Belong to the Truth Jesus Christ

ไปแสวงบุญที่ ประเทศ Irelandมาค่ะ
ไปวัดใหญ่โตมาก เรียกวิหารก็ได้ Our Lady of Knock
เป็นวัดที่แม่พระประจักษ์มาให้กับหลายคนได้เห็น
รายละเอียดอ่านได้ใน หัวข้อ
(ไปแสวงบุญประเทศ Ireland จะเล่าในหัวข้อใหม่ค่ะ)
ได้ซื้อรูปแม่พระแห่งน็อก รูปเล็กสำหรับวางไว้หน้ารถ และแมกเนสติดตู้เย็น
เป็นรูปการประจักษ์ของแม่พระและสัญญลักษณ์ของประเทศ Ireland
มาฝากสมาชิกนิวมานาของมีจำกัด
1 เป็นรูปแม่พระแห่งน๊อก 3 รูป รางวัลละรูป
2 เป็นแมกเนสติดตู้เย็น 3 อัน รางวัลละรูป
.....สำหรับผู้ตอบถูก6 ท่านแรก อาจมีเพิ่มเติม (อยากให้ค่ะ) และผู้ตอบถูกเกิน
ของรางวัลทุกท่าน เราจะแจกของสมนาคุณเป็นรูปพระหรือรูปนักบุญเคลือบ
พลาสติกอย่างดี และสำหรับผู้ตอบเข้ามาทุกท่านค่ะ
คำถามง่ายๆ คือ
...... เทศกาลต่างๆในรอบปีของ คริสตคาทอลิกเรามีกี่เทศกาล อะไรบ้าง.....
ไม่ยากนะคะ
ตอบปัญหาได้จนถึงอาทิตย์ปัสกา 5 เม.ย.นี้
(จำผิด ขอโทษค่ะ 12 เม.ย.เป็นอาทิตย์พระเมตตา)

.........เนื่องจากคำถามที่ตอบมานั้นถูกทั้ง 3ท่าน ขอสงวนไว้แค่นี้ค่ะ...........
เพราะรูปพระมีแค่ 3รูป ไม่ต้องจับฉลาก จะส่งของรางวัลให้ก่อนสงกรานต์ค่ะ
......ตอนนี้ขอเป็นคำถามใหม่ง่ายๆ เช่นกันค่ะ สำหรับผู้จะตอบคำถามใหม่คือ
แม่พระประจักษ์มาในโลกนี้ ที่พระศาสนจักรรับรอง มีกี่ครั้ง กับใคร ที่ไหนบ้าง
และมีสารที่แม่พระได้ประทานกับพวกเขาเพื่อพวกเราคริสตชน มีอะไรบ้าง ย่อๆ
.........
(ตัวอย่างของรางวัล)

ในปีๆหนึ่ง (เรียกกันว่าปีพิธีกรรม) ในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกได้มีภาคเทศกาลและมีชื่อเรียกต่างกันตลอดปีจึงขออธิบายคร่าวๆไว้ดังนี้

1. เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า (Advent)

เริ่มต้นวันอาทิตย์สี่สัปดาห์ก่อนคริสต์มาสจนถึงวันที่ 24 ธันวาคมเป็นการเตรียมตัวเพื่อช่วงเวลาของพระคริสตสมภพ ที่กำลังจะมาถึงช่วงเวลาแห่งการเตรียมนี้ เรียกว่า "เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ"

เรารอคอยด้วยความหวังถึงการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า พร้อมกับพระนางมารีอา

2. เทศกาลพระคริสตสมภพ (Christmastide)

เริ่มต้นจากวันคริสต์มาสถึงวันฉลองการรับพิธีล้างของพระเยซูเจ้า

ในระหว่างสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมและสัปดาห์แรกของเดือนมกราคมคริสตชนยังคงอยู่ในเทศกาลพระคริสตสมภพในช่วงเวลาแห่งความชื่นชมยินดีเหล่านี้เราจะต้อนรับการเสด็จมาของพระผู้ไถ่

การประกาศถึงการแสดงองค์ของพระคริสตเจ้า(God'sepiphany)พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้ามายังแผ่นดิน

ช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัวและการเฉลิมฉลอง นำเราให้ผ่านพ้นปีเก่าและเข้าสู่ปีใหม่ สำหรับคริสตชนแล้วปีของเรามิใช่เพียงการหมุนเวียนไปของวันเวลาเท่านั้นแต่การเวียนไปจนครบรอบปีของคริสตชนคือการนำออกนอกเวลาไปสู่ความรุ่งเรืองแห่งนิรันดร์กาลในพระเจ้า

3. เทศกาลมหาพรต (The Lent)

เริ่มจากวันพุธรับเถ้า(AshWednesday) มหาพรต คือช่วงเวลา 40วัน แห่งการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่ปัสกา เลข 40 เตือนให้เราระลึกถึงฝนที่ตกตลอด 40 วัน 40 คืน ในสมัยโนอาห์ เพื่อชำระล้างความชั่วร้ายของแผ่นดินให้สะอาดหมดจด

40 ปี แห่งการเดินทางของชาวฮีบรูในทะเลทราย เพื่อจะเข้าสู่ดินแดนแห่งพระสัญญา

40 วัน ที่พระเยซูเจ้าทรงอดอาหารและถูกประจญในถิ่นทุรกันดาร

มหาพรต คือช่วงเวลาแห่งการภาวนาที่เข้มข้นการอดอาหาร การพลีกรรม และประกอบกิจศรัทธาห้วงเวลาแห่งการให้ความสดชื่นแก่โลกของเรา เพื่อไปสู่บ้านของพระเจ้า

สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์(PaschalTriduum) เราคริสตชน จะรักษาวันพระเจ้านี้ได้อย่างเหนียวแน่นเราอดอาหารในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ และชิดสนิทกับพระด้วยการตื่นเฝ้าในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์เพราะเราตื่นเฝ้าและรอคอยให้การเสด็จกลับคืนพระชนมชีพในวันอาทิตย์ปัสกาที่กำลังมาถึงเราด้วยความกระหาย และโหยหาพระองค์

การร่วมชิดสนิทและการอวยพร วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ และวันอาทิตย์ปัสกานี้รวมเรียกว่า"PaschalTriduum" หมายถึงสามวันแห่งการผ่านพ้น Triduum คือหัวใจของปีพิธีกรรม ส่วนวันแห่งความตาย การถูกขังและการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า ตลอดช่วงวันอันศักดิ์สิทธิ์นี้เราจะฉลองการเสด็จผ่านความตายของพระเยซูเจ้า (และของเรา) ด้วยการโปรดศีลล้างบาปพิธียืนยันการเป็นคริสตชน และการรับศีลมหาสนิทในช่วงปัสกานี้ (แก่คริสตชนใหม่)

4. เทศกาลปัสกา (Eastertime)

เริ่มจากวันอาทิตย์ปัสกาจนถึงวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า เทศกาลปัสกา คือช่วงเวลา 50 วันแห่งการเฉลิมฉลองซึ่งอยู่ถัด Triduum นับได้ว่าเป็นเทศกาลที่เก่าแก่และงดงามที่สุดของพระศาสนจักร วันแห่งความชื่นชมยินดีของโลก ซึ่งตื่นจากการหลับใหล

50 วัน (เปนเตก๊อสเต) คือ สัปดาห์ที่ทวีคูณ 7x 7 = 49 บวกอีก 1 วันอาทิตย์ปัสกาดังนั้นเทศกาลปัสกาจึงมีวันอาทิตย์ 8 ครั้ง (8 วัน) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงความลึกลับของนิรันดรภาพ

แต่ละสัปดาห์เรามีวันพระเจ้า และแต่ละปี เรามีเทศกาลปัสกา 50 วันแห่งการเปล่งเสียง "อัลเลลูยา"สรรเสริญพระเจ้า 50 วันแห่งการใช้ชีวิตตามบทบัญญัติแห่งความยุติธรรม และสันติสุข ซึ่งเต็มเปี่ยมในตัวเราเมื่อรวมทั้ง 3 ช่วงเข้าด้วยกัน คือ มหาพรตสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ และปัสกา จึงกลายเป็นการผลิบานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักร

5. เทศกาลธรรมดา (Ordinary Time)

เป็นเทศกาลที่แทรกอยู่ระหว่างเทศกาลพระคริสตสมภพ กับมหาพรต และระหว่างเทศกาลปัสกากับเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นเวลาประมาณ 34 สัปดาห์นอกเหนือไปจากเทศกาลสำคัญของพระศาสนจักรแล้ว สัปดาห์เหล่านี้เรียกว่า เทศกาลธรรมดาดังนั้นในแต่ละสัปดาห์ จึงมีการนับเป็นตัวเลข เพื่อช่วยให้เราแบ่งการอ่าน บทอ่านบทสวดต่าง ๆ ในหนังสือพิธีกรรมได้อย่างถูกต้องและรวมทั้งหนังสือสวดเป็นทางการของพระศาสนจักร ที่เรียกว่าหนังสือทำวัตรอีกด้วยในปีๆหนึ่ง (เรียกกันว่าปีพิธีกรรม) ในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกได้มีภาคเทศกาลและมีชื่อเรียกต่างกันตลอดปีจึงขออธิบายคร่าวๆไว้ดังนี้

1. เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า (Advent)

เริ่มต้นวันอาทิตย์สี่สัปดาห์ก่อนคริสต์มาสจนถึงวันที่ 24 ธันวาคมเป็นการเตรียมตัวเพื่อช่วงเวลาของพระคริสตสมภพ ที่กำลังจะมาถึงช่วงเวลาแห่งการเตรียมนี้ เรียกว่า "เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ"

เรารอคอยด้วยความหวังถึงการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า พร้อมกับพระนางมารีอา

2. เทศกาลพระคริสตสมภพ (Christmastide)

เริ่มต้นจากวันคริสต์มาสถึงวันฉลองการรับพิธีล้างของพระเยซูเจ้า

ในระหว่างสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมและสัปดาห์แรกของเดือนมกราคมคริสตชนยังคงอยู่ในเทศกาลพระคริสตสมภพในช่วงเวลาแห่งความชื่นชมยินดีเหล่านี้เราจะต้อนรับการเสด็จมาของพระผู้ไถ่

การประกาศถึงการแสดงองค์ของพระคริสตเจ้า(God'sepiphany)พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้ามายังแผ่นดิน

ช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัวและการเฉลิมฉลอง นำเราให้ผ่านพ้นปีเก่าและเข้าสู่ปีใหม่ สำหรับคริสตชนแล้วปีของเรามิใช่เพียงการหมุนเวียนไปของวันเวลาเท่านั้นแต่การเวียนไปจนครบรอบปีของคริสตชนคือการนำออกนอกเวลาไปสู่ความรุ่งเรืองแห่งนิรันดร์กาลในพระเจ้า

3. เทศกาลมหาพรต (The Lent)

เริ่มจากวันพุธรับเถ้า(AshWednesday) มหาพรต คือช่วงเวลา 40วัน แห่งการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่ปัสกา เลข 40 เตือนให้เราระลึกถึงฝนที่ตกตลอด 40 วัน 40 คืน ในสมัยโนอาห์ เพื่อชำระล้างความชั่วร้ายของแผ่นดินให้สะอาดหมดจด

40 ปี แห่งการเดินทางของชาวฮีบรูในทะเลทราย เพื่อจะเข้าสู่ดินแดนแห่งพระสัญญา

40 วัน ที่พระเยซูเจ้าทรงอดอาหารและถูกประจญในถิ่นทุรกันดาร

มหาพรต คือช่วงเวลาแห่งการภาวนาที่เข้มข้นการอดอาหาร การพลีกรรม และประกอบกิจศรัทธาห้วงเวลาแห่งการให้ความสดชื่นแก่โลกของเรา เพื่อไปสู่บ้านของพระเจ้า

สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์(PaschalTriduum) เราคริสตชน จะรักษาวันพระเจ้านี้ได้อย่างเหนียวแน่นเราอดอาหารในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ และชิดสนิทกับพระด้วยการตื่นเฝ้าในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์เพราะเราตื่นเฝ้าและรอคอยให้การเสด็จกลับคืนพระชนมชีพในวันอาทิตย์ปัสกาที่กำลังมาถึงเราด้วยความกระหาย และโหยหาพระองค์

การร่วมชิดสนิทและการอวยพร วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ และวันอาทิตย์ปัสกานี้รวมเรียกว่า"PaschalTriduum" หมายถึงสามวันแห่งการผ่านพ้น Triduum คือหัวใจของปีพิธีกรรม ส่วนวันแห่งความตาย การถูกขังและการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า ตลอดช่วงวันอันศักดิ์สิทธิ์นี้เราจะฉลองการเสด็จผ่านความตายของพระเยซูเจ้า (และของเรา) ด้วยการโปรดศีลล้างบาปพิธียืนยันการเป็นคริสตชน และการรับศีลมหาสนิทในช่วงปัสกานี้ (แก่คริสตชนใหม่)

4. เทศกาลปัสกา (Eastertime)

เริ่มจากวันอาทิตย์ปัสกาจนถึงวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า เทศกาลปัสกา คือช่วงเวลา 50 วันแห่งการเฉลิมฉลองซึ่งอยู่ถัด Triduum นับได้ว่าเป็นเทศกาลที่เก่าแก่และงดงามที่สุดของพระศาสนจักร วันแห่งความชื่นชมยินดีของโลก ซึ่งตื่นจากการหลับใหล

50 วัน (เปนเตก๊อสเต) คือ สัปดาห์ที่ทวีคูณ 7x 7 = 49 บวกอีก 1 วันอาทิตย์ปัสกาดังนั้นเทศกาลปัสกาจึงมีวันอาทิตย์ 8 ครั้ง (8 วัน) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงความลึกลับของนิรันดรภาพ

แต่ละสัปดาห์เรามีวันพระเจ้า และแต่ละปี เรามีเทศกาลปัสกา 50 วันแห่งการเปล่งเสียง "อัลเลลูยา"สรรเสริญพระเจ้า 50 วันแห่งการใช้ชีวิตตามบทบัญญัติแห่งความยุติธรรม และสันติสุข ซึ่งเต็มเปี่ยมในตัวเราเมื่อรวมทั้ง 3 ช่วงเข้าด้วยกัน คือ มหาพรตสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ และปัสกา จึงกลายเป็นการผลิบานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักร

5. เทศกาลธรรมดา (Ordinary Time)

เป็นเทศกาลที่แทรกอยู่ระหว่างเทศกาลพระคริสตสมภพ กับมหาพรต และระหว่างเทศกาลปัสกากับเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นเวลาประมาณ 34 สัปดาห์นอกเหนือไปจากเทศกาลสำคัญของพระศาสนจักรแล้ว สัปดาห์เหล่านี้เรียกว่า เทศกาลธรรมดาดังนั้นในแต่ละสัปดาห์ จึงมีการนับเป็นตัวเลข เพื่อช่วยให้เราแบ่งการอ่าน บทอ่านบทสวดต่าง ๆ ในหนังสือพิธีกรรมได้อย่างถูกต้องและรวมทั้งหนังสือสวดเป็นทางการของพระศาสนจักร ที่เรียกว่าหนังสือทำวัตรอีกด้วย

อีสเตอร์ (Easter) หมายถึง การระลึกถึงการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์หรือวันคืนพระชนม์เข้าใจว่าอีสเตอร์มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ คือคำว่า Eastre ซึ่งเป็นชื่อเทพธิดาของฤดูใบไม้ผลิผู้รู้บางท่าน กล่าวว่าอาจมาจากภาษาเยอรมันโบราณ คือ คำว่า Eostarun ซึ่งแปลว่ารุ่งอรุณ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้นำเอาชื่อเทพธิดาฤดูใบไม้ผลิต Eastre หรือคำว่ารุ่งอรุณ Eostarun ของภาษาเยอรมันมาดัดแปลงเป็นภาษาอังกฤษว่า Easter เพื่อใช้เรียกวันคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ นักวิชาการบางท่านได้ให้ข้อคิดว่า การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับฤดูใบไม้ผลิตอย่างน้อย 2 ประการ
ประการแรก วันอีสเตอร์อยู่ในช่วงเกี่ยวกับฤดูใบไม้ผลิตคือระหว่างเดือนมีนา และเมษายน
ประการที่สอง ฤดูใบไม้ผลิตเป็นสัญญาลักษณ์ของชีวิตใหม่เพราะระหว่างฤดูหนาวที่หิมะตก หรืออากาศหนาวเย็น ต้นไม้ส่วนใหญ่จะไม่มีใบ มีลักษณะเหมือนตายไปแล้ว แต่เมื่อฤดูใบไม้ผลิตมาถึงต้นไม้ที่ดูเหมือนตายไปแล้วก็ผลิใบ จึงอาจเป็นสาเหตุที่ใช้คำว่า Easter สำหรับวันฟื้นคืนพระชนม์

เทศกาลต่างๆในรอบปีของศาสนาคริสต์เรามีกี่เทศกาล อะไรบ้าง.....
คำตอบ
คริสต์คาทอลิกเรามี 5 เทศกาล และมีชื่อเรียกต่างกันตลอดปีจึงขออธิบายคร่าวๆดังนี้คะ

1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า (Advent)
เริ่มต้นวันอาทิตย์สี่สัปดาห์ก่อนคริสต์มาสจนถึงวันที่ 24 ธันวาคมเป็นการเตรียมตัวเพื่อช่วงเวลาของพระคริสตสมภพ ที่กำลังจะมาถึงช่วงเวลาแห่งการเตรียมนี้ เรียกว่า "เทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ"
เรารอคอยด้วยความหวังถึงการเสด็จมาของพระเยซูเจ้า พร้อมกับพระนางมารีอา

2. เทศกาลพระคริสตสมภพ (Christmastide)
เริ่มต้นจากวันคริสต์มาสถึงวันฉลองการรับพิธีล้างของพระเยซูเจ้า
ในระหว่างสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมและสัปดาห์แรกของเดือนมกราคมคริสตชนยังคงอยู่ในเทศกาลพระคริสตสมภพในช่วงเวลาแห่งความชื่นชมยินดีเหล่านี้เราจะต้อนรับการเสด็จมาของพระผู้ไถ่
การประกาศถึงการแสดงองค์ของพระคริสตเจ้า(God'sepiphany)พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้ามายังแผ่นดิน
ช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัวและการเฉลิมฉลอง นำเราให้ผ่านพ้นปีเก่าและเข้าสู่ปีใหม่ สำหรับคริสตชนแล้วปีของเรามิใช่เพียงการหมุนเวียนไปของวันเวลาเท่านั้นแต่การเวียนไปจนครบรอบปีของคริสตชนคือการนำออกนอกเวลาไปสู่ความรุ่งเรืองแห่งนิรันดร์กาลในพระเจ้า

3. เทศกาลมหาพรต (The Lent)
เริ่มจากวันพุธรับเถ้า(AshWednesday) มหาพรต คือช่วงเวลา 40วัน แห่งการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่ปัสกา เลข 40 เตือนให้เราระลึกถึงฝนที่ตกตลอด 40 วัน 40 คืน ในสมัยโนอาห์ เพื่อชำระล้างความชั่วร้ายของแผ่นดินให้สะอาดหมดจด
40 ปี แห่งการเดินทางของชาวฮีบรูในทะเลทราย เพื่อจะเข้าสู่ดินแดนแห่งพระสัญญา
40 วัน ที่พระเยซูเจ้าทรงอดอาหารและถูกประจญในถิ่นทุรกันดาร
มหาพรต คือช่วงเวลาแห่งการภาวนาที่เข้มข้นการอดอาหาร การพลีกรรม และประกอบกิจศรัทธาห้วงเวลาแห่งการให้ความสดชื่นแก่โลกของเรา เพื่อไปสู่บ้านของพระเจ้า
สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์(PaschalTriduum) เราคริสตชน จะรักษาวันพระเจ้านี้ได้อย่างเหนียวแน่นเราอดอาหารในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ และชิดสนิทกับพระด้วยการตื่นเฝ้าในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์เพราะเราตื่นเฝ้าและรอคอยให้การเสด็จกลับคืนพระชนมชีพในวันอาทิตย์ปัสกาที่กำลังมาถึงเราด้วยความกระหาย และโหยหาพระองค์
การร่วมชิดสนิทและการอวยพร วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ และวันอาทิตย์ปัสกานี้รวมเรียกว่า"PaschalTriduum" หมายถึงสามวันแห่งการผ่านพ้น Triduum คือหัวใจของปีพิธีกรรม ส่วนวันแห่งความตาย การถูกขังและการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า ตลอดช่วงวันอันศักดิ์สิทธิ์นี้เราจะฉลองการเสด็จผ่านความตายของพระเยซูเจ้า (และของเรา) ด้วยการโปรดศีลล้างบาปพิธียืนยันการเป็นคริสตชน และการรับศีลมหาสนิทในช่วงปัสกานี้ (แก่คริสตชนใหม่)

4. เทศกาลปัสกา (Eastertime)
เริ่มจากวันอาทิตย์ปัสกาจนถึงวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า เทศกาลปัสกา คือช่วงเวลา 50 วันแห่งการเฉลิมฉลองซึ่งอยู่ถัด Triduum นับได้ว่าเป็นเทศกาลที่เก่าแก่และงดงามที่สุดของพระศาสนจักร วันแห่งความชื่นชมยินดีของโลก ซึ่งตื่นจากการหลับใหล
50 วัน (เปนเตก๊อสเต) คือ สัปดาห์ที่ทวีคูณ 7x 7 = 49 บวกอีก 1 วันอาทิตย์ปัสกาดังนั้นเทศกาลปัสกาจึงมีวันอาทิตย์ 8 ครั้ง (8 วัน) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงความลึกลับของนิรันดรภาพ
แต่ละสัปดาห์เรามีวันพระเจ้า และแต่ละปี เรามีเทศกาลปัสกา 50 วันแห่งการเปล่งเสียง "อัลเลลูยา"สรรเสริญพระเจ้า 50 วันแห่งการใช้ชีวิตตามบทบัญญัติแห่งความยุติธรรม และสันติสุข ซึ่งเต็มเปี่ยมในตัวเราเมื่อรวมทั้ง 3 ช่วงเข้าด้วยกัน คือ มหาพรตสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ และปัสกา จึงกลายเป็นการผลิบานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักร

5. เทศกาลธรรมดา (Ordinary Time)
เป็นเทศกาลที่แทรกอยู่ระหว่างเทศกาลพระคริสตสมภพ กับมหาพรต และระหว่างเทศกาลปัสกากับเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า เป็นเวลาประมาณ 34 สัปดาห์นอกเหนือไปจากเทศกาลสำคัญของพระศาสนจักรแล้ว สัปดาห์เหล่านี้เรียกว่า เทศกาลธรรมดาดังนั้นในแต่ละสัปดาห์ จึงมีการนับเป็นตัวเลข เพื่อช่วยให้เราแบ่งการอ่าน บทอ่านบทสวดต่าง ๆ ในหนังสือพิธีกรรมได้อย่างถูกต้องและรวมทั้งหนังสือสวดเป็นทางการของพระศาสนจักร ที่เรียกว่าหนังสือทำวัตรอีกด้วย

ไม่แน่ใจว่าตอบคบและตอนถูกหรือเปล่าคะ ขอบคุณมากคะ

มาดูพี่ๆตอบครับ ผมไม่เอารางวัลให้คนอื่นๆดีกว่าาา

ท่านที่จะตอบคำถามต่อไปขอเป็นคำถามใหม่นะคะ....

อ้างอิงจากข้อมูลของ Popr report
แบ่งเป็นสองยุค คือ
ยุคก่อนตั้งสมณกระทรวงหลักความเชื่อ
1.แม่พระแห่งเสาหิน หรือ แม่พระแห่เสาหลัก
นักบุญยากอบ องค์ใหญ่ ณ ริมฝั่งแม่น้ำเมืองซาราโกซา ประเทศสเปน
=แม่พระทรงให้กำลังใจการแพร่ธรรม เป็นการย้ำเตือนว่าแม่พระทรงเคียงข้างเราเสมอ
2.แม่พระแห่งหิมะ
พระสันตะปาปาลิเบริอุส ,นายโยวันนี ณ โรม ประเทศอิตาลี
=แม่พระทรงขอให้สร้างวัดขึ้น โดยให้เครื่องหมายคือหิมะในฤดูร้อน
3.แม่พระแห่งวอลซิงแฮม
ริเชลดิส เด เฟเวอร์เชส ณ หมู่บ้านวอลซิงแฮม ประเทศอังกฤษ
=แม่พระขอให้สร้างวัดตามบ้านของแม่พระที่นาซาเร็ธ แม่ได้ย้ำความเป็นมารดากับเธอว่า “ผู้ใดวอนขอความช่วยเหลือจากแม่ จะไม่กลับมือเปล่า”
4.แม่พระแห่งสายประคำ
นักบุญโดมินิก ผู้ก่อตั้งคณะดอมินิกัน ณ ประเทศฝรั่งเศส
=แม่พระทรงมอบสายประคำ ให้เป็นเครื่องมือต่กรกับเอเรติก
5.แม่พระแห่งภูเขาคาร์แมล
นักบุญซีโมน สต็อก ภูเขาคาร์แมล ในประเทศอิสราเอล
= แม่พระทรงใอบสายจำพวก พร้อมพระสัญญว่า “นี่คือสิ่งพิเศษสำหรับท่าน ใครก็ตามที่สิ้นใจโดยถือสายจำพวกไว้ในมือ เขาก็จะได้รับความรอด”

ยุคหลังก่อตั้งสมณกระทรวงความเชื่อ
แบ่งอีกสองแบบคือสมณกระทรวงรับรองแล้ว กับพระสังฆราชท้องถิ่นรับรอง
สมณกระทรวงรับรองแล้ว มี 10 ที่ คือ
1.แม่พระแห่งกวาดาลูเป
นักบุญฆวน หรือ ฮวน หรือ ยวง ดิเอโก เนินเขาเตเปย๊าก ประเทศเม็กซีโก
= ทรงขอให้สร้างวัด พร้อมมอบเครื่องหมายคือภาพพระนางในติลมา พร้อมย้ำให้คริตชนทราบพระนางคือ มารดาของเราไม่ว่าจะเผ่าพงใน “เรามิได้เป็นแม่ของเจ้าดอกหรือ? เจ้าไม่ได้อยู่ภายใต้ความอารักขาของเราหรือ? เรามิได้เป็นผู้รับผิดชอบเจ้าหรือ?”
2.แม่พระแห่งโลส์
คารวียะเบอน้วต รังกือเรล หุบเขาแห่งดินเขาและที่หมู่บ้านโลส์ ประเทศฝรั่งเศส
= ทรงขอให้ทุกคนสวดให้คนบาปกลับใจ ผ่านดำรัส “ขอให้เธอสวดอย่างต่อเนื่องเพื่อคนบาป”
3.แม่พระแห่งลือ ดือ บัก หรือ แม่พระแห่งเหรียญอัศจรรย์
นักบุญคัธรีน ลาบูเร วัดน้อยนวกสถานของคณะธิดาเมตตาธรรม ถนนลือ ดือ บัก ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
= ทรงขอให้สร้างเหรีญขึ้น พร้อมประทานพระสัญญาว่า “ใครก็ตามที่สวมเหรียญนี้จะได้รับพระหรรษทานอันอุดม”
4.แม่พระแห่งลา ซาแล็ต
เมลานี่ย์ กาลเวต์ และ มักซิแม็ง ชีโรด์ ที่หุบเขาลา ซาแล็ต ใกล้เมืองเกรอน็อบล์ ประเทศฝรั่งเศส
= ทรงเรียกร้องการกลับใจก่อนพระพิโรธจะมาถึงยุโรป ทรงเผยว่าในบางทีพระนางก็ไม่อาจยั้งมือพระบุตรได้เสมอไป ถ้าคนไม่เปลี่ยน วันหนึ่งพระนางก็ต้องปล่อย และบอกว่า “ต้องสวดมากๆ ทั้งเช้าและเย็น” กับแสดงถึงพระหรรษทานจากการสวดสายประคำ ผ่านรัศมีที่พวยพุ่งจากดอกกุหลาบ
5.แม่พระเมืองลูร์ด
นักบุญแบร์นาแด็ต ซูบีรุส ถ้ำมัสซาเบีย ลูร์ด ฝรั่งเศส
= ทรงย้ำว่าทรงเป็น “การปฏิสนธินิรมล” พร้อมสอนว่า “อัศจรรย์เป็นสิ่งที่พระเจ้าจะกระทำเมื่อเห็นสมควร ไม่ใช่ทำตามคำท้าทายของมนุษย์” และยังเรียกร้องการพลีกรรมใช้โทษบาป การสวดภาวนาเพื่อคนบาปและโลก เครื่องหมายสำคัญคือน้ำพุ
6.แม่พระแห่งปงแม็งต์
เออแชน บาร์แบอแด๊ต , ยอแซฟ บาร์แบอแด๊ต , ฟรังซัวส์ ริชเช และชานน์ มารี เลอโบสเซ ท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านปงแม็งต์ ประเทศฝรั่งเศส
= “จงภาวนาลูกของฉันเอ๋ย พระเป็นเจ้าจะทรงอภัยโทษพวกเจ้าในเวลาอันใกล้นี้” และเหมือนจะทรงบอกเป็นนัยๆว่าทรงร่วมทุกข์กับพวกเขาด้วยการที่ปรากฏกางเขนสองอันที่บ่า หรือกำลังบอกเราว่าเราต้องรู้จักแบกกางเขน
7.แม่พระแห่งฟาติมา
ข้ารับใช้พระเจ้าลูซีอา ซานโตส , บุญราศีฟรังซิสโก และยาซินทา มาร์โต แอ่งฟาติมา ประเทศโปรตุเกส
= ทรงเรียกร้องการกลับใจ การพลีกรรมเพื่อคนบาป และการสวดภาวนาเพื่อคนบาปมากๆ สารอีกหนึ่งประการคือสงครามจะจบลงหากมนุษย์กลับใจ แต่หากไม่สงครามจะเกิดขึ้น
8.แม่พระแห่งโบแร็ง
เฟอร์นานด์ วัวแซง, อัลแบรต์ วัวแซง, กิลแบรต์ วัวแซง , อองเดร เดอชามเบอ และ กิลแบรต์ เดอชามเบอ
สวนของซิสเตอร์คำสอนคริสตัง เมืองโบแร็ง ประเทศเบลเยี่ยม
= ทรงเรียกร้องให้สวดภาวนามากๆอย่างสม่ำเสมอ และทำพลีกรรมหากรักพระเยซูเจ้า พร้อมให้สัญญว่า “ฉันจะทำให้คนบาปกลับใจ”
9.แม่พระแห่งบันเนอ
มารีแอ็ต เบโก หมู่บ้านบันเนอ ประเทศเบลเยี่ยม
=ทรงแจ้งว่ามาเพื่อปัดเป่าความทุกข์ยาก ทรงบอกว่าคือมารดาของผู้ยากไร้ พร้อมมอบน้ำพุที่มีเพื่อทุกชนชาติ และทรงแนะให้สวดมากๆ
10.แม่พระแห่งอาคิตะ
ซิสเตอร์อักแนส คัตซึโกะ ซาซากาวะ อารามเมืองอากิตะ ประเทศญี่ปุ่น
=ทรงเรียกร้องการกลับใจ ก่อนพระพิโรธจะมาถึง “ขอให้ลูกสวดสายประคำทุกวัน จงสวดให้พระสันตะปาปา พระสังฆราช และพระสงฆ์ จงสวดสายประคำให้มากๆ เรา(แม่พระ)ผู้เดียวเท่านั้นที่จะช่วยปกป้องพวกลูกให้พ้นจากเหตุการณ์เหล่านี้ได้”

พระสังฆราชท้องถิ่นรับรองมี 3 แห่ง คือ
1.แม่พระแห่งความสำเร็จที่ดี
ซิสเตอร์มารีอานา อารามคณะคอนเซปชันนิสต์ กีโต ประเทเอกวาดอร์
= ทรงขอให้สร้างพระรูปตามที่เห็น แล้ววางไว้ ณ ตำแหน่งแม่อธิการ เพราะ พระนางจะทรงดูแลอารามในเวลาแห่งความยากลำบาก และทรงตรัสถึงอนาคตของโลกอันน่ากลัว
2.แม่พระแห่งโรบินสันวิลล์
มารี อาเดล โยเซฟ ไบรส์ ที่ โรบินสันวิลล์ ประเทศอเมริกา
= ทรงขอให้สวดเพื่อคนบาป เรียกร้องให้คนบาปกลับใจและใช้โทษบาปเพื่อบรรเทาพระพิโรธของพระคริสตเจ้า
3.แม่พระแห่งกิเบโฮ
อัลฟอนซิน มูมูเรเก , อนาตาลี มูกามาซิมปากา และ มารี แคลร์ มูกันกัง
= 'จงรำพึงถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าและความเจ็บปวดแสนสาหัสในดวงใจของแม่ , จงสวดสายประคำสำหรับคนเจ็บป่วยเพื่อที่เขาจะได้รับพระหรรษทานในการสำนึกผิดกลับใจ.' ประสงค์หลักคือการกลับใจ ไม่ใช่เฉพาะราวันดา แต่ทั้งโลก เพราะลูกหลายคนกำลังทำหูหนวกใส่แม่ และทำสิ่งผิดโดยไม่รู้สึกว่าผิด

สรุปก็ทั้งสิ้น 18 แห่ง

เยี่ยมมากค่ะทุกท่าน พรุ่งนี้เราจะทยอยส่งของรางวัลไป
ให้บอกที่อยู่มาเลยค่ะ ทุกท่านที่เข้ามาตอบปัญหาค่ะ

ขอบคุณคะ

วันนี้ได้จัดส่งรางวัลให้ทั้ง 3 ท่านแล้วนะคะ
คุณ teyteybboy แจ้งที่อยู่มาด้วยค่ะ
...ได้รับของแล้วแจ้งให้ทราบด้วยนะคะ....

ใด้รับของเเล้วครับ
ขอบคุณครับ พระเจ้าอวยพรนะครับ

ได้รับของแล้วคะ
ขอบคุณมากนะคะ
ขอ พระเจ้าอวยพรคะ

ณัฐวัชร์ อินทรีย์สังวรณ์
9/2 บ้านพยากหลวง ต.ตลาดขวัญ
อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
50220

คุณ teyteybboy วันพฤหัสหลังสงกรานต์ จะจัดส่งให้นะคะ
เป็นรูปพระกุมาร ซานโตนีโนค่ะจากอิตาลีเหมือนกัน

ได้รับพระกุมารแล้ว ขอบคุณมากๆลเยครับ