🔥 ประวัติศาสตร์ของคณะฟื้นฟูคาทอลิกในพระจิต History of Catholic Charismatic Renewal 🔥

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Arttise
โพสต์: 802
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

อังคาร เม.ย. 25, 2023 12:06 am

          ของประทานตามธรรมชาติของพระศาสนจักร เริ่มต้นเมื่อพระจิตเสด็จลงมาในวันเพ็นเทคอสต์ เมื่อพระจิตเสด็จลงมาในวันเพ็นเทคอสต์ พระองค์ทรงมอบอำนาจให้คริสตชนด้วยของประทานในการแบ่งปันข่าวดีและสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้า ดังเช่นตอนนี้ พระจิตประทานกำลังให้คริสตชนดำเนินชีวิตตามที่พระเยซูทรงสอนและแบ่งปันข่าวดีของพระองค์ เมื่อเวลาผ่านไป หลายคนคิดว่าความบริสุทธิ์และของประทานแห่งพระจิตมีไว้สำหรับคนบางคนเท่านั้น เพื่อเป็นการฟื้นฟูการใช้ของประทานทั้งหมดของพระเจ้าทั่วทั้งพระศาสนจักร พระเจ้าได้ทรงต่ออายุชีวิตด้วยพระจิตผ่านสิ่งที่เรียกว่า คณะฟื้นฟูคาทอลิกในพระจิต (Catholic Charismatic Renewal)

รูปภาพ

🔥 รากฐานพระคัมภีร์:

          ประมาณปี ค.ศ. 33 เมื่อพระเยซูทรงเสด็จสู่สวรรค์ พระองค์บอกให้บรรดาสาวกรอที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อรับ "พระสัญญาของพระบิดา" และพวกเขาจะ "รับพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า" (กิจการ 1:4,5) พวกเขาสวดภาวนาร่วมกันเป็นเวลา 9 วันจนกระทั่งพระจิตเสด็จลงมาในวันเพ็นเทคอสต์

          พระคัมภีร์ในบทที่สองของหนังสือกิจการอัครสาวกบันทึกว่า เมื่อพระจิตเสด็จมาหาคริสตชนยุคแรกในวันเพ็นเทคอสต์ พวกเขาได้รับพลังที่จะดำเนินชีวิตตามที่พระคริสต์ทรงสอน และติดตามพระองค์ในโลกที่เป็นปรปักษ์ต่อความจริงของพระองค์ พวกเขาออกไปประกาศเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูให้ผู้อื่น เมื่อพระเจ้าสัมผัสใจทีละคน ผู้คนจึงตัดสินใจเข้าร่วมชุมชนของผู้ที่ติดตามพระเยซู พระศาสนจักรเติบโตจากกลุ่มเล็กๆ ที่กระตือรือร้นไปสู่ชุมชนที่อัศจรรย์และเปลี่ยนแปลงโลกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พระจิตยังคงเสด็จมาหาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ตลอดประวัติศาสตร์ แม้ว่าในบางครั้งในช่วง 2,000 ปีที่ผ่านมาประสบการณ์ประจำวันของคริสตชนไม่ได้แสดงออกให้เห็นถึงความตื่นเต้นเร้าใจภายนอกเสมอไป เพื่อต่ออายุและฟื้นฟูพระศาสนจักร พระเจ้ายังคงส่งพระจิตของพระองค์ต่อไป คณะฟื้นฟูคาทอลิกในพระจิตในการนำพระศาสนจักรกลับไปสู่บรรยากาศในยุคแรกเริ่มอย่างต่อเนื่อง พระสันตะปาปาได้รับรู้และสนับสนุนสิ่งนี้ แล้วส่งเสริม "วัฒนธรรมแห่งวันเพ็นเทคอสต์ (culture of Pentecost)"

รูปภาพ
พระเยซูทรงเสด็จสู่สวรรค์

รูปภาพ
พระจิตเสด็จลงมาในวันเพ็นเทคอสต์

🔥 ศตวรรษที่ 19: จุดประกายไฟที่ลุกโชน:

ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 พระเจ้าทรงเริ่มปลูกเมล็ดพันธุ์ที่จะเติบโตสู่การฟื้นฟูในพระจิตในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่ปีค.ศ. 1895 ถึง 1903 Elena Guerra ผู้ก่อตั้งคณะนักบวช Oblate Sisters of The Holy Spirit ในอิตาลี ได้เขียนจดหมายลับ 12 ฉบับถึง พระสันตะปาปาลีโอที่ 13 โดยขอให้สนับสนุนการอุทิศตนต่อพระจิตในหมู่คริสตชนคาทอลิกมากขึ้น

ในปีค.ศ. 1897 พระสันตะปาปาลีโอที่ 13 ได้ตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับพระจิตที่เรียกว่า Divinium Illud Munus (พระสมณสาส์นเกี่ยวกับพระจิต) นอกจากนี้พระองค์ยังเรียกร้องให้พระศาสนจักรสวดนพวาร สำหรับวันเพ็นเทคอสต์ในช่วงต้นศตวรรษใหม่ นพวาร (Novena) เป็นการสวดภาวนาที่กล่าวกันเป็นเวลา 9 วัน ซึ่งระลึกถึงการที่คริสตชนยุคแรกสวดภาวนาในช่วง 9 วันระหว่างการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซู และการเสด็จลงมาของพระจิตในวันเพ็นเทคอสต์

รูปภาพ
Elena Guerra ผู้ก่อตั้งคณะนักบวช Oblate Sisters of The Holy Spirit

รูปภาพ
คณะนักบวช Oblate Sisters of The Holy Spirit

รูปภาพ
พระสันตะปาปาลีโอที่ 13

🔥 ต้นศตวรรษที่ 20:

คำภาวนาของพระสันตะปาปาและการฟื้นฟูของคณะเพนเทคอสต์ในหมู่คริสตชนโปรแตสแตนต์

วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1901 พระสันตะปาปาลีโอที่ 13 ทรงอธิษฐานต่อพระจิต พระองค์ร้องเพลง Veni Creator Spiritus (เชิญเสด็จมาเถิดพระจิตเจ้า) ข้าง the Holy Spirit window (หน้าต่างพระจิต) ในมหาวิหารนักบุญเปโตร (Saint Peter's Basilica) ในกรุงโรม ในวันเดียวกันนั้น ในเมืองโทพีกา (Topeka) รัฐแคนซัส ที่วิทยาลัยเบธเอล (Bethel College) และโรงเรียนพระคัมภีร์ พระจิตเสด็จลงมายังกลุ่มโปรแตสแตนต์ซึ่งกำลังสวดภาวนาเพื่อรับพระจิตเหมือนที่พระศาสนจักรยุคแรกทำในหนังสือกิจการอัครสาวกบทที่สอง แอกเนส ออซมัน (Agnes Ozman) สวดอ้อนวอนเป็นภาษาแปลกๆ และผู้คนเริ่มต้อนรับพระจิตให้ทำงานในพวกเขาเช่นเดียวกับในพระศาสนจักรยุคแรก โดยการรักษาโรค , อัศจรรย์ , การปลดปล่อย และพลังในการประกาศข่าวดีอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้ผู้คนกลับใจมาเลื่อมใสในพระเยซูคริสต์ การเริ่มต้นของการฟื้นฟูของคณะคาริสเมติกนี้ เป็นการเน้นให้เห็นถึงธรรมชาติทั่วโลกที่ยังคงมีประสบการณ์ต่อไปอีกกว่า 100 ปีต่อมา ประสบการณ์ร่วมกันโดยทั่วไปของการเปี่ยมล้นด้วยความรัก และความรักต่อพระเจ้าเป็นวิธีการสำคัญที่การฟื้นฟูของคณะคาริสเมติกช่วยนำคริสตชนคาทอลิกและคริสตชนโปรแตสแตนต์มารวมกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ และเรียนรู้ที่จะรับรู้ถึงพื้นที่ทั่วไปของการดำเนินชีวิตแบบคริสตชน

เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นฟูของคณะคาริสเมติกมีความสำคัญต่อความเป็นเอกภาพกัน ไม่เพียงแต่ในหมู่คริสตชนแต่ละคนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเป็นเอกภาพในพระศาสนจักรทั่วโลกด้วย ดังที่เห็นในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์นี้ คำภาวนาของพระสันตะปาปาส่งผลให้พระจิตหลั่งไหลลงมายังคริสตชนโปรแตสแตนต์ สิ่งนี้เน้นย้ำว่าพระเจ้าประทานของขวัญพิเศษแก่คริสตชนทุกคนผ่านทางพระสันตปาปาอย่างไร พระสันตะปาปาทรงสามารถปฏิบัติพันธกิจในระดับนานาชาติในแบบที่แม้แต่ผู้เผยแพร่ศาสนาที่เดินทางเก่งที่สุดก็ยังไม่เคยสัมผัส ในขณะที่ศิษยาภิบาลส่วนใหญ่ปฏิบัติพันธกิจในระดับท้องถิ่น พระสันตะปาปาทรงเติมเต็มความจำเป็นในการปฏิบัติพันธกิจต่อพระศาสนจักรทั้งมวลในระดับโลก

หลังจากการเทลงมาของพระจิตในปีค.ศ. 1901 ในปีค.ศ. 1906 การฟื้นฟูได้เริ่มขึ้นที่ถนนอาซูซ่า (Azusa Street) ในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย จากที่นี่ คำบอกเล่าแพร่กระจายออกไปว่า ผู้คนกำลังประสบกับพระเจ้าเช่นเดียวกับวันเพ็นเทคอสต์ และผู้คนทั้งใกล้และไกลมาแสวงหาเพื่อการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้แสวงบุญที่หัวใจได้รับการสัมผัสและเติมเต็มด้วยพระจิต ก็จะมีประสบการณ์วันเพ็นเทคอสต์ในชีวิตของพวกเขาเองเช่นกัน และออกไปแบ่งปันสิ่งนี้กับผู้อื่น

รูปภาพ
แอกเนส ออซมัน (Agnes Ozman)

รูปภาพ
ถนนอาซูซ่า (Azusa Street) ในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย

🔥 กลางศตวรรษที่ 20:

สังคายานาวาติกันครั้งที่ 2 และกระแสเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์ การฟื้นฟูประสบการณ์ของคณะเพนเทคอสต์ยังคงดำเนินต่อไปในวิถีชีวิตของคริสตชนโปรเตสแตนต์จำนวนมากเป็นเวลาหลายทศวรรษ เช่นเดียวกับที่พระสันตะปาปาลีโอที่ 13 สวดภาวนาขอให้พระจิตหลั่งไหลลงมาอย่างยิ่งใหญ่ในปีค.ศ. 1901 พระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 ก็สวดภาวนาในปีค.ศ. 1962 สำหรับ "วันเพ็นเทคอสต์ใหม่ (a new Pentecost)" ในการเตรียมการสำหรับสังคายานาวาติกันครั้งที่ 2 พระองค์สวดภาวนาขอให้พระเจ้า "ฟื้นฟูสิ่งมหัศจรรย์อันน่าพิศวงของพระองค์ในวันนี้ของพวกเรา เช่นเดียวกับวันเพ็นเทคอสต์ใหม่ ขอให้พระศาสนจักรของพระองค์มีน้ำหนึ่งใจเดียวกันและแน่วแน่ในการสวดภาวนาต่อพระแม่มารีย์ พระมารดาของพระเยซู และตามการนำของนักบุญเปโตรผู้ได้รับพระพร รัชสมัยของพระผู้ไถ่อันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา รัชสมัยแห่งความจริงและความยุติธรรม รัชสมัยแห่งความรักและสันติสุขจะก้าวหน้ายิ่งขึ้น อาเมน”

หนึ่งในข้อความหลักที่สภาสังคายานาวาติกันครั้งที่ 2 ได้สอน คือ ความสำคัญของ "กระแสเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์" สังคายานาวาติกันครั้งที่ 2 ได้สอนในพระธรรมนูญว่าด้วยพระศาสนจักร (Lumen Gentium) บทที่ 5 ว่า พระเยซู "ประกาศความศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตแก่สาวกของพระองค์ทุกคนในทุกสภาวะ" และพระเยซูทรงเรียกคริสตชนทุกคน" สภาสังคายานาวาติกันครั้งที่ 2 สอนเพิ่มเติมว่าพระเยซูประทานทั้งกระแสเรียกและความสามารถในการทำให้สำเร็จเพราะพระเยซู "ส่งพระจิตลงมาเหนือมนุษย์ทุกคนเพื่อพระองค์จะกระตุ้นพวกเขารักพระเจ้าด้วยสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของพวกเขา และเพื่อให้พวกเขาจะได้รักกันเหมือนที่พระคริสต์ทรงรักพวกเขา”

เมื่อพระสันตะปาปาและบรรดาบิชอปประกาศกระแสเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับผู้คนที่จะตอบสนองต่อกระแสเรียกนี้ และทูลขอพระหรรษทานจากพระเจ้าเพื่อให้กระแสเรียกนั้นสำเร็จ คล้ายกับวันเพ็นเทคอสต์ นักศึกษาคาทอลิกกลุ่มหนึ่งจากมหาวิทยาลัย Duquesne มารวมตัวกันเพื่อพักผ่อนในปีค.ศ. 1967 และจดจ่ออยู่กับการสวดภาวนาเกี่ยวกับสิ่งที่อัครสาวกประสบในวันเพนเทคอสต์ เย็นวันหนึ่ง ขณะสวดภาวนาต่อหน้าศีลมหาสนิท พระเจ้าประทานของประทานแห่งพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้ามาให้พวกเขา กล่าวคือ พวกเขาประสบกับการเทลงมาของพระจิตเป็นการส่วนตัว เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ Duquesne Weekend ขณะที่ผู้คนที่อยู่ที่นั้นได้แบ่งปันประสบการณ์ของพวกเขาและสวดภาวนากับผู้คน นับจากวันนั้นเป็นต้นไปเช่นเดียวกับที่พระสันตะปาปาลีโอที่ 13 สวดอ้อนวอน การเทลงมาเหมือนเป็น "คริสตชนใหม่" แพร่กระจายไปทั่วพระศาสนจักรคาทอลิก

เมื่อผู้คนจำนวนมากขึ้นค้นพบการฟื้นฟูส่วนตัวและความสัมพันธ์กับพระจิต พวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่มอธิษฐาน และในที่สุดก็จัดการประชุมและการรวมตัวกันในระดับท้องถิ่น, ระดับชาติ และระดับนานาชาติ ชุมชนที่มีของประทานได้รับการพัฒนา ช่วยให้ฆราวาสและศาสนาอยู่ในพระหรรษทานของศีลล้างบาปในพระจิต และจัดเตรียมสถานที่ที่มีกระแสเรียก, ครอบครัว, พันธกิจ เมื่อผู้คนเข้าใจมากขึ้นในสิ่งที่พระเจ้ากำลังทำผ่านการเทลงมาครั้งใหญ่ของการกลับใจใหม่และฟื้นฟูพระศาสนจักร ผู้คนเริ่มพูดถึงนี้ว่าคือ "คณะฟื้นฟูคาทอลิกในพระจิต (Catholic Charismatic Renewal)"

เมื่อเวลาผ่านไป พระจิตยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนและการเคลื่อนไหวใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้อาจมีการแสดงออกที่หลากหลายของการสวดภาวนา ภารกิจ และใช้ของประทานต่างๆ แม้ว่าการฟื้นฟูคณะคาริสเมติกจะมีความคล้ายคลึงกันกับการเคลื่อนไหว แต่การฟื้นฟูคณะคาริสเมติกนั้นมีลักษณะพิเศษตรงที่ไม่ใช่โครงสร้างที่มีผู้ก่อตั้ง สมาชิกภาพ หรือโปรแกรม; แม้ว่าในการฟื้นฟูจะมีกลุ่มที่ทำอยู่ และมีความเชื่อมโยงที่เป็นรูปธรรมและซื่อสัตย์ต่อผู้นำของพระศาสนจักรในกรุงโรมและสังฆมณฑลทั่วโลก โดยรวมแล้ว การฟื้นฟูเป็นของขวัญและคำเชิญที่มีให้ต่อทุกคน เป็นคำเชิญให้ผู้คนสัมผัสประสบการณ์ของประทานแห่งพระจิตอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น การฟื้นฟูคณะคาริสเมติกมาถึงพระศาสนจักรทั้งหมดด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับการรับศีลล้างบาปในพระจิตว่าเป็นพระหรรษทานที่มีไว้สำหรับทุกคน ซึ่งเป็นการเข้าร่วม - แต่ไม่ได้เป็นการแทนที่ - การเคลื่อนไหว ศีลล้างบาปในพระจิตช่วยอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงส่วนบุคคล และช่วยให้ผู้คนใช้ของประทานได้อย่างมีศักยภาพ ดังนั้น การฟื้นฟูคณะคาริสเมติกจึงเป็นของประทานแก่พระศาสนจักรทั้งหมด

เพื่อช่วยให้พวกเรามาถึงจุดของความเข้าใจนี้ในการฟื้นฟูคณะคาริสเมติกและการยอมรับจากฝ่ายพระศาสนจักร ผู้นำที่ฉลาดและศักดิ์สิทธิ์ทุกหนทุกแห่งตั้งแต่ในเขตวัดไปจนถึงวาติกันได้ให้ความช่วยเหลือและกำลังใจในการอภิบาลแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการฟื้นฟู และให้แนวทางแก่คนเหล่านั้น ซึ่งไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ พระคาร์ดินัล Suenens ให้การอภิบาลการฟื้นฟูทั่วโลก ภายใต้การนำทางของท่าน การฟื้นฟูได้เติบโตขึ้นในความเข้าใจในสิ่งที่พระจิตกำลังทำและประสบการณ์ที่ดึงดูดใจนั้นเหมาะสมในบริบทของพระศาสนจักรสากล ผู้นำอีกคนหนึ่ง คือ พระคาร์ดินัล Cordes ซึ่งพระสันตะปาปาเขียนถึงในปีค.ศ. 2009 เกี่ยวกับการที่ผู้นำของพระศาสนจักรช่วยชุมชนใหม่และการฟื้นฟูคณะคาริสเมติกได้รับการต้อนรับในใจกลางของพระศาสนจักร พระสันตะปาปาทรงเขียนว่า "ขณะที่เริ่มต้น ผู้จัดงานและผู้วางแผนในพระศาสนจักรมีข้อสงวนมากมายเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว ลูกรู้สึกได้ทันทีถึงชีวิตที่ปะทุออกมาจากพวกเขา - พลังของพระจิตที่ประทานเส้นทางใหม่และในรูปแบบที่คาดไม่ถึง ทำให้พระศาสนจักรยังเยาว์วัย ลูกรู้จัก คณะเพนเทคอสต์ ที่มีชื่อเสียงในการเคลื่อนไหวเหล่านี้และลูกทำงานอย่างกระตือรือร้นเพื่อให้พวกเขาได้รับการต้อนรับจากพระสงฆ์ของพระศาสนจักร"

เมื่อพระสงฆ์ของพระศาสนจักรเริ่มเข้าใจถึงการฟื้นฟูคณะคาริสเมติก และเห็นความจำเป็นของการนำทางที่มาพร้อมกับการเติบโตทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ในปีค.ศ. 1978 สำนักงานสำหรับการฟื้นฟูคณะคาริสเมติกได้ก่อตั้งขึ้นในวาติกัน รู้จักกันในปัจจุบันในชื่อ ICCRS องค์กรคณะฟื้นฟูคาทอลิกในพระจิตนานาชาติ (International Catholic Charismatic Renewal Services) องค์กรนี้ช่วยในการส่งเสริม "วัฒนธรรมแห่งวันเพ็นเทคอสต์ (culture of Pentecost)" ทั่วทั้งพระศาสนจักร

"พ่อเชื่อว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นสัญญาณของการกระทำของพระองค์ (ของพระจิต) โลกต้องการเคลื่อนไหวของพระจิตนี้อย่างมาก และต้องการเครื่องมือหลายอย่างสำหรับการกระทำนี้ [...] ตอนนี้พ่อได้เห็น การความเคลื่อนไหวนี้, กิจกรรมนี้ ทุกที่" - เข้าเฝ้าส่วนตัวกับนักบุญยอห์น ปอลที่ 2 กับสภา ICCRO กรุงโรม 11 ธันวาคม ค.ศ. 1979

รูปภาพ
สังคายานาวาติกันครั้งที่ 2

รูปภาพ
พระคาร์ดินัล Suenens

รูปภาพ
พระคาร์ดินัล Cordes

รูปภาพ
ICCRS องค์กรคณะฟื้นฟูคาทอลิกในพระจิตนานาชาติ (International Catholic Charismatic Renewal Services)

รูปภาพ
นักบุญยอห์น ปอลที่ 2

🔥 ในวันนี้

ในปีค.ศ. 1997 บรรดาบิชอปแห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกเอกสารเกี่ยวกับการฟื้นฟูคณะคาริสเมติกสำหรับฤดูใบไม้ผลิใหม่ พวกท่านสนับสนุนการฟื้นฟู โดยกระตุ้นให้ "ทั้งพระศาสนจักรพิจารณาและรับศีลล้างบาปในพระจิต" ในฐานะ "ส่วนหนึ่งของชีวิตอันปกติของคริสตชน"

บรรดาบิชอปแห่งสหรัฐอเมริกาเชื่อมโยงการฟื้นฟูกับการช่วยให้ผู้คนดำเนินชีวิตตามกระแสเรียกสู่ความศักดิ์สิทธิ์ โดยกล่าวว่า "ผลกระทบของการฟื้นฟูคณะคาริสเมติกต่อพระศาสนจักรในวงกว้างมีความสำคัญมาก การฟื้นฟูได้หล่อเลี้ยงกระแสเรียกของทุกคนสู่ความศักดิ์สิทธิ์ในฐานะของประทานจากพระจิต และ ช่วยให้พระศาสนจักรมีความตระหนักและความคาดหวังมากขึ้นเกี่ยวกับพระจิต และของประทานฝ่ายวิญญาณ การฟื้นฟูคณะคาริสเมติกได้นำคนของพระเจ้าในการฟื้นฟูพันธกิจแห่งการรักษาโรค หนุนใจพวกเขา -- ฆราวาสและคณะสงฆ์ -- สวดภาวนาเพื่อคนป่วยด้วยความศรัทธาและความคาดหวัง สิ่งนี้ได้รื้อฟื้นความซาบซึ้งต่อบทบาทแห่งการสรรเสริญในการคำภาวนาเป็นรายบุคคลและส่วนรวม และทำให้พระศาสนจักรอุดมด้วยบรรดานักดนตรีที่เปี่ยมด้วยพระพร, บรรดาพันธกิจด้านดนตรี และบรรดานักแต่งเพลง การฟื้นฟูได้สอนคำมั่นสัญญาต่อพระสันตะปาปา, บรรดาบิชอป และคำสอนดั้งเดิม กระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์, สังฆนุกร และชีวิตทางศาสนา ได้รับการส่งเสริม การมีกระแสเรียก ของประทานจากฆราวาสซึ่งปัจจุบันรับใช้ในพันธกิจต่างๆของฆราวาส เช่น ในพิธีกรรม การสอนคำสอน และพันธกิจเพื่อเยาวชน และบรรดาพันธกิจเพื่อการเปลี่ยนแปลงของโลก"

ในวันนี้ การฟื้นฟูได้แพร่กระจายไปทั่วทุกทวีป ได้รับพรจากพระสันตปาปา และทำให้จิตวิญญาณสดชื่นด้วยพระจิต และโดยการนำผู้คนมาหาพระเยซู ทำให้หลายคนเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ ผู้คนได้รับการเยียวยาทั้งฝ่ายร่างกาย ฝ่ายจิตใจ และฝ่ายจิตวิญญาณ สร้างความสามัคคีในหมู่คริสตชนคาทอลิกและคริสตชนโปรแตสแตนต์ การฟื้นฟูเป็นวิธีการประกาศพระวรสารที่เข้มแข็งซึ่งนำผู้คนมาสัมผัสกับฤทธิ์อำนาจและการทรงสถิตของพระเจ้าในแบบที่ใหม่สำหรับพวกเขา และลึกซึ้งกว่าที่พวกเขาเคยเข้าใจ เมื่อพระจิตเสด็จลงมาและทำให้ผู้คนสามารถดำเนินชีวิต "ชีวิตอย่างสมบูรณ์ (abundant life)" ที่พระเยซูตรัสว่าจะประทานให้ (ยอห์น 10:10) ผู้คนกลับใจใหม่ ด้วยความสุขและสันติสุขที่เพิ่งค้นพบ และตกหลุมรักพระคริสต์กับพระศาสนจักรของพระองค์

🔥 พระสันตะปาปาฟรังซิสและการฟื้นฟู

พระสันตะปาปาฟรังซิสเสด็จมาที่งานประชุมคณะฟื้นฟูคาทอลิกในพระจิตที่กรุงโรม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมาณ 50,000 คนในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2014 พระองค์ตรัสกับผู้คน, สรรเสริญพระเจ้าร่วมกับพวกเขา และขอให้พวกเขาสวดภาวนาให้พระองค์ ซึ่งผู้คนได้ทำโดยใช้พระพรแห่งภาษา พระองค์บอกผู้มีของประทานว่า "ขอบคุณ พ่อรู้สึกเหมือนอยู่บ้านกับลูก"

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

เชิญเสด็จมา ข้าแต่พระจิตเจ้า! เชิญเสด็จมาสถิตในดวงใจสัตบุรุษ และทรงบันดาลให้ลุกร้อนด้วยความรักของพระองค์! โปรดประทานพระจิตของพระองค์และสรรพสิ่งจะอุบัติขึ้นมา แล้วพระองค์จะทรงเนรมิตแผ่นดินขึ้นใหม่

นำมาจาก เว็บไซต์ Catholic Charismatic ของสังฆมณฑลอาร์ลิงตัน เวอร์จิเนีย (the Diocese of Arlington, Virginia)

CR. : https://www.stmva.org/uploads/1/1/6/5/1 ... enewal.pdf
ตอบกลับโพส