บทเทศน์บนภูเขา

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
kyrie
โพสต์: 252
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 11:31 pm
ที่อยู่: chonburi
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ย. 26, 2005 9:20 pm

ใครเข้าความหมายของบทเทศน์ของพระเยซูเจ้าบนภูเขา ที่ว่าด้วยเรื่อง บุญลาภ 8 ประการ
( มัทธิว 5 :1 - 12 ) ช่วยอธิบายด้วย :o :o
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ย. 26, 2005 11:32 pm

บุญลาภ 8 ประการ (ความสุขแท้จริง)

เป็นปฐมโอวาทของพระเยฃุเจ้าที่ทรงเทศน์สอนประชาชนที่กาลิลี นับเป็นบทเทศน์ที่ท้าทายสภาพสังคมปัจจุบัน เพราะจะเป็นการเดินสวนกระแสของสังคมอย่างชัดเจน (เทียบ มธ 5:1-10)



"บุคคลใดรู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นก็เป็นสุข เพราะแผ่นดินจากสวรรค์เป็นของเขา"

สมัยก่อนใช้คำว่า "จิตใจยากจน" แทน "บกพร่องฝ่ายวิญญาณ" หมายถึง การที่บุคคลนั้น มีความสำนึกตนว่าเป็นคนบาป และทูลขอโทษพระเจ้า ผู้นั่นก็จะได้แผ่นดินสวรรค์ การมีจิตใจยากจน แสดงถึงความพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ ไม่ยึดติดกับสิ่งของทางโลก สำนึกตนว่า ตนเองยังบกพร่องด้านจิตใจ มีใจสุภาพถ่อมตน ไม่อวดหยิ่ง จองหอง ไม่ตกเป็นทาสของอารมรณ์ มีความเป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวง มีสภาวะจิตใจที่เติบโต ผู้นั้นก็จะได้แผ่นดินสวรรค์ คือสภาวะแห่งความสุข ความเป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวงเป็นรางวัล



"บุคคลใดมีใจอ่อนโยน ผู้นั้นก็เป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก"

ผู้ที่มีจิตใจอ่อนโยน ก็ย่อมจะเป็นที่รักของทุกคนในโลกนี้ เปรียบเหมือนการได้แผ่นดินโลกไว้เป็นกรรมสิทธิ์ เพราะบุคคลอันเป็นที่รักของทุกคนไปที่ไหนย่อมมีคนต้อนรับ อยากให้เข้าร่วมสังคมด้วย ความอ่อนโยนไม่ได้หมายถึงความอ่อนแอที่ยอมไปทุกเรื่อง การอ่อนโยนจะต้องมีพื้นฐานอยู่บนเหตุผลและความถูกต้องของ สังคมศีลธรรมเสมอ



"บุคคลใดโศกเศร้า ผู้นั้นก็เป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับการปลอบประโลม"

แม้ว่าเราจะพบกับความเศร้าโศกในบางครั้ง เราจะพบว่า พระเจ้ามิได้ทรงทอดทิ้งเราให้อยู่ตามลำพัง พระองค์จะประทับอยู่กับเรา และคอยปลอบประโลมใจเราเสมอ การที่เรามีความทุกข์ เราจะนึกถึงพระ และได้รับพระเมตตาจากพระองค์ในที่สุด จงยอมรับว่า เราเป็นทุกข์ และมันไม่ได้เป็นนายเหนือเรา การเป็นสุข เกิดจากการยอมรับว่าตนเองเป็นผู้มีความทุกข์ และยอมรับสภาพแห่งทุกข์นั้น พร้อมที่จะเข้าพึ่งพาอาศัยพระเมตตาจากพระเจ้า การเป็นทุกข์เกิดจากความไม่เป็นอิสระของใจเรา การตกเป็นทาสของอารมณ์ การไม่ปล่อยวาง และเมื่อเรายอมรับได้ เมื่อนั้น เราจะพบว่า เราได้รับการปลอบโยนจากพระองค์ผู้ไม่เคยทอดทิ้งเรา



"บุคคลใดมีใจกรุณา ผู้นั้นก็เป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับพระกรุณาตอบ"

บุคคลใดที่มีจิตใจกรุณา พระเจ้าก็ทรงพอพระทัยเขายิ่งกว่าคนที่ทำบุญเสียอีก เพราะการให้ มีคุณค่ามากกว่าการรับ โดยเฉพาะการให้แก่คนที่มีความต้องการ หรือคนที่ด้อยโอกาสในสังคมคริสตชนทุกคน จึงควรเป็นผู้มีจิตเมตตากรุณาต่อผู้อื่น โดยเฉพาะคนยากจน คนตกทุกข์ได้ยาก คนเจ็บป่วย คนชรา เด็กพิการและเด็กด้อยโอกาส เพราะเขาก็จะได้รับพระกรุณาจากพระเจ้า เป็นการตอบแทนเช่นกัน



"บุคคลใดมีความหิวกระหายความชอบธรรม ผู้นั้นก็เป็นสุข เพระว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่มสมบูรณ์"

ผู้ที่ยึดมั่นในความชอบธรรม ด้วยการปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าพระองค์จะทรงประทานบำเหน็จให้เขา ในวันที่เขาจะต้องได้รับการพิพากษา เพราะเมื่อเรารักความชอบธรรม หรือแสวงหาความชอบธรรม (อย่างมีสันติ) เราจะไม่รู้สึกว่าตนเองถูกข่มเหง เบียดเบียน ไม่แสวงหาความสุขใส่ตน แต่ทำเพื่อผู้อื่น เราก็จะเป็นคนดีพร้อมในสายพระเนตรของพระเจ้าเสมอ



"บุคคลใดมีจิตใจบริสุทธิ์ เขาจะได้เห็นพระเจ้า"

ผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ คือผู้ที่ไม่คิดร้ายต่อใคร ไม่ทำบาป หรือทำความผิดต่อพระเจ้า และคนอื่น มีมโนธรรมที่เที่ยงตรง ยำเกรงพระเจ้า ซื่อ ๆ สงบ มีสันติในจิตใจ เขาก็จะได้เห็นพระเจ้า เมื่อเวลาที่เขาจากโลกนี้ไปแล้ว เพราะพระเจ้า คือจิตที่บริสุทธิ์ คนที่จะพบพระเจ้าได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน



"บุคคลใดสร้างสันติ ผู้นั้นก็เป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาเป็นบุตร"

ผู้ที่อยู่กับผู้อื่นอย่างสันติ ผู้นั้นก็จะได้เข้าใกล้ชิดพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นองค์แห่งความสันติ ไม่ใช่องค์แห่งความวุ่นวาย ถ้าเราไม่มีสันติในจิตใจ คือ มีจิตใจที่อาฆาต พยาบาท เป็นจิตชั่วของปีศาจ ไม่ใช่จิตของพระเจ้า ดังนั้น ผู้ที่ดำรงตนอยู่ในสันติ จะต้องสร้างความปรองดองในหมู่ชน ไม่เว้นแม้แต่กับบุคคลที่เราไม่ชอบ หรือศัตรู เพราะพระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคน ในฐานะที่เป็นพระบิดาของทุกคน เมื่อเราสร้างสันติเกิดขึ้น เท่ากับเราเป็นพี่น้องของเขา เราก็จะได้เป็นบุตรของพระเจ้าเช่นกัน



"บุคคลผู้ใดถูกข่มเหง เพราะเหตุของความชอบธรรม ผู้นั้นก็เป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์ก็เป็นของเขา"

ผู้ที่ถูกข่มเหง เพราะความเชื่อที่เขามีต่อพระเจ้า หรือเพราะการกระทำดีตามพระวาจาของพระเจ้า เขาก็จะได้รับบำเหน็จในสวรรค์ ในชีวิตของเรามักจะถูกเบียดเบียนจากความอยุติธรรม เพราะเราจะหาความยุติธรรมบนโลกนี้ได้น้อยมาก แต่พระเจ้าจะประทานความยุติธรรมให้อย่างแน่นอน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า





จากเวป http://www.mariarosa.org คะ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร ก.ย. 27, 2005 12:10 pm

*thx นะครับพี่จิง
ได้รู้รายละเอียดเยอะเลย
ปกติร้องเพลงได้อย่างเดียว :P
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
~@
โพสต์: 1763
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 4:36 pm
ที่อยู่: Pax
ติดต่อ:

อังคาร ก.ย. 27, 2005 9:39 pm

ผมชอบเพลง บุญลาภ มากเลย :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อังคาร ก.ย. 27, 2005 11:50 pm

ยินดีรับใช้จ๊า~~~
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พุธ ก.ย. 28, 2005 11:05 am

ผมชอบข้อพระคัมภีร์ข้อนี้มากๆ แต่ก่อนตอนเป็นเด็กเคยเห็นที่ปกหลังของสมุดที่นักเรียนโรงเรียนคาทอลิกใช้ผมอ่านแล้วก็ชอบแม้ว่าจะจำไม่ได้ก็ตาม ข้อที่ผมชอบที่สุดคือ "บุคคลใดสร้างสันติ ผู้นั้นก็เป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาเป็นบุตร"
Junior Boy
โพสต์: 659
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
ที่อยู่: I believe in God...

อาทิตย์ ต.ค. 02, 2005 9:46 pm

"บุคคลใดรู้สึกบกพร่องฝ่ายวิญญาณ ผู้นั้นก็เป็นสุข เพราะแผ่นดินจากสวรรค์เป็นของเขา"

สมัยก่อนใช้คำว่า "จิตใจยากจน" แทน "บกพร่องฝ่ายวิญญาณ" หมายถึง การที่บุคคลนั้น มีความสำนึกตนว่าเป็นคนบาป และทูลขอโทษพระเจ้า ผู้นั่นก็จะได้แผ่นดินสวรรค์ การมีจิตใจยากจน แสดงถึงความพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ ไม่ยึดติดกับสิ่งของทางโลก สำนึกตนว่า ตนเองยังบกพร่องด้านจิตใจ มีใจสุภาพถ่อมตน ไม่อวดหยิ่ง จองหอง ไม่ตกเป็นทาสของอารมรณ์ มีความเป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวง มีสภาวะจิตใจที่เติบโต ผู้นั้นก็จะได้แผ่นดินสวรรค์ คือสภาวะแห่งความสุข ความเป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวงเป็นรางวัล



"บุคคลใดมีใจอ่อนโยน ผู้นั้นก็เป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก"

ผู้ที่มีจิตใจอ่อนโยน ก็ย่อมจะเป็นที่รักของทุกคนในโลกนี้ เปรียบเหมือนการได้แผ่นดินโลกไว้เป็นกรรมสิทธิ์ เพราะบุคคลอันเป็นที่รักของทุกคนไปที่ไหนย่อมมีคนต้อนรับ อยากให้เข้าร่วมสังคมด้วย ความอ่อนโยนไม่ได้หมายถึงความอ่อนแอที่ยอมไปทุกเรื่อง การอ่อนโยนจะต้องมีพื้นฐานอยู่บนเหตุผลและความถูกต้องของ สังคมศีลธรรมเสมอ



"บุคคลใดโศกเศร้า ผู้นั้นก็เป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับการปลอบประโลม"

แม้ว่าเราจะพบกับความเศร้าโศกในบางครั้ง เราจะพบว่า พระเจ้ามิได้ทรงทอดทิ้งเราให้อยู่ตามลำพัง พระองค์จะประทับอยู่กับเรา และคอยปลอบประโลมใจเราเสมอ การที่เรามีความทุกข์ เราจะนึกถึงพระ และได้รับพระเมตตาจากพระองค์ในที่สุด จงยอมรับว่า เราเป็นทุกข์ และมันไม่ได้เป็นนายเหนือเรา การเป็นสุข เกิดจากการยอมรับว่าตนเองเป็นผู้มีความทุกข์ และยอมรับสภาพแห่งทุกข์นั้น พร้อมที่จะเข้าพึ่งพาอาศัยพระเมตตาจากพระเจ้า การเป็นทุกข์เกิดจากความไม่เป็นอิสระของใจเรา การตกเป็นทาสของอารมณ์ การไม่ปล่อยวาง และเมื่อเรายอมรับได้ เมื่อนั้น เราจะพบว่า เราได้รับการปลอบโยนจากพระองค์ผู้ไม่เคยทอดทิ้งเรา


3 ประโยคนี้ชอบมากเลยครับบบบ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ ต.ค. 02, 2005 9:47 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
St. AnGeLA MeriCi
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 05, 2005 12:50 pm

อาทิตย์ ต.ค. 02, 2005 9:50 pm

อ่า วันนี้เรียนคำสอนเรื่องนี้พอดีเลย *heh
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ต.ค. 03, 2005 6:50 am

เจี๊ยบคิดว่า ถ้า ใครที่ชอบ คำเทศนาบนภูเขา น่าจะอ่านและศึกษา
จากพระวรสาร นักบุญมัทธิว ทั้ง ๓ บท ฮะ

คือ บทที่ ๕,๖, ๗

เพราะมีคำสอนลึกซึ้งมากๆฮะ 8)

เกลือแห่งแผ่นดินโลก

5:13 "ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ
5:14 "ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้
5:15 เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น
5:16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์
แก้ไขล่าสุดโดย Jeab Agape เมื่อ จันทร์ ต.ค. 03, 2005 6:53 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

อังคาร มี.ค. 30, 2010 10:40 am

ดึง ดัน ขุด น่าจะเข้ากับสถานการณ์ทุกยุคทุกสมัย
Little Boy
โพสต์: 250
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 27, 2009 3:33 am

อังคาร มี.ค. 30, 2010 7:28 pm

ใน Book of Mormon ตอนที่พระคริสต์ไปหาผู้คนที่อเมริกา ก็มีคำเทศนาคล้าย ๆ กัน

แท้จริงแล้วคนที่ยากจนทางวิญญาณที่มาหาเราย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นของเรา
และอนึ่ง คนทั้งปวงที่เป็นทุกข์ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
และคนที่อ่อนโยนย่อมเป็นสุขเพราะเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
และคนทั้งปวงที่หิวกระกระหายความชอบธรรมย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะเปี่ยมไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์
และคนที่เมตตาย่อมเป็นสุขเพราะเขาได้ความเมตตา
และคนทั้งปวงที่มีใจบริสุทธิ์ย่อมเป็นสุขเพราะเขาจะเห็นพระผู้เป็นเจ้า
และคนทั้งปวงที่เป็นผู้สร้างสันติย่อมเป็นสุข เพราะเขาได้ชื่อว่าเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า
และคนทั้งปวงที่ถูกข่มเหง เพราะนามของเราย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นของเขา
และเจ้าย่อมเป็นสุขเมื่อคนจะสบประมาทเจ้าและข่มเหง และกล่าวความชั่วนานาประการใส่ความเจ้าผิดๆเพราะเรา
เพราะเจ้าจะมีความปีติมากและจะยินดียิ่งเพราะรางวัลของเจ้าในสวรรค์จะใหญ่ยิ่งเพราะศาสดาที่อยู่มาก่อนเจ้าถูกข่มเหงเช่นนั้น
ตอบกลับโพส