เหตุผล 12 ข้อ ทำไมเราควรไปเฝ้าศีล?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 02, 2005 1:41 am
(1) เราจำเป็นต้องไปเฝ้าพระเยซูคริสตเจ้าในศีลมหาสนิท
"พระศาสนจักรและโลกมีความจำเป็นอันใหญ่หลวงที่จะต้องไปเฝ้าพระเยซูคริสตเจ้าในศีลมหาสนิท" (Pope John Paul II, Dominicae Cenae)
(2) พระเยซูเจ้าทรงเชิญเรามาเข้าเฝ้าพระองค์เป็นการส่วนตัว "พระเยซูเจ้าทรงเฝ้ารอเราในศีลแห่งความรัก" (Pope John Paul II, Dominicae Cnae)
(3) พระเยซูเจ้าหวังว่าเราคงไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง เพราะศีลมหาสนิทเป็นศูนย์กลางชีวิตของเรา "สมาชิกพระศาสนจักรทุกคนต้องเรียนรู้ว่าศีลแห่งความรักเป็นศูนย์กลางชีวิตของประชากรพระเจ้า เพื่อว่าโดยการเคารพสักการะบูชาพระองค์อย่างสมพระเกียรติ เราจะได้ผลตอบแทน' รักต่อรัก' และกลายเป็นชีวิตแห่งจิตวิญญาณของเราอย่างแท้จริง " (Pope John Paul II, Redeemer of Man)
(4) การเฝ้าพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทของเรา จะชดเชยความชั่วร้ายของโลก และนำสันติภาพมาให้โลก
"ให้เรามีจิตใจกว้างขวางยอมสละเวลาไปพบพระเยซูเจ้าและพร้อมที่จะชดเชยความชั่วร้ายของโลก อย่าให้เราหยุดเฝ้าศีลเป็นอันขาด" (Pope John Paul II, Dominicae Cenae)
(5) ทั้งวันและคืนพระเยซูเจ้าทรงประทับอยู่ในศีลมหาสนิท เพราะเราเป็นคนที่สำคัญที่สุดในโลกของพระองค์
"พระคริสตเจ้าทรงประทับอยู่ในวัดของเรา ซึ่งเป็นศูนย์กลางฝ่ายจิตวิญญาณแห่งดวงใจ ของชุมชน พระศาสนจักรสากล และมนุษยชาติทั้งมวล เพราะว่าพระคริสตเจ้าทรงสถิตอยู่ในแผ่นปัง พระหฤทัยที่มองไม่เห็นของพระศาสนจักร พระมหาไถ่ของโลก ศูนย์กลางของดวงใจทุกดวง โดยพระองค์ทุกสิ่งเป็นอยู่ และเพราะพระองค์ เรามีชีวิต" (Pope Paul IV, Mysterium Fidei)
(6) พระเยซูเจ้าทรงปรารถนาให้เราทำ มากกว่าการไปฟังมิสซาในวันอาทิตย์
"การร่วมมิสซาของคริสตชนต้องควบคู่กับการมีชีวิตใกล้ชิดสนิทกับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท เพื่อความรักของเราจะได้ครบบริบูรณ์" (Pope John Paul II, Redeemer of Man)
(7) จิตวิญญาณของเราจะเจริญเติบโตทุกเวลาที่เราอยู่กับพระเยซูเจ้า
"การผูกมัดที่จำเป็นในชีวิตของเราคือการมีความศรัทธาต่อการเฝ้าศีลมหาสนิทอย่างสม่ำเสมอ เร่าร้อนจนเราบรรลุความศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายวิญญาณทวีขึ้นเรื่อยๆ" (Pope John Paul II,Redeemer of Man)
(8) ในโลกนี้ เวลาที่ท่านใช้กับพระเยซูเจ้า เพื่อนผู้แสนดี ในศีลมหาสนิท เป็นเวลาที่ดีที่สุด
"การสนทนากับพระคริสตเจ้าในศีลศักดิ์สิทธิ์มีคุณค่ายิ่งนัก เพราะโลกไม่สามารถให้ความ บรรเทาใจ หรือพาเราไปสู่หนทางแห่งความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น" (Pope Paul VI, Mysterium Fidel)
(9) เวลาเราอยู่กลางแจ้งเราก็ต้องถูกแสงแดด ในทำนองเดียวกัน เวลาเราเข้าเฝ้าพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทเราก็ได้รับแสงแห่งพระหรรษทานของพระองค์
"พระคริสตเจ้าเป็นองค์อีแมนนูเอลอย่างแท้จริง ซึ่งมีความหมายว่า พระเจ้าสถิตกับเรา ทั้งวันและคืน พระองค์ทรงประทับอยู่ท่ามกลางเรา พระองค์อยู่กับเราเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง พระองค์นำกลับคืนมาจริยธรรม หล่อเลี้ยงคุณธรรมความดี บรรเทา ใจผู้ทุกข์โศกเศร้า ประทานความเข้มแข็งแก่ผู้อ่อนแอ" (Pope Paul VI, Mysterium Fidel)
(10) ถ้าเราสามารถมองเห็นพระเยซูเจ้าในวัดด้วยตาเปล่า เราทุกคนคงจะวิ่งไปต้อนรับพระองค์ แต่พระองค์ทรงซ่อนอยู่ในปังศักดิ์สิทธิ์ เพราะพระองค์ต้องการให้เรามีความเชื่อ เพื่อเราจะได้มาหาพระองค์ด้วยความสุภาพถ่อมตน
"ศีลศักดิ์สิทธิ์ คือ 'พระหฤทัยทรงชีวิต' ในวัดของเราแต่ละแห่ง และเป็นหน้าที่อันอ่อนหวานของเราที่จะถวายพระเกียรติ และการสักการะบูชาแด่ปังศักดิ์สิทธิ์ที่ตาเรามองเห็นได้ พระวจนะทรงรับเอากายที่เรามองเห็นไม่ได้" (Pope Paul VI, Credo of the People of God)
(11) โดยพระเมตตาอันไม่มีขอบเขตของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงทำให้ดวงใจของเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระหฤทัยของพระองค์
"พระองค์เป็นแบบอย่างของคนที่มาเข้าเฝ้าพระองค์ เพื่อทุกคนจะได้เลียนแบบพระองค์ผู้มีพระหฤทัยอันสุภาพอ่อนโยน เราจะได้แสวงหาแต่ผลประโยชน์ของพระเจ้า ไม่ใช่ของตัวเราเอง" (Pope Paul VI, Mysterium Fidel)
(12) ถ้าพระสันตะปาปาทรงเชิญเราไปเข้าเฝ้าพระองค์ที่นครวาติกัน เกียรตินี้ ไม่อาจเปรียบเทียบกับพระเกียรติ และพระสิริโรจนาที่องค์พระเยซูเจ้าทรงประทานแก่เรา เมื่อเรารับเชิญไปเข้าเฝ้าพระองค์ในศีลมหาสนิทเป็นเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง
"ศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์ประทานแก่คริสตชนเกียรติมงคลที่ไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบได้" (Pope Paul VI, Mysterium Fidel)
บทภาวนาสำหรับเฝ้าศีล
ข้าแต่พระเยซูเจ้า
ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระองค์ประทับอยู่ในศีลมหาสนิทจริงๆ
ข้าพเจ้ารักพระองค์เหนือสิ่งอื่นใด
และข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ในวิญญาณข้าพเจ้า
เนื่องจากข้าพเจ้าไม่สามารถรับพระองค์ทางศีลมหาสนิท
โปรดเสด็จมาในใจข้าพเจ้าด้วยความปรารถนา
เหมือนพระองค์เสด็จมาจริงๆ ข้าพเจ้าขอสวมกอดพระองค์
ให้ข้าพเจ้าอยู่ใกล้ชิดสนิทกับพระองค์
และอย่าให้ข้าพเจ้าพลัดพรากจากพระองค์
อาแมน
"พระศาสนจักรและโลกมีความจำเป็นอันใหญ่หลวงที่จะต้องไปเฝ้าพระเยซูคริสตเจ้าในศีลมหาสนิท" (Pope John Paul II, Dominicae Cenae)
(2) พระเยซูเจ้าทรงเชิญเรามาเข้าเฝ้าพระองค์เป็นการส่วนตัว "พระเยซูเจ้าทรงเฝ้ารอเราในศีลแห่งความรัก" (Pope John Paul II, Dominicae Cnae)
(3) พระเยซูเจ้าหวังว่าเราคงไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง เพราะศีลมหาสนิทเป็นศูนย์กลางชีวิตของเรา "สมาชิกพระศาสนจักรทุกคนต้องเรียนรู้ว่าศีลแห่งความรักเป็นศูนย์กลางชีวิตของประชากรพระเจ้า เพื่อว่าโดยการเคารพสักการะบูชาพระองค์อย่างสมพระเกียรติ เราจะได้ผลตอบแทน' รักต่อรัก' และกลายเป็นชีวิตแห่งจิตวิญญาณของเราอย่างแท้จริง " (Pope John Paul II, Redeemer of Man)
(4) การเฝ้าพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทของเรา จะชดเชยความชั่วร้ายของโลก และนำสันติภาพมาให้โลก
"ให้เรามีจิตใจกว้างขวางยอมสละเวลาไปพบพระเยซูเจ้าและพร้อมที่จะชดเชยความชั่วร้ายของโลก อย่าให้เราหยุดเฝ้าศีลเป็นอันขาด" (Pope John Paul II, Dominicae Cenae)
(5) ทั้งวันและคืนพระเยซูเจ้าทรงประทับอยู่ในศีลมหาสนิท เพราะเราเป็นคนที่สำคัญที่สุดในโลกของพระองค์
"พระคริสตเจ้าทรงประทับอยู่ในวัดของเรา ซึ่งเป็นศูนย์กลางฝ่ายจิตวิญญาณแห่งดวงใจ ของชุมชน พระศาสนจักรสากล และมนุษยชาติทั้งมวล เพราะว่าพระคริสตเจ้าทรงสถิตอยู่ในแผ่นปัง พระหฤทัยที่มองไม่เห็นของพระศาสนจักร พระมหาไถ่ของโลก ศูนย์กลางของดวงใจทุกดวง โดยพระองค์ทุกสิ่งเป็นอยู่ และเพราะพระองค์ เรามีชีวิต" (Pope Paul IV, Mysterium Fidei)
(6) พระเยซูเจ้าทรงปรารถนาให้เราทำ มากกว่าการไปฟังมิสซาในวันอาทิตย์
"การร่วมมิสซาของคริสตชนต้องควบคู่กับการมีชีวิตใกล้ชิดสนิทกับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท เพื่อความรักของเราจะได้ครบบริบูรณ์" (Pope John Paul II, Redeemer of Man)
(7) จิตวิญญาณของเราจะเจริญเติบโตทุกเวลาที่เราอยู่กับพระเยซูเจ้า
"การผูกมัดที่จำเป็นในชีวิตของเราคือการมีความศรัทธาต่อการเฝ้าศีลมหาสนิทอย่างสม่ำเสมอ เร่าร้อนจนเราบรรลุความศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายวิญญาณทวีขึ้นเรื่อยๆ" (Pope John Paul II,Redeemer of Man)
(8) ในโลกนี้ เวลาที่ท่านใช้กับพระเยซูเจ้า เพื่อนผู้แสนดี ในศีลมหาสนิท เป็นเวลาที่ดีที่สุด
"การสนทนากับพระคริสตเจ้าในศีลศักดิ์สิทธิ์มีคุณค่ายิ่งนัก เพราะโลกไม่สามารถให้ความ บรรเทาใจ หรือพาเราไปสู่หนทางแห่งความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น" (Pope Paul VI, Mysterium Fidel)
(9) เวลาเราอยู่กลางแจ้งเราก็ต้องถูกแสงแดด ในทำนองเดียวกัน เวลาเราเข้าเฝ้าพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทเราก็ได้รับแสงแห่งพระหรรษทานของพระองค์
"พระคริสตเจ้าเป็นองค์อีแมนนูเอลอย่างแท้จริง ซึ่งมีความหมายว่า พระเจ้าสถิตกับเรา ทั้งวันและคืน พระองค์ทรงประทับอยู่ท่ามกลางเรา พระองค์อยู่กับเราเปี่ยมด้วยพระหรรษทานและความจริง พระองค์นำกลับคืนมาจริยธรรม หล่อเลี้ยงคุณธรรมความดี บรรเทา ใจผู้ทุกข์โศกเศร้า ประทานความเข้มแข็งแก่ผู้อ่อนแอ" (Pope Paul VI, Mysterium Fidel)
(10) ถ้าเราสามารถมองเห็นพระเยซูเจ้าในวัดด้วยตาเปล่า เราทุกคนคงจะวิ่งไปต้อนรับพระองค์ แต่พระองค์ทรงซ่อนอยู่ในปังศักดิ์สิทธิ์ เพราะพระองค์ต้องการให้เรามีความเชื่อ เพื่อเราจะได้มาหาพระองค์ด้วยความสุภาพถ่อมตน
"ศีลศักดิ์สิทธิ์ คือ 'พระหฤทัยทรงชีวิต' ในวัดของเราแต่ละแห่ง และเป็นหน้าที่อันอ่อนหวานของเราที่จะถวายพระเกียรติ และการสักการะบูชาแด่ปังศักดิ์สิทธิ์ที่ตาเรามองเห็นได้ พระวจนะทรงรับเอากายที่เรามองเห็นไม่ได้" (Pope Paul VI, Credo of the People of God)
(11) โดยพระเมตตาอันไม่มีขอบเขตของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงทำให้ดวงใจของเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระหฤทัยของพระองค์
"พระองค์เป็นแบบอย่างของคนที่มาเข้าเฝ้าพระองค์ เพื่อทุกคนจะได้เลียนแบบพระองค์ผู้มีพระหฤทัยอันสุภาพอ่อนโยน เราจะได้แสวงหาแต่ผลประโยชน์ของพระเจ้า ไม่ใช่ของตัวเราเอง" (Pope Paul VI, Mysterium Fidel)
(12) ถ้าพระสันตะปาปาทรงเชิญเราไปเข้าเฝ้าพระองค์ที่นครวาติกัน เกียรตินี้ ไม่อาจเปรียบเทียบกับพระเกียรติ และพระสิริโรจนาที่องค์พระเยซูเจ้าทรงประทานแก่เรา เมื่อเรารับเชิญไปเข้าเฝ้าพระองค์ในศีลมหาสนิทเป็นเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง
"ศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์ประทานแก่คริสตชนเกียรติมงคลที่ไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบได้" (Pope Paul VI, Mysterium Fidel)
บทภาวนาสำหรับเฝ้าศีล
ข้าแต่พระเยซูเจ้า
ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระองค์ประทับอยู่ในศีลมหาสนิทจริงๆ
ข้าพเจ้ารักพระองค์เหนือสิ่งอื่นใด
และข้าพเจ้าแสวงหาพระองค์ในวิญญาณข้าพเจ้า
เนื่องจากข้าพเจ้าไม่สามารถรับพระองค์ทางศีลมหาสนิท
โปรดเสด็จมาในใจข้าพเจ้าด้วยความปรารถนา
เหมือนพระองค์เสด็จมาจริงๆ ข้าพเจ้าขอสวมกอดพระองค์
ให้ข้าพเจ้าอยู่ใกล้ชิดสนิทกับพระองค์
และอย่าให้ข้าพเจ้าพลัดพรากจากพระองค์
อาแมน