พระเยซูตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต(หลวงพ่อฤาษีลิ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
roseofshalon
โพสต์: 173
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 01, 2012 12:08 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 6:40 am

คำสอน พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)


พระเยซูตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดุสิต


จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน


"..ประมาณเกือบ ๒๐ ปีมาแล้วสมัยที่อาตมาไปวัดคริสต์ที่บางนกแขวก มีบาทหลวงบางคนเขาไปที่กรุงเทพฯ และก็ชอบๆ กัน เพราะสมัยนั้นอาตมาเรียนทั้งพุทธทั้งคริสต์ ที่เรียนคริสต์ไม่ใช่ไปเรียนที่โรงเรียนแต่คุยกัน ตอนนั้นพวกกุฎีจีนเขามาคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน ความจริงนักศาสนาจริงๆ เขาไม่ทะเลาะกัน เมื่อไปเยี่ยมเขาคุยไปคุยมา เขาถามว่า "ท่านทราบไหมว่า พระพุทธเจ้าท่านอยู่ที่ไหน" อาตมาตอบว่า "รู้" เขาถามว่า "เคยคุยไหม" ก็บอกว่า "ฉันไปหาท่านทุกวัน ท่านอยู่ที่นิพพาน" จึงถามเขาว่า "แล้วพระเจ้าของท่านอยู่ที่ไหน" เขาตอบว่า "ไม่รู้" ถามว่า "เคยเห็นไหม" เขาตอบว่า "ไม่เคยเห็น" เขาเลยถามว่า "ท่านเคยเห็นพระเยซูของผมไหมครับ" ตอบว่า "ไม่เคยสนใจ" แล้วก็คุยเรื่องอื่นต่อไป


ต่อมากลับมาที่พัก ธรรมดาของพระก่อนจะนอนต้องทำจิตใจให้สะอาดสบาย ไม่อย่างนั้นนอนไม่สบาย พอเริ่มทำสมาธิจับอารมณ์ จิตมันหลุดโผล่ปั๊บถึงดาวดึงส์ ไปโผล่ช่วงระหว่างพระจุฬามุณีกับบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ไปเดินป๋อที่นั่น พอเดินไปก็มีบาทหลวงคนหนึ่งเดินสวนทางเดินตรงมาข้างหน้า ก็เลยถามว่า "พระเยซูใช่ไหม" ตามธรรมดาอารมณ์เป็นทิพย์มันจะบอกเลยว่าใครเป็นใคร ถ้ายังสงสัยก็ยังใช้ไม่ได้ ความเป็นทิพย์จะบอกชัดจะไปสงสัยไม่ได้เลย ท่านก็ตอบว่า "ใช่ครับ"


อาตมาถามว่า "ทำไมถึงแต่งตัวรุ่มร่ามอย่างนี้ บนสวรรค์เขาแต่งตัวแบบนี้เหรอ" ท่านบอกว่า "ถ้าผมไม่แต่งตัวแบบนี้ เกรงว่าท่านจะจำไม่ได้ จะสงสัย" บอกว่า "ถ้าอย่างนั้นสภาพความเป็นจริงของท่านเป็นอย่างไร" ท่านก็ทำให้ดู ภาพนั้นหายไปกลายเป็นภาพเทวดาสวยงามมาก เครื่องประดับขาวเป็นประกายแวววับ ชฎาก็แหลมเปี๊ยบ เรียกว่างามจับตาเลย ถามว่า "อยู่ที่ไหน" ตอบว่า "อยู่ชั้นดุสิต"


พอบอกอยู่ชั้นดุสิตอาตมาก็ตกใจ ต้องเป็นพระโพธิสัตว์แน่ๆ คุยไปคุยมา อาตมาก็บอกท่านว่า "คำสอนของท่านมันผิดอยู่ข้อหนึ่งนะ" ท่านถามว่า "ผิดอย่างไรครับ" บอกว่า "ล้างบาปนั่นนะ คนที่ทำความชั่วแล้วมันทำลายได้เรอะ อย่างกับเนื้อของเราถูกตัดเฉือนไปเป็นแผล เราจะเอาเงินไปแลกซื้อเนื้อใครเขามาได้ที่ไหน จ่ายเงินให้เขาแล้วแผลมันหายหรือ" ท่านตอบว่า "ความจริงผมไม่ได้สอนอย่างนั้นนะครับ ที่ผมสอนนั้น ผมสอนให้สารภาพบาปแบบพระแสดงอาบัติ อาการสารภาพบาปคือ ไปทำความชั่วมาจากไหน เราจะได้ไม่ทำต่อไป" คำสอนของท่านเป็นแบบนี้ มา ตอนหลังมาดัดแปลง พอล้างบาป สารภาพบาปแล้วบาปหาย ก็เลยบาปทั้งสองคน คนก่อนก็ไม่หมดบาป คนหลังบาปเพราะโกหก


ผู้ที่มีสิทธิไปเกิดอยู่ชั้นดุสิต


พอกลับลงมาก็มานั่งคิดว่า พระเยซูเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ชั้นดุสิต ต้องมีบารมีเข้มแข็งมาก ถ้าไม่เข้มแข็งเข้าชั้นนี้ไม่ได้ เพราะชั้นดุสิตนี้เข้าได้ ๓ พวกคือ


๑) พุทธบิดาพุทธมารดาของพระพุทธเจ้า


๒) พระโพธิสัตว์ที่มีบารมีเข้มแข็งแล้ว


๓) พระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปจึงจะอยู่ชั้นนี้ได้


สวรรค์ทุกชั้นไม่ใช่ใครจะอยู่ได้ทุกชั้นนะ ต้องเป็นไปตามขั้น ก็เลยมานั่งนึกว่า ทำไมพระเยซูมาอยู่ชั้นดุสิตได้ มาดูอารมณ์ตอนหนึ่งของท่านคือ ถูกตอกตะปูกับไม้กางเขน ถ้าจิตไม่ดีพอ ท่านจะเป็นเทวดาไม่ได้ ตามพระบาลีบอกว่า "ถ้าจิตเศร้าหมองก่อนจะตาย ตายไปก็ต้องลงอบายภูมิ" นั่นเขาเจ็บขนาดนั้นเขายังไม่โกรธ ลองคิดดูให้ดีไม่ใช่เรื่องเล็กนะเรื่องใหญ่มาก ทำความดีไว้มากตลอดชีวิต แต่เวลาตายจิตเศร้าหมองหน่อยเดียวก็ต้องลงนรกหน่อยอย่าง พระนางมัลลิกาเทวี เป็นคนดีตลอดชาติ เวลาตายจิตคิดถึงที่เคยไปสะดุดเท้าของสามีนิดเดียว ความจริงโทษท่านไม่มี ถ้าจิตท่านไม่เศร้าหมองก็ไม่ลงนรก แต่ท่านแต่งตัวเป็นนางฟ้า เท้าแหย่ในนรก ๗ วัน.."
magicgreen
โพสต์: 361
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 10:50 am

อย่าลงบทความดูหมิ่นองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างสวรรค์สร้างแผ่นดินและสร้างมนุษย์เลย นะครับ หาอะไรที่เสริมศรัทธาลงดีกว่าเอาเรื่องบ้าๆของคนต่างศาสนามาลงนะฮะ
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 11:27 am

viewtopic.php?f=2&t=17578&p=232855#p230096

:s021:

เคยมีคนลงแล้ว
ผมว่าถ้าอันไหนอ่านแล้วสงสัย เอามาลงเถอะครับ อย่างน้อย จะได้ให้พี่ๆadmin หรือคนอื่นที่รู้ไขความกระจ่าง&แชร์ความเห็นคลายความสงสัย อย่าเก็บไว้สงสัยคนเดียวเลยครับ ของพรรค์นี้ เก็บไว้สงสัยมากๆเข้า ทับถมมากเข้า อาจเบนจากความเชื่อได้นะครับ อย่าคิดว่าตัวเราเองแน่ คนที่ว่าแน่ๆ ในประวัติศาสตร์ละทิ้งความเชื่อไปง่ายๆก็มีหลายคน เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับคนนะครับ แต่ต่อกรกับวิญญาณชั่วในสถานอากาศ (อฟ 6:12-18)
ปล.อิมมานูเอล
แก้ไขล่าสุดโดย aqua-alta เมื่อ พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 4:20 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
roseofshalon
โพสต์: 173
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 01, 2012 12:08 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 12:05 pm

คือว่า ส่วนตัวความเชื่อยังไม่แข็งแรง มักถูกชาวพุทธชักจูงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวพุทธเด๊ี๋ยวคริสต์ ถ้ามีข้อสงสัยแล้วไม่ถามนี่มันแปลกกว่าเยอะนะครับ ถ้าไม่ใช่ก็ช่วยอธิบายให้ฟังด้วยเถอะ งง?? อย่างคุณแม่มา อย่างงี้เค้าก็เป็นคนพุทธมาแอบแจกพระคัมภีร์เลย

:s030:
magicgreen
โพสต์: 361
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 1:30 pm

ข้อสงสัยในศาสนาก็ถูกอธิบายในพระคัมภีร์ หากสงสัยทำไมไม่ถามพระเจ้าล่ะ ขอโทษทีที่พูดแรงไปสำหรับคนความเชื่อไม่แข็งแรง ผมเกลียดพวกดูหมิ่นพระเจ้ามากเกินไปน่ะ ถ้าอยากต่อว่าผมก็เอาเลยมันเกียรติยิ่งใหญ่สำหรับวิญญาณของผม :s002:
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 4:59 pm

ประเด็นคือ ผมว่าที่เอามาลงคงไม่ได้เจตนาหมิ่นพระเจ้าหรอกนะครับ
อีกประเด็น(ผมขอพูดสั้นๆ) ไม่ใช่ทุกคนที่ช่ำชองพระคัมภีร์อย่างละเอียดถี่ยิบ ไม่ใช่ทุกคนที่รักษาตนในทางบริสุทธิ์จนได้ยินพระสุรเสียงพระองค์เป็นคำๆ และที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่วันนี้เรามีความเชื่อเข้มแข็งแล้วพรุ่งนี้เราก็ยังคงจะมีความเชื่อเข้มแข็ง ตัวอย่างของเปโตร ในมัทธิวบทที่16 เมื่อพระเยซูถามเปโตรว่า พระองค์คือผู้ใด

16.ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า "พระองค์เป็นพระคริสต์บุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่"
17.พระเยซูตรัสแก่เขาว่า "ซีโมนบุตรโยนาเอ๋ย ท่านก็เป็นสุข เพราะว่าเนื้อและโลหิตมิได้แจ้งความนี้แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราผู้อยู่ในสวรรค์ทรงแจ้งให้ทราบ

ระดับฝ่ายวิญญาณขณะที่เปโตรได้รับการเปิดเผยแทบจะพูดได้ว่าถึงจุดสูงสุด แต่ดูสิครับไม่ทันข้ามบท เลยไปอีกสี่ห้าข้อ ว่าฝ่ายวิญญาณของเปโตรเป็นอย่างไร ร่วงลงเหวเลย เมื่อพระองค์พยากรณ์ถึงพระมหาทรมานที่จำต้องมาถึง ดูเปโตรตอบสิครับ

22.ฝ่ายเปโตรเอามือจับพระองค์ทูลห้ามว่า "พระองค์เจ้าข้า ให้เหตุการณ์นั้นอยู่ห่างไกลจากพระองค์เถิด อย่าให้เป็นอย่างนั้นแก่พระองค์เลย"
23.พระองค์จึงหันพระพักตร์ตรัสแก่เปโตรว่า "ซาตาน จงถอยไปข้างหลังเรา เจ้าเป็นเหมือนก้อนหินที่ให้เราสะดุด เจ้ามิได้คิดตามพระดำริของพระเจ้า แต่ตามความคิดของมนุษย์"

ธรรมชาติมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้หละครับ ขึ้นๆลงๆ ฉนั้นหลักการที่พระคัมภีร์ให้ไว้คือหนุนใจซึ่งกันและกัน และ อธิษฐานเผื่อกันและกัน เพราะเราก็มิอาจรู้ได้ว่าวันไหนเราจะลืมตัวจนความเชื่อเราจะถึงคราวต่ำลง ได้แต่พึ่งอาศัยในพระองค์จึงจะทำให้เส้นกราฟทะยานขึ้นเรื่อยๆได้

ปล.อิมมานูเอล
magicgreen
โพสต์: 361
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 7:25 pm

ต้องขออภัยที่พูดด้วยอารมณ์ พอดีบทความนั้นเคยทำให้ผมอารมณ์เสียมาหลายรอบแล้ว ที่จริงน่าจะลงลิ้ง แล้วลงรายละเอียดว่าอยากรู้อะไร คนที่ผ่านมาอ่านจะได้ไม่ตกกะใจ :s012:

สำหรับท่านนักบุญเปโตรที่กล่าวแบบนั้นเพราะรักพระองค์และเพราะเชื่อว่าพระองค์คือพระบุตร เลยไม่อยากให้พระองค์รับพระมหาทรมาน แต่ในความเป้นจริงการรั้งพระองค์ไม่ให้รับพระมหาทรมานนั้นถือเป็นการทำให้พระองค์ไม่สามารถทำสิ่งที่ได้รับจากพระบิดาได้สำเร็จ จึงเรียกว่าความคิดนั้นมาจากซาตาน

ก็คงตามนั้นแหละ นักบุญเปโตรไม่ได้มีความลดหลั่นของความเชื่อในข้อนี้เลยไม่ใช่หรือ
พระองค์ทรงตรัสว่า เจ้าคิดอย่างมนุษย์ เจ้าไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า ไม่ใช่หรือครับ

ถ้าหากบทสนทนานี้ทำให้ท่านนักบุญเปโตรแสดงออกถึงความเชื่อที่ลดลง มันลดลงตรงไหน รบกวนแจงให้หน่อยนะครับ :s012:
sdjakapong
โพสต์: 164
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 24, 2011 2:17 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 7:44 pm

เคยไป ชะแวบ ดูที่ pantip (ซึ่งก็ไม่อยากไป แต่บังเอิญไปหน่อย) เลยไปเจอเรื่องนี้มานานแล้ว และก็ได้มีคนโต้แย้งไปแล้วล่ะ


http://ot-nt.blogspot.com/2011/01/blog-post_14.html

ลิงค์นี้กว่าจะหาได้ ตาลีตาเหลือก
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 10:56 pm

ว้าว จริงๆไม่อยากจะโพสตอบเลยอะครับ แต่ขอนิดนึงละกัน
คุณรู้ไว้เถอะครับ มนุษย์คือมนุษย์ ไม่ว่ามนุษย์คนนั้นทางคาทอลิกจะยกย่องให้เป็นนักบุญหรือไม่ก็ตาม
ความคิดของเปโตร คือความคิดที่ดี แต่ดีของมนุษย์ ไม่ใช่ดีของพระเจ้า อย่างเรื่องบนภูเขาแปรพระกายก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง สิ่งที่พระเจ้าว่าดีคือความคิดที่สมกับพระเจ้า(เหมือนอย่างพระเจ้า)เท่านั้น อย่างคำอธิษฐาน ณ เกทเสมนีของพระเยซู พระองค์เท่านั้นที่มีใจสมกับพระบิดา ส่วนเราๆท่านๆ เมื่อถึงระยะเจริญเต็มขนาดของพระคริสต์ แน่นอนที่สุดก็จะมีใจสมกับพระองค์ แต่เราไม่ได้มีใจเช่นนี้มาแต่เกิด
พระเยซูตรัสว่าคนมีความเชื่อน้อย ไม่ใช่น้อยๆครั้ง อย่างเปโตรเดินบนทะเล ก็อีกครั้ง
ส่วนครั้งที่ผมว่า ถ้าคุณสังเกตดีๆ ข้อ21 พระองค์ก็บอกว่าจะเป็นขึ้นมาใหม่ เปโตรจะกลัวอะไร พระองค์เป็นบุตรพระเจ้านะครับ พูดจนถูกกล่าวว่า ซาตาน จงถอยไปข้างหลังเรา แล้วยังบริบูรณ์ด้วยความเชื่อ? ฝ่ายวิญญาณยังสูงส่ง? ถ้าคุณเห็นเช่นนั้นแล้วสบายใจก็เอาเถอะครับ น่าเสียดาย ความเชื่อกับระดับฝ่ายวิญญาณมันไม่มีมิเตอร์วัดด้วยสิครับ
ปฏิเสธพระองค์สามครั้งก่อนไก่ขั้นก็อีกครา แม้พระองค์เป็นบุตรพระเจ้า พูดแล้วพูดอีกว่าจะเป็นขึ้นๆๆๆๆ สาวกฟังไม่เข้าซักคน ไม่มีใครวางใจพระองค์ ต่างคนต่างเตลิดไปคนละทิศละทาง อย่างนี้เรียกบริบูรณ์ด้วยความเชื่อ?
ในพระธรรมเดิม โยบผู้ชอบธรรมที่สุดบนแผ่นดิน ใครจะไปคิด วันหนึ่ง เข้าจะสามารถตั้งกระทู้สดอภิปรายไม่ไว้วางใจพระเจ้าได้
ในครั้งอัญเชิญหีบพันธสัญญากลับเยรูซาเล็มครั้งที่หนึ่ง อัญเชิญกลับไปผิดวิธี รถม้าสะดุด คนก็ดันกลัวหีบหล่น เอามือจับ ด้วยขาดความเชื่อ ไม่รู้เขากลัวอะไร นั่นหีบพันธสัญญานะครับ นั่นคือพระที่นั่งพระกรุณา ถ้าดูแลตัวเองไม่ได้ พระเจ้าจะปกปักอิสราเอลทั้งชนชาติได้อยู่หรือ ประกอบกับเมื่อความไม่บริสุทธิ์สัมผัสสิ่งบริสุทธิ์ แต่โทษครั้งนี้หนักหน่อย ถึงตาย
นางซาราย ภริยาบิดาแห่งความเชื่อแท้ๆ หากเชื่อในพระสัญญาพระเจ้าเสียหน่อย ไม่ลงไม้ลงมือจัดแจงนางฮากาให้สามีเอง ทุกวันนี้คงไม่มีเสี้ยนหนามอันมหึมาเช่นนี้
ยังมีอีกหลายตัวอย่าง

ที่ผมกล่าวทั้งหมดมิได้หมิ่นบุคคลเหล่านั้น หากแต่พระคัมภีร์ยุติธรรมอย่างยิ่ง ทั้งประกอบด้วยความจริง จึงบันทึกทั้งด้าน
ดีและด้านมืดของคน ไม่ดัดไม่แปลง ไม่ตอกไข่ใส่สีเหมือนประวัติศาสตร์บ้านเรา 55 ด้านไม่ดีไว้ดูเป็นเยี่ยง ด้านดีไว้เอาอย่าง
ทั้งหมดทั้งมวลที่พล่ามซะยาวก็เพื่อให้เห็นว่า คนเราขึ้นๆลงๆ พึ่งพาพระองค์ก็ขึ้น ออกจากพระองค์เมื่อไหร่ก็ลง อย่าเหยียดคนที่กำลังลง อธิษฐานเผื่อกันมากๆดีกว่า ไม่ว่าคุณหรือผม ก็ไม่รู้ว่าจะลงเมื่อไหร่
ปล.อิมมานูเอล
แก้ไขล่าสุดโดย aqua-alta เมื่อ พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 11:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
magicgreen
โพสต์: 361
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 11:01 pm

เอาเป็นว่าเรากำลังพูดกันคนละเรื่องแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อเหมือนกันละกันนะ ^^"
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

ศุกร์ ธ.ค. 14, 2012 11:25 am

วิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ยังมีอีกหลายเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่ายังไม่รู้ หรือรู้ไม่จริง หรือรู้ผิดดังนั้นมันก็คือยังมีความเสี่ยง เราคงต้องจัดลำดับความสำคัญของการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง" แล้วหัวข้อนี้เองนั้นก็ได้แสดงถึงหลักข้อแห่งความเชื่อทางคริสต์ศาสนาว่า '"ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นเห็นตถาคต"
ลองเปิดหัวใจประตูแห่งจิตของตนกันหน่อยดีไหม? พระท่านระดับชั้นสูงไม่ว่าเค้่าจะเป็นอริยสงฆ์ศาสนาใดท่านไม่มุสากันนะครับ รู้ไว้เลยครับทุกท่าน วิทยาศาสตร์และศาสนศาสตร์บนโลกใบนี้ล้วนเป็นของมีค่ายากยิ่งต่อชนทุกชาติ แต่......วิทย์ไม่าสมารถเข้าถึงแก่นหลักของจิตจักรวาลได้ ณ ที่แห่งนั้น แตกต่างจากทุกสรรพสิ่งทั้งมวล ไม่มีการเคลื่อนไหวแบบมีแรงดึงดูด ณ ที่นั่น....เป็นสถานที่คัดเลือกแบบเป็นไปตามกฏของอณูจิตภาคนาโนที่มีความน่าจะละเอียดอ่อนไหวมีกำลังเป็นค่ายิ่งกว่าศูนย์อีกนะ ที่แห่งนี่มีชื่อว่า จุดสูงสุดสรรพสิ่งเป็นบ้านของรากฐานแก่นจิต จงเรียนรู้เข้าถึงให้ได้ในระดับนี้ไว้เถิดครับ ต้องฝึกฝนกันอีกเยอะและลำบากแสนสาหัสฉกรรจ์มากยิ่งกว่าถนนหนามกุหลาบอีกด้วย
เหตุเพราะว่า......คนเรานั้นเป็นสัตว์ประเสริฐ์ในจิตใจประตูหัวใจคนเรานั้นล้วนมี พระจิตเจ้าและความรักสถิตไปเกิด ณ ที่แห่งหนใดเป็นอะไรได้ทั้งนั้น อย่าคิดว่าโลกเป็นแค่โลกในสายตามนุษย์เท่าัั้นั้น

เพื่อนบ้านของเรานอกจากโลกใบนี้แล้ว ณ ที่จักรวาลอื่นมีโลกที่ยิ่งกว่าโลกดวงที่ 3 แห่งนี้อีกนะ
คริสต์มาจากที่ฟากฟ้าแห่งนั้นล่ะ ชาวโลกใบนี้มีเชื้อสายอื่นอยู่แต่ก่อนแล้วด้วย

โลกใบนี้สมบูรณ์แล้วเมื่อมีสิ่งอิ่นเข้ามาเติมเต็ม (โลกเป็น....หีบของแพนโดร่า)
เนื่องจากมนุษย์ยุคนั้นมีร่างกายที่ใหญ่กว่ายุคปัจจุบันมาก ข้าวสาลีจึงมีลำต้นสูงใหญ่มาก โดยสูงประมาณเท่าต้นยางนา (ยางนาสูงโดยเฉลี่ย 40 - 45 เมตร) และสูงกว่ามนุษย์ในยุคนั้น ปกติรวงข้าว จะตั้งตรง แต่ครั้นเมื่อรวงข้าวสุกก็จะโน้มลงมาจนมนุษย์สามารถเก็บได้ เมื่อเก็บแล้วก็จะงอกออกมาใหม่และขึ้นได้ทั่วไป ต่องเรียนรู้ทั้งสองหลักของแก่นแท้จากแหล่งอื่นๆด้วยและท่านจะพบคำตอบแท้จริงแต่ละคนมีพระพรแตกต่างไม่เท่ากันไปและสามาถได้พระพรนั้นมานะครับ พระจิตเจ้าจะให้แก่ท่านเมื่อถึงเวลา....ดังนั้นจงไปประกาศความดีเถิด

ในวันนี้ เรายังเผชิญกับภัยของการสะสมอาวุธนิวเคลียร์, สภาพอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลง, ความท้าทายในการแสวงหาพลังงานทางเลือกที่ยั่งยืนและปลอดภัย, และการที่ผู้นำประเทศต่างๆยังมองธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก”จงวินิจฉัยปัจจุบันให้ดีนะครับ
:s002:
syaoran
โพสต์: 267
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 8:42 pm
ที่อยู่: นครสวรรค์
ติดต่อ:

ศุกร์ ธ.ค. 14, 2012 11:25 am

วิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ยังมีอีกหลายเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่ายังไม่รู้ หรือรู้ไม่จริง หรือรู้ผิดดังนั้นมันก็คือยังมีความเสี่ยง เราคงต้องจัดลำดับความสำคัญของการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง" แล้วหัวข้อนี้เองนั้นก็ได้แสดงถึงหลักข้อแห่งความเชื่อทางคริสต์ศาสนาว่า '"ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นเห็นตถาคต"
ลองเปิดหัวใจประตูแห่งจิตของตนกันหน่อยดีไหม? พระท่านระดับชั้นสูงไม่ว่าเค้่าจะเป็นอริยสงฆ์ศาสนาใดท่านไม่มุสากันนะครับ รู้ไว้เลยครับทุกท่าน วิทยาศาสตร์และศาสนศาสตร์บนโลกใบนี้ล้วนเป็นของมีค่ายากยิ่งต่อชนทุกชาติ แต่......วิทย์ไม่าสมารถเข้าถึงแก่นหลักของจิตจักรวาลได้ ณ ที่แห่งนั้น แตกต่างจากทุกสรรพสิ่งทั้งมวล ไม่มีการเคลื่อนไหวแบบมีแรงดึงดูด ณ ที่นั่น....เป็นสถานที่คัดเลือกแบบเป็นไปตามกฏของอณูจิตภาคนาโนที่มีความน่าจะละเอียดอ่อนไหวมีกำลังเป็นค่ายิ่งกว่าศูนย์อีกนะ ที่แห่งนี่มีชื่อว่า จุดสูงสุดสรรพสิ่งเป็นบ้านของรากฐานแก่นจิต จงเรียนรู้เข้าถึงให้ได้ในระดับนี้ไว้เถิดครับ ต้องฝึกฝนกันอีกเยอะและลำบากแสนสาหัสฉกรรจ์มากยิ่งกว่าถนนหนามกุหลาบอีกด้วย
เหตุเพราะว่า......คนเรานั้นเป็นสัตว์ประเสริฐ์ในจิตใจประตูหัวใจคนเรานั้นล้วนมี พระจิตเจ้าและความรักสถิตไปเกิด ณ ที่แห่งหนใดเป็นอะไรได้ทั้งนั้น อย่าคิดว่าโลกเป็นแค่โลกในสายตามนุษย์เท่าัั้นั้น

เพื่อนบ้านของเรานอกจากโลกใบนี้แล้ว ณ ที่จักรวาลอื่นมีโลกที่ยิ่งกว่าโลกดวงที่ 3 แห่งนี้อีกนะ
คริสต์มาจากที่ฟากฟ้าแห่งนั้นล่ะ ชาวโลกใบนี้มีเชื้อสายอื่นอยู่แต่ก่อนแล้วด้วย

โลกใบนี้สมบูรณ์แล้วเมื่อมีสิ่งอิ่นเข้ามาเติมเต็ม (โลกเป็น....หีบของแพนโดร่า)
เนื่องจากมนุษย์ยุคนั้นมีร่างกายที่ใหญ่กว่ายุคปัจจุบันมาก ข้าวสาลีจึงมีลำต้นสูงใหญ่มาก โดยสูงประมาณเท่าต้นยางนา (ยางนาสูงโดยเฉลี่ย 40 - 45 เมตร) และสูงกว่ามนุษย์ในยุคนั้น ปกติรวงข้าว จะตั้งตรง แต่ครั้นเมื่อรวงข้าวสุกก็จะโน้มลงมาจนมนุษย์สามารถเก็บได้ เมื่อเก็บแล้วก็จะงอกออกมาใหม่และขึ้นได้ทั่วไป ต่องเรียนรู้ทั้งสองหลักของแก่นแท้จากแหล่งอื่นๆด้วยและท่านจะพบคำตอบแท้จริงแต่ละคนมีพระพรแตกต่างไม่เท่ากันไปและสามาถได้พระพรนั้นมานะครับ พระจิตเจ้าจะให้แก่ท่านเมื่อถึงเวลา....ดังนั้นจงไปประกาศความดีเถิด

ในวันนี้ เรายังเผชิญกับภัยของการสะสมอาวุธนิวเคลียร์, สภาพอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลง, ความท้าทายในการแสวงหาพลังงานทางเลือกที่ยั่งยืนและปลอดภัย, และการที่ผู้นำประเทศต่างๆยังมองธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก”จงวินิจฉัยปัจจุบันให้ดีนะครับ
:s002:
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

ศุกร์ ธ.ค. 14, 2012 2:24 pm

ผมเคยอ่านบทความนี้มาเหมือนกันครับ ถ้าหลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่าไว้อย่างนั้นจริงท่านอาจจะไม่ได้โกหกหรอกครับ แต่ท่านไม่ได้มีความเชื่อ คือไม่ได้ศึกษาคำสอนของคริสตศาสนาอย่างลึกซึ้ง แต่อาจจะเพราะการอธิษฐานจิตของท่านทำให้ได้ผมกับองค์พระเยซูเจ้า แล้วท่านสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์แต่ไม่ได้มีความเชื่อ และความเข้าใจว่าเป็นองค์พระเจ้า ท่านจึงเข้าใจไปว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นเทวดาระดับสูงองค์หนึ่งเท่านั้น และหลวงพ่อซึ่งไม่ได้มีความเชื่อแบบคริสตชน ไม่ได้เชื่อเรื่องการไถ่บาป ก็ตีความสิ่งที่ท่านอ้างว่าได้ทูลถามพระเยซูเจ้าเรื่องการสารภาพบาปแล้วไปตีความเองว่าชาวคริสต์เอาไปสอนผิดๆ อย่าว่าแต่พุทธศาสนิกชนเลยนะครับ แม้แต่คริสตชนโปรเตสแตนท์เค้าก็ไม่มีการแก้บาปเช่นกัน แต่ให้อธิษฐานขอสารภาพบาปขออภัยโทษจากพระเจ้าได้เลย

ศาสนาอิสลามเองก็นับถือพระเยซูเจ้าในฐานะประกาศกองค์หนึ่งเหมือนกัน คงไม่ต้องมาถกเถียงกันนะครับว่าทูตสวรรค์กาเบรียลได้มาพบกับท่านนบีโมฮัมหมัดจริงหรือไม่ เดี๋ยวได้ไปเถียงกับชาวมุสลิมอีก

ผมคิดว่าโอกาสที่คนเราจะมีความเชื่อเป็นของประทานจากพระ แต่ใครจะเชื่อไม่สุดท้ายแล้วก็เป็นอำเภอใจของคนๆนั้นเองด้วยนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
roseofshalon
โพสต์: 173
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 01, 2012 12:08 pm

ศุกร์ ธ.ค. 14, 2012 4:20 pm

ผมว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านก็มีฌานสมาบัติ และเป็นพระชั้นอริยะ คำพูดของท่านไม่พูดพล่อยๆแน่นอนครับ ท่านต้องพูดตามหลักศาสนาและความประจักษ์แจ้งของท่าน แน่ๆครับ ลูกศิษย์ลูกหาท่านก็เยอะนะครับ อยากให้เปิดใจกันหน่อย

คำสอนของสมเด็จพุฒาจารย์โตก็มีนะครับ
"บุญเราไม่เคยสร้าง...ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า"
" ลูกเอ๋ย...
ก่อนเราจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ได
เจ้าจะต้องมีทุนของตนเองลงทุนไปก่อน
เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ
จึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย
มิฉะนั้น เจ้าจะเอาตัวไม่รอด
เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนล้นพ้นตัว
เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา
ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด
ไม่มีอะไรเหลือติดตัว...
แล้วเจ้าจะมีอะไรเหลือไปภพหน้า
หมั่นสร้างบารมีไว้...แล้วฟ้าดินจะช่วยเจ้าเอง "

" จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลา
เทพเจ้าองค์ไดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้
...ครั้นถึงเวลา...ทั่วฟ้าจบดิน
ก็ต้านเจ้าไม่อยู่...
จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน
เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย
จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า "

นี่คือธรรมเทศนา ของเจ้าประคุณ
สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังษี
ที่ได้โปรดชี้ธรรมไว้ในนิมิต
หลังจากท่านล่วงลับไปแล้ว
เมื่อหนึ่งร้อยกว่าปี
อันเป็นปฐมเหตุที่ต้องสร้างความดี
อย่างไม่มีที่สิ้นสุด


คือ มีเรื่องที่ว่าจิตสำนึกก่อนตายมีเยอะนะครับ ที่ได้ไปสวรรค์ ถึงเป็นคริสตชน แต่ล้างบาปแบบไม่กลับใจจากบาป ผมว่าแย่ หรือว่านับถือคริสตศาสนาแฟชั่นก็มีเยอะ อันนั้นภาษาฝรั่งเรียกความเชื่อเก๊ครับ ความเชื่อแท้ๆคือ การกลับใจจากบาป จนสวรรค์เปิดรับในความดีของคนๆนั้น เพื่อนผมบางคนนับถือคริสต์แต่นิสัยเหี้ย ชั่วช้ามากก็มี มันบอกขโมยกลั่นแกล้ง เบียดเบียนผู้คน เสร็จแล้วไปล้างบาปได้ไปสวรรค์ คุณพ่อที่เป็นสายแบ๊บติส เค้าสอนว่าอย่างนี้คือ เป็นความเชื่อเก๊ ถ้าได้รับพระจิตเจ้ามาเข้าสถิตในตัวแล้วต้องเป็นคนอีกแบบ ต้องเป็นคนดีเลย มีความละอายและเกรงกลัวความชั่วมาก ถ้าระหว่างวันพลั้งเผลอสติเผลอเรอทำอะไรผิดลงไป ไปล้างบาปเลยทันที ไดเ้ผล 100 เปอร์เซ็น เพราะไม่มีเจตนาในการกระทำชั่วช้านั้น แต่บางคนนับถือคริสต์แล้ว ขโมยกลั่นแกล้ง เบียดเบียนผู้คน เสร็จแล้วบอกว่าไปล้างบาปได้ไปสวรรค์ มีงี้ด้วยเหรอ ฝรั่งเค้าว่า ความเชื่อเก๊ ไม่ใช่คริสตชนแท้ๆแน่นอน ถึงล้างบาปไปก็เท่านั้น จิตใจสกปรกโสโครกสิ้นดี เหมือนพวกฟาริสี ธรรมาจารย์ สะดูสี สมัยพระธรรมเดิม ชอบเรื่องศาสนาพิธีกรรมแล้วบอกว่าตัวเองดูดี ทำว่าดูดีไงหละ

"บุคคลผู้ใดมีใจถ่อม ผู้นั้นเป็นสุขเพราะเขาได้เห็นแผ่นดินของพระเจ้าแล้ว"
ข้อคิดสำหรับ magicgreen

:s012:
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

ศุกร์ ธ.ค. 14, 2012 5:37 pm

ก็ถูกต้องนะครับดังที่กล่าวมา แต่ก็ยังไงเราคนละความเชื่อกันย่อมมีหลักคำสอนหรือคุณธรรม ที่สั่งสอนกันมาค่อนข้างแตกต่างกันมาก จึงมองว่าภิกษุท่านนี้กำลังกล่าวถึงเรื่องดูหมิ่นศาสนา หรือการที่นำศาสดาของชาวคริสต์ไปปะปนกับความเชื่ออื่น แล้วประมาณว่าพระเยซูที่กล่าวถึงอยู่ในฐานะผุ้มีบุญแต่ก้ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมาก เราคริสตชนก็ไม่ได้อะไรหรอกครับแค่มีความเห็นว่าไม่น่าจะพูดถึงศาสดาของเราในประเภทนี้คือการกลมกลืนศาสนาของเรา ทำให้คัดแย้งไปจากความเชื่อและความศรัทธาของเรา ถึงเรื่องความเชื่อเรานั้น พระเยซูคริสตเจ้าเป็นพระบุตรพระเจ้า และ อยู่ที่สวรรค์กับพระบิดาผู้ยิ่งใหญ่สุด และพระองค์นั้นสิ้นพระชนม์แล้วแต่กลับฟื้นคืนพระชนม์ชีพจากความตายทั้งร่างกาย และเรื่อง การล้างบาปไม่ใช่บาปที่กระทำแต่หากเป็นบาปกำเนิดที่ติดตัวมาจากบรรพบุรุษซึ่งเป็นบาปร้ายแรง ให้รอดจากบาปประเภทนั้นแล้วอยู่ในพระคุณธรรมของพระเจ้า แล้วเรื่องการสารภาพบาปไม่เคยมีหลักคำสอนไหนสอนว่าถ้าสารภาพแล้วบาปจะหาย แต่เพียงให้สำนึกถึงบาปนั้น แต้ถ้าบาปลดลงถ้าพระเจ้าอภัยก็ไม่มีใครรู้หรอกแม้แต่พระสงฆ์เพียงแค่ไปปฎิบัติชอบก็ดี จึงมีความเห็นว่าภิกษุท่านยังกล่าวไม่ถึงแก่นแท้และหลักความเชื่อที่จริงๆ ของคาทอลิกซึ่งลึกซึ้งมากกว่าที่ภิกษุท่านกล่าวนั้น
-หากผิด ข้อง อย่างไรก็ขออภัยด้วยผมอยู่แค่ ม.1 อย่าโกรธผมนะครับมันเป็นความเห็นรวมๆของเราคาทอลิก :s012:
ขอพระเจ้าอวยพรครับ พระเจ้าสถิตกับคุณ :s015: :s015:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ธ.ค. 14, 2012 7:02 pm

คุณแม่มาเป็นคนพุทธค่ะ ไม่ได้แอบแจกพระคัมภีร์นะคะ แจกเปิดเผยค่ะ......
คุณแม่มาเป็นพนักงานของบริษัท ของคุณ HOLY ค่ะ
หน้าที่ส่วนหนึ่งที่รับผิดชอบมีหน้าที่ส่งพระคัมภีร์ให้กับผู้ที่สนใจที่ขอมาทางเว็บนิวมานาค่ะ
คุณแม่มาเต็มใจทำหน้าที่นี้ค่ะ และรับผิดชอบดี ถึงแม้นจะไม่ได้เป็นคริสตชนค่ะ
:s001: :s003: :s006:
magicgreen
โพสต์: 361
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm

ศุกร์ ธ.ค. 14, 2012 7:36 pm

สำหรับคุณเช่นกัน roseofshalon :s012:

ขอบคุณน้องซันจ๊า :s021:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ ธ.ค. 15, 2012 2:08 am

ในอีกแง่ การสัมผัสสิ่งที่ปลอมตัวมาเป็นพระเยซู ผมเคยเจอนะครับ ผมเคยไปเข้าเงียบในต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง แบบปลีกวิเวก แล้วก็ประมาณเหมือนท่านว่านี่แหละ หลังจากเดินสวดสายประคำ3สาย กลับไปที่ห้องกำลังจะหลับ ครึ่งหลับครึ่งตื่นไป พบตัวเองอยู่ในสถานที่สลัวๆ พบเทพในศาสนาหนึ่ง ปรากฎในรูปลักษณ์แบบชายใส่ชุดขาว แต่ผมก็ทำไมรู้เองก็ไม่ทราบว่าคือเทพองค์ไหน ชักชวนผม พร้อมแสดงทรัพย์สินเงินทอง ในฝันนั้น มีสตรีผู้หนึ่งอยู่ข้างๆในความรู้สึกผมเหมือนเป็นแม่ของผม แต่เธอยืนนิ่งมากไม่พูดอะไรเลย ผมหันไปบอกสตรีนั้นว่าดูสิเขาบอกว่าผมมี...ด้วย(จำคำไม่ได้ แต่เหมือนพรพิเศษอะไรสักอย่าง ประมาณว่าถ้าไปเข้าของเขาแล้วจะรุ่ง) ทันใดผมถูกพามาที่แห่งหนึ่งเป็นทุ่งหญ้า มีชายคนหนึ่งหน้าตารูปร่างเหมือนพระเยซูเป๊ะ มาหาผมแล้วบอกว่า ให้ไปนิพพานเอาไหม พร้อมโชว์ม้วนหนังสือว่า เขาสามารถเขียนชื่อผมลงไปได้ทันที ท่าทางเขากระตือรือร้นมาก ผมตอบไปว่า ไม่เอาครับ คนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนพระเยซูนั้นสะดุ้ง ทำท่างง แล้วถามว่า ทำไมล่ะ ผมตอบไปว่า อ้าว ถ้าไปนิพพาน ก็ไม่ได้เจอพระองค์น่ะสิ ทันใดนั้นผมก็สะดุ้งตื่นมา เพราะว่ามีพายุพัดแรงมากจนประตูเปิดฟาดกับผนัง ผมลุกไปปิดประตูลงกลอนแล้วนอนต่อสวดไปด้วยงงนิดนึงทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา ก่อนจะหลับไป พอเช้า ผมเปิดประตูไปเห็นภูเขาลิบๆตรงกับประตูนั้นมีรูป...สีทองขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขา ผมรู้สึกทันทีว่า...นี่เองที่มา

ดังนั้นพอผมได้อ่านเรื่องของคนที่บอกว่าร่างจริงของคนที่เขาคิดว่าคือพระเยซูนั้นสวมชฎา ผมก็รู้สึกทันทีว่าคงจะมาแนวเดียวกัน ปลอมเป็นพระเยซูเพื่อบิดเบือนความเชื่อคริสตชน ซึ่งพระคนนั้นไม่ได้เรียนคำสอนจึงเข้าใจความเชื่อเรื่องการไถ่บาปแบบมั่วๆ แบบมายาคติที่คนต่างศาสนาเข้าใจผิดๆกัน จึงปรุงแต่งจิตไปได้ขนาดนั้น แต่เผอิญผมเรียนคำสอนมาเลยไม่เคลิ้มไปกับแนวทางแปลกๆที่พระเยซูปลอมนำเสนอ

กท 1:6-10 คำเตือน
ข้าพเจ้าประหลาดใจที่ท่านทั้งหลายหันเหอย่างรวดเร็วจากพระบิดาผู้ทรงเรียกท่านด้วยพระหรรษทานของพระคริสตเจ้า ไปเชื่อข่าวดีอื่น อันที่จริงแล้ว ข่าวดีอื่นนั้นไม่มี แต่มีบางคนก่อความวุ่นวายในหมู่ท่านทั้งหลาย และประสงค์จะบิดเบือนข่าวดีของพระคริสตเจ้า แต่ถ้าเรา หรือทูตสวรรค์ประกาศข่าวดีขัดแย้งกับที่เราเคยประกาศแก่ท่าน ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้าขอพูดย้ำสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยพูดไว้ก่อนอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้าใครประกาศข่าวดีแก่ท่านขัดแย้งกับข่าวดีที่ท่านเคยรับไว้ ก็ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังเอาใจมนุษย์หรือพระเจ้า ข้าพเจ้าพยายามเอาใจมนุษย์กระนั้นหรือ หากข้าพเจ้ายังเอาใจมนุษย์ ข้าพเจ้าก็คงไม่เป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า

2คร 11:13
คนเหล่านี้เป็นอัครสาวกปลอม เป็นผู้ทำงานหลอกลวงที่ปลอมตนเป็นอัครสาวกของพระคริสตเจ้า ไม่ต้องแปลกใจ ซาตานก็ยังปลอมเป็นทูตแห่งแสงสว่างได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ถ้าคนใช้ของมันจะปลอมเป็นผู้รับใช้ความชอบธรรม จุดจบของเขาจะเป็นไปตามกิจการที่เขากระทำ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ ธ.ค. 15, 2012 2:10 am

ที่สำคัญ มีนักบุญมากมายในคริสตศาสนา ทำการอัศจรรย์ได้ยิ่งกว่าหลวงพ่อฤาษีคนนี้

ถ้าพูดไปก็ญาณสูงส่งกว่ามาก พวกท่านล้วนได้รับการประจักษ์จากพระเยซู และพระเยซูไม่เคยดูงี่เง่าแบบนี้ครับ

ผมคิดว่าลองศึกษาการประจักษ์ทั้งหมดในคริสตศาสนาดูก่อนจะดีกว่า ตลอด2000ปีของประวัติสาสตร์คริสตสาสนา คาทอลิก พระเยซูและแม่พระ มาพบผู้คนตลอดเวลาเป็นระยะ ถ้าคุณวัดที่ลูกศิษย์ลูกหาเยอะ ศาสนาคริสต์คือศาสนาที่คนนับถือมากที่สุดในโลก และนักบุญหลายๆท่านมีคนศรัทธามากกว่า ฤาษีลิงดำคนนี้นับร้อยๆเท่า ที่สำคัญ ถ้าสิ่งที่ฤาษีลิงดำนี้พูดมันจริง ทำไมไม่มีสักครั้งที่พระเยซูประจักษ์แก่่นักบุญและผู้คนมากมายในคริสตศาสนาเองไม่เคยมีใครเห็นพระเยซูแต่งตัวแบบนี้ และไม่เคยมีใครบันทึกว่าพระเยซูพูดจาเป็นพุทธแบบนี้

มายาคติแรกที่รุนแรงที่สุดคือการแต่งกาย คุณคิดว่าการแต่งกายแบบสวมชฎานี่มันคือเครื่องแบบสวรรค์เหรอครับ คุณรู้ไหมว่าชฎาเนี่ยเป็นเครื่องประดับที่มาจากเขมร อินเดียไม่มีนะครับ การที่คนไทยวาดเทวดาในวัดไทยใส่ชฎาเนี่ย เพิ่งไม่กี่ร้อยปี เพราะได้รับอิทธิพลจากศิลปะเขมร คุณเคยเห็นเทพเจ้าอินเดียสวมชฎาไหมล่ะครับ ดังนั้นหลวงพ่อคนนี้จิตปรุงแต่งอย่างรุนแรงเหมือนหลวงพ่อของวัดธรรมกาย ที่บรรยายสวรรค์ เป็นภาพลักษณ์จากพุทธศิลปะที่เพิ่งมีมาไม่กี่ร้อยปี ไม่ใช่ภาพแบบเดียวกับสมัยพุทธกาลด้วยซ้ำ ดังนั้นมันคือความจริงจากจิตและระดับความรู้ของเขาไม่ใช่ความจริงที่เป็นจริง

ศาสนาพุทธวาดรูปพระอินทร์พระพรหมกราบไหว้พระพุทธเจ้า คือมรดกการกลืนศาสนาพราหมณ์ ที่ศาสนาพุทธ เอาชื่อพระอินทร์พระพรหมมาลดชั้นลงเป็นสวรรค์ชั้นหนึ่งของศาสนาตน แล้วคุณทราบไหมว่า ศาสนาพราหมณ์กลืนกลับโดยสอนว่า พระพุทธเจ้าคือปางหนึ่งของพระนารายณ์ จนศาสนาพุทธแทบหายหมดจากอินเดีย แล้วครั้งนี้ ก็คือการทำซ้ำวิธีการเดิมคือเอาพระเจ้าในศาสนาอื่นมาลดชั้นให้ต่ำกว่าพระพุทธเจ้าของตน แต่คุณทราบไหมว่าคุณไม่มีวันทำแบบนั้นในอินเดียได้ คุณไม่สามารถเอาพระพุทธเจ้าวางเหนือเทพฮินดูแบบที่พุทธไทยที่กลืนฮินดูเข้ามาทำได้ เพราะฮินดูทั้งอินเดียไม่เคยคิดว่าเทพเจ้าะพวกเขาต่ำกว่าพระพุทธเจ้าแบบที่ศาสนาพุทธสอนอยู่ฝ่ายเดียว

ปล.บทความนี้เขียนโดยคนพุทธไทยย่อมเข้าข้างศาสนาพุทธ และไม่ยอมพูดด้านที่ตัวเองพยายามกลืนฮินดู แต่มันสะท้อนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ว่าฮินดูได้กลืนกลับสำเร็จด้วยวิธีเดียวกับที่ศาสนาพุทธเคยทำกับฮินดู
http://icenattapachara.blogspot.com/201 ... _8698.html

แต่ความน่าสงสารก็คือมันหลอกได้แค่คนที่เป็นพุทธอยู่แล้วหรือเป็นพุทธมาก่อนแล้วไม่มีความรู้ในคริสตศาสนา รวมทั้งประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้ง แต่ไม่อาจหลอกคริสตชนที่มีความรู้ในศาสนาของตน ตลอดจนมีความรู้ทางประวัติศาสตร์ได้

ดังนั้น ผมคิดว่าถ้าคุณศรัทธาคริสตศาสนาจริง อย่าตกเป็นเครื่องมือโดยเอาการบ่อนทำลายจากการพยายามกลืนศาสนาของภิกษุคนหนึ่งมาล้างสมองคนอื่นจะดีกว่าครับ เพราะเป็นการลบหลู่พระเยซูคริสต์อย่างมาก และนี่คือสิ่งที่พระคัมภีร์ระบุอย่างชัดเจนว่า การบิดเบือนหลักการทรงไถ่บาปของพระเยซูเป็นการหลอกลวงของมารครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ ธ.ค. 15, 2012 3:14 am

ผมแนะนำให้ผู้ตั้งกระทู้ กรุณาอ่านบทความนี้อย่างละเอียด โดยไม่ต้องไปเชื่อมโยงอะไรกับศาสนาพุทธทั้งสิ้น อ่านอย่างที่เขียนเท่านั้น แล้วคุณจะเข้าใจว่า ระบบจักรวาลของพุทธกับคริสต์นั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ

viewtopic.php?f=2&t=7409&start=0
magicgreen
โพสต์: 361
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm

เสาร์ ธ.ค. 15, 2012 10:51 am

พี่ HOLY ขอบคุณมากครับ ^^
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

เสาร์ ธ.ค. 15, 2012 11:29 am

ขอบคุณครับพี่ Holy ผมว่ามีคนไปหาเรื่องพวกนี้มาหนะดีนะครับ แล้วใครรู้จริงหรือว่ามีเหตุผลที่ดูเป็นหลักการ มีการอ้างอิงจากคำสอนหรือพระคัมภีร์ตอบโต้ไป เวลาคนพุทธหรือคนต่างศาสนามาถามเราก็จะได้มีข้อมูลหมัดเด็ดไปแย้งเค้าได้

พี่ Holy รู้จักคุณ พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ไหมครับ รายนี้ยิ่งมันส์ เป็นพุทธแล้วเชื่อพระเจ้า แต่เชื่อแบบเพี้ยนๆ แล้วเอาแทบทุกศาสนาหลักๆมายำกันเละตุ้มเป๊ะเลยครับ ใครไปขัดแกๆก็หาว่าโดนมารสิงหมด ผมหนะอยากพาแกไปรักษาจริงๆเลยครับ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

เสาร์ ธ.ค. 15, 2012 12:10 pm

ล่าสุดผมคุยกับอาจารย์คนมีญาณคนหนึ่ง (ไม่ใช่หมอดูพลังจิตที่ผมเคย post ไว้นานแล้วนะครับ) แกบอกว่าคนเราตายไปจิตจะไปตามสิ่งที่ตนเองเชื่อหรือนับถือ คนที่นับถือพระเจ้า เช่นคนคริสต์ คนมุสลิม จะไปอยู่ในระบบของพระเจ้า ซึ่งคนมีญาณอย่างแกไม่สามารถจะไปทราบได้ คือบอกไม่ได้ว่าอยู่ในไฟชำระ สวรรค์ หรือว่านรก ตามความเชื่อของคริสตศาสนา แต่ถ้าเป็นคนพุทธแกบอกได้

เรื่องอายุขัยก็เหมือนกันถ้าเป็นคนที่นับถือพระเจ้าอาจารย์แกบอกว่าพระเจ้าทรงกำหนดและดูแลอยู่แล้วแกไปยุ่งไม่ได้ แต่ถ้าเป็นคนพุทธแกอาจจะดูได้แต่บอกไม่ได้เพราะเป็นจรรยาบรรณของหมอดูหรือคนมีญาณ
kay-su
โพสต์: 68
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 17, 2012 7:04 am

อาทิตย์ ธ.ค. 16, 2012 9:50 am

พระเยซูเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าทุกคนเปิดใจให้พระองค์ ฟังคำสอนของพระองค์ แสวงหาพระองค์ ท่านจะไม่มีความสงสัยและแคลงใจในตัวพระองค์เลย เพราะพระองค์จะแสดงให้ท่านรู้จักพระองค์ด้วยตัวพระองค์เองเลยทีเดียว พระองค์จะสอนท่าน นำทางท่าน เป็นนายชุมพาบาลของท่าน และโอบกอดท่านด้วยความรักเต็มเปี่ยมของพระองค์ เมื่อนั้นท่านจะหมดความสงสัย ขอเพียงท่านแสวงหาพระองค์ เชื่อฟังคำสอน เพื่อที่ท่านจะอยู่ในพระพรของพระองค์ ตาของท่านจะไม่มืดบอด หูของท่านก็จะได้ยิน ใจของท่านก็จะรับรู้ ความจริงเที่ยงแท้ และความรัก การให้อภัย ความเมตตากรุณาและความอบอุ่นของพระองค์ผู้ซึ่งเป็นพ่อรอลูกรักกลับมาหา มาพึ่งพิง มาโอบกอดกันและกัน อยู่ด้วยกันในความรัก สันติ สงบสุข ตลอดไป
ขอพระเจ้าผู้ทรงพระทัยดี เปี่ยมด้วยความรักและเมตตา อวยพรท่าน คุ้มครองท่าน นำทางท่าน ตลอดไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ ธ.ค. 16, 2012 9:25 pm

sansrepos เขียน:ขอบคุณครับพี่ Holy ผมว่ามีคนไปหาเรื่องพวกนี้มาหนะดีนะครับ แล้วใครรู้จริงหรือว่ามีเหตุผลที่ดูเป็นหลักการ มีการอ้างอิงจากคำสอนหรือพระคัมภีร์ตอบโต้ไป เวลาคนพุทธหรือคนต่างศาสนามาถามเราก็จะได้มีข้อมูลหมัดเด็ดไปแย้งเค้าได้

พี่ Holy รู้จักคุณ พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ไหมครับ รายนี้ยิ่งมันส์ เป็นพุทธแล้วเชื่อพระเจ้า แต่เชื่อแบบเพี้ยนๆ แล้วเอาแทบทุกศาสนาหลักๆมายำกันเละตุ้มเป๊ะเลยครับ ใครไปขัดแกๆก็หาว่าโดนมารสิงหมด ผมหนะอยากพาแกไปรักษาจริงๆเลยครับ
ไม่รู้จักอ่ะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
roseofshalon
โพสต์: 173
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 01, 2012 12:08 pm

จันทร์ ธ.ค. 24, 2012 11:11 am

ใจเย็นๆ ทุกศาสนาสอนคนให้เป็นคนดีั การยอมรับการอยู่ร่วมกันเป็นส่วนนึงของการเป็นผู้มีอารยะที่เจริญ นะ สมัยก่อนคนคริสต์ก็มาสอนคนพุทธ และมุสลิมเลย การยอมรับในความต่างของคำสอนหันมาประยุกต์ พุทธคริสต์เข้าด้วยกันดีนะ

:s015:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

จันทร์ ธ.ค. 24, 2012 1:57 pm

: xemo029 : : xemo029 : : xemo029 : : xemo029 : : xemo029 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
roseofshalon
โพสต์: 173
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 01, 2012 12:08 pm

อังคาร ธ.ค. 25, 2012 10:56 am

สุขสันต์วันคริสมาส ขอพระเจ้า อวยพระพรทีมงานเว็บนิวมานาทุกคนนะครับ และทุกท่านด้วย ผมได้อะไรจากเว็บนี้เยอะมาก ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยให้กันด้วยนะครับ
Merry Christ 'X MAS ขอให้มีความสุขกันทั่วหน้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร ธ.ค. 25, 2012 6:45 pm

roseofshalon เขียน:ใจเย็นๆ ทุกศาสนาสอนคนให้เป็นคนดีั การยอมรับการอยู่ร่วมกันเป็นส่วนนึงของการเป็นผู้มีอารยะที่เจริญ นะ สมัยก่อนคนคริสต์ก็มาสอนคนพุทธ และมุสลิมเลย การยอมรับในความต่างของคำสอนหันมาประยุกต์ พุทธคริสต์เข้าด้วยกันดีนะ

:s015:
การยอมรับความแตกต่าง ไม่ใช่การเบือนเนื้อหาเข้าด้วยกัน อะไรสอนเหมือนก็บอกว่าสอนเหมือน อะไรสอนต่างก็บอกว่าสอนต่าง ตามความเป็นจริง

พระสันตะปาปา เพิ่งตรัสเรื่องนี้

"การเสวนากับเพื่อนต่างศาสนา มีพื้นฐานสำคัญ 2 อย่าง ประการแรกคือการเสวนาศาสนสัมพันธ์ไม่ได้มีจุดประสงค์(ให้ผู้อื่น)เปลี่ยนศาสนา แต่มันคือการทำให้เราเข้าใจแก่นแท้ของกันและกัน ด้วยความเคารพต่อประเด็นนี้ เราสามารถกล่าวได้ว่า การเสวนาระหว่างศาสนาต่างจากการประกาศศาสนา(ประกาศพระวรสาร) ประการที่สอง การเสวนาศาสนสัมพันธ์ต้องตั้งอยู่บนความรู้สึกนึกคิดถึงอัตลักษณ์ทางความเชื่อของตัวเราเอง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนต่อตัวเองและผู้อื่น" สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ตรัสระหว่างการให้ผู้ร่วมงานในโรมันคูเรีย เข้าเฝ้าถวายพระพรโอกาสคริสต์มาส 2012

http://www.facebook.com/photo.php?fbid= ... nt_count=1
mo_triswan
โพสต์: 62
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 09, 2012 3:14 am

จันทร์ มี.ค. 18, 2013 4:20 pm

:s030: :s030: :s030:
ตอบกลับโพส