราชแห่งชาร์ตร ให้ส่งภคินีไปรับใช้คนเจ็บในโรงพยาบาลที่กาเยนน์ และอบร มสั่งสอนเด็กที่นั่น ซึ่งนับเป็นก้าวแรกที่คณะเริ่มออกแพร่ธรรมในต่างแดน
ชีวิต ความเป็นมา และการทำงานของคณะ ได้ดำเนินไปในพระญาณสอดส่องของ พระเป็นเจ้า มีพระศาสนจักรให้การสนับสนุนมาโดยตลอด อาศัยประมุขของพระศาสนจักรท้องถิ่น พระสงฆ์และสัตบุรุษ จนกระทั่งวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ.1931 สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอที่ 11 ทรงโปรดเกล้าฯ อนุมัติเห็นชอบให้ตั้งคณะอย่างเป็นทางการถาวร และทรงรับรองธรรมนูญของคณะ
ประวัติการก่อตั้งคณะในประเทศไทย
เริ่มต้นหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศต่างๆในทวีปยุโรป ในคราวแรกสยามในสมัยนั้นมีชุมชนชาวตะวันตกมา กกว่าสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากจำเป็นต้องอาศัยชาวตะวันตกซึ่งเป็นผู้ชำนาญ การด้านต่างๆ อาทิ การเงินการคลัง กฎหมาย วิศวกร สถาปนิก ช่างสำรวจ และรังวัด ช่างไฟฟ้า มาช่วยวางโครงสร้างการบริหารและพัฒนาประเทศ ให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก
ชุมชนชาวตะวันตกที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว แถบตรอกโอเรียนเต็ล สุรวงศ์ บางรัก สีลม สาทร บ้านทวาย จึงเกิดความต้องการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่ทันสมัยเพิ่มขึ้นด้วย โรงพยาบาลที่ทันสมัยแบบตะวันตก เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องการเพิ่มขึ้นมากในสมั ยนั้นนอกจากบางกอกเนิร์สซิ่งโฮม อันเป็นสถานพยาบาลขนาดเล็กบนถนนคอนแวนต์แล้ว ที่หัวถนนสีลม ด้านบางรัก ก็มีโรงพยาบาลบางรัก ในความดูแลของนายแพทย์เฮย์ แห่งกระทรวงทหารเรือ และฝั่งธนบุรีมีโรงพยาบาลวังหลัง หรือที่ได้รับการสถาปนาเป็นศิริราชพยาบาลเมื่อ ค.ศ.1888 เท่านั้น ดังนั้น ในปี ค.ศ. 1898 พระสังฆราช หลุยส์ เวย์ (Mgr. Louis Vey) ผู้แทนสมเด็จพระสันตะปาปาประจำราชอาณาจักรสยาม จึงประสงค์จะสร้างโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ที่กรุงเทพฯ และได้ขอความร่วมมือไปยังค ณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร แขวงไซ่ง่อน ซึ่งมี พันธกิจด้านการพยาบาล และการศึกษา ให้ส่งภคินีเข้ามาช่วยงานโรงพยาบาล แมร์กังดิ๊ด (M?re Candide) เป็นอธิการิณีเจ้าคณะแขวงไซ่ง่อน จึงได้ส่งเซอร์ 7 ท่าน เข้ามาดังนี้ เซอร์อิกญาส เดอ เยซู, เซอร์ดอนาเซียน, เซอร์คามิล เดอ เยซู, เซอร์เซราฟิน เดอมารี, เซอร์เอดมองค์, เซอร์เออเชนี ดู ซาเครเกอ, เซอร์ชอง แบร์ฆมันส์ เข้ามาปฏิบัติงานในสยาม และมีนายแพทย์ปัวซ์ (ซึ่งต่อมาเป็นแพทย์ประจำราชสำนัก) เป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาล นี่เป็นก้าวแร กของคณะภคินีในประเทศไทย
อุทิศชีวิตเพื่อการศึกษา การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยและคนยากไร้ โดยมีพระมารดาแห่งชาร์ตร และนักบุญเปาโลเป็นองค์อุปถัมภ์ของคณะ
ภารกิจ
คณะตอบสนองการเรียกร้องของพระศาสนจักร และของเพื่อนมนุษย์โดยทำงานในโรงเรียน 33 แห่ง โรงพยาบาล 2 แห่ง คลินิก 1 แห่ง สถานทูต 1 แห่ง รวมทั้งงานสงเคราะห์ต่างๆ ดูแลเด็กกำพร้า เด็กติดเชื้อเอดส์ คนชรา ชาวไทยภูเขา ชุมชนแออัด ฯลฯ
จิตตารมณ์
พื้นฐานจิตตารมณ์ของภคินีเซนต์ปอล มาจากจิตตารมณ์ของนักบุญเปาโล กล่าวคือ มี พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งแสดงออกด้วยความรักอย่างลึกซึ้งในองค์พระคริสต์ ใส่ใจอย่าง ร้อนรนในพระวรสารของพระองค์ จิตตารมณ์ซึ่งเชื่อมั่นในการฟื้นคืนชีวิตขององค์พระคริสต์แสดงออกด้วยการน้อมรับพระธรรมล้ำลึกแห่งความทรมานกาย และความตายในชีวิตของตน อันเป็นทางไปสู่การเริ่มเจริญของชีวิตใหม่ และความชื่นชมยินดีนิรันดร คณะได้รับการกำหนดให้อุทิศชีวิตเพื่อการศึกษา การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยและคนยากไร้ ภคินีจึงพร้อมเสมอที่จะประกอบกิจกรรมทุกแบบ ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติในภาระหน้าที่ดังกล่าว ทั้งนี้ ด้วยความซื่อสัตย์ต่อความสุภาพถ่อมตน และความราบเรียบอันเป็นรากฐานดั้งเดิมของคณะ
ประวัติการก่อตั้งคณะ
ภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร กำเนิดในประเทศฝรั่งเศสซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่รักสวยรักงามและมีความเจริญก้าวหน้า แต่ก็ยังมีความอดอยากยากไร้ และคนไม่มีการศึกษาเป็นจำนวนไม่น้อยนิดในประเทศฝรั่งเศส
ในศตวรรษที่ 17 พระศาสนจักรเริ่มมีทัศนะที่กว้างขวางยิ่งขึ้น เกี่ยวกับการถวายตัวของนักบวช ว่ามิใช่จะเก็บตัวอยู่ในอารามอย่างเดียว แต่ควรอุทิศตนเพื่อเพื่อนมนุษย์ด้วย เพราะมนุษย์มีทั้งร่างกาย วิญญาณ และสติปัญญาที่รอคอยความรอด
ปี ค.ศ. 1696 ภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร จึงได้กำเนิดขึ้น โดยมีคุณพ่อหลุยส์ โชเวต์ (Louis CHAUVET) พระสงฆ์พื้นเมือง เจ้าอาวาสวัดประจำตำบล เลอเวส์วิลล์-ลา-เชอนาร์ด (Levesville-la-Chenard) เป็นผู้รวบรวมหญิงสาวชาวนา 4 ค น ที่มีความศรัทธาและปรารถนาจะรับใช้เพื่อนมนุษย์ ให้มาทำงานช่วยวัด นอกจากสมาชิก 4 คนแรกนี้แล้วยังมีลูกสาวของขุนนางอยู่อีกผู้หนึ่งด้วย คือ คุณแม่มารี อานน์ เดอ ตียี (Demoiselle Marie-Anne de Tilly) ซึ่งคุณพ่อหลุยส์ โชเวต์ ได้ให้เป็นผู้อบรมหญิงสาวรุ่นแรกนั้น ให้พร้อมสำหรับเมตตาธรรมตามความต้องการของยุคนั้น คือ การพัฒนาหมู่บ้านใกล้เคียง ทั้งในด้านมนุษยธรรมและด้านวิญญาณ ให้การศึกษาอบรมเด็กหญิ งโดยไม่คิดมูลค่า พร้อมทั้งเอาใจใส่รักษาพยาบาล บริการคนเจ็บตามโรงพยาบาล เยี่ยมเยียนคนยากจน คนเจ็บตามบ้าน และอบรมหญิงสาวให้รู้จักทำงาน
งานของคณะดำเนินการเรื่อยมาอย่างเรียบๆ ในละแวกวัดเลอเวส์วิลล์นั้นเอง ควบคู่ไปกับการทรมานกายอย่างเคร่งครัด และการทำงานหนักที่ต่ำต้อยที่สุดเพื่อเลี้ยงชีพ สัตบุรุษเรียกเราว่า "ภคินีเมตตา" ค.ศ. 1707 คุณพ่อหลุยส์ โชเวต์ ได้มอบภคินีของท่านให้อยู่ในความรับผิดชอบของพระสังฆราชปอล โกเดต์ เดมาเรส์ (Mgr Paul Godet des Marais) ผู้ได้ตั้งชื่อให้เราว่า "ภคินีเซนต์ปอล" ให้มีนักบุญเปาโลเป็นองค์อุปถัมภ์และแบบอย่างแห่งความกระตือรือร้นในการ แพร่ธรรม พระคุณเจ้ายังได้แต่งตั้งให้คุณพ่อ มาเรโชว์ (P?re Mar?chaux) เป็นอธิการคนแรกของคณะ ซึ่งเป็นผู้ปลูกฝังจิตตารมณ์ของคณะให้แก่ภคินีรุ่นแรก
เมื่อภคินีอุทิศตนทำงานดังกล่าวข้างต้นมาได้ 30 ปี คือ ค.ศ. 1727 ท่านเค้าท์เดอ โมเรอปาส์ (M.le comte de Maurepas) เลขาธิการของรัฐสภา ได้ขอพระสังฆราชแห่งชาร์ตร ให้ส่งภคินีไปรับใช้คนเจ็บในโรงพยาบาลที่กาเยนน์ และอบร มสั่งสอนเด็กที่นั่น ซึ่งนับเป็นก้าวแรกที่คณะเริ่มออกแพร่ธรรมในต่างแดน
ชีวิต ความเป็นมา และการทำงานของคณะ ได้ดำเนินไปในพระญาณสอดส่องของ พระเป็นเจ้า มีพระศาสนจักรให้การสนับสนุนมาโดยตลอด อาศัยประมุขของพระศาสนจักรท้องถิ่น พระสงฆ์และสัตบุรุษ จนกระทั่งวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ.1931 สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอที่ 11 ทรงโปรดเกล้าฯ อนุมัติเห็นชอบให้ตั้งคณะอย่างเป็นทางการถาวร และทรงรับรองธรรมนูญของคณะ
ประวัติการก่อตั้งคณะในประเทศไทย
เริ่มต้นหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศต่างๆในทวีปยุโรป ในคราวแรกสยามในสมัยนั้นมีชุมชนชาวตะวันตกมา กกว่าสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากจำเป็นต้องอาศัยชาวตะวันตกซึ่งเป็นผู้ชำนาญ การด้านต่างๆ อาทิ การเงินการคลัง กฎหมาย วิศวกร สถาปนิก ช่างสำรวจ และรังวัด ช่างไฟฟ้า มาช่วยวางโครงสร้างการบริหารและพัฒนาประเทศ ให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก
ชุมชนชาวตะวันตกที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว แถบตรอกโอเรียนเต็ล สุรวงศ์ บางรัก สีลม สาทร บ้านทวาย จึงเกิดความต้องการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่ทันสมัยเพิ่มขึ้นด้วย โรงพยาบาลที่ทันสมัยแบบตะวันตก เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องการเพิ่มขึ้นมากในสมั ยนั้นนอกจากบางกอกเนิร์สซิ่งโฮม อันเป็นสถานพยาบาลขนาดเล็กบนถนนคอนแวนต์แล้ว ที่หัวถนนสีลม ด้านบางรัก ก็มีโรงพยาบาลบางรัก ในความดูแลของนายแพทย์เฮย์ แห่งกระทรวงทหารเรือ และฝั่งธนบุรีมีโรงพยาบาลวังหลัง หรือที่ได้รับการสถาปนาเป็นศิริราชพยาบาลเมื่อ ค.ศ.1888 เท่านั้น ดังนั้น ในปี ค.ศ. 1898 พระสังฆราช หลุยส์ เวย์ (Mgr. Louis Vey) ผู้แทนสมเด็จพระสันตะปาปาประจำราชอาณาจักรสยาม จึงประสงค์จะสร้างโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ที่กรุงเทพฯ และได้ขอความร่วมมือไปยังค ณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร แขวงไซ่ง่อน ซึ่งมี พันธกิจด้านการพยาบาล และการศึกษา ให้ส่งภคินีเข้ามาช่วยงานโรงพยาบาล แมร์กังดิ๊ด (M?re Candide) เป็นอธิการิณีเจ้าคณะแขวงไซ่ง่อน จึงได้ส่งเซอร์ 7 ท่าน เข้ามาดังนี้ เซอร์อิกญาส เดอ เยซู, เซอร์ดอนาเซียน, เซอร์คามิล เดอ เยซู, เซอร์เซราฟิน เดอมารี, เซอร์เอดมองค์, เซอร์เออเชนี ดู ซาเครเกอ, เซอร์ชอง แบร์ฆมันส์ เข้ามาปฏิบัติงานในสยาม และมีนายแพทย์ปัวซ์ (ซึ่งต่อมาเป็นแพทย์ประจำราชสำนัก) เป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาล นี่เป็นก้าวแร กของคณะภคินีในประเทศไทย