ใครจะเป็น "ผู้นำสันติ"

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6042
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ มิ.ย. 23, 2014 10:07 am

จากหนังสือ "ความรักล้นหลาม" โดยราฟาแอล
.....ที่ใดมีความเกลียดชัง โปรดช่วยให้ข้าฯ หว่านความรักท่ามกลางเขา....
..Oscar Wilde เคยกล่าวไว้ว่า "การที่รู้ว่ามีใครรักเรา และการที่เรารักใครคนหนึ่ง
นำความอบอุ่น นำความมีชีวิตชีวาให้แก่ชีวิตของเราอย่างที่ไม่มีอะไรอื่นมาทดแทนได้"
..Ernest Hemingway นักประพันธ์ที่ได้รับรางวัลโนเบลเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีคุณพ่อ
กับลูกคนหนึ่งชื่อ Paco มีเรื่องทะเลาะกัน ลูก Paco จึงหนีออกจากบ้าน ส่วนคุณพ่อ
ก็เที่ยวตามหา Paco ทุกหนทุกแห่งแต่ก็ไม่พบ จึงลงแจ้งความในหนังสือพิมพ์
ด้วยคำพูดง่ายๆว่า :
"Paco ลูกรัก พ่อจะรอลูกที่หน้าที่ทำงานของสำนักพิมพ์นี้ ช่วยมาพบพ่อ
พรุ่งนี้ตอนเที่ยง พ่อยกโทษให้ทุกอย่างแล้ว พ่อรักลูก"
พอใกล้เที่ยงของวันใหม่ ปรากฎว่ามีชายหนุ่มชื่อ Paco มาชุมนุมกันที่นั่นรวม800คน
800คนที่แสวงหาความรักและต้องการความสัมพันธ์ที่ดีกลับคืนมา
(มีต่อ)
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 23, 2014 11:01 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6042
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ มิ.ย. 23, 2014 10:30 am

......ที่ใดมีแต่ความหมดหวัง ให้เราเสริมสร้างความหวัง......
และนี่เป็นสิ่งที่ Joanneได้กระทำ
Joanneได้รับคำขอร้องให้ไปเยี่ยมหญิงคนหนึ่งที่ในโรงพยาบาลโรคจิต หญิงคนนี้
ไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อน ถึงแม้นโยบายของโรงพยาบาลนี้จะอนุญาตให้เฉพาะญาติ
มาเยี่ยม แต่ Joanne ได้รับการยกเว้นจากกฎข้อนี้ แต่เธอสามารถเยี่ยมได้เพียง
ครั้งเดียว และอยู่ได้เพียง10นาที Joanneดูสายตาของหญิงที่ป่วยก็รู้ว่าชีวิตของ
หญิงคนนี้มีแต่ความเศร้า ความหมดอาลัยตายอยากต่อชีวิต ความหมดหวัง...
....แต่ถึงกระนั้นก็ดี ก่อนกลับ Joanne ก็กระซิบกับหญิงผู้ป่วยโรคจิตคนนี้ด้วย
ประโยคนี้ "คุณเป็นที่รักของเรา คุณเป็นคนพิเศษ และพระเจ้ารักคุณ"
(You are loved . You are a very special person and God loves you)

หลังจากวันนั้น Joanne ก็เริ่มเขียนจ.ม.สั้นๆถึงหญิงคนนี้ พร้อมกับข้อความให้กำลังใจ
ตัวอย่างเช่น "วันนี้ เขียนโน๊ตมาเพื่อจะบอกอีกครั้งว่า "พระเจ้ารักคุณ".....
อีกวันก็นำพระวาจาจากพระคัมภีร์มาส่งให้เธอ "พระเจ้าอยู่ใกล้ผู้อกหัก และกอบกู้
ผู้มีจิตใจเศร้าหมอง" (เพลงสดุดี34:18) นอกจากจดหมายสั้นๆเหล่านี้ที่ส่งให้ประจำ
Joanne ยังภาวนาให้เธออย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักหนึ่งปี
วันหนึ่งก็มีเสียงเคาะประตูหน้าบ้าน เมื่อเปิดประตูก็พบหญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้าน
Joanne จำเธอไม่ได้ เพราะหญิงคนนี้มีนัยตาสดใส สายตามีประกาย เธอดูสดชื่นแจ่มใส
แสดงถึงความยินดี ความมีชีวิตชีวา หญิงคนนั้นจึงแนะนำตัวเอง บอกว่าเธอชื่อ Ann
และเธอคือหญิงที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลโรคจิต ที่ Joanne ไปเยี่ยมเมื่อปีก่อน ที่เธอ
มาวันนี้ก็เพื่อมาขอบคุณ สำหรับการไปเยี่ยมปีที่แล้ว และสำหรับโน๊ตมากมายที่ Joanne
เขียนให้กำลังใจเธอ พูดพลางเปิดกระเป๋าถือใบใหญ่ให้ดู ในนั้นเต็มไปด้วยจดหมาย
และการ์ด ที่เธอได้รับจาก Joanneตลอดปีที่ผ่านมา...หญิงคนนั้นกล่าวต่อว่า
"ฉันมานอกจากเพื่อขอบคุณแล้ว ยังจะมาบอกว่า เป็นเพราะจดหมายและการ์ดเหล่านี้
ที่เต็มไปด้วยถ้อยคำแสดงความรักให้กำลังใจ ที่ช่วยฉันฟื้นคืนสติ และหายป่วยจนกลับบ้านได้
ฉันอ่านจดหมายและการ์ดเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งถ้อยคำของเธอ พระวาจาของพระเจ้า
ซึมซาบเข้าในจิตใจ เข้าในสมอง ตกผลึกในหัวใจจนความหมดหวังละลายหายไป
และกลับมีความหวังขึ้นมาใหม่ ขอขอบคุณเธอมาก"

:s002: :s002: :s002:
(มีต่อ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6042
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ มิ.ย. 23, 2014 11:32 am

.....Where there is darkness , light....
.....ที่ใดมีความมืดโปรดช่วยให้ข้าฯนำแสงสว่างสู่ที่นั่น.....

ความมืดที่กล่าวถึงนี้ มิได้หมายถึง ห้องที่ขาดแสงแดดส่อง หรือขาดหลอดไฟยามกลางคืน
แต่หมายถึงชีวิตคนเราที่อยู่ในความมืด แห่งความเจ็บป่วย ความมืดแห่งการถูกทอดทิ้ง
ความมืดแห่งการอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ ความมืดแห่งความยากจน
...นักหนังสือพิมพ์ Arnold Fine เล่าเหตุการณ์ที่เขาพบเมื่อยังเด็ก ขณะที่เขาอยู่ที่
Bronx นคร New York วันหนึ่งเขากับเพื่อนไปซื้อ Pretzel (ขนมชนิดหนึ่ง)ที่บ้าน
หญิงชราคนหนึ่ง Arnold และเพื่อนเคาะประตู แต่ไม่มีใครมาเปิดรับ ทั้งคู่จึงเดินดูรอบบ้าน
และมองผ่านกระจกหน้าต่าง เขาเห็นหญิงชรานอนที่บนพื้น ทั้งคู่พยายามผลักประตูเข้าไป
แต่พลังของเด็กทั้งสองยังไม่เพียงพอที่จะพังประตูเข้าไปได้ พอดีมีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
Arnold จึงรีบเดินเข้าไปหาและอธิบายเรื่องราวทั้งหมด ชายคนนั้นจึงรีบมาที่หน้าประตูบ้าน
และใช้ตัวกระแทกประตูให้เปิดออก เมื่อเข้าไปข้างใน ก็ได้กลิ่นแก๊ส ชายคนนั้นจึงรีบไป
ที่ห้องครัวและปิดวาล์วท่อแก๊ส แล้วรีบปฐมพยาบาลหญิงชรา ขณะเดียวกันทั้งสามคนก็
มองรอบๆข้าง ก็พอจะมองออกได้ว่า หญิงชราคนนี้อยู่ในบ้านตามลำพัง และมีฐานะยากจน
เธอต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการทำ pretzel ขาย ซึ่งก็ทำรายได้ไม่มากนัก เพราะส่วนมาก
เป็นเด็กๆที่มาซื้อที่บ้าน รวมทั้งArnold และเพื่อนคนที่มาด้วย
....สักครู่ใหญ่ หญิงชราก็ฟื้นรู้สึกตัว ชายคนที่มาช่วย จึงซักถามอาการ และความเป็นอยู่
ของหญิงชรา ก่อนชายคนนั้นจะลากลับไป เขาเห็นหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
ชายคนนั้นบอกหญิงชราว่า เขาเป็นคนขายหนังสือเก่าและหนังสือเล่มนี้มีค่าสำหรับเขา
จึงขอซื้อในราคา 200 เหรียญ หญิงชราบอกชายคนนั้นให้นำหนังสือนั้นไปได้โดยไม่ต้อง
ชำระเงิน อย่างน้อยก็เป็นการขอบคุณที่มาช่วยชีวิตเธอ ชายคนนั้นก็ยังคะยั้นคะยอให้
หญิงชรารับเงินไว้ แลัววางเงิน 200 เหรียญไว้บนโต๊ะ พร้อมกับหยิบหนังสือเล่มนั้นไปด้วย
Arnoldและเพื่อน จึงขอลาหญิงชรากลับไปโรงเรียนเหมือนกัน และขณะที่เดินเลี้ยวโค้ง
มุมบ้าน เด็กทั้งสองก็เห็นชายคนที่มาช่วย โยนหนังสือที่เขาเพิ่งซื้อด้วยเงินสด 200 เหรียญ
ลงในถังขยะข้างถนน
...arnold จึงรู้ว่าชายคนนั้นไม่ต้องการหนังสือเก่าเล่มนั้นเลย แต่ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถ
ช่วยหญิงชรา โดยหญิงชรายังคงรักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ทัดเทียมกับคนอื่น
ชายคนนั้นเป็นผู้นำแสงสว่าง มาสู่ชีวิตที่มืดมิดของหญิงชราคนนี้ให้สว่างขึ้น...
:s002: :s002: :s002:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 6042
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

จันทร์ มิ.ย. 23, 2014 12:31 pm

Where there is sadness, joy....
ที่ใดมีความโศกเศร้า โปรดช่วยให้ข้าฯนำความยินดีกลับมา.....
ชีวิตคนเรามีทั้งสุขและทุกข์ มีทั้งหัวเราะและร้องไห้ มีทั้งยินดีและโศกเศร้า...
ทุกสภาพของชีวิตนี้เป็นของคู่กัน เปรียบเสมือนสองหน้า (หัวกับก้อย) ของเหรียญ
เดียวกัน เพราะถ้าเหรียญใดมีหัวทั้งสองด้านหรือก้อยทั้งสองด้าน ก็จะไม่ใช่เหรียญแท้
แต่เป็นเหรียญปลอม เช่นกัน ชีวิตคนเราถ้ามีเฉพาะความยินดีอย่างเดียว หรือมีแต่
ความโศกเศร้าอย่างเดียว นี่ก็ไม่ใช่ชีวิตมนุษย์บนโลกนี้แล้ว ต้องเป็นชีวิตหน้า
(หลังความตาย)
หนึ่งวันก่อนคริสมาส Andrea เกิดป่วยกระทันหัน เธอจึงไม่สามารถไปร่วมมิสซา
และร่วมรับประทานอาหารกับคุณพ่อคุณแม่ พี่น้องและญาติคนอื่นๆ อย่างที่เคยทำทุกปี
Andrea ผิดหวังและรู้สึกเศร้ามาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอพลาดโอกาสอันน่ายินดี
ประจำปีที่เธอเฝ้ารอคอยอยู่เสมอ..แต่ชายคู่หมั้นของ Andrea รู้ว่า เขาควรจะทำอะไร
เขารอเพียงไม่กี่สัปดาห์ Andreaก็ฟื้นจากไข้ เขาจึงวางแผนนำบรรยกาศของคริสต์มาส
กลับมาให้คู่หมั้นสาวของเขา เขาจัดแต่งต้นคริสต์มาสใหม่ให้สวยงามขึ้น ประดับไฟทั้ง
ในบ้าน นอกบ้าน รอบรั้ว อย่างกับว่าคริสต์มาสจะมาถึงในวันรุ่งขึ้น ส่วนอาหารเขาก็ไป
จ่ายตลาดเอง เลือกอาหารเอง และทำอาหารด้วยตนเอง สิ่งต่างๆที่คู่หมั้นหนุ่มทำทั้งหมดนี้
นำความสุขมาให้ Andrea มาก แต่ Andrea มาสารภาพภายหลังว่า อาหารที่แฟนหนุ่ม
ทำให้นั้นไม่อร่อยเลย..แต่
"ฉันให้แฟนฉันสี่ดาวเลยสำหรับความพยายามของเขาที่ทำให้ฉันมีความสุข"
.....ถึงแม้นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซิซี ไม่ได้อยู่กับเรานานหลายร้อยปีแล้ว
(นักบุญฟรังซิสเกิดปี ค.ศ.1182และสิ้นชีวิตปี ค.ศ.1226)
แต่ข้อคิด ข้อรำพึง ความจริงในบทภาวนาของท่านยังใช้ได้อยู่ตลอดเวลาแม้กระทั่งถึง
ปัจจุบันนี้
... เคล็ดลับของเราในยุคนี้ก็คือ เราคริสตชนไม่ต้องเป็นห่วงว่า เราจะสามารถทำตามที่
นักบุญฟรังซิสแนะนำได้สำเร็จหรือไม่ ที่สำคัญอยู่ที่ว่า เรามีความกล้าหาญพอที่จะทำไหม?
ที่จะกล้าก้าวไปสู่ชีวิตคนอื่นไหม? ที่จะริเริ่มการช่วยเหลือ การแก้ไข การป้องกันไหม?
และนี่คือความมีน้ำใจดีที่เราคริสตชนสามารถให้กับเพื่อนมนุษย์ได้ เรารู้ตัวเองว่า
เราไม่สามารถให้ได้มากมายนัก หรือให้ทั้งหมดได้ แต่ขอให้รู้จักแบ่งปันกันและกัน
(จากเรื่อง Living Out the Prayer of St.Francis โดย Victor M. Parachin
จาก Emmanuel )
:s005: :s005: :s005:
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

จันทร์ มิ.ย. 23, 2014 7:38 pm

:s007: :s007:
ตอบกลับโพส