ศีลมหาสนิท ศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งความรอดพ้น

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Arttise
โพสต์: 871
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

จันทร์ ก.ย. 04, 2023 12:21 pm

🍷🍞 สรุปความหมายของศีลมหาสนิท 🍞🍷

รูปภาพ

ศีลมหาสนิท ศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งความรอดพ้น “ความเสียสละ” ที่พระเจ้าพระบิดาและพระบุตรทรงแสดงให้เห็น จำเป็นต้องกล่าวถึงศีลมหาสนิทหรือพิธีบูชาขอบพระคุณ “พิธีบูชาขอบพระคุณ” ระลึกถึงการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็น “ธรรมล้ำลึกปัสกา” เป็นธรรมล้ำลึกเรื่องความรอดพ้นของเรา

     ศีลศักดิ์สิทธิ์ประการนี้ ติดแน่นอยู่กับพระธรรมชาติมนุษย์ของพระเยซูเจ้า และดังนี้จึงเกี่ยวข้องกับการที่พระบุตรของพระเจ้าทรงรับสภาพมนุษย์ พระตรีเอกภาพ ใจกลางของธรรมล้ำลึกการรับสภาพมนุษย์และธรรมล้ำลึกปัสกา ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้าพระบิดา ก็คือ การสละพระบุตรแต่พระองค์เดียวของพระองค์ให้เรา (พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร เพราะพระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้ มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น - ยอห์น 3:16-17)

       การที่พระคริสตเจ้าทรงรับสภาพมนุษย์เป็นการที่พระองค์ทรงเชื่อฟังพระประสงค์ของพระบิดา เพื่อช่วยให้โลกได้รอดพ้นโดยอาศัยการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ ซึ่งเรียกรวมกันได้ว่า “ธรรมล้ำลึกปัสกา”

ความเชื่อฟังของพระคริสตเจ้าจนทรงยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเป็นการสละตนโดยสิ้นเชิงด้วยความรักที่ไม่มีเงื่อนไข “แม้ว่าพระเยซูคริสตเจ้าทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น เป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาสเป็นมนุษย์ดุจเรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับ ทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน” (แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น เป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน - ฟิลิปปี 2:6-8)

ในการรับสภาพมนุษย์และในธรรมล้ำลึกปัสกา มีการเสวนาและการแลกเปลี่ยนที่ล้ำลึกระหว่างพระบิดาและพระบุตรเกิดขึ้น การที่พระคริสตเจ้าทรงรับสภาพมนุษย์และสิ้นพระชนม์นับว่าเป็นการที่พระบุตรทรงรับและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระบิดาอย่างสมบูรณ์  พระองค์ทรงยอมสละพระองค์เพื่อพระบิดาจะทรงทำให้แผนการที่ทรงมีสำหรับโลกสำเร็จไปได้ นี่คือความรักที่พระคริสตเจ้าทรงมีต่อพระบิดาและต่อโลกคือต่อมนุษยชาติ การกลับคืนพระชนมชีพของพร คริสตเจ้าเป็นการที่พระบิดาเจ้าทรงรับการถวายชีวิตบนไม้กางเขน  พระบิดาทรงยอมรับและทรงปลุกให้พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพก็เพื่อจะได้ประทานชีวิตนั้นให้แก่โลก คือแก่มนุษยชาติ

ผลจากการเสวนาที่สำเร็จไปในการกลับคืนพระชนมชีพนี้ คือ การประทานพระจิตเจ้าให้แก่โลก เป็นการประทานชีวิตแก่โลก เป็นการให้กำเนิดแก่พระศาสนจักร ในเหตุการณ์นี้ นับได้ว่าพระเจ้าและมนุษยชาติมีการเสวนาครั้งใหญ่ในองค์พระจิตเจ้า เป็นการเสวนาเพื่อแบ่งปันชีวิตของพระเจ้าให้แก่มนุษยชาติ

พระจิตเจ้าทรงมีบทบาทในการที่พระบุตรทรงรับสภาพมนุษย์ “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่าน และพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่จะเกิดมาจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า” (ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่าน และพระอานุภาพของพระผู้สูงสุดจะแผ่เงาปกคลุมท่าน เพราะฉะนั้น บุตรที่เกิดมาจะเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และจะรับนามว่าบุตรของพระเจ้า - ลูกา 1:35) พระจิตเจ้าทรงมีบทบาทในพันธกิจในโลกนี้ของพระคริสตเจ้าด้วย บัดนี้ พระจิตเจ้าก็ทรงมีบทบาทในการถือกำเนิดในชีวิต และในศาสนบริการของพระศาสนจักรด้วย

พระตรีเอกภาพเป็นหัวใจของศีลมหาสนิทหรือพิธีบูชาขอบพระคุณ ในการเลี้ยงอาหารมื้อค่ำครั้งสุดท้าย พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิทเพื่อระลึกถึงการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์อยู่ตลอดไป

ในความเป็นจริง คือ การเลี้ยงอาหารมื้อค่ำครั้งสุดท้ายเป็นการที่พระเยซูเจ้าทรงฉลองการกินเลี้ยงปัสกาพร้อมกับบรรดาศิษย์ การเลี้ยงฉลองนี้ ครอบครัวชาวยิวระลึกถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของตนกับพระเจ้า - คือ เรื่องการปลดปล่อยประชากรของพระเจ้า ในการเลี้ยงอาหารนี้ พระเยซูเจ้าแสดงบทบาทของ พ่อบ้าน - หรือหัวหน้าครอบครัวในบทบาทนี้ พระองค์ทรงเปลี่ยนการกินเลี้ยงปัสกาเดิมของชาวยิว ให้เป็นปัสกาแบบใหม่ พระองค์ทรงเปลี่ยนขนมปังและเหล้าองุ่นให้เป็นพระกายและพระโลหิตของพระองค์

“นี่เป็นกายของเราที่ถูกมอบเพื่อท่านทั้งหลาย... ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเราที่หลั่งเพื่อท่านทั้งกลาย” (พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราปรารถนาอย่างยิ่งจะกินปัสกาครั้งนี้ร่วมกับท่านก่อนจะรับทรมาน เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่กินปัสกาอีกจนกว่าปัสกานี้จะเป็นความจริงในพระอาณาจักรของพระเจ้า” - ลูกา 22:15-16)

พระองค์ทรงสั่งบรรดาศิษย์ว่า “จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” (พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ทรงขอบพระคุณ ทรงบิขนมปังประทานให้บรรดาศิษย์ ตรัสว่า “นี่เป็นกายของเราที่ถูกมอบเพื่อท่านทั้งหลาย จงทำดังนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” - ลูกา 22:19; ขอบพระคุณ แล้วทรงบิออก ตรัสว่า “นี่คือกายของเราเพื่อท่านทั้งหลาย จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” เช่นเดียวกัน หลังอาหารค่ำ ก็ทรงหยิบถ้วย ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา ทุกครั้งที่ท่านจะดื่ม จงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” - 1 โครินธ์ 11:24-25) “ทุกครั้งที่ท่านกินปังนี้ และดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา” (ทุกครั้งที่ท่านกินปังนี้ และดื่มจากถ้วยนี้ ท่านก็ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา - 1 โครินธ์ 11:26)

เหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงเฉลิมฉลองในการตั้งศีลมหาสนิทจะเป็นจริงในวันต่อมา - เมื่อจะทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และการกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายก็จะตามมาในวันต่อไป

พระองค์จะทรงเป็นลูกแกะปัสกาใหม่ - ซึ่งจะถูกถวายบูชาเพื่อช่วยมวลมนุษย์ให้รอดพ้น บนไม้กางเขน พระองค์จะทรงถวายพระกาย และจะทรงหลั่งพระโลหิตเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้น พระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า อยู่ ณ เบื้องหลังการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และนับเป็นศูนย์กลางของศีลมหาสนิทหรือการถวายบูชาขอบพระคุณ การประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณจึงเป็นการเฉลิมฉลองความรอดพ้นของเราที่พระเยซูเจ้าทรงนำมาให้โดย “การแบ่งปันพระกายของพระองค์และการหลั่งพระโลหิตของพระองค์ให้เรา”

บนไม้กางเขน✝️ - ซึ่งเป็นการถวายพระองค์โดยสิ้นเชิงบนไม้กางเขน✝️ ตามด้วยการกลับคืนพระชนมชีพ - หมายความว่าพระบิดาทรงยินดีรับการถวายองค์ครั้งนี้บนไม้กางเขน✝️ พระเยซูเจ้าทรงหลั่งพระโลหิต🩸 ซึ่งเป็นการประทับตรารับรองพันธสัญญาใหม่ระหว่างพระบิดากับมนุษยชาติที่ตกในบาป

   "พิธีบูชาขอบพระคุณ” จึงเป็น การระลึกถึงการรับรองพันธสัญญาใหม่นี้ในพิธีบิขนมปังและแบ่งกันดื่มจากถ้วย เรามนุษย์จะได้มีความสัมพันธ์กันในพระกายเดียวของพระคริสตเจ้าการกระทำ 4 ประการ ในพิธีบูชาขอบพระคุณแสดงออกถึงความสัมพันธ์แน่นแฟ้นและลึกซึ้งนี้ระหว่างพระบิดาและพระบุตรและดังนั้นจึงเน้นความคิดสำคัญที่ว่าพระตรีเอกภาพเป็นศูนย์กลางของศีลมหาสนิท

พระเยซูเจ้า “ทรงหยิบ” ขนมปัง🍞และเหล้าองุ่น🍷ซึ่งพระองค์ทรงเปลี่ยนให้เป็นพระกายและพระโลหิต🩸โดยพระอานุภาพของพระจิตเจ้า พระเยซูเจ้า “ทรงเสก” ขนมปัง พระองค์ถวายพระพรขอบพระคุณพระบิดาสำหรับขนมปังซึ่งเป็นของประทานจากพระบิดา เช่นเดียวกับสำหรับเหล้าองุ่น🍷 (เทียบ มัทธิว 26:26-27 ขณะที่ทุกคนกำลังกินอาหารอยู่นั้น พระเยซูเจ้าทรงหยิบขนมปัง ตรัสถวายพระพร ทรงบิขนมปังประทานให้บรรดาศิษย์ ตรัสว่า “จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเรา” แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย ตรัสขอบพระคุณ ประทานให้เขาเหล่านั้น ตรัสว่า “ทุกท่านจงดื่มจากถ้วยนี้เถิด) การกระทำนี้แสดงถึงการขอบพระคุณของพระเยซูเจ้า ซึ่งทรงรับว่าสิ่งของเหล่านี้เป็นของประทานจากพระบิดา

พระเยซูเจ้า “ทรงบิ” ขนมปัง และ “ประทาน” ให้แก่บรรดาศิษย์ พระองค์ยัง “ประทาน” เหล้าองุ่นให้เขาอีกด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ พระเยซูเจ้าทรงแบ่งปันขนมปัง🍞และเหล้าองุ่น🍷กับบรรดาศิษย์พระองค์ทรงแบ่งปันพระกายและพระโลหิต🩸ของพระองค์กับบรรดาศิษย์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเปลี่ยนขนมปัง🍞และเหล้าองุ่น🍷ให้เป็นพระกายและพระโลหิต🩸ของพระองค์

ตลอดพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าในโลกนี้ พระองค์ทรงรับชีวิตจากพระบิดาและทรงใช้ชีวิตนี้โดยพระอานุภาพของพระจิตเจ้า ทรงแบ่งปันพระองค์ทั้งหมดกับบรรดาศิษย์ การแบ่งปันนี้คือการเสียสละอย่างเห็นได้ชัด เป็นการถวายพระองค์แบบรูปธรรมอย่างสูงสุด นั่นคือ การสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้าบนไม้กางเขน✝️

โดยการ “แบ่งปันและประทาน” ชีวิตทั้งหมดของพระองค์ให้แก่ผู้อื่น พระเยซูเจ้ากำลังถวายชีวิตนั้นแด่พระบิดาเพื่อให้โลกมีชีวิต “เรามาเพื่อให้เขามีชีวิต และมีชีวิตอย่างสมบูรณ์ เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน” (ขโมยย่อมมาเพื่อขโมย ฆ่าและทำลาย เรามาเพื่อให้แกะมีชีวิต และมีชีวิตอย่างสมบูรณ์ เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน - ยอห์น 10:10-11)

เมื่อทรงกระทำเช่นนี้ พระเยซูเจ้าทรงกระทำตามพระประสงค์ของพระบิดา “คือเราจะไม่สูญเสียผู้ใดที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา... ทุกคนที่เห็นพระบุตรแล้วเชื่อในพระบุตรจะมีชีวิตนิรันดร” (พระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามาก็คือ
เราจะไม่สูญเสียผู้ใด ที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา แต่จะให้ผู้นั้นกลับคืนชีพในวันสุดท้าย พระประสงค์ของพระบิดาของเราก็คือ ทุกคนที่เห็นพระบุตรmแล้วเชื่อในพระบุตรจะมีชีวิตนิรันดร และเราจะให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย” - ยอห์น 6:39-40) พิธีบูชาขอบพระคุณ (และศีลมหาสนิท) เป็นศีลศักดิ์สิทธิ์ เป็นเครื่องหมายการถวายบูชาของพระคริสตเจ้าบนไม้กางเขน✝️ พิธีนี้จึงประทานชีวิตแก่เรามนุษย์ “ผู้ที่กินเนื้อของเราและดื่มโลหิตของเราก็มีชีวิตนิรันดร เราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย” (ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา ก็มีชีวิตนิรันดร เราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย - ยอห์น 6:54)

ศีลมหาสนิท โดยธรรมชาติคือ ศีลศักดิ์สิทธิ์ซึ่งนำความรอดพ้นมาให้ ศีลนี้ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนภายในอย่างลึกซึ้งระหว่างพระบิดา พระบุตร และพระจิตเจ้าในธรรมล้ำลึกปัสกา

ดังนั้นจึงเป็นความจริงทีเดียว ที่ว่า พระตรีเอกภาพอยู่ที่ใจกลางของพิธีบูชาขอบพระคุณ (หรือศีลมหาสนิท)ศีลมหาสนิททำให้มนุษย์มีส่วนร่วมในความสัมพันธ์ของพระตรีเอกภาพ ในเมื่อพระตรีเอกภาพอยู่ที่ใจกลางของพิธีบูชาขอบพระคุณและทำให้พิธีนี้ประทานชีวิตแก่เรามนุษย์

พิธีบูชาขอบพระคุณ (หรือศีลมหาสนิท) จึงจำเป็นต้องทำให้เรามนุษย์มีส่วนร่วมในความสัมพันธ์ของพระตรีเอกภาพ พระคริสตเจ้าทรงยืนยันความจริงประการนี้เมื่อตรัสว่า “ผู้ที่กินเนื้อของเราและดื่มโลหิตของเราก็ดำรงอยู่ในเรา และเราก็ดำรงอยู่ในเขา พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรามาและเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใด ผู้ที่กินเนื้อเราจะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น” (ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา ก็ดำรงอยู่ในเรา และเราก็ดำรงอยู่ในเขา พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรามา และเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใด
ผู้ที่กินเนื้อของเราจะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น - ยอห์น 6:56-57)

     มีการดำรงอยู่ร่วมกันโดยแท้จริง - นั่นก็คือ ความสนิทสัมพันธ์หรือการแบ่งปันความรัก - ระหว่างพระคริสตเจ้ากับผู้มีความเชื่อซึ่งกินเนื้อของพระองค์และดื่มโลหิตของพระองค์พระคริสตเจ้าเสด็จมาหาเราพร้อมกับความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์กับพระบิดาในองค์พระจิตเจ้า เพื่อให้ความสนิทสัมพันธ์กับพระองค์นำเราเข้าไปร่วมสนิทสัมพันธ์กับพระตรีเอกภาพด้วยพระคริสตเจ้าทรงสนพระทัยและจริงจังมากแน่ๆ เกี่ยวกับความสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ในความสนิทสัมพันธ์เช่นนี้ (กับพระตรีเอกภาพ) จะต้องมีเอกภาพในหมู่ผู้มีความเชื่อทุกคน และในหมู่ผู้ที่จะเข้ามาเชื่อในพระองค์ด้วย เมื่อพระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานต่อพระบิดา พระองค์ทรงวอนขอดังนี้ “ขอให้เขาทั้งหลายอยู่ในพระองค์และในข้าพเจ้า โลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา” (ข้าแต่พระบิดา ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงอยู่ในข้าพเจ้า และข้าพเจ้าอยู่ในพระองค์ เพื่อให้เขาทั้งหลายอยู่ในพระองค์และในข้าพเจ้า โลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพเจ้ามา - ยอห์น 17:21)

พระคริสตเจ้า “ทรงสละชีวิตของพระองค์เพื่อจะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก” ก็เพื่อ “ให้มีแกะเพียงฝูงเดียวและผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว” (เรายังมีแกะอื่นๆ ซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้ เราต้องนำหน้าแกะเหล่านี้ด้วย แกะจะฟังเสียงของเรา จะมีแกะเพียงฝูงเดียว และผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว พระบิดาทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเรา เพื่อจะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก - ยอห์น 10:16-17) นี่คือธรรมล้ำลึก ปัสกาของพระองค์ (“เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นชาวสวน กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล พระองค์จะทรงตัดทิ้ง กิ่งก้านใดที่เกิดผล พระองค์จะทรงลิด เพื่อให้เกิดผลมากขึ้น ท่านทั้งหลายก็สะอาดอยู่แล้ว เพราะวาจาที่เรากล่าวกับท่าน ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่ดำรงอยู่ในเรา ก็จะถูกโยนทิ้งไปข้างนอกเหมือนกิ่งก้าน และจะเหี่ยวแห้งไป กิ่งก้านเหล่านั้นจะถูกเก็บไปทิ้งในไฟและถูกเผา ถ้าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในเรา และวาจาของเราดำรงอยู่ในท่าน ท่านอยากได้สิ่งใด ก็จงขอเถิด และท่านจะได้รับ พระบิดาของเราจะทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์ เมื่อท่านเกิดผลมาก และกลายเป็นศิษย์ของเรา พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ - ยอห์น 15:1-11) เป็นข้อความอีกตอนหนึ่งที่พระคริสตเจ้าทรงกล่าวถึงการมีส่วนร่วมในความสนิทสัมพันธ์ของพระตรีเอกภาพ

พระองค์ทรงใช้ภาพของเถาองุ่นและกิ่งก้าน - พระองค์ทรงเป็นเถาองุ่นและบรรดาศิษย์เป็นกิ่งก้าน พระบิดาทรงเป็นชาวสวน “ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน... เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน” (ท่านทั้งหลายจงดำรงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำรงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย - ยอห์น 15:4-5)

ที่มา : ข้อมูลจากแผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
http://www.catholic.or.th/spiritual/boo ... ach07.html

CR. : https://pantip.com/topic/33355931/desktop

ขอพระเจ้าสถิตกับท่านทุกคนนะครับ 💒💒😇😇
#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ศีลมหาสนิท #ศีลศักดิ์สิทธิ์ #ความรอด #พระกาย #พระโลหิต #พระเยซู #พระเยซูเจ้า #พระเยซูคริสต์ #พระคริสต์ #มิสซา #พิธีบูชาขอบพระคุณ #พระคัมภีร์ #catholic #HolyCommunion #Eucharist #salvation #Jesus #JesusChrist #Christ

CR. : https://www.facebook.com/10006483483555 ... tid=cr9u03
ตอบกลับโพส