ประเทศฝรั่งเศส ค.ศ. 1876
แอสแตล ฟาแกต ทำงานเป็นคนใช้อยู่กับคุณนายเดอลา โรชฟูโกลด์ เธอป่วยเป็นโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบเรื้อรัง และที่สุดกลายเป็นวัณโรค ในค.ศ. 1875 แพทย์ที่เยียวยารักษาชื่อ ฮูแบร์ต เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอดและวัณโรค แพทย์ตรวจพบว่า นอกจากแอสแตลจะเป็นโรคที่เยื่อบุช่องท้องแล้ว ยังพบวัณโรคที่กระดูกแขนขวา ทำให้แขนข้างนั้นเป็นอัมพาต ขณะที่แอสแตลตกอยู่ในสภาพใกล้จะตายนี้ ก็ได้รับความช่วยเหลืออย่างมหัศจรรย์จากแม่พระและแม่พระได้มอบภารกิจอย่างหนึ่งให้เธอทำด้วย ต่อไปนี้เป็นคำบอกเล่าเรื่องราวอย่างย่อๆ ของแอสแตล…(เธอเล่าเป็นภาษาแบบแม่ลูกสนทนากัน) แล้วภายหลังยังไดบันทึกไว้ด้วย :
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นจากจดหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งแอสแตลเขียนถึงแม่พระเมื่อต้นเดือนกันยายน ค.ศ. 1875 เวลานั้นเธอรู้สึกสิ้นหวัง รู้ตัวดีว่าจะต้องตายอยู่รอมร่อแล้ว เธอฝากจดหมายฉบับนั้นมอบให้ น.ส. ไรเตอร์ ไปส่งที่ถ้ำแม่พระลูร์ดจำลองเล็กๆ ซึ่งพวกเด็กทำขึ้นไว้ในสวนของคฤหาสน์ปัวเรียรส์ จดหมายฉบับนั้นมีข้อความดังนี้
"คุณแม่ผู้ปี่ยมด้วยความดีลูกมาอยู่แทบเท้าของคุณแม่ คุณแม่คงไม่ปฏิเสธที่จะรับฟังคำลูก คุณแม่คงไม่ลืมว่า ลูกเป็นลูกที่รักคุณแม่ ขอคุณแม่โปรดขอพระบุตรของคุณแม่ บันดาลให้ลูกกลับมีสุขภาพดี ทั้งนี้เพื่อเป็นเกียรติแด่คุรแม่ด้วยเถิด ขอคุณแม่โปรดมองดุความเศร้าโศกของบิดามารดาของลูก ซึ่งหวังพื้งลูกคนเดียวของท่าน หากคุณแม่ไม่เมตตา ลูกก็มิอาจทำหน้าที่ดูแลช่วยเหลือท่านทั้งสองได้ต่อไป อย่างไรก็ดี หากเพราะบาปของลูก คุณแม่จึงมิอาจช่วยลูกให้หายปรกติได้ ก็ขอเพียงโปรดให้ลูกมีเรี่ยวแรงพอจะทำมาหาเลี้ยงชีวิตตนเองและของบิดามารดาได้บ้างด้วยเถิด
"คุณแม่ที่รัก คุณแม่ทราบดีว่า ท่านทั้งสองชราแล้ว และยากไร้จนเกือบจะต้องขอทานเขา ลูกคิดแล้วสุดที่จะเศร้าระทมใจ ขอคุณแม่ได้โปรดรำลึกถึงคือแสนเศร้าที่บังเกิดพระบุตร คุณแม่ต้องเที่ยวเคาะประตูบ้านนี้บ้านโน้น เพื่อขอที่อาศัยด้วยเถิด ขอคุณแม่โปรดรำลึกถึงความทุกข์ระทมเมื่อพระเยซูเจ้าถูกตรึงกางเขนด้วยเถิด
"คุณแม่ที่รัก ลูกวางใจในคุณแม่ ถ้าคุณแม่พอใจ พระบุตรของคุณแม่จะบันดาลให้ลูกหายโรคได้ พระองค์ทรงทราบว่า ลูกปรารถนาจะมีชีวิตอยู่เพื่อรับใช้พระองค์และเพื่ออุทิศตนแก่ครอบครัวที่ต้องการลูก หากทรงพอพระทัยก็จะโปรดให้ลูกหายปรกติ ทั้งนี้ขอให้น้ำพระทัยพระองค์จงสำเร็จมิใช่ตามน้ำใจลูก ลูกขอถวายตัวทั้งครบเพื่อความรอดของลูก ละของบิดามารดา คุณแม่เป็นเจ้าของดวงใจของลูก โปรดเฝ้ารักษาดวงใจนั้นไว้เสมอ ขอให้ถือเป็นมัดจำแห่งความรักและความกตัญญูรู้คุณของลูกต่อความใจดีนิรันดรของคุณแม่ด้วยเถิด
"คุณแม่ที่รัก ลูกขอสัญญาว่าถ้าลูกได้รับพระหรรษทานตามที่วอนขอ ลูกจะอุทิศตนทั้งครบเพื่อพระสิริมงคลของคุณแม่และของพระบุตรเจ้า ขอคุณแม่โปรดคุ้มครองหลานสาวของลูกให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายด้วย โอ้แม่พรหมจารีผู้ศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ลูกถอดแบบความนอบน้อมเชื่อฟังของคุณแม่และสักวันหนึ่งขอให้ลูกเสวยนิรันดรสุขร่วมกับพระบุตรและคุณแม่ด้วยเทอญ"
แม่พระจะทรงตอบจดหมายฉบับนี้… การประจักษ์ครั้งแรก 13 กุมภาพันธ์ 1876 เย็นวันอาทิตย์ที่ 13 ก.พ. 1876 แอสแตลได้ขอคุณพ่อซัลมอน เจ้าอาวาสวัดแปลเลอวัวแซง ให้จดหมายถึงคุณนายโรชฟูโกลด์ ให้ช่วยไปจุดเทียนแทนตัวเธอ : เล่มหนึ่งที่แท่นแม่พระมหาชัย, อีกเล่มหนึ่งที่แท่นแม่พระแห่งลูร์ด พระแท่นทั้งสองอยู่ในวัดนักบุญอิกญาซิโอ ที่ถนนแซฟร์ กรุงปารีส… ตัวเธอเองกำลังนอนรอความตาย
คืนวันที่ 14 ต่อกับวันที่ 15 ก.พ. นั้นเอง แอสแตลแลเห็นปิศาจตนหนึ่งทางด้านขวาของเตียง มันกำลังแยกเขี้ยว ยิ้มแสยะอย่างน่าเกลียดน่ากลัว…บัดดลนั้น เธอเหลือบไปเห็นพระนางพรหมจารีมารีย์ที่ปลายเตียง แม่พระคลุมศีรษะด้วยผ้าขาวยาวลงมาถึงเท้า สวมเสื้อยาวปิดคอถึงข้อมือ มีเชือกรัดสะเอวที่หน้าอกติด "เสื้อจำพวก" แม่พระตรัสอย่างแข็งขันโดยไม่หันไปมองปิศาจว่า "เจ้ามาทำอะไรที่นี่? เจ้าไม่เห็นหรือว่าเธอสวมเครื่องแบบของเรา และของพระบุตรของเรา" ปิศาจไม่ตอบอะไร มันแสดงท่าทางตกใจกลัว เพราะรู้ว่าวิญญาณที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของแม่พระจะมีแต่ความสงบ ปิศาจมิอาจมาล่อลวงให้วุ่นวายได้.. แอสแตลเป็น "ลูกของแม่พระ" ตั้งแต่อายุ 14 ณ วัดนักบุญโธมัส อาควิโน ที่กรุงปารีส เธอได้รับศีลล้างบาป, ศีลกำลัง, ได้รับการเจิมด้วยเครื่องหมายกางเขน ปิศาจอันตรธานไปในบัดดลโดยเขย่าเตียงอย่างแรง แอสแตลรู้สึกกลัว แต่แม่พระตรัสว่า "อย่ากลัว! ลูกก็รู้ ลูกเป็นลูกของแม่ มานะและอดทนเถอะพระบุตรของแม่จะช่วยลูก ลูกจะทรมานอีก 5 วัน เพื่อเป็นเกียรติแด่รอยแผลทั้งห้าของพระบุตร ถึงวันเสาร์ ถ้าลูกไม่ตายก็จะหาย ถ้าพระบุตรโปรดให้ลูกหาย แม่ก็อยากให้ลูกประกาศเกียรติคุณของแม่"
ขณะที่แดสแตลกำลังคิดว่าจะประกาศเกียรติคุณแม่พระอย่างไรดี แม่พระก็แสดงแผ่นบ้ายหินอ่อนให้ดู "คุณแม่คะ ลูกจะต้องเอาแผ่นนี้ไปวางไว้ที่ไหน? ที่วัดแม่พระมหาชัยหรือที่เปลเลอ…?" แอสแตลพูดยังไม่จบ แม่พระก็บอกว่า "ที่วัดแม่พระมหาชัย (กรุงปารีส) มีเครื่องหมายแสดงฤทธิ์อำนาจของแม่มากแล้ว แต่ที่เปลเลอวัวแซงยังไม่มี ยังต้องการเครื่องกระตุ้นเตือนใจ มานะและอดทนเถิด แม่อยากให้ลูกถือตามสัญญา แม่อยากให้ลูกประกาศเกียรติคุณของแม่"
คืนวันอังคารที่ 15 ต่อกับวันพุธที่ 16 ก.พ. ปิศาจย้อนมาอีก มันยืนอยู่ห่างๆ ฉับพลันนั้นแม่พระก็ปรากฏมา ปิศาจเผ่นหนีแอสแตลได้ยินถ้อยคำดังนี้ "อย่ากลัว! แม่อยู่นี่" น้ำเสียงของพระแม่แสดงถึงดวงใจที่เมตตาปรานี "พระบุตรของแม่รับฟังคำของลูกแล้ว พระองค์ประทานชีวิตแก่ลูก วันเสาร์นี้ลูกจะหาย…แล้วลูกจะประกาศเกียรติคุณของแม่" ฉับพลันนั้น แอสแตลกลับรู้สึกอยากตาย แม่พระจึงปลอบประสาแม่ว่า ถ้าพระบุตรประทานชีวิต นี่ก็เป็นไปตามที่ลูกต้องการ สิ่งที่พระองค์ประทานแก่มนุษย์นั้นจะมีอะไรประเสริฐกว่าชีวิตเล่า? ลูกไม่ได้บอกหรอกหรือว่า ถ้ามีชีวิตต่อไปก็จะประกาศเกียรติคุณของแม่?"
ระหว่างการประจักษ์ครั้งที่ 3 คือวันที่ 16 ต่อวันที่ 17 ก.พ. แม่พระตรัสว่า "ลูกรัก มานะไว้ สิ่งเหล่านี้จะผ่านไป เพราะลูกยินยอมรับทน เป็นการชดใช้ความผิดของลูก" แล้วแม่พระบอกแอสแตลว่า "แม่เปี่ยมด้วยความเมตตาปรานีและเป็นผู้รับใช้ของพระบุตร…" แล้วแม่พระเตือนแอสแตลให้ระลึกถึงจดหมายที่เธอเขียนเมื่อเดือนกันยายนว่า "จดหมายและคำภาวนาด้วยใจร้อนรนของลูกประทับใจแม่มาก เป็นต้นประโยคที่ว่า : ขอคุณแม่โปรดมองดูความเศร้าโศกของบิดามารดาของลูก..ถ้าขาดลุกท่านทั้งสองจะต้องเป็นขอทาน…ขอคุณแม่รำลึกถึงความทุกข์ระทมเมื่อพระบุตรเยซูต้องถูกตรึงกางเขน แม่ได้แสดงจดหมายฉบับนี้แก่พระบุตรของแม่ บอกว่า บิดามารดาของลูกต้องการลูก แต่นี้ไป ขอให้ลูกสัตย์ซื่ออย่าทำให้พระหรรษทานที่ได้รับไร้ประโยชน์และจงประกาศเกียรติคุณของแม่เถิด"
แอสแตลหายเป็นปรกติ แม่พระยังประจักษ์มาอีกในคืนวันที่ 17 ต่อวีนที่ 18 ก.พ. …และในการประจักษ์ครั้งที่ 5 คืนวันที่ 18 ต่อวันที่ 19 ก.พ. คือนวันที่ 18 ต่อ 19 ก.พ. นี้ แอสแตลเห็นแผ่นหินอ่อนนั้นอีก ครั้งนี้มีอักษรจารึกด้วย ที่มุมแผ่นหินนั้นประดับด้วย ดอกกุหลาบทองคำ ตรงกลางมีรูปดวงใจถูกแทงด้วยหอกมีเปลวไฟ คาดด้วยมงกุฏกุหลาบมีตัวอักษรทองจารึกว่า "ข้าพเจ้าวอนขอพระนางมารีย์สิ้นสุดกำลัง เพราะทุกข์ลำบาก พระนางได้ทูลขอพระบุตรช่วยให้ข้าพเจ้าหาย" พระนางพรหมจารีตรัสแก่แอสแตลว่า "ถ้าลูกจะรับใช้เราจงเป็นคนซื่อๆ ให้กิจการของลูกสอดคล้องกับคำพูดของลูกเถิด" แม่พระยังตรัสต่อไปว่า "ลูกอยู่ที่ไหน ลูกก็สามารถทำดีได้มากและลูกสามารถประกาศเกียรติคุณของแม่ได้" ฉับพลันนั้น แม่มีอาการโศกเศร้า เสริมว่า "สิ่งที่ทำให้แม่ชอกช้ำใจมาก คือการขาดความเคารพต่อพระบุตร ในศีลมหาสนิทและการสวดภาวนา ที่จิตใจวอกแวก แม่ขอพูดสำหรับคนที่แสร้งทำเป็นศรัทธา…สำหรับลูก จงประกาศเกียรติคุณของแม่…แต่ก่อนจะพูดเรื่องนี้ให้ลูกไปปรึกษาของความเห็นกับสงฆ์ผู้ฟังแก้บาปเสียก่อน…ลูกอาจพบอุปสรรค แต่แม่จะช่วยลูก" แล้วพระนางพรหมจารีก็อันตรธานไป..แอสแตลรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย ประมาณเช้าวันรุ่งขึ้น (19 ก.พ.) แอสแตลรูสึกหายจากโรค มีแต่แขนขวายังกระดุกกระดิกมิได้ ประมาณ 6.30 น. คุณพ่อซัลมอนมาเยี่ยม เห็นแอสแตลนั่งอยู่บนเตียง เธอเล่าเรื่องการประจักษ์ให้คุณพ่อฟัง "ดีละ พ่อจะไปถวายมิสซาและเชิญศีลมหาสนิทมาส่ง และเมื่อลูกรับศีลแล้ว ยกแขนขวาได้พ่อจะเชื่อ"
เมื่อคุณพ่อเจ้าวัดเสร็จพิธีมิสซา อัญเชิญศีลมาด้วย ให้แอสแตลรับศีลแล้ว ยกแขนขวาที่กระดุกกระดิกมิได้ ขึ้นทำสำคัญมหากางเขน…เป็นอีนว่า เธอหายดีแล้ว ต่อไปนี้เธอจะเริ่มทำภารกิจของพระแม่ ซึ่งจะแสดงให้เธอทราบตั้งแต่การประจักษ์ตั้งแต่ครั้งที่ 9 ตรงกับบ่ายวันที่ 9 ก.ย. 1876
การประจักษ์ของรูปจำพวกวันนั้นพอแอสแตลสวดลูกประคำเสร็จ แม่พระก็ประจักษ์มา มีรังสีรุ่งโรจน์ ที่หน้าอกมีผ้าชิ้นเล็กๆ สีขาว แม่พระตรัสว่า "ตั้งแต่นานแล้ว ขุมทรัพย์ของพระบุตรเปิดอยู่ จงวอนขอเถิด!"
แล้วแม่พระเลิกผ้าชิ้นเล็กๆ สีขาวซึ่งใส่ไว้ที่อกออก…แอสแตลเห็นดวงหทัยของพระเยซูเจ้าเป็นสีแดงลุกเป็นไฟและเหมือนกับหัวใจที่ยังมีชีวิตอยู่ ตรงกลางเปลวไฟนั้นมีกางเขน แอสแตลเข้าใจว่า สิ่งนี้คือรูปจำพวก และได้ยินแม่พระตรัสว่า "แม่ชอบความศรัทธานี้มาก..เป็นสิ่งที่ทำให้แม่ได้รับเกียรติ"
วันศุกร์ที่ 15 ก.ย. ฉลองแม่พระมหาทุกข์ 7 ประการ แม่พระประจักษ์มามีเสื้อจำพวกดังกล่าวติดที่หน้าอก แม่พระมองไปรอบๆ แล้วตรัสว่า "แม่รู้ถึงความพยายามที่ลูกทำเพื่อให้มีความสงบ มิใช่เพียงสำหรับลูกเท่านั้น แต่ยังต้องการสำหรับพระศาสนจักรและประเทศฝรั่งเศสด้วย ในพระศาสนจักรยังไม่มีความสงบที่แม่ปรารถนา..และสำหรับประเทศฝรั่งเศส แม่ก็เตือนมามากแล้ว แต่เขาก็ไม่ค่อยจะรับฟังแม่ไม่อาจจะยับยั้งพระบุตรได้อีก
สิ่งที่แม่พระบอกกับแอสแตลนี้ หมายถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 ค.ศ. 1914-1918
บ่ายวันที่ 5 พ.ย. แม่พระบอกกับแอสแตลว่า "แม่ได้เลือกลูก แม่เลือกเด็กๆ และคนอ่อนแอเพื่อประกาศเกียรติคุณของแม่…จงมานะเถิด เวลาและการพิสูจน์จะเริ่มขึ้นแล้ว"
วันเสาร์ที่ 11 พ.ย. เมื่อเห็นรูปจำพวกในการประจักษ์แล้วแอสแตลได้ทำจำลองขึ้นอันหนึ่ง แม่พระขอบใจ ตรัสว่า "อย่าเสียเวลาเลย วันนี้ลูกทำงานสำหรับแม่แล้ว ลูกยังต้องทำงานอื่นอีกมาก"
8 ธันวาคม 1876 การประจักษ์ครั้งสุดท้าย
เป็นการประจักษ์ครั้งสุดท้าย แม่พระให้คำแนะนำต่างๆ แก่แอสแตล ซึ่งหายจากโรคเมื่ออายุ 33 และเธอจะทำงานให้พระแม่จนกระทั่งลาโลกเมื่ออายุ 86
วันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 1876 สมโภชพระนางมารีย์ทรงปฏิสนธินิรมล แม่พระประจักษ์มา แวดล้อมด้วยพวงมาลัยกุหลาบ แม่พระนำรูปจำพวกมาด้วย ตรัสว่า "จงระลึกถึงคำแม่…แอสแตลนึกถึงวาจาทั้งหมดที่แม่พระตรัส เป็นต้นที่ว่า "ลูกรู้ดีว่า ลูกเป็นลูกของแม่แม่เปี่ยมด้วยความเมตตาปรานี และเป็นผู้รับใช้พระบุตร…สิ่งที่ทำให้แม่ชอกช้ำใจมากคือ การขาดความเคารพต่อพระบุตรของแม่ในศีลมหาสนิท…แม่มาช่วยคนบาปให้กลับใจ ..ขุมทรัพย์ของพระบุตรเปิดอยู่…" และ "แม่ชอบความศรัทธานี้มาก" พลางแสดงเสื้อจำพวก "เป็นสิ่งที่ทำให้แม่ได้รับเกียรติ"
แม่พระยังเสริมว่า"แม่อยู่ข้างๆ ลูกแม้ลูกจะมองไม่เห็น" ขอให้เรากลับมาอ่านเรื่องที่แอสแตลเล่าให้คุณพ่อฮูกองฟัง และคุณพ่อนำไปลงในหนังสือวารสารคณะแม่พระแห่งเปลเลอวัวแซง ปี 1922 "นอกจากแม่พระแล้ว ฉันยังเห็นภาพ 2 ภาพแสดงเหตุการณ์ในอนาคต ภาพหนึ่งเป็นภาพประชาชนในเครื่องแต่งกายต่างๆ กำลังแสดงอาการโกรธแค้น อีกภาพหนึ่งเป็นกลุ่มชนอยู่ในสภาพเรียบร้อย แม่พระอธิบายถึงภาพแรกว่า
"ลูกไม่ต้องกลัวเขาเหล่านี้ แม่เลือกลูกให้ประกาศเกียรติคุณของแม่และเผยแผ่ความศรัทธานี้" ขณะนั้นแม่ถือเสื้อจำพวกทั้งสองมือ ฉันได้กลิ่นกุหลาบโชยมา ฉันอยากจะขอเสื้อจำพวกจากพระแม่…พระนางยิ้ม ตรัสว่า "ลูกเห็นแล้วว่า แม่ให้ไม่ได้ แต่ลุกขึ้นมาจูบเสื้อนี้ซิ" ฉันลุกขึ้นฉับไว …พระนางก้มตัวลง ถือเสื้อจำพวกให้ฉันจูบ…
แอสแตลยืนยันว่า "ริมฝีปากของฉันได้จูบดวงหทัยที่เป็นเลือดเนื้อจริงๆ รู้สึกยังอุ่นและเต้นอยู่"
แม่พระตรัสว่า "ลูกจงไปหาคุณพ่อเจ้าวัด บอกให้ท่านช่วยตามอำนาจที่ท่านมี ลูกจงแสดงเสื้อจำพวกให้ท่านดู และบอกว่าไม่มีอะไรเป็นที่พอใจแก่แม่มากเท่ากับที่เห็นลูกๆ ของพระแม่ติดรูปจำพวกนี้ และพวกเขาต่างชดเชยความผิดที่พระบุตรได้รับในศีลมหาสนิท เราจะโปรยปรายพระคุณต่างๆ แก่ผู้ที่ติดเสื้อจำพวกนี้ด้วยความไว้วางใจ และช่วยกันเผยแผ่ให้แพร่หลาย"
ขณะตรัสข้อความดังกล่าวนี้ แม่พระยื่นมือออก มีสายฝนโปรดปรายตกจากมือ แต่ละหยาดฝน มีรายชื่อพระคุณต่างๆ คือ พระคุณ ปรีชาญาณ ความศรัทธา, การกลับใจ, สุขภาพ,ความไว้วางใจ, พลังใจ ความรอด…
แม่พระทำให้ฉันเข้าใจว่าพระคุณเหล่านี้ พระนางนำมาจากดวงหทัยพระเยซูเจ้าเพื่อแจกจ่ายแก่มนุษย์ แม่พระเสริมว่า "พระคุณเหล่านี้เป็นของพระบุตรของแม่ และพระองค์ไม่ทรงปฏิเสธแม่เลย" สงฆ์ผู้ฟังแก้บาปให้ฉันถามแม่พระว่า อีกด้านหนึ่งของเสื้อจำพวก จะเขียนข้อความอะไร แม่พระตอบว่า "แม่สงวนสิ่งนี้ไว้ ขอให้ลูกคิดเอง แล้วให้พระศาสนจักรตัดสินให้"
หลังจากที่แอสแตลได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที 13 แล้ว พระองค์ทรงยอมรับเสื้อจำพวกที่แม่พระบอกนี้..ส่วนสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 15 ตรัสว่า "เราเชื่อว่าเรื่องนี้มีกำเนิดที่ดี และพูดได้ว่าเปลเลอวัวแซงเป็นสถานพิเศษที่แม่พระทรงเลือก เพื่อแจกจ่ายพระคุณต่างๆ

