ฟาติมาสาร - ไร้สาระสิ้นดี (30 กันยายน 2012)

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ก.ย. 29, 2012 12:42 am

ฟาติมาสาร - ไร้สาระสิ้นดี (30 กันยายน 2012) http://www.popereport.com/2012/09/30-2012.html

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคมนี้ ปีแห่งความเชื่อก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือนว่า อุปสรรคท้าทายความเชื่อยังคงมาถามไถ่คริสตชนคาทอลิกเป็นระยะ ความวุ่นวายจากกลุ่มสงฆ์ไม่นบนอบพระสังฆราชในออสเตรียยังไม่จบลง เรื่องไร้สาระเรื่องใหม่ก็ถูกนำมาเสนอผ่านสื่อมวลชนอีกแล้ว

วันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา บรรดาสำนักข่าวต่างประเทศพร้อมใจรายงานข่าวที่ คาเร็น คิง นักประวัติศาสตร์สาขาวิชาคริสตศาสนาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา (HARVARD การออกเสียงที่ถูกต้องคือ “ฮาร์เวิร์ด” ไม่ใช่ “ฮาร์วาร์ด” แบบที่หลายคนเข้าใจกัน) ได้ค้นพบชิ้นส่วนกระดาษโบราณเขียนด้วยภาษาอียิปต์ค็อปติกความยาว 8 บรรทัด โดยเนื้อหาของกระดาษชิ้นนี้ มีการอ้างอิงถึงพระดำรัสของพระเยซูที่ตรัสคำว่า “ภรรยา” ออกมา ...

ประโยคดังกล่าว มีใจความว่า “พระเยซูตรัสกับบรรดาสาวกว่า ‘ภรรยาของเรา ...’ และ ‘เธอสามารถจะเป็นอัครสาวกของเราได้’” ข้อความในกระดาษมีแค่นี้เท่านั้น เมื่ออ่านแล้วยังจับใจความใดๆไม่ได้ทั้งสิ้น แต่ คาเรน คิง นักประวัติศาสตร์คนนี้ก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวโชว์ผลงานการค้นพบทันที แม้ตัวเธอเองจะย้ำกับทุกฝ่ายว่า นี่ไม่ใช่การสรุปว่าพระเยซูทรงมีภรรยา แต่เธอก็มั่นใจว่า มีความเป็นไปได้พอสมควรที่พระเยซูจะทรงแต่งงานมีครอบครัว

ผมมั่นใจว่า คริสตชนหลายที่อ่านข่าวนี้ผ่านตาไปบ้าง น่าจะตกใจ บางคนอาจสงสัยและคล้อยตาม ส่วนบางคนอาจเริ่มหวั่นไหวในความเชื่อว่า ตกลงแล้วที่เราเชื่อกันมานานกว่า 2,000 ปีว่าพระเยซูทรงครองโสดนั้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่

ในมุมมองของผม คิดว่า เราไม่ต้องตกใจกับข่าวพวกนี้ มันเป็นเรื่องเดิมๆที่พวกนักวิชาการพวกนี้ชอบบอกว่า ตัวเองค้นพบหลักฐานใหม่ๆที่ระบุได้ว่า พระเยซูทรงมีภรรยา แต่พอเอาเข้าจริง ไม่มีนักวิชาการแม้แต่คนเดียวที่สามารถ “เดินไปต่อ” กับสิ่งที่ตัวเองค้นพบได้ ตัวอย่างที่จำได้แม่นสุดคือ “เจมส์ คาเมร่อน” ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง (อาทิ ไททานิค) ที่เคยตกเป็นข่าวใหญ่ว่า ขุดพบ “หลุมศพ” ของพระเยซู และพยายามหักล้างความเชื่อที่ว่า พระเยซูไม่ได้เสด็จกลับคืนชีพ แต่ศพยังถูกฝังไว้อยู่ในนั้น ทว่า หลังจากคาเมร่อนทำการแถลงข่าวอย่างเอิกเกริก สมมติฐานของเขาถูกถีบทิ้งอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีหลักฐานวิชาการใดๆมาพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่เขากล่าวนั้นเป็นความจริง

นอกจากนี้ หากพิจารณาตามมุมมองวิชาการ พระศาสนจักร “ยอมรับ” พระวรสารแค่ 4 เล่มเท่านั้น นั่นคือพระวรสารนักบุญแม็ทธิว, มาร์โก, ลูกา และ จอห์น พระวรสารทั้ง 4 เล่มนี้ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 แต่สำหรับชิ้นส่วนกระดาษโบราณนี้ ตรวจอายุดูแล้ว พบว่า ถูกเขียนขึ้นในศตวรรษที่ 4 ดังนั้น ความถูกต้องนั้น คงไม่ต้องถกเถียงให้มากความก็รู้กันว่า ศตวรรษที่ 1 ซึ่งบรรดาผู้นิพนธ์ทั้งสี่ใช้ชีวิตอยู่กับพระเยซู มีความถูกต้องแม่นยำกว่าหนังสือที่ถูกเขียนในศตวรรษที่ 4 ซึ่งพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์และเสด็จขึ้นสวรรค์ไปแล้วหลายร้อยปี

ในความเป็นจริงมี(พระ)วรสารเล่มอื่นๆถูกเขียนขึ้นด้วย แต่เป็นการเขียนที่เริ่มในศตวรรษที่ 2 โดยคริสตชนบางคน พระศาสนจักรยุคแรกเริ่มมีการชำระพระคัมภีร์และไม่ยอมรับหนังสือเหล่านี้ เพราะมันเป็นการ “แต่งเติม” และ “ตีความ” ชีวิตรวมถึงคำสั่งสอนของพระเยซูตามแนวทางของคนเขียนแต่ละคน

สำหรับประเด็นที่ว่า พระเยซูเคยมีภรรยาหรือไม่ เราก็เห็นกันอยู่แล้วว่า พระวรสารที่ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 ไม่มีระบุไว้เลยว่าพระองค์เคยแต่งงาน นักบุญทั้ง 4 ที่นิพนธ์พระวรสารมีแต่บอกเล่าว่าพระเยซูทรงครองโสด กระนั้น ในกลุ่มอัครสาวก บางคนก็แต่งงานมีครอบครัว อาทิ นักบุญเปโตร (พระวรสารระบุชัดเจนตอนที่พระเยซูทรงรักษาแม่ยายของเปโตร)

ดังนั้น ถ้าต่อไปเจอข่าวไร้สาระแบบนี้ ก็อย่าไปตกใจ เรื่องนี้คือการวัดความเชื่อของเราว่า เชื่อในความจริงมากน้อยแค่ไหน เพราะจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีคนมากมายที่พยายามหาเหตุผลมาอ้างว่า พระเยซูเคยแต่งงาน แต่สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็ได้แต่อ้างเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้ แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 2,000 ปีแล้วก็ตาม

AVE MARIA
ภาพประจำตัวสมาชิก
tuztiz
โพสต์: 423
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 19, 2007 7:45 pm

เสาร์ ก.ย. 29, 2012 11:29 am

:s002: :s002:
ตอบกลับโพส