“ความหวัง ความเชื่อ และความงมงายนั้น ต่างกันแค่เพียงปลายปากกา” จากกระทู้ ขอเรียกร้องให้กับชีวิตที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Arttise
โพสต์: 802
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

ศุกร์ ม.ค. 20, 2023 11:53 pm

ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวสักเล็กน้อยนะครับ ผมเป็นเพื่อนคนนึงของ สมาชิก Pantip ที่มีชื่อ Log In ว่า "เป็ดน้อยลอยชาย ซึ่งในช่วงที่เธอมีชีวิตอยู่นั้น เล่นอยู่ในห้องสยามแสควร์ หรือห้องไร้สังกัด

📄 กระทู้อ้างอิง

http://topicstock.pantip.com/.../03/M76 ... 28469.html

http://topicstock.pantip.com/.../08/M81 ... 74199.html

เธอคือเหยื่อจากการรักษาของหมอเขมรในข่าวช่วงเมื่อ "วันที่ 21 กันยายน 2552"

ดังที่เห็นในลิงค์นี้ http://www.dailynews.co.th/crime/156598

และวันนี้ ผมที่ออกมานั้น เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และปรับความเข้าใจกันเสียใหม่ เพราะเนื่องจาก<b>แม้เพื่อนของผมจะจากไปแล้ว ก็ยังไม่วายมีคนมาซ้ำเติม

"ความหวัง ความเชื่อ และความงมงายนั้น ต่างกันแค่เพียงปลายปากกา" เป็นคำที่เหมาะสมที่สุดกับเหตุการณ์นี้ครับ

ว่ากันที่พื้นเพครอบครัวของเป็ดน้อยลอยชายกันก่อนนะครับ ครอบครัวของเป็ดน้อยลอยชายนั้นเป็นครอบครัวที่เคร่งครัดในศาสนาอย่างมาก ซึ่งศาสนานั้นก็คือ คริสตศาสนา โดยในทุกวันอาทิตย์นั้น ครอบครัวของเธอก็จะไปที่โบสถ์ทุกครั้ง

ตัวของเป็ดน้อยลอยชายนั้น มีโรคประจำตัวอยู่คือโรคเบาหวาน ซึ่งเธอนั้นเป็นมาตั้งแต่กำเนิด โดยที่ผ่านมา เธอจะต้องไปตรวจรักษา รับอินซูลินอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ขาดมาเป็นเวลากว่า 9 ปี และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า โรคเบาหวานนั้นไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

ผมคงพูดแทนครอบครัวของเธอได้ว่า ไม่ว่าพ่อแม่คนไหนๆ การที่ต้องเห็นลูกของตัวเองต้องต่อสู้กับโรคร้ายมาตลอด ก็ต้องหวังให้ลูกของตัวเองหายจากโรคร้ายนี่อยู่แล้ว
และในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ลางร้ายก็ได้ย่างกรายเข้ามา

โดยคุณพ่อของเป็ดน้อยลอดชายนั้น ได้พบเข้ากับคลิปวีดีโอเกี่ยวกับโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการรักษาโรคที่เว็บ Holy Zone มีชื่อว่า พยานชีวิตของหมอประกายสิริวงศ์ โดยมีทั้งหมด 5 ตอน โดยมีนายพรหมพันธุ์ โรจนพุทธิหรืออาจารย์ฟู เป็นเจ้าของ Channel

http://www.youtube.com/watch?v=7RRUznsJIJA

สำหรับบุคคลอื่นที่ไม่ได้มีความเชื่อในศาสนาศริสต์นั้น อาจจะแค่ดูไปผ่านๆ แต่ไม่ได้สนใจอะไร แต่คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายนั้น เป็นผู้ที่มีความศรัทธาในศาสนาคริสต์นั้น ประกอบกับที่ตัวลูกสาวนั้นได้มีโรคประจำตัวที่เป็นอันตรายมาก จึงเกิดความสนใจ และได้โทรไปตามเลขหมายที่ได้โฆษณาเอาไว้

หมอประกายสิริ ได้ให้คำแนะนำว่าโรคทุกๆ โรคนั้นเกิดมาจากความผิดปกติทางกระดูก ถ้ามีการจัดกระดูกให้ถูกต้องแล้ว โรคทุกโรค ก็จะสามารถรักษาให้หายได้

"พระเจ้าได้ให้เธอมีความสามารถพิเศษในการช่วยรักษาโรคได้ทุกโรคโดยเฉพาะคนที่มีความเชื่อในพระเจ้าและต้องไว้ใจหมอประกายสิริจะทำให้หายโรคได้อย่างแน่นอนและต้องเชื่อว่าพระเจ้าใช้หมอประกายสิริมารักษาให้หายได้โดยการจัดเรียงกระดูกเพื่อการบำบัดการรักษาให้หายจากโรคที่เป็นอยู่ได้"

นี่เป็นคำยืนยันจากปากของหมอประกายสิริ ซึ่งชักจูงให้คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชาย ที่ไม่สามารถพึ่งพาการแพทย์แผนปัจจุบันเผื่อรักษาโรคเบาหวานให้หายขาดได้ เริ่มมีความเอนเอียงตามหมอประกายสิริ

ภาพข่าว
รูปภาพ

สำหรับเป็ดน้อยลอยชาย ผู้ซึงจบการศึกษามาจากคณะคุรุศาสตร์จุฬาเกียรติ์นิยมอันดับ 1 เธอมีความเชื่อและความศรัทธาในศาสนาคริสต์ และเชื่อมั่นเสมอในพระเจ้า เธอเป็นเด็กดี มีความกตัญญู เป็นที่รักของเพื่อนฝูง และลูกศิษย์ตัวน้อยของเธอที่ Early Learning Center

ในทีแรกนั้น เป็ดน้อยลอยชายนั้น ปฏิเสธและไม่สนใจในแผนการรักษาของหมอประกายสิริ ตัวเธอนั้นไม่ได้มีความทุกข์ใจอะไรมากมายนักกับโรคประจำตัวของเธอ ตัวเธอนั้นมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ตามแนวทางของพระผู้เป็นเจ้า

รูปภาพ

ในเวลาต่อมานั้น คุณพ่อของเธออาจารย์เอ(นามสมมติ) จากพี่น้องชาวคริสเตียนบางคนผ่านทาง Skype ในกลุ่ม Holy Zone และอาจารย์เอนั้นก็ได้แนะนำคุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายให้รู้จักกับคุณเล็ก ที่อาศัยอยู่ที่บ้านเช่าเรียกว่า ”นิเวศน์อธิษฐาน” โดยสถานที่นั้นได้ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 21 แยกที่ 2 และคุณพ่อได้อยู่ร่วมประชุมในบ้านหลังนั้นในวันนั้นด้วย

คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายจึงได้พาคุณแม่และตัวเธอ ไปเยี่ยมเยียนที่ "นิเวศน์อธิษฐาน" และแนะนำให้ให้ได้รู้จักกัน ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีกลุ่มคนที่ชุมนุมในบ้านหลังนั้น ได้แวะเวียนเข้ามาที่บ้านของเป็ดน้อยลอยชาย และได้พยายามชักจูงให้คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายนั้น นำตัวลูกสาวเข้าทำการรักษากับหมอประกายสิริ โดยตัวเป็ดน้อยลอยชายก็ได้ทำการปฏิเสธอีกครั้งหนึ่ง

และหลังจากนั้น ก็มีอีกหลายครั้งที่คนจากบ้าน "นิเวศน์อธิษฐาน" ได้พยายามชักชวนเป็ดน้อยลอยชายเข้าทำการรักษา ซึ่งคล้ายคลึงกับความเชื่อแบบปากต่อปาก

ภาพประกอบของบ้านหลังที่ว่า
รูปภาพ

และแล้ว จุดเริ่มต้นของฝันร้ายนั้นก็บังเกิดขึ้น

ในวันที่ 15 มิถุนายน คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายนั้นได้โทรไปปรึกษาหมอประกายสิริ เรื่องของเป็ดน้อยลอยชายอีกครั้ง และหมอนั้น ก็อยากจะขอพบกับเป็ดน้อยลอยชาย

ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชาย ได้โทรหาหมอประกายสิริเพื่อขอเลื่อนนัด เนื่องจากเป็ดน้อยลอยชายยังติดงานอยู่ แต่หมอประกายสิริต้องการให้มาพบในตอนเย็นของวันนี้ ซึ่งเป็ดน้อยลอยชายก็ไม่ได้เต็มใจนัก แต่เนื่องจากแค่พบอย่างเดียวจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

เมื่อไปถึงที่บ้านหมอประกายสิริในเวลา 18.00 น. หน้าบ้านเป็นประตูเหล็กดัดสีเขียว มีตัวอักษรเขียนไว้ที่ด้านบนประตูหน้าบ้านว่า “บ้านนี้มีพระเยซูเป็นประมุข” และเมื่อไปถึงที่ประตูหน้าบ้าน ก็ได้พบหมอประกายสิริที่หน้าบ้าน เมื่อเข้าไปในบ้านแล้วก็พบกับคนในกลุ่ม ”นิเวศน์อธิษฐาน” อยู่ภายในบ้านซึ่งนำลูกมาเป็นลูกค้าใช้บริการหมอประกายสิริ

หมอประกายสิริบอกให้คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายนำกระดาษที่พิมพ์คำอธิษฐานสารภาพความผิดบาปให้คนที่จะมารักษาอ่าน เมื่อเป็ดน้อยลอยชายอ่านเสร็จแล้วจึงสอบถามวิธีการรักษาจากหมอประกายสิริ โดยตอบได้ใจความว่าต้องใช้เท้าเหยียบนวดไปตามร่างกาย คุณพ่อจึงเสนอว่าในครั้งแรกนี้จะขอพูดคุยก่อน แต่หมอประกายสิรินั้นกล่าวอ้างในพระผู้เป็นเจ้า โดยอ้างว่าพระเจ้าทรงใช้เธอให้มาช่วยคนไทยนานกว่า 30 ปีแล้ว คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายจึงวางใจมากขึ้น เพราะเชื่อในคำที่ให้ไว้ในรายการ “คำพยานชีวิต” และฟังจากคำพูดของคนในกลุ่ม ”นิเวศน์อธิษฐาน” ที่เจอในเวลานั้น

จากนั้นหมอประกายสิริได้วิเคราะห์ตัวเป็ดน้อยลอยชายว่า "ไม่ได้เป็นโรคเบาหวาน" แต่เป็นเพราะกระดูหน้าอกบิดเบี้ยว และสะโพกบาน โดยจะต้องถูกบำบัดในวันนี้เลยเพื่อทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้น โดยอาศัยจิตวิทยา ทำลายความมั่นใจของเป็ดน้อยลอยชาย และอาศัยความเกรงใจของคุณพ่อ คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายจึงให้เธอลองบำบัดดูสักครั้ง ซึ่งในขณะเดียวกัน หมอประกายสิริก็ได้เปิดคลิป "พยานชีวิต" ซึ่งมีใจความเปรียบเทียบการแพทย์ปัจจุบันว่า แม้จะเจ็บแต่รักษาไม่หายขาด แต่ของตัวเองนั้น เจ็บแต่หายขาด แล้วยังเปิดเพลงนมัสการของคริสตจักรยุคพระคุณไปด้วยและก็ร้องเพลงตามไปด้วย เพื่อเรียกความน่าเชื่อถือ

หลังจากการบำบัดรักษานั้นผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง หมอประกายสิรินั้นก็ให้ยาสวนทวารและวิตามินกลับมารับประทาน และเก็บค่ารักษาอีกกว่า 1,500 บาท โดยสร้างภาพลักษณ์ว่าหมอประกายสิริจะไม่จับเงิน แต่ให้ใส่กล่องเป็นการถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าแทน

ซึ่งหลังจากกลับบ้านมา เป็ดน้อยลอยชายก็มีอาการเหนื่อยล้า และอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก โดยในเวลาตี 3 ของวันนั้น เธอก็มีอาการกระสับกระส่าย ปวดเมื่อไปทั้งตัว คลั่นเนื้อ คลั่นตัวเป็นอย่างมาก และรับประทานยาที่หมอประกายสิริให้มา ในคืนนั้นคุณแม่ของเธอได้เข้านอนเป็นเพื่อน ซึ่งในรุ่งเช้าของวันนั้น อาการของเธอก็ทุเลาลง และไปสอนได้ตามปกติ

แต่ในเที่ยงของวันนั้น เป็ดน้อยลอยชายได้โทรศัพท์กลับมาที่บ้าน โดยเธอบอกว่า เธอรู้สึกใจสั่น หงุดหงิด ไม่สบาย ซึ่งในช่วงเวลาเย็นวันนั้นเธอก็มีอาการดีขึ้น และสามารถไปงานเลี้ยงส่งรุ่นพี่ที่สมาคมนักศึกษาคริสเตียนไทยได้ และได้กลับมาถึงบ้านในเวลา 5 ทุ่มโดยมีรุ่นพี่มาส่งที่บ้าน

ในตี 2 ของวันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน เป็ดน้อยลอยชายมีอาการถ่ายท้อง และอาเจียนเป็นช่วงๆ จนกระทั้งช่วงเช้า อาการของเป็ดน้อยลอยชายก็ดีขึ้น คุณพ่อและคุณแม่ของเธอจึงแนะนำให้เธอไปโรงพยาบาล แต่เป็ดน้อยลอยชายได้ปฏิเสธไป

ในช่วงบ่าย 3 โมงของวันนั้น คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายได้โทรศัพท์ไปหาหมอประกายสิริ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุ หมอประกายสิริจึงเสนอให้พาตัวเป็ดน้อยลอยชายไปหาในทันที ทุกคนในบ้านจึงตามไปด้วยการเพื่อไปดูการรักษา

เมื่อถึงที่บ้านของหมอประกายสิริ ก็ได้รับคำอธิบายว่า อาการอาเจียนนั้นเป็นการขับสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ในตัวออกมา แล้วทำการรักษาด้วยวิธีเดิมอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นได้แนะนำคุณพ่อและคุณแม่ของเป็ดน้อยลอยชายกับคนไข้รายหนึ่ง โดยอ้างว่ามีคนไข้รายนั้นโรงพยาบาลไม่สามารถรักษาได้ จึงนำมารักษากับเธอแล้วอาการดีขึ้น

เมื่อได้รับการบำบัดโดยการเหยียบอีกเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก็จ่ายเงินค่ารักษาไปอีก 1,500 บาท แล้วอาการก็บรรเทาลงไปช่วงหนึ่ง

ในช่วงเวลาตี 3 ของวันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน เป็ดน้อยลอยชายมีอาการหนักยิ่งขึ้น เจ็บปวดทุรนทุราย หอบหายใจเสียงดัง และในตอนเย็นของวันนั้น คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายได้โทรศัพท์ไปหาหมอประกายสิริเพื่อถามหาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้น โดยหมอประกายสิริให้ความเชื่อมั่นว่ารู้จักอาการแบบนี้ดี และไม่ต้องเป็นห่วง ซึ่งหมอประกายสิริก็ได้ให้พาเป็ดน้อยลอยชายไปที่บ้านของหมออีกครั้งหนึ่ง

ในเวลาถัดมา ทุกคนในบ้านได้ไปพบหมอประกายสิริ และได้พบกับเป็ดน้อยลอยชายในสภาพนอนอ้าปากหายใจอยู่บนเตียง ทำให้ทุกคนตกใจกับภาพที่ได้เห็น ซึ่งหมอประกายสิริก็ได้อธิบายว่า เป็นเพราะมีน้ำมูกมากต้องหายใจทางปาก และเพราะกระดูกหน้าอกมีปัญหา จึงต้องหายใจหอบเสียงดัง โดยในขณะนั้นผู้ที่อยู่ใน "นิเวศน์อธิษฐาน" ก็ได้เข้าร่วมเกลี้ยกล่อมให้คุณพ่อของเป็ดน้อยลอยชายเชื่อในตัวของหมอประกายสิริว่าจะรักษาได้ แต่คุณพ่อและคุณแม่ของเป็ดน้อยลอยชายเห็นว่าอาการของลูกไม่ปกติอย่างมาก และสมควรจะได้รับการรักษาจากทางโรงพยาบาล แต่ก็ได้รับการคัดค้านจากทางทุกคนที่อยู่ใน "นิเวศน์อธิษฐาน" และกล่าวอ้างว่า “อย่ามีความรู้พระคัมภีร์แค่ทางสมองต้องมีความเชื่ออย่าดูสภาพที่เห็นอยู่ให้ไว้วางใจในพระเจ้า” ทำให้ครอบครัวของทางเป็ดน้อยลอยชายสับสนเป็นอย่างมาก ซ้ำร้ายหมอประกายสิริยังให้คำมั่นว่า ทุกๆ อย่าง หมอประกายสิริจะรับผิดชอบเอง แล้วยังบอกว่าครอบครัวของเธอไม่เข้าใจในอาการของเป็ดน้อยลอยชายในขณะนี้ และต้องเชื่อฟังที่หมอประกายสิริพูด คือต้องให้เป็ดน้อยลอยชายค้างคืนที่นี่

รูปภาพ

คุณพ่อกับคุณแม่ของเป็ดน้อยลอยชาย ได้ตกลงกันว่าจะให้คุณแม่คอยนอนเป็นเพื่อน เผื่อถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะได้โทรศัพท์กลับมาได้ทันท่วงที และรับตัวไปรักษาที๋โรงพยาบาลเพชรเวช ซึ่งในเวลานั้นคุณพ่อกับคุณแม่เริ่มไม่ไว้ใจหมอประกายสิริแล้ว

ในเวลานั้นหมอประกายสิริได้กล่าวกับทางครอบครัวว่า ให้รอพระเจ้ากำลังจัดกระดูกใหม่ให้เป็ดน้อยลอยชาย และเธอก็จะหายกลับมาเป็นคนใหม่อย่างแน่นอน

ณ เวลาเที่ยงคืน หมอประกายสิริขอตัวขึ้นไปพักผ่อนและให้คุณแม่ของเป็ดน้อยลอยชายคอยดูแลเธอ ซึ่งคุณแม่ก็คอยจับมือของเป็ดน้อยลอยชายเอาไว้จนกระทั้งหลับไป

และในที่สุด ณ เวลาตี 1 ของวันนั้น เวลาแห่งความตายก็ได้มาถึง เมื่อคุณแม่ของเป็ดน้อยลอยชายได้สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เห็นเป็ดน้อยลอยชายยังคงอ้าปากหายใจอยู่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร จนเมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง เป็ดน้อยลอยชายก็ได้สิ้นเสียงหายใจไปแล้ว

ในขณะนั้นเป็นเวลา 2 นาฬิกา 45 นาที คุณแม่ได้ตกใจเป็นอันมาก ตะโกนเรียกหมอประกายสิริอย่างลืมตัว และวิ่งไปเคาะประตูหาทุกชั้น แล้วพูดว่า “ลูกแอมมี่ ไม่หายใจแล้ว” โดยที่ชั้น 4 มีเสียงตอบกลับมาจากหมอประกายสิริว่า “ใครบอก” ก่อนจะเปิดประตู และได้เจอหมอประกายสิริ หมอพูดว่า “คุณเป็นแม่ยังไงกัน ถึงดูแลลูก ไม่ได้อย่างนี้” จากนั้นก็พากันวิ่งลงมาหาเป็ดน้อยลอยชาย

หมอประกายสิริได้ทำการปั้มหัวใจให้เป็ดน้อยลอยชาย แล้วทำการให้เท้าเหยียบให้เสมหะออกจากจมูก และคุณแม่ของเป็ดน้อยลอยชายก็ได้โทรศัพท์กลับมาที่บ้านเพื่อแจ้งให้ทางครอบครัวได้ทราบ

30 นาทีต่อมา คุณพ่อและน้องชายของเป็ดน้อยลอยชายได้มาถึงพร้อมกับรถส่วนตีว และรถพยาบาลของทางโรงพยาบาลเพชรเวช เมื่อรถพยาบาลไปถึง ก็ได้ทำการตรวจเลือดและชีพจร และบอกกับครอบครัวว่า “แอมมี่ เสียชีวิตแล้ว และการขาดอากาศหายใจ ในช่วงเวลามากกว่า 30 นาที ถือว่าไม่สามารถช่วยในการปั้มหัวใจได้ เพราะไม่มีประโยชน์อะไร ลูกสาวของคุณเสียชีวิตแล้ว” ซึ่งในระหว่างช่วงที่คุณแม่กำลังรอรถพยาบาลอยู่นั้น หมอประกายสิริได้พูดไปว่า “ถ้าใครถามให้บอกว่ามานอนบ้านญาติ ไม่ต้องบอก ใครนะว่ามารักษาที่นี่”

จากเหตุการณ์ดังที่ได้เล่ามาทั้งหมดนี่ เป็นส่วนขยายที่ข่าวในหนังสือพิมพ์ทุกๆ ฉบับไม่ได้มีการกล่าวถึง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเสียใจเป็นอย่างมาก นั่นคือ มีคนจำนวนมาก ที่แม้เพื่อนของผมคนนี้จะเสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังมีคนคอยซ้ำเติมสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจแบบผิดๆ ว่า "โง่" "งมงาย" "เสียชื่อสถาบัน" ซึ่งผมที่รู้จักเธอมากว่า 7 ปี ย่อมรู้ว่าสิ่งใดคือความจริง

สิ่งที่ผมเรียกร้องนั้น ไม่ได้มากเกินกว่าที่ทุกคนจะให้ได้ คือ "ขอให้เข้าใจ ขอให้เห็นใจ" บ้าง เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เธอไม่ได้มีส่วนผิดแม้แต่นิดเดียว

ในบางส่วนอาจจะเห็นว่าพ่อแม่ของเธอนั้นก็มีส่วนผิดอยู่กึ่งหนึ่ง ที่ยอมไว้วางใจวิธีการรักษาสุดพิสดารของหมอประกายสิริ ซึ่งผมคงไม่อาจโต้แย้งอะไรได้ นอกเสียจากบอกว่า "ความหวัง ความเชื่อ และความงมงาย ต่างกันแค่ปลายปากกา" ในเมื่อมีโอกาส ในยามที่ไม่มีสิ่งอื่นจะไขว้คว้า คนเราย่อมอยากจะจับโอกาสนั้นเอาไว้ แม้จะมองไม่เห็นปลายทาง ซึ่งในกรณีนี้ก็เป็นทั้งบทเรียน และความเจ็บปวดอันมากยิ่งกว่าที่ใครจะรับรู้ได้จึงขอความกรุณาแม้เพียงสักเล็กน้อย

นอกจากครอบครัวของเป็ดน้อยลอยชาย จะต้องสูญเสียลูกสาวอนาคตไกล และเป็นที่รักของบุคคลจำนวนมากแล้ว ความยุติธรรมก็ยังคงไม่ได้รับกลับมา สังคมยังคงมีความเข้าใจแบบผิดๆ คนร้ายในขณะนี้ก็ได้ถูกประกันตัวออกไปแล้ว

รูปภาพ

สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านในที่นี้ช่วยปรับคติ และความเข้าใจบ้างนะครับ ว่าการสูญเสียเป็นอย่างไร ความผิดพลาดเป็นอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเขา ทุกคนได้รับรู้ข่าวเป็นอุทาหรณ์ ในขณะที่ครอบครัวของเขาต้องสูญเสียอย่างใหญ่หลวง เพราะฉะนั้นอยากให้ช่วยหยุดซ้ำเติมเถอะครับ สิ่งที่พวกเขาได้รับมันก็มากพอแล้ว...

สิ่งที่ผมทำได้นั้นมีเพียงน้อยนิด ยังมีคนมากมายที่ไม่ได้เข้ามาอ่านความจริงๆ ในข้อนี้ แต่ผมก็ยังอยากจะช่วยสักเล็กน้อยก็ยังดี วอนขอทุกท่านที่เข้ามาอ่าน อย่างน้อยก็ขอให้ช่วยบอกเล่าความจริง ให้กับบุคคลที่ยังคงเข้าใจผิดอยู่นะครับ

ขอบคุณมากครับที่เข้ามาอ่าน

รูปภาพ

CR. : f_m_p57
http://topicstock.pantip.com/.../09/U12 ... 96465.html

+++

✝️ ความคิดเห็นที่น่าประทับใจในกระทู้

ในฐานะที่ผมเป็นคริสเตียน ซึ่งมีประสบการณ์ในการอธิษบานกับพระเจ้าในเรื่องต่างๆ และได้เห็นพระเจ้าตอบคำอธิษฐานมากมาย รวมถึงได้มีประสบการณ์ในเรื่องของการที่พระเจ้า "ทรงรักษาโรค" และได้เห็นพระเจ้าทรงปลดปล่อยคนจากโรคภัยไข้เจ็บจำนวนมากมาย จะขออนุญาตออกความเห็นส่วนตัวบางเรื่องนะครับ

(ผมอยู่ในคริสตจักรที่สังกัดองค์กรคริสเตียนที่ถูกต้องในประเทศไทย และได้รับการรับรองจาก "กรมการศาสนา" ว่าเป็นคริสตจักรที่สอนถูกต้องตามหลักของศาสนาคริสต์ เพราะฉะนั้น เรื่องที่ผมจะแสดงความคิดเห็น จะเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักศาสนาคริสต์แน่นอนครับ)

ผมมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ชื่อ Be In Health ซึ่งเขียนโดย Dr. Henry W. Write ซึ่งเป็นทั้งแพทย์ และเป็นผู้รับใช้พระเจ้าในระดับโลก ท่านได้รับความสามารถพิเศษจากพระเจ้า ในเรื่องการปลดปล่อย และการรักษาโรค และเป็นที่ยอมรับทั้งในวงการแพทย์ และวงการคริสเตียนระดับโลก (ท่านได้รับรางวัลจาก Who is Who ในปี 2005)

หนังสือ Be In Health ของท่าน มีฉบับภาษาไทยคือ "สุขภาพดี วิถีเลิศ" (ของผมอ่านฉบับภาษาไทยครับ) มีอยู่ในเว็บของ SE-ED ด้วย ถ้าวางขายใน SE-ED ได้ นั่นคือวงการแพทย์เองก็ยอมรับหนังสือของท่านครับ
(แต่ในเว็บเขาหมดสต๊อกแล้ว ถ้าจะหาซื้อ คงต้องลองถามศุนย์หนังสือเรเดียนครับ)

http://www.se-ed.com/.../%28A.../Products/Detail.aspx...

รูปภาพ

เมื่อผมกลับไปลองอ่านทบทวนหนังสือของท่าน ผมเห็นว่า

1. แม้ว่าตัวท่านเองมีของประทาน (ความสามารถพิเศษจากพระเจ้า) ในการรักษาโรค (ซึ่งการเจิมของท่านในเรื่องนี้ อยู่ในระดับโลก) แต่สิ่งที่ท่านเน้นมาตลอดคือ โรคต่างๆ ที่รักษาไม่หายขาด เนื่องจากสาเหตุทางฝ่ายวิญญาณ การที่จะให้พระเจ้ารักษา คนป่วยจะต้อง "ยอม" กลับใจจากบาป หรือการดำเนินชีวิตที่ที่ขัดแย้งกับหลักการพระคัมภีร์ด้วย จึงจะได้รับการปลดปล่อย

2. ตัวท่านเองไม่เคยปฏิเสธการทำงานร่วมกับแพทย์ ตรงกันข้าม เวลาที่แพทย์เจอคนไข้ที่รักษาไม่หาย แพทย์เหล่านั้นจะติดต่อไปยังคริสตจักรของท่านให้มาช่วย หรือร่วมมือกันรักษาโรคนั้นๆ เสมอ เพราะฉะนั้น วิทยาการทางการแพทย์ ก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าใช้ในการรักษาโรคภัยด้วยเหมือนกัน

ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ สาวกของพระเยซู ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่เขียนพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ (หนังสือลูกา) ก็มีอาชีพเป็นนายแพทย์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะเห็นว่าพระเจ้าไม่ได้ปฏิเสธความก้าวหน้าในเรื่องวิทยาการต่างๆ โดยเฉพาะด้านการแพทย์ ตรงกันข้าม หลักการในพระคริสตธรรมคัมภีร์เอง ได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในวงการแพทย์อย่างมากมาย (ไม่ว่าท่านจะทราบหรือไม่ก็ตาม)

- Toey Kung (chwpenguin)

+++

🧐 ความคิดเห็นแอดมิน

ก่อนอื่นต้องแสดงความเสียใจกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายและครอบครัว บรรดาญาติ เพื่อนๆของเหยื่อด้วยนะครับ แน่นอนอัศจรรย์มี พระเจ้ามี แต่อยู่ที่ตัวมนุษย์ล้วนๆที่จะเลือกระหว่าง “ศรัทธา” กับ “งมงาย” และศาสนาคริสต์ไม่ปฎิเสธที่จะให้มนุษย์รับการรักษาจากหมอ กินยา บำบัดรักษาตามวิธีการแพทย์ แะการรักษาตามหลีกความเชื่อของศาสนานั้น ต้องไม่ไปขัดหลักการแพทย์ด้วยนะครับ

ถึงมีอัศจรรย์รักษาหาย ก็ต้องไปหาหมอเพื่อให้ตรวจสอบว่าหายจริงหรือไม่ ซึ่งแน่นอนในประวัติศาสตร์ของพระศาสนคาทอลิกมีอัศจรรย์ที่คนหายจากโรคภัยไข้เจ็บ และทางการแพทย์วินิจฉัยว่าหายจริงๆครับ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ทุกเคส ตัวอย่างอัศจรรย์ก็เคสแม่พระเมืองลูร์ด (Our Lady of Lourdes) เป็นต้น

📖 ข้อความพระคัมภีร์

📕 "จงให้เกียรติแก่แพทย์ตามที่เขาควรได้รับ จากการดูแลรักษาของเขา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเนรมิตเขาด้วยการรักษาให้หายจากโรคมาจากพระผู้สูงสุด... องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเนรมิตสมุนไพรต่างๆจากดิน ผู้มีปัญญาย่อมไม่รังเกียจสมุนไพรเหล่านี้

พระองค์ประทานวิชาความรู้แก่มนุษย์ เพื่อจะทรงได้รับเกียรติเพราะสิ่งน่าพิศวงที่ทรงกระทำ แพทย์ใช้สมุนไพรรักษาโรคและบรรเทาความเจ็บปวด และคนขายยาผสมสมุนไพรเหล่านี้ให้เป็นยา และดังนี้พระราชกิจของพระองค์ก็จะไม่สิ้นสุด และมนุษย์ทั่วแผ่นดินก็รับสุขภาพจากพระองค์” - บุตรสิรา 38:1-15 โรคภัยไข้เจ็บและยารักษา
http://www.thaicatholicbible.com/.../8766-old-sirah-38

รูปภาพ

ขอพระเจ้าสถิตกับท่านทุกคนนะครับ 💒💒😇😇
#คริสต์ #โปรแตสแตนต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ความหวัง #ความเชื่อ #ความงมงาย #พันทิป #กระทู้ #เหยื่อ #หมอเขมร #คริสตศาสนา #ศาสนาคริสต์ #โบสถ์ #คริสตจักร #หมอประกายสิริวงศ์ #พระเจ้า #พระเยซู #รักษาโรค #คริสเตียน #นิเวศน์อธิษฐาน #คำพยาน #คำพยานชีวิต #อุทาหรณ์ #บทเรียน #บุตรสิรา #พระคัมภีร์ #protestant #catholic #pantip

💒 “อัศจรรย์/ปฏิหาริย์” หรือ “หลักคำสอน/หลักข้อเชื่อ”

รูปภาพ

บางครั้งคนเราไม่ว่าจะนับถือศาสนาหรือลัทธิความเชื่อไหน มักสนใจกับเหล่าอัศจรรย์ ปฏิหาริย์ อิทธิฤทธิ์ต่างๆที่เหนือธรรมชาติ จนหลงลืมหรือมองข้ามเหล่าหลักคำสอน หลักข้อเชื่อไป

พระแม่มารีย์ตอนประจักษ์มาที่ประเทศไทย🇹🇭เคยตรัสเตือนเกี่ยวกับที่มนุษย์สนใจปฏิหาริย์มากกว่าเนื้อหาคำสอนในสารที่แม่พระประจักษ์มา

และพระแม่มารีย์เคยตรัสประมาณว่า “ระหว่างแม่พระประจักษ์มา กับ พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ ลูกควรไปร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ มากกว่าจะมาหาแม่”

ทั้งนี้เหล่าอัศจรรย์ต่างๆเป็นเครื่องยืนยันเท่านั้น และหากไม่มีอัศจรรย์ก็จะไม่มีความหมายอะไรเลย เพียงแต่อย่าให้ความศรัทธากลายเป็นความงมงายเท่านั้น

ขอพระเจ้าสถิตกับท่านทุกคนนะครับ 💒💒😇😇
#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ศรัทธาแอนด์เดอะมีม #มีม #อัศจรรย์ #ปฏิหาริย์ #หลักคำสอน #หลักข้อเชื่อ #พระแม่มารีย์ #แม่พระ #catholic #meme #miracle #HolyMary #HolyMother #VirginMary

https://www.facebook.com/FaithOfLord/ph ... 28/?type=3
ตอบกลับโพส