บทเทศน์น่าคิดในยุคปัจจุบันสำหรับเจ้านายต่อลูกน้อง( ผู้นำ-ผู้น้อย)
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 30, 2005 2:49 pm
มีคำคมอยู่คำหนึ่งที่มักนิยมนำมาพูดเตือนใจแก่กันและกัน คำดังกล่าวคือ "สิบปากพูดไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ" คำคมดังกล่าวบ่งบอกถึงข้อเท็จจริงที่ว่า "อย่าดีแต่พูดแต่จงทำให้ปรากฏเถิด" และ "อย่าเพียงแต่มองจดๆจ้องๆ หรือ เอาแต่เพ้อฝันแต่จงลงมือกระทำเถิด" พ่อคิดว่าคำคมดังกล่าวสอดคล้องกับคำสอนของพระเยซูเจ้าในพระวรสารโดยท่านนักบุญมัทธิวประจำอาทิตย์นี้เป็นอย่างยิ่ง เมื่อพระเยซูเจ้าทรงพูดถึงพวกธรรมจารย์และพวกฟาริสีว่า"พวกธรรมาจารย์ และชาวฟาริสีนั่งบนธรรมาสน์ของโมเสส ถ้าเขาสั่งสอนเรื่องใด ท่านจงปฏิบัติตามเถิด แต่อย่าปฏิบัติตามพฤติกรรมของเขา เพราะเขาพูด แต่ไม่ปฏิบัติ เขามัดสัมภาระหนักวางบนบ่าคนอื่น แต่เขาเองไม่ปรารถนาแม้แต่จะขยับนิ้ว"
ในยุคสมัยของเรานี้ผู้คนจากทุกส่วนในสังคมต่างเรียกร้อง ให้ผู้คนสนใจที่จะลงมือกระทำมากกว่าพูด นับตั้งแต่ผู้นำประเทศ นักการเมือง ผู้นำองค์กร ผู้นำในครอบครัว ตลอดจนถึงเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆ และสมาชิกทุกๆคนในครอบครัว ไม่มี ใครชอบคนที่ดีแต่ "ชี้นิ้ว" สั่งโน่นสั่งนี่ แต่ตัวเองไม่ยอมออกแรงทำงานตามที่ตัวเองควรต้องทำเลยหากพระเยซูเจ้าทรงดำเนินชีวิตอยู่ในสมัยของเราพระองค์ก็คงตำหนิเราด้วยถ้อยคำเดียวกับที่ทรงตำหนิ พวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี ตามที่เราได้ยินพระองค์ทรงตำหนิในพระวรสารประจำอาทิตย์นี้ โดยเปลี่ยนจากคำว่าพวกฟาริสี และธรรมาจารย์มาเป็นเราแต่ละคนที่ประพฤติตนในทำนองเดียวกันนั้น พ่ออยากจะเชิญชวนให้พี่น้องผู้ฟังพระวาจาของพระเจ้า จากพระวรสารประจำอาทิตย์นี้ให้ลองให้คะแนนกับตัวของพี่น้องเองว่า ในการดำเนินชีวิตของพี่น้องนั้น ควรที่พระเยซูเจ้าจะเปลี่ยนชื่อของเราเข้าไปแทนพวกธรรมาจารย์และชาวฟาริสีหรือไม่ คะแนนที่จะให้กับตนเองขึ้นอยู่กับว่า ตลอดชีวิตของพี่น้อง พี่น้องได้พูดหรือลงมือกระทำ อย่างไหนมากกว่ากัน
ถ้อยคำของพระเยซูเจ้าในพระวรสารประจำอาทิตย์นี้ที่ว่า "ในกลุ่มของท่าน ผู้ใดเป็นใหญ่จะต้องเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น ผู้ใดที่ยกตนขึ้น จะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น" เป็นถ้อยคำที่ขยายความหมายให้ชัดเจนขึ้นถึงพระประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องการให้เรา "ทำมากกว่าพูด" หรือดีแต่ "ชี้นิ้ว" สั่งให้คนอื่นกระทำ สิ่งที่ทำแล้วดีกว่าพูดจริงๆนั้นคือ "ทำการรับใช้ผู้อื่น" เพราะการยอมรับใช้ผู้อื่นในสายตาของคนทั่วไปอาจมองดูว่านั่นเป็นกิจการที่ต่ำต้อยไม่มีศักดิ์ศรี แต่พระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่าแท้ที่จริงแล้วในแต่ละครั้งที่เรารับใช้ผู้อื่น นั่นเป็นการค่อยๆสั่งสมศักดิ์ศรีให้กับชีวิตของตนเอง การกระทำดังกล่าวในที่สุดแล้วจะได้รับการยกย้องและหากไม่มีใครเห็นคุณค่าในการรับใช้ของเราพระเจ้าจะทรงรับรู้และให้เกียรติต่อชีวิตของเราอย่างแน่นอน ตรงกันข้ามคนที่ดีแต่ชี้นิ้วและไม่ยอมลงมือทำเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของคนในโลกนี้อาจให้ เกียรติยกย่อง แต่ในที่สุดแล้วชีวิตจะตกต่ำ แม้ว่าในโลกอาจมีแต่คำยกย้อง ในที่สุดพระเจ้าเองจะทรงกดให้ต่ำลง ตามถ้อยคำ ในพระวรสารที่พี่น้องได้ฟังประจำอาทิตย์นี้
พี่น้องที่เคารพ ตลอดอาทิตย์นี้ พี่น้องจงเตือนตนเองให้ตื่นตัวอยู่เสมอด้วยถ้อยคำที่พระเยซูเจ้าทรงสอนเราประจำอาทิตย์นี้ ทุกครั้งที่พี่น้องจะสั่งสอนสิ่งใดให้กับผู้ใด ขอให้พี่น้องจงเตือนตัวเองเสมอว่า สิ่งที่เราสั่งสอนผู้อื่นนั้นๆ ต้องถือว่าเราได้สั่งสอนตัวของเราเองด้วย เราจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนนั้นด้วยเช่นกัน และความยิ่งใหญ่ของการปฏิบัติตนตามคำสั่งสอนดังกล่าวอยู่ตรงที่ว่าการกระทำนั้นๆเป็นกระทำเพื่อรับใช้ผู้อื่นหรือไม่ หากพี่น้องไม่ปฏิบัติตนเช่นนี้ พึงสำนึกตัวว่า เราอาจถูกพระเยซูเจ้า เปลี่ยนชื่อของเราเข้าไปแทน พวกธรรมาจารย์และฟาริสีในพระวรสารประจำอาทิตย์นี้ก็เป็นได้
พ่อวิทยา แก้วแหวน
ในยุคสมัยของเรานี้ผู้คนจากทุกส่วนในสังคมต่างเรียกร้อง ให้ผู้คนสนใจที่จะลงมือกระทำมากกว่าพูด นับตั้งแต่ผู้นำประเทศ นักการเมือง ผู้นำองค์กร ผู้นำในครอบครัว ตลอดจนถึงเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆ และสมาชิกทุกๆคนในครอบครัว ไม่มี ใครชอบคนที่ดีแต่ "ชี้นิ้ว" สั่งโน่นสั่งนี่ แต่ตัวเองไม่ยอมออกแรงทำงานตามที่ตัวเองควรต้องทำเลยหากพระเยซูเจ้าทรงดำเนินชีวิตอยู่ในสมัยของเราพระองค์ก็คงตำหนิเราด้วยถ้อยคำเดียวกับที่ทรงตำหนิ พวกธรรมาจารย์ และพวกฟาริสี ตามที่เราได้ยินพระองค์ทรงตำหนิในพระวรสารประจำอาทิตย์นี้ โดยเปลี่ยนจากคำว่าพวกฟาริสี และธรรมาจารย์มาเป็นเราแต่ละคนที่ประพฤติตนในทำนองเดียวกันนั้น พ่ออยากจะเชิญชวนให้พี่น้องผู้ฟังพระวาจาของพระเจ้า จากพระวรสารประจำอาทิตย์นี้ให้ลองให้คะแนนกับตัวของพี่น้องเองว่า ในการดำเนินชีวิตของพี่น้องนั้น ควรที่พระเยซูเจ้าจะเปลี่ยนชื่อของเราเข้าไปแทนพวกธรรมาจารย์และชาวฟาริสีหรือไม่ คะแนนที่จะให้กับตนเองขึ้นอยู่กับว่า ตลอดชีวิตของพี่น้อง พี่น้องได้พูดหรือลงมือกระทำ อย่างไหนมากกว่ากัน
ถ้อยคำของพระเยซูเจ้าในพระวรสารประจำอาทิตย์นี้ที่ว่า "ในกลุ่มของท่าน ผู้ใดเป็นใหญ่จะต้องเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น ผู้ใดที่ยกตนขึ้น จะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น" เป็นถ้อยคำที่ขยายความหมายให้ชัดเจนขึ้นถึงพระประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องการให้เรา "ทำมากกว่าพูด" หรือดีแต่ "ชี้นิ้ว" สั่งให้คนอื่นกระทำ สิ่งที่ทำแล้วดีกว่าพูดจริงๆนั้นคือ "ทำการรับใช้ผู้อื่น" เพราะการยอมรับใช้ผู้อื่นในสายตาของคนทั่วไปอาจมองดูว่านั่นเป็นกิจการที่ต่ำต้อยไม่มีศักดิ์ศรี แต่พระเยซูเจ้าทรงยืนยันว่าแท้ที่จริงแล้วในแต่ละครั้งที่เรารับใช้ผู้อื่น นั่นเป็นการค่อยๆสั่งสมศักดิ์ศรีให้กับชีวิตของตนเอง การกระทำดังกล่าวในที่สุดแล้วจะได้รับการยกย้องและหากไม่มีใครเห็นคุณค่าในการรับใช้ของเราพระเจ้าจะทรงรับรู้และให้เกียรติต่อชีวิตของเราอย่างแน่นอน ตรงกันข้ามคนที่ดีแต่ชี้นิ้วและไม่ยอมลงมือทำเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของคนในโลกนี้อาจให้ เกียรติยกย่อง แต่ในที่สุดแล้วชีวิตจะตกต่ำ แม้ว่าในโลกอาจมีแต่คำยกย้อง ในที่สุดพระเจ้าเองจะทรงกดให้ต่ำลง ตามถ้อยคำ ในพระวรสารที่พี่น้องได้ฟังประจำอาทิตย์นี้
พี่น้องที่เคารพ ตลอดอาทิตย์นี้ พี่น้องจงเตือนตนเองให้ตื่นตัวอยู่เสมอด้วยถ้อยคำที่พระเยซูเจ้าทรงสอนเราประจำอาทิตย์นี้ ทุกครั้งที่พี่น้องจะสั่งสอนสิ่งใดให้กับผู้ใด ขอให้พี่น้องจงเตือนตัวเองเสมอว่า สิ่งที่เราสั่งสอนผู้อื่นนั้นๆ ต้องถือว่าเราได้สั่งสอนตัวของเราเองด้วย เราจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนนั้นด้วยเช่นกัน และความยิ่งใหญ่ของการปฏิบัติตนตามคำสั่งสอนดังกล่าวอยู่ตรงที่ว่าการกระทำนั้นๆเป็นกระทำเพื่อรับใช้ผู้อื่นหรือไม่ หากพี่น้องไม่ปฏิบัติตนเช่นนี้ พึงสำนึกตัวว่า เราอาจถูกพระเยซูเจ้า เปลี่ยนชื่อของเราเข้าไปแทน พวกธรรมาจารย์และฟาริสีในพระวรสารประจำอาทิตย์นี้ก็เป็นได้
พ่อวิทยา แก้วแหวน