พระเยซูเจ้าสำหรับชาวเกาหลี ✝️🇰🇷

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Arttise
โพสต์: 808
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2022 9:27 pm

“พระเยซูเจ้าสำหรับชาวเกาหลี... ทางแห่งความรอด หรือเครื่องมือหากิน(ของใครบางคน)?”

เป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปเกี่ยวกับประเทศเกาหลีว่า หลังจากสงครามเกาหลีสงบลง ประเทศที่พุทธศาสนาเคยเจริญรุ่งเรื่องแต่เมื่อครั้งก่อนสงครามญี่ปุ่น หรือหากพลิกย้อนกลับไปมองอดีตของเกาหลี กษัตริย์เกือบทุกพระองค์ทรงให้การอุปถัมภ์ศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นศาสนาได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเมือง เช่นเดียวกับพระศาสนจักรคาทอลิกในยุคสมัยกลางก็ไม่ปาน

รูปภาพ
☸️ พุทธศาสนสถานชื่อดังย่านอินซาดง กรุงโซลในสมัยก่อน

แต่ทว่าตอนนี้ วันเวลาผ่านไป ชาวเกาหลีจำนวนมากกลับวางความเชื่อดั่งเดิมซึ่งเป็นรากเหง้าความเชื่อในประเทศของตน มาเชื่อในพระเยซูเจ้า พระผู้ไถ่ และกลับใจกันเป็นจำนวนมากจนน่าแปลกใจ ส่วนเหตุผลนั่น จากที่ผมได้ถามคริสเตียนเกาหลีหลายๆคนก็ต่างบอกว่า “พวกเขาเชื่อว่าพระเยซูทรงมีอยู่จริง เมื่อได้ศึกษาจากประวัติของพระองค์ และประวัติศาสตร์ของโลก ดังนั้นเมื่อทุกอย่างยินยันว่าพระเยซูทรงมีอยู่จริง คำสอนของพระองค์ทุกๆ ข้อก็ต้องเป็นเรื่องจริงด้วยโดยเฉพาะการกลับใจ ความรอด และความรัก...”

เนื้อหาข้อความต่อจากนี้ เป็นประสบการณ์ของผม ซึ่งได้รับทุนมาเรียนต่อที่ประเทศเกาหลี อีกทั้งในฐานะที่ตัวผมเองก็เชื่อในพระเยซูเจ้า และรับศีลล้างบาป เป็นคาทอลิก อย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้อยู่ที่นี่ยิ่งนาน ก็ยิ่งได้พบเจอข้อสังเกตบางอย่าง ที่ทำให้ผมคิดว่า “คนเรา เดี๋ยวนี้มันไม่กลัวนรกกันแล้วหรือยังไง???” ทำไมผมจึงคิดแบบนั้น และเพราะเรื่องอะไร ก่อนอื่นขอเริ่มด้วยการแนะนำก่อนนะครับว่า บทความนี้ ไม่ได้มีเจตนาให้ร้าย หรือต้องการสร้างกระแสไม่ว่าในแง่บวกหรือแง่ลบ ผมเพียงแค่เสนอประสบการณ์ตรงที่เห็นจริง และพบเจอ ซึ่งก็คิดว่า หากพี่น้องชาวไทยได้รับรู้แล้ว เราจะได้เตรียมตัวทันในการรับมือกับ “ความเชื่อทางศาสนาผสมหลักการตลาด” ได้เป็นอย่างดี

รูปภาพ
☮️ Peace Camp For Youth 2010

ผมมาเกาหลีครั้งแรกเมื่อสองปีก่อน(2010) ตอนนั้นมาในฐานะผู้ร่วมค่ายสันติภาพของสหประชาชาติ ร่วมกิจกรรมของค่ายเจ็ดวันครับ ครั้งนั้นที่มาก็ไม่ได้มีข้อสังเกตอะไรมากครับ รู้อย่างเดียวแค่ว่า ที่ผมเคยอ่านเจอในหนังสือท่องเที่ยวที่ว่า ชาวเกาหลี นับถือศาสนาคริสต์กว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์นั้น ท่าจะไม่จริงซะแล้ว น่าจะมากกว่านั้น อาจจะซักแปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์เห็นจะได้ เพราะสองข้างทางบรรดาตึกที่เรียงรายอยู่ริมถนนในกรุงโซล แทบจะกล่าวได้ว่า ทุกๆหนึ่งกิโลเมตร จะมีโบสถ์ที่มียอดโดมหกเหลี่ยมสูงตระหง่าน สองถึงสามหลัง เช่นที่เขานัมซัน โซลทาวเวอร์ยามค่ำคืน เมื่อมองลงมาข้างล่าง ไม่ว่าจะหมุนตัวมองไปทางไหน ก็ตระการตาด้วยไม้กางเขนประดับไฟสีแดงเป็นสัญลักษณ์อยู่ทั่วไป และนั้นก็ทำให้ผมรู้ว่า “อืม... ชาวเกาหลีนี่กลับใจเยอะจริงๆ”

แต่การกลับมาเกาหลีครั้งที่สองของผม เป็นการกลับมาเรียนในฐานะนักศึกษาทุนทหารผ่านศึกเกาหลี จึงมีโอกาสได้อยู่เกาหลีนานหน่อย และเพราะได้อยู่นานนี่แหละครับ ทำให้ผมได้รู้อะไรเกี่ยวกับความจริงของศาสนาคริสต์ในเกาหลีมากขึ้น

มหาวิทยาลัยที่ผมเรียน อยู่ในกรุงโซลครับ แต่ไม่ได้อยู่ในใจกลาง หากเทียบกับกรุงเทพฯของเราแล้ว ก็จะอยู่โซนประมาณ บางเขน หรือไม่ก็ บางซื่อครับ แม้จะอยู่ชานกรุง แต่โบสถ์ก็มากไม่แพ้กลางกรุงเลยละครับ

รูปภาพ
✝️ กลุ่มกางเขนย่านชานเมืองกรุงโซล

โบสถ์บางแห่งก็สร้างไว้อยู่บนพื้นที่ส่วนตัวที่ทางโบสถ์เป็นเจ้าของเอง หรือบางโบสถ์ก็อยู่ในอาคารพาณิชย์ธรรมดา เช่ารวมกับร้านเกมส์บ้าง ร้านอาหารบ้าง ซึ่งก็จะแบ่งชั้นกันไปครับ...

หากมาที่นี่แล้วสังเกตได้ไม่ยากว่าโบสถ์อยู่ตรงไหนบ้าง เพราะทุกโบสถ์จะมีไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์ติดไว้ครับ โบสถ์ไหนมีทุนหน่อยก็จะสร้างยอดโดมหกเหลี่ยมติดยอดด้วยกางเขนประดับไฟสีแดง...

มาถึงจุดนี้ท่านผู้อ่านคงเริ่มสงสัยแล้วว่า สิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมดกับหัวข้อเรื่องมันสัมพันธ์กันยังไง ตรงนี้ละครับที่ผมกำลังจะเข้าประเด็นร้อนของบทความนี้แล้ว...

“เกาหลีมีโบสถ์เยอะจริง แต่มั่นใจได้ยังไงว่านั่น ไม่ใช่โบสถ์เก๊”

📖 "ท่านทั้งหลาย จงระวังผู้เผยพระวจนะเท็จ ที่มาหาท่านนุ่งห่มดุจแกะ แต่ภายในเขาร้ายกาจดุจหมาป่า” (มัทธิว 7:15)

รูปภาพ
⛪️ โบสถ์คริสเตียน(โปรแตสแตนต์) สร้างตามแบบศิลปะยุโรป ซึ่งไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นคริสตชนแท้หรือไม่

โบสถ์นี้ผมสำรวจแล้วมั่นใจว่าไม่ใช่โบสถ์คาทอลิกแน่ครับ


เอาละครับ ก่อนที่ผมจะเล่าต่อไป ขอย้อนอดีตประวัติความเป็นมาของศาสนาคริสต์ในเกาหลีซักนิดนึงว่าใครนำศาสนาเข้ามา คำตอบก็แน่นอนครับ เหมือนประเทศไทย จะใครซะอีกนอกจาก มิชชันนารีจากทางตะวันตก หากผมจำไม่ผิด มิชชันนารีที่เข้ามาเผยแผ่คริสตศาสนา เข้ามาพร้อมกันหลากหลายนิกาย ซึ่งหลักๆ ก็จะมี คาทอลิก โปรแตสแตนต์ และเพรสไบทีเรียน ช่วงนั้นอยู่ในช่วง ประมาณคริสตศักราชที่ 1880 ซึ่งก็ทำให้โบสถ์คาทอลิก (성당 ซองตัง) และโบสถ์โปรแตสแตนต์ (교회คโย-ฮเว) เกิดขึ้นบ้างตามชนบท และในเมืองหลวงเอง แต่ตอนนั้นก็ยังมีการต่อต้านศาสนาครับ ทำให้ผู้ที่มีความเชื่อถูกฆ่าตายเป็นว่าเล่น เช่นเดียวกับที่ญี่ปุ่น (เพราะสมัยก่อนคนญี่ปุ่นเชื่อว่าจักรพรรดิคือพระเจ้า หากนับถือพระเจ้าอื่นเท่ากับว่าเป็นกบฏ ต้องโทษประหาร) ดังนั้นจึงทำให้เกาหลีมีมรณสักขีเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากอันดับต้นๆ ท่ามกลางบรรดาประเทศที่ต่อต้านศาสนาคริสต์ทั้งมวล

รูปภาพ
🇻🇦 มิชชันนารีคาทอลิก ค.ศ.1880

🩸 การทรมานให้ละทิ้งความเชื่อในอดีต


แต่ที่น่าแปลกคือ ปัจจุบันนี้ ประชาชนจำนวนมากที่ผมได้บอกว่ากลับใจมาเชื่อพระเจ้านั้น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นคาทอลิกครับ

แต่เป็นโปรแตสแตนต์ เนื่องด้วยช่วงหลังสงครามเกาหลีสงบลง นานาประเทศได้เข้ามาช่วยเกาหลีในทุกๆ ด้าน เพราะตอนนั้นเกาหลีจนมากๆ ถึงขนาดต้องขอความช่วยเหลือจากเอธิโอเปีย และก็มีมิชชันนารีคริสเตียน เข้ามาให้ความช่วยเหลือในฐานะผู้ประกาศข่าวดี และตัวแทนของประเทศของตนในการให้ความช่วยเหลือทางด้านต่างๆ

รูปภาพ
⛪️ โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ย่านยออิโด (Yeouido)

⛪️ คริสตจักรพระกิตติคุณสมบูรณ์ยออีโด (Yeouido Full Gospel Church) 여의도순복음교회

📍 พิกัด Yeouido Full Gospel Church
https://goo.gl/maps/q8MPo72zqMw3JS4E9

🖥 เว็บไซต์ Website
https://yfgc.fgtv.com

📹 YouTube
https://youtube.com/channel/UCYMbi3EzSrTz6dxq4Qe3Bcg


ดังนั้นด้วยความซาบซื้ง ชาวเกาหลีจึงค่อยๆรับความเชื่อแบบคริสเตียนมา นำเอาคำสอนของพระเยซูเจ้ามาปฏิบัติ จนชีวิตมีความสุข เจริญรุ่งเรือง กลายเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่ามีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับสามของโลก ก็ทำให้เกิดการบอกต่อ และสร้างกลุ่มผู้มีความเชื่อกลุ่มเล็กๆ ขึ้น จากนั้นก็พัฒนาจัดตั้งเป็นคริสตจักร ซึ่งมีผู้ก่อตั้งคนแรกเป็นผู้ดูแล

วันเวลาผ่านไป กลุ่มโปรแตสแตนต์ที่มีความเชื่ออย่างเข้มแข็งก็ใช้วิธีบอกและชักชวนกันปากต่อปาก ขยายกลุ่มมากขึ้นๆ จนทำให้ไม่ว่าตรงไหน จุดใดก็ได้ในเกาหลี ขอให้มีเพียงผู้นำบวกศรัทธา ก็สามารถก่อตั้งโบสถ์ได้แล้ว ต่างกันกับคาทอลิกที่ไม่ได้มีการก่อตั้งกลุ่มแต่อย่างใด เพียงแค่รอผู้ที่มีความเชื่อ เข้ามาเรียนและรับศีลล้างบาป คล้ายๆ ระบบเดียวกันกับที่ไทย

รูปภาพ
(ภาพบน) 🧐 ดูคล้ายพิธีกรรมของคาทอลิก แต่ไม่ใช่โบสถ์คาทอลิก

(ภาพล่าง) 🍞🍷 พิธีระลึกถึงพระกายและพระโลหิต

🤫 มีลูกเพจบอกว่า “รูปนี้เป็นรูปงาน พิธีนมัสการรวมในเทสกาลอีสเตอร์ (รวมโปรแตสแตนท์ในเกาหลี) ที่เดินเข้าพิธีเหมือนคาทอลิกเพราะมี ลูเธอรัน ร่วมด้วย 🤣

สรุปเป็นโปรแตสแตนต์ ไม่ใช่ลัทธิเทียมเท็จนะครับ เข้าร่วมได้ แต่ไม่ใช่คาทอลิกเท่านั้นเองครับ 💒💒😉😉


แต่ทว่า การที่กลุ่มโปรแตสแตนต์ในเกาหลี สามารถขยายกลุ่มของตนได้มากขึ้นๆ ตราบใดที่ยังมีผู้นำและผู้ตาม ก็ทำให้เกิดปัญหาตามมาคือ “โบสถ์เก๊” และเป็นปัญหาที่รัฐบาลเกาหลีแก้ไม่ได้ด้วย เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อ ที่สำคัญหากมีปัญหาแล้วละก็ ผู้ที่อยู่กลุ่มความเชื่อนั้นสามารถก่อกลุ่มชุมนุมได้ตามสิทธิทันที เพราะปัญหานี้เอง ทำให้ทุกวันนี้ แทบไม่มีใครแยกออกเลยว่า โบสถ์ที่สร้างขึ้นอยู่ริมทางทั้งที่สร้างใหม่สวยงามมียอดโดมหกเหลี่ยมสูงประดับกางเขนบนยอดก็ดี หรือจะเป็นโบสถ์ที่เช่าอยู่ตามอาคารก็ดี โบสถ์ไหนกันแน่ที่เป็นโบสถ์ของคริสตชนจริงๆ แม้แต่กระทั้งคนเกาหลี ผมก็ถามเขาไปว่า ผมเห็นโบสถ์ที่มียอดโดมหกเหลี่ยมและก็มีกางเขนข้างบนนั้น สามารถการันตีได้ไหมว่านี่คือโบสถ์ของคริสตชนจริงๆ เขาก็ส่ายหน้าพร้อมกับห้ามผมเข้าไปยุ่งอย่างเด็ดขาด

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า เมื่อกลุ่มโปรแตสแตนต์มีการขยายตัวมากขึ้น ก็ทำให้มีคนหัวใสแต่จิตใจ...ใช้คำสอนของพระเยซูเจ้าบังหน้าเพื่อสร้างภาพความเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์ร่วมกับพี่น้องคริสตชนอื่นๆ แต่เมื่อใดที่มีการบรรยาย หรือเทศน์สอน ก็จะเอาหลักความคิดประจำโบสถ์ของตน ซึ่งโดยมากแล้วใช้หลักความเป็นจริงในมุมมองจิตวิทยา ทั้งยังสร้างความรู้สึกให้ผู้รับฟังซาบซึ้งกับหลักมนุษยธรรมที่มีอยู่แล้วแต่เดิม ซึ่งเป็นผลประโยชน์ล้วนๆ แก่โบสถ์

บรรดาผู้นั่งฟังตาดำๆ ด้วยความเชื่อในพระเยซูเจ้าก็เข้าใจไปตามนั้น และก็ทำตามที่นักเทศน์ เทศน์สอนโดยลืมนึกถึงความถูกต้องอย่างแท้จริงของหลักคำสอนของพระเยซูเจ้าไปอย่างสิ้นเชิง จนสุดท้ายบรรดาผู้ศรัทธาถึงขนาดกับสละทุกอย่างแม้แต่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือจริยะธรรมที่ถูกต้องตามหลักของศาสนาจริงๆ ทุ่มให้กับลัทธินอกรีตจนไม่มีใครสามารถกู้สติคนๆ นั้นกลับคืนมาได้...เฮ้อ...

ปล. มีลูกเพจคนหนึ่งมาเสริมว่า : ต่อครับจริงๆ ในตอนที่สองเรื่องเวลาในการเข้ามาของศาสนาคริสต์ก็แอบผิดนิดนึงครับที่บอกว่า เข้ามาพร้อมๆ กันในช่วง 1880 ในความจริงคือ คาทอลิกเข้ามาก่อนในช่วง ปลายศตวรรษที่ 18 ส่วนโปรแตสแตนท์เข้ามาช่วงกลางๆ ศตวรรษที่19 เข้ามาประปราย แต่เริ่มเผยแพร่แบบจริงจังของโปรแตสแตนท์คือช่วง 1870

CR. : Nattaworn Khomwan

ยกตัวอย่างเช่น จากคำบอกเล่าของอาจารย์ผมท่านหนึ่งซึ่งเป็นพุทธมามะกะเกาหลี ได้เล่าให้ผมฟังว่าโบสถ์แห่งหนึ่งในเกาหลี มีผู้นำเป็นคนเกาหลีเหนือ แต่หลักคำสอนของเขา กลับโด่งดังและเป็นที่ยอมรับของคนกลุ่มหนึ่งในเกาหลีใต้ ทุกวันนี้เขามีลูกชายเป็นผู้นำในการประกาศลัทธิไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย

รูปภาพ
🇰🇷 ผู้นำลัทธิชาวเกาหลีและภรรยา

ปัจจุบันเจ้าของลัทธินี้มีบ้านหลังใหญ่ที่อเมริกา และมีธุระกิจส่งออกโสมเกาหลีเป็นของตัวเองด้วย จึงทำให้เขาจัดอยู่ในอันดับมหาเศรษฐีชาวเกาหลี

ลัทธิของเขาสอนว่า มนุษย์เราทุกคนเท่าเทียบกันหมด ไม่ว่าจะรวยหรือจน จะเป็นคนชาติใด ต้องมีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน เป็นเหมือนพี่น้องสายโลหิตเดียวกัน

และก็ยังมีข้อความเชื่อที่มาของลัทธิคือ เมื่อหลังจากพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ร่างกายและวิญญาณของพระองค์ได้กลับคืนสู่สวรรค์ และเฝ้าดูโลกมนุษย์ด้วยความรัก จนเมื่อถึงเวลาหนึ่ง(ประมาณหกสิบปีก่อน) พระเจ้าทนไม่ไหวที่เห็นมนุษย์ทำสงครามกัน ไม่มีความรักต่อกันและกัน จึงส่งพระบุตรกลับลงมายังโลกอีกครั้ง ซึ่งก็คือตัวของเขาเอง...

รูปภาพ
🤵🏻‍♂️👰🏻‍♀️ พิธีสมรสหมู่ข้ามเชื้อชาติของลัทธินี้ เพื่อแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของมนุษยชาติ

นั่นหมายความอยากเปิดเผยเลยว่า “เขากำลังบอกว่าตัวเองคือพระเยซูกลับชาติมาเกิดนั่นเอง” ซึ่งทั้งโปรแตสแตนต์และคาทอลิกเกาหลี ลุกฮือขึ้นต่อต้านความคิดของเขา และบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นพระเยซูกลับชาติมาเกิด เพราะยังไงซักวันหนึ่งเขาก็ต้องตายเหมือนมนุษย์ทั่วไป

แต่เขาก็ปฏิเสธและตอบไปว่า แม้ว่าร่างกายเขาจะตาย แต่วิญญาณของเขาจะไม่มีวันตาย วิญญาณเขาจะถ่ายทอดเข้าสู่ร่างลูกชายของเขาต่อไปชั่วลูกสืบหลาน...

อีกเรื่องหนึ่งคือลัทธินี้ มีการจัดงานแต่งงานหมู่ซึ่งที่ไทยเองก็มีข่าวดังอยู่พักหนึ่ง และที่แปลกที่สุดสำหรับความคิดผมคือ มีการส่งสมาชิกในกลุ่มแต่งงานกับคนชาติอื่นซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และให้ฝ่ายหญิงไปอยู่กินที่ประเทศของฝ่ายชาย สิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นคงคิดว่าสองสามีภรรยาก็น่าจะช่วยกันเผยแผ่ลัทธิต่อไป

นี่ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของโบสถ์ลัทธิประหลาดที่อ้างเป็นคริสตชนที่แอบแฝงอยู่ในบรรดาโบสถ์ต่างๆ ในเกาหลี ด้วยเหตุนี้เองเป็นเหตุผลที่ผมได้ใช้ขึ้นหัวข้อ เพราะเรื่องราวดังกล่าว ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของชาวเกาหลีในการนับถือคริสตศาสนา ทำให้ชาวเกาหลีหลายคนละทิ้งพระเจ้า และคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อก็ได้ เพราะดูเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระ แม้ว่าบุคคลเหล่านั้นจะมีพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย แต่เดิมเชื่อในพระเจ้าก็ตามที

รูปภาพ
⛪️ (วัด)มหาวิหารมยองดง (평동 성당 มยองดง ซองดัง) ในอดีต

📍 พิกัด 천주교 평동 성당
https://goo.gl/maps/S16N6xsSXnkpt4D2A

🖥 เว็บไซต์ Website
http://gj.gjcatholic.or.kr/menu03/m0301 ... ?BGSId=194


แต่สำหรับคนที่อยากแสวงหาพระเจ้า ชาวเกาหลีเลือกที่จะเสี่ยงถูกหลอกน้อยที่สุด พวกเขาเลือกที่จะเป็นคาทอลิก เพราะไม่มีการเปิดโบสถ์เองได้นอกจากจะมีการอนุญาตอย่างเป็นทางการ และที่สำคัญโบสถ์คาทอลิกในเกาหลี หากเทียบกับโบสถ์โปรแตสแตนต์ต้องขอบอกว่ามีน้อยกว่ามากๆ หลายเท่า แต่ทว่าโบสถ์เหล่านั้น ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยก่อน จึงทำให้ความน่าเชื่อถือค่อนข้างมีมาก

ทำให้ทุกๆ วันอาทิตย์ทุกๆ โบสถ์คาทอลิกแทบจะไม่มีที่นั่งรองรับสำหรับผู้ประสงค์อยากเข้าร่วมพิธีบูชาขอบพระคุณ หรือแม้แต่กระทั้งที่ยืน และยังต้องจัดตารางมิสซาถี่ยิบ สำหรับผมแล้วในฐานะคนไทย มาจากประเทศไทยซึ่งก็ยังมีผู้คนที่เชื่อพระเจ้ายังไม่มากเท่าไร ก็ขอบอกว่าตกใจสุดๆ กับสภาพที่เห็นตอนไปร่วมมิสซา ฝูงชนที่ต่อแถวยาวอยู่หน้าโบสถ์ต่อแถวรอคิวคอยเวลาเข้าร่วมมิสซารอบต่อไป ผมเองในฐานะที่เป็นผู้หนึ่งที่เชื่อในพระเจ้า เห็นคนอื่นๆเชื่อในพระเจ้าก็รู้สึกปลื้มใจ ไม่ว่าจะนิกายไหนก็ตาม และสำหรับชาวเกาหลีที่เชื่อในพระเจ้าด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความรัก เขาคนนั่นก็ไม่แบ่งแยกเช่นกัน ขอแค่รู้ว่าคนๆนั้นเชื่อในพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนหรือคาทอลิก เขาก็ปลื้มใจ

รูปภาพ
🙏 ชาวเกาหลีและชาวต่างชาตินับร้อยยืนต่อแถวรอร่วมพิธีมิสซารอบต่อไป

ในทางตรงกันข้าม ก็มีพวกที่ต้องการหาคนร่วมกลุ่มตัวเองเหมือนกัน ผมเคยเจอคนเกาหลีชวนให้เข้าศาสนา เป็นกลุ่มคนจากโบสถ์ๆ หนึ่ง บุกเข้ามาถึงหอพักในมหาวิทยาลัย คอยดักนักศึกษาชาวต่างประเทศ และชวนเข้ากลุ่ม ผมก็บอกเขาไปตรงๆ ว่า “ผมเองก็เชื่อพระเจ้าเหมือนกัน ผมเป็นคาทอลิก” หลักจากผมพูดจบ เค้าก็ตอบกลับผมด้วยคำพูดทีทำเอาผมตกใจไปเลย เธอคนนั้นบอกว่า “รู้อะไรไหม คนที่นับถือศาสนาคริสต์ คาทอลิกในเกาหลี พวกนั้นไม่ได้เชื่อพระเยซู” นั่นแหละครับ ส่อแววนิกายนอกรีตอย่างชัดเจน ทางเดียวที่ผมทำได้คือรีบๆ หนีออกไปให้ห่าง...

มาถึงตรงนี้เรื่องราวเกี่ยวกับชาวเกาหลีที่พยายามเดินตามรอยเท้าพระเยซูเจ้า แต่กลับสับสนกับรอยเท้าคนอื่นที่มีนิ้วห้านิ้วและลักษณะเท้าที่เหมือนกันกับพระเยซูเจ้า ก็คงจบลงเพียงเท่านี้ หวังว่าประสบการณ์ที่ผมได้พบเจอและได้นำมาเขียนเป็นบทความสั้นๆ ให้อ่านกัน เป็นคล้ายๆความรู้รอบตัวเกี่ยวกับภัยของศาสนาที่บางที เราก็คาดไม่ถึง คงจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านอยู่บ้างนะครับ และสำหรับผู้อ่านคนไหนที่สนใจอยากรู้จักพระเยซูเจ้า ขอย้ำหนักๆ นะครับว่า “ต้องศึกษาประวัติของพระองค์ให้ดีซะก่อน ต้องรู้ว่าพระองค์สอนอะไร” จากนั้นก็ค่อยๆไปร่วมกิจกรรมทางศาสนา หาเพื่อน หรือคนรู้จักไว้เป็นที่ปรึกษาก็น่าจะดีครับผม แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ลืมไม่ได้เลย นั่นก็คือการสวดภาวนา อธิษฐานให้พระเจ้านำทางเรา ให้เดินหาทางของพระองค์จนเจอ ผมมั่นใจว่าหากคนที่แสวงหาพระเจ้าด้วยใจจริงแล้ว ไม่นานเกินรอหรอกครับ พระเจ้าจะจูงมือพาท่านไปยังเส้นทางของพระองค์เอง

^^Y

ขอบคุณครับ

พิราบเทา...

CR. : http://www.kamsonbkk.com/2012-02-15-07- ... l4V39Rr38c

ปล. เท่าที่แอดมินสังเกตจากภาพและข้อมูลบางส่วน ดูแล้วลัทธิที่เจ้าของบทความกล่าวถึง คือ ลัทธิมูน ซึ่งมีในประเทศไทยด้วยครับ

🚨❌ ลัทธิมูน Unification Church (Moonies) ❌🚨

😈 ลัทธิมูน
http://followhissteps.com/web_christian ... cult3.html

ลัทธินี้มีในประเทศไทย ปัจจุบันเจ้าลัทธิเสียชีวิตแล้ว แต่ยังมีคนนับถือลัทธิมูนอยู่ โปรดระวังตัวด้วยนะครับ

https://www.facebook.com/FaithOfLord/ph ... 28/?type=3

📷 อัลบั้ม❌ รวมลัทธิเทียมเท็จ ❌
https://www.facebook.com/media/set/?set ... 075&type=3

CR. : 1/3 https://www.facebook.com/44175628624166 ... 759038843/
2/3 https://www.facebook.com/44175628624166 ... 019035217/
3/3 https://www.facebook.com/44175628624166 ... 262364126/

ขอพระเจ้าสถิตกับท่านทุกคนนะครับ 💒💒😇😇
#คริสต์ #คาทอลิก #โปรแตสแตนต์ #คริสต์ศรัทธา #คริสตัง #คริสเตียน #พระเยซูเจ้า #พระเยซู #ชาวเกาหลี #เกาหลี #เกาหลีใต้ #ทางแห่งความรอด #เครื่องมือหากิน #โบสถ์คาทอลิก #โบสถ์โปรแตสแตนต์ #โบสถ์เก๋ #นอกรีต #ลัทธิเทียมเท็จ #ลัทธิมูน #catholic #protestant #Jesus #Korea #SouthKorea #church #UnificationChurch #Moonies
ตอบกลับโพส