ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมในความรู้และเนื้อหาของอาจารย์ มนูญศักดิ์ กมลมาตยากุล หรือเรียกว่า ศาสนาจารย์ มนูญศักดิ์ กมลมาตยากุล ประจำคริสตจักรใจสมาน ซอยสุขุมวิท 6 ในคลิปนี้ก่อนว่า ภาพรวมค่อนข้างดี / ถูกต้อง และครอบคลุม รวมถึงตัวคริสตจักร องค์กร การนมัสการ การเทศนา ก็ค่อนข้างดีทีเดียวเชียว แต่ในส่วนของคลิปนี่ ยังมีข้อผิดพลาดที่ไม่ควรเกิด และอาจสร้างความสะดุด / ความเข้าใจผิดแก่ผู้ฟัง ทั้งกับผู้ที่เป็นคริสตชน กับ ผู้ที่ไม่ใช่คริสตชน



(นาทีที่ 01:48 ขึ้นไป) สำหรับประเทศไทยเนี่ย ก็มี 2 (นิกาย : นิกายคาทอลิก กับ โปรเตสแตนต์) แต่จริงๆแล้ว โดยรวมแล้วมี 3

ในประเทศไทย

มีนิกายออร์โธด็อกซ์ด้วย แถมมีทั้งนิกายอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ (ศาสนจักรรัสเซียออร์โธด็อกซ์) กับ นิกายออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์ (ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์) ในประเทศไทย แม้จะไม่ได้อยู่ในองค์กรที่กรมศาสนาด้วยเหตุผลบางประการก็ตาม
นิกายอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ (ศาสนจักรรัสเซียออร์โธด็อกซ์) ในประเทศไทย
นิกายออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์ (ศาสนจักรคอปติกออร์โธด็อกซ์) ในประเทศไทย

(นาทีที่ 02:43 ขึ้นไป) คือถ้าเราอ่านประวัติแบบคร่าวๆก็คือว่า ย้อนกลับไปตั้งแต่คริสตจักรยุคแรก มีกลุ่มเดียวเท่านั้นเขาเรียกว่า “คริสเตียน (Christian)” กลุ่มคริสเตียน ก็คือเชื่อในพระคัมภีร์ ประกาศข่าวประเสริฐ (ข่าวดี) ต่างๆเหล่านี้นะครับ เปาโล , เปโตร อะไรพวกนี้ต่างๆเหล่านี่ ก็คือเป็นคริสเตียนตอนนั้นยังไม่มีโรมันคาทอลิกนะครับ เอ่อ ต่อมาเรื่องข่าวประเสริฐประกาศออกไปแล้วก็จนกระทั่งทำให้อาณาจักรโรมเนี่ย มาเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า นะฮะ ประมาณค.ศ. 300 กว่านะครับ เอ่อคอนสแตนตินเนี่ย จักรพรรดิคอนสแตนตินก็เชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า และก็ประกาศให้เป็นศาสนาประจำอาณาจักรโรม ตรงนั้นนะครับโรมันคาทอลิกก็เกิดขึ้น นะครับ ทั้งหมดก็กลายเป็นโรมันคาทอลิกหมดเลย แล้งก็มีโบสถ์ มีบาดหลวง มีโป๊ป มีพระคาร์ดินัล มีระบบการปกครองต่างๆเข่ามานะฮะ ในช่วงนั้น

นิกายโรมันคาทอลิกเกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ.1054 ไม่ใช่ประมาณค.ศ. 300 กว่านะครับ จริงที่ตอนนั้นมีแค่กลุ่มคริสตชน ยังไม่มีนิกาย แต่นิกายโรมันคาทอลิก กับ นิกายอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ เกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1054 จ้า จากนั้นเมื่อปีค.ศ. 1517 นิกายโปรเตสแตนต์ โดยเริ่มจากคณะลูเธอร์รัน หรือ คณะลูเธอร์แรน ก็เกิดขึ้นตามมาภายหลัง และแน่นอนว่า คณะเพนเทคอสต์อย่างของอาจารย์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 19 ถึง ศตวรรษที่ 20 ยังไม่เกิดขึ้นในสมัยปีค.ศ. 1517 แน่ครับ

สังฆเภทคาทอลิกและอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ ค.ศ.1054
https://www.facebook.com/share/K682Kbko ... tid=WC7FNe
นิกายโรมันคาทอลิก กับ นิกายอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ เกิดขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1054
เมื่อปีค.ศ. 1517 นิกายโปรเตสแตนต์ โดยเริ่มจากคณะลูเธอร์รัน หรือ คณะลูเธอร์แรน

คณะลูเธอร์รัน หรือ คณะลูเธอร์แรน (Lutheran)
https://www.facebook.com/share/aQoQaCBS ... tid=WC7FNe

คณะเพนเทคอสต์ (Pentecostal)
https://www.facebook.com/share/5N18QxmX ... tid=WC7FNe

(นาทีที่ 07:56 ขึ้นไป) เขา (นิกายคาทอลิก) มีลำดับของการติดต่อกับพระเจ้า เขาจะต้องติดต่อผ่านเซนต์ปอล , เซนต์แมรี่ , เซนต์ปีเตอร์ เขา (นิกายคาทอลิก) เลยมีเซนต์เยอะ

อันที่จริงคริสตชนนิกายคาทอลิกสามารถสวดภาวนา หรืออธิษฐานภาวนาพูดคุยกับพระเจ้าโดยตรง ไม่ต้องติดต่อผ่านบรรดาเซนต์ (นักบุญ - Saint) เหล่านั้นก็ได้ครับ คริสตชนนิกายคาทอลิกแค่ทำกาาเร้าวิงวอนผ่านพวกเขา เหมือนที่คริสตชนนิกายโปรเตสแตนต์ขอให้พี่น้องคอยอธิษฐานให้แค่นั้นเองครับ

†เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน†
viewtopic.php?f=13&t=5477
กระบวนการอธิษฐานภาวนา

(นาทีที่ 08:15 ขึ้นไป) เขา (นิกายคาทอลิก) จะมี Godfather (พ่อทูนหัว) / Godmother (แม่ทูนหัว) อะไรของเขา

ถ้าอ้างอิงจากประโยคนี้ แสดงว่าคริสตจักรของอาจารย์ผู้บรรยายไม่น่าจะมีบรรดาพี่เลี้ยงเหมือนคริสตจักรอื่น ที่จะคอยแนะนำสาวกในคริสตจักรทางฝ่ายวิญญาณ สาวกที่คริสตจักรนั้นสามารถติดต่อพระเจ้าโดยตรง และไม่ต้องมีบรรดาพี่เลี้ยงคอยแนะนำสาวกหรือบรรดาผู้เชื่อใหม่
แล้ว Godfather (พ่อทูนหัว) / Godmother (แม่ทูนหัว) ไม่ได้ใช้เพื่อติดต่อกับพระเจ้า แต่เพื่อคอยแนะนำ / ตักเตือน และดูแลคริสตชนฝ่ายวิญญาณนะครับ คล้ายๆพี่เลี้ยงในนิกายโปรเตสแตนต์นั่นแหละ

(นาทีที่ 09:33 ขึ้นไป) บทบาทของนางมารีย์นี้แทบจะไม่มี ว่าจะเป็นผู้บริสุทธิ์ หรือเป็นอะไรที่มา… ไม่มีนะครับ ใน Original จริงๆจุดเริ่มต้น

ถ้าอาจารย์อยากได้จุดเริ่มต้น หรือ Original ก็พระคัมภีร์ตามนี้ครับ

“เมื่อนางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้วพระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อเมืองนาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หญิงพรหมจารีผู้นั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า จงยินดีเถิดท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน เมื่อทรงได้ยินถ้อยคำนี้ พระนางมารีย์ทรงวุ่นวายพระทัยมาก ทรงถามพระองค์เองว่า คำทักทายนี้หมายความว่ากระไร แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่พระนางว่า มารีย์ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน
ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่าเยซู เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่และพระเจ้าผู้สูงสุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานพระบัลลังก์ของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูลของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย” - ลูกา 1:26-33 ทูตสวรรค์แจ้งข่าวการประสูติของพระเยซูเจ้า

“เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง” - ลูกา 1:41-45 พระนางมารีย์เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ

“เพราะพระองค์ทอดพระเนตรผู้รับใช้ต่ำต้อยของพระองค์ ตั้งแต่นี้ไป ชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข” - ลูกา 1:48 บทเพลงสรรเสริญของพระนางมารีย์

“พระนางมารีย์จึงทรงถามทูตสวรรค์ว่า เหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้าตั้งใจจะเป็นพรหมจารี” - ลูกา 1:34 ทูตสวรรค์แจ้งข่าวการประสูติของพระเยซูเจ้า

“สามวันต่อมา มีงานมงคลสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว พระเยซูเจ้าตรัสว่า แม่ครับ แม่ต้องการอะไรจากลูก เวลาของลูกยังมาไม่ถึง พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาผู้รับใช้ว่า เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” - ยอห์น 2:1-5 งานมงคลสมรสที่หมู่บ้านคานา

“เราจะทำให้เจ้าและหญิงเป็นศัตรูกัน ให้ลูกหลานของเจ้าและลูกหลานของนางเป็นศัตรูกันด้วย เขาจะเหยียบหัวของเจ้า และเจ้าจะกัดส้นเท้าของเขา” - ปฐมกาล 3:15 มนุษย์ตกในบาป
หรืออยากได้มุมมองของผู้ก่อตั้งนิกายโปรเตสแตนต์ก็มีครับ

“พระเยซูคริสต์ผู้เดียวเท่านั้นหรือที่เราควรเคารพรัก หรือพระมารดาพระเจ้าไม่สมควรได้รับเกียรติงั้นหรือ? เธอผู้นี้คือสตรีผู้บดขยี้หัวงู (ซาตาน) ขอพระแม่สดับฟังเราเถิด ด้วยพระบุตรของพระแม่ไม่เคยปฏิเสธพระแม่ในเรื่องใดเลย” - มาร์ติน ลูเธอร์ (ค.ศ. 1483 - 1546) ผู้ก่อตั้งนิกาย โปรแตสแตนท์ เทศนาหลังการแยกนิกายแล้ว

“พระนางมารีย์ไม่ได้ถูกเพิ่มความสูงส่ง จากการสรรเสริญพระนางอย่างมากมายนี้เลย ด้วยว่าไม่มีสตรีคนใดเทียบได้กับพระมารดา พระนางทรงเป็นยิ่งกว่าจักรพรรดินี หรือ ราชินี ได้รับพระพรเหนือกว่าความสูงส่งทั้งมวล, ปรีชาญาณทั้งครบ และสถานะนักบุญทั้งหลาย” - มาร์ติน ลูเธอร์ (ค.ศ. 1483 - 1546) ผู้ก่อตั้งนิกาย โปรแตสแตนท์ เทศนาหลังการแยกนิกายแล้ว

“พระแม่มารีย์คือแม่ของพระเยซู และแม่ของเราทุกคนด้วย แม้ว่ามีเพียงพระคริสต์ที่ได้นอนหลับบนตักของพระนาง... แต่ถ้าพระเยซูเป็นของเรา พระองค์อยู่ที่ไหนเราก็ควรอยู่ที่นั่น เราควรอยู่ในพระองค์เหมือนที่พระองค์ทรงอยู่ในเรา และแม่ของพระองค์ย่อมเป็นแม่ของพวกเราด้วย” - มาร์ติน ลูเธอร์ (ค.ศ. 1483 - 1546) ผู้ก่อตั้งนิกาย โปรแตสแตนท์ เทศนาหลังการแยกนิกายแล้ว

“มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า พระเจ้าทรงประทานเกียรติอันสูงสุด แด่พระนางมารีย์ ในการทรงเลือก และทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าให้พระนาง เป็นพระมารดาของพระบุตรของพระองค์” - จอห์น คาลวิน (ค.ศ. 1509 - 1564) หนึ่งในนักปฏิรูป นิกายโปรแตสแตนท์

“ยิ่งการรักและถวายเกียรติ พระเยซูคริสต์ท่ามกลาง มวลมนุษย์มีมากขึ้นเท่าใด การยกย่องและถวายเกียรติ แด่พระมารดามารีย์ ก็ควรงอกงามขึ้นเท่านั้น” - ฮุลดริช สวิงลี (ค.ศ. 1484 - 1531) หนึ่งในนักปฏิรูป นิกายโปรแตสแตนท์

ในประวัติศาสตร์ นักบุญลูกา อัครสาวก (ธรรมิกชนลูกา อัครทูต - Saint Luke the Evangelist) ได้เขียนไอคอนพระมารดานิจจานุเคราะห์ และเคารพพระนางมารีย์ในฐานะพระมารดาของพระเจ้า

(นาทีที่ 10:21 ขึ้นไป) มันก็มีหลักการปกครอง หรือว่าระเบียบของมนุษย์ และก็การกำหนดต่างๆ ซึ่งไม่ได้มีในพระคัมภีร์ แต่ถูกใส่ขึ้นมาทีหลัง

ในพระคัมภีร์มีบันทึกที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงตั้งศาสนจักร (คริสตจักร) ของพระองค์ขึ้นมา โดยผ่านทางบรรดาอัครสาวก (อัครทูต) ของพระองค์ และมีการแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ เช่น บิชอป (Bishop) , สังฆานุกร (มัคนายก - Deacon)

“พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นไปบนภูเขา ทรงเรียกผู้ที่พระองค์ทรงต้องการให้มาพบ เขาเหล่านั้นก็มาเฝ้าพระองค์ พระองค์จึงทรงแต่งตั้งอัครสาวกสิบสองคนให้อยู่กับพระองค์ และเพื่อจะทรงส่งเขาออกไปเทศน์สอน โดยให้มีอำนาจขับไล่ปีศาจด้วย” - มาระโก 3:13-15 พระเยซูเจ้าทรงแต่งตั้งอัครสาวกสิบสองคน

“พระเยซูเจ้าทรงเรียกศิษย์สิบสองคนเข้ามาพบประทานอำนาจให้เขาขับไล่ปีศาจ ให้รักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด“ - มัทธิว 10:1 พระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวกสิบสองคน

“ครั้นรุ่งเช้า พระองค์ทรงเรียกบรรดาศิษย์เข้ามาแล้วทรงคัดเลือกไว้สิบสองคน ประทานนามว่า อัครสาวก” - ลูกา 6:13 พระเยซูเจ้าทรงเลือกอัครสาวกสิบสองคน

พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “ซีโมนบุตรของยอห์น ท่านเป็นสุขเพราะไม่ใช่มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้ แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย เราบอกท่านว่า ท่านเป็นศิลา และบนศิลานี้เราจะสร้างพระศาสนจักรของเรา ประตูนรกจะไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้ เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้ จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วย ทุกสิ่งที่ท่านจะแก้ในแผ่นดินนี้ ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย” - มัทธิว 16:15-19 เปโตรประกาศความเชื่อ

“อัครสาวกสิบสองคนจึงเรียกบรรดาศิษย์มาประชุม กล่าวว่า “ไม่สมควรที่เราจะละทิ้งการประกาศพระวาจาของพระเจ้าเพื่อไปแจกอาหาร พี่น้องทั้งหลาย จงเลือกบุรุษเจ็ดคนจากกลุ่มของท่านทั้งหลาย เป็นคนที่มีชื่อเสียงดี เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้าและปรีชาญาณ แล้วเราจะแต่งตั้งเขาให้ทำหน้าที่นี้ ส่วนเราจะอุทิศตนอธิษฐานภาวนาและประกาศพระวาจา ทุกคนในที่ประชุมต่างเห็นชอบกับข้อเสนอนี้ จึงเลือกสเทเฟนบุรุษผู้เปี่ยมด้วยความเชื่อและพระจิตเจ้า ฟีลิป โปรโครัส นิคาโนร์ ทิโมน ปาร์เมนัส และนิโคลัสชาวอันทิโอกผู้กลับใจมานับถือศาสนายิว เขานำคนทั้งเจ็ดคนมาอยู่ต่อหน้าบรรดาอัครสาวกซึ่งอธิษฐานภาวนาและปกมือเหนือเขา
พระวาจาของพระเจ้าแพร่หลายยิ่งขึ้น ศิษย์มีจำนวนมากขึ้นในกรุงเยรูซาเล็ม บรรดาสมณะหลายคนยอมรับความเชื่อด้วย” - กิจการ 6:2-7 การเลือกตั้งสังฆานุกร

”สังฆานุกรก็เช่นเดียวกัน จะต้องเป็นที่น่าเคารพนับถือ ไม่ปลิ้นปล้อน ไม่ดื่มจัด และไม่หาผลประโยชน์ที่น่ารังเกียจ เขาจะต้องยึดมั่นในธรรมล้ำลึกของความเชื่อด้วยมโนธรรมที่บริสุทธิ์ เขาจะต้องได้รับการตรวจสอบก่อน ถ้าไม่มีสิ่งใดขัดข้องจึงให้ทำหน้าที่สังฆานุกร สตรีก็เช่นเดียวกัน จะต้องเป็นคนที่น่าเคารพนับถือ ไม่นินทาว่าร้าย ต้องรู้จักประมาณตนและเป็นที่วางใจได้ในทุกเรื่อง สังฆานุกรจะต้องแต่งงานเพียงครั้งเดียว และเป็นผู้ที่รู้จักปกครองบุตรหลานและคนในบ้านของตนได้ ผู้ทำหน้าที่สังฆานุกรได้อย่างดีก็จะได้รับเกียรติสูงสำหรับตน และพูดถึงความเชื่อในพระคริสตเยซูได้อย่างมั่นใจ“ - 1 ทิโมธี 3:8-12 สังฆานุกร
และก็ดีครับ ถ้าหลักการปกครอง หรือว่าระเบียบของมนุษย์ และก็การกำหนดต่างๆ มันไม่ได้มีในพระคัมภีร์ตามที่อาจารย์เขาพูดจริง คริสตจักรของอาจารย์ไม่น่ามีการแต่งตั้งศิษยาภิบาล , ศาสนาจารย์ , มัคนายก , ผู้ปกครอง เป็นต้น ให้พระเยซูคริสตเจ้าเป็นผู้นำของคริสตจักรแต่เพียงผู้เดียว หรือไม่ก็ให้พระจิต (พระวิญญาณบริสุทธิ์) ปกครองและทรงนำ

(นาทีที่ 10:33 ขึ้นไป) แต่ทีนี้ว่าของคริสตัง หรือคาทอลิก เขาเป็นที่ยอมรับ เพราะว่าเขาต้องเขียน… คัมภีร์อื่นๆเข้ามา เพื่อที่จะมา back กับสิ่งที่เขาทำอยู่ มันเป็นการปกครองของเขา คือเขาเอามา xxx (แอดมินฟังไม่ออก) แล้วก็ผสมปนเปกัน

ถ้าคัมภีร์อื่นๆที่อาจารย์หมายถึง คือ พระคัมภีร์สารบบที่ 2 เช่น เป็นต้น อยากจะบอกว่า มันมีมานานแล้ว ยิ่งนิกายออร์โธด็อกซ์สารบบมากกว่านิกายคาทอลิกอีก มากที่สุดก็สายออเรียนทัลออร์โธด็อกซ์ : ศาสนจักรเอธิโอเปียออร์โธด็อกซ์เทวาฮีโด กับ ศาสนจักรเอริเทรียออร์โธด็อกซ์เทวาฮีโด มีสารบบพระคัมภีร์ 81 เล่ม (ขณะที่นิกายคาทอลิกมีสารบบพระคัมภีร์ 73 เล่ม / นิกายโปรเตสแตนต์มีสารบบพระคัมภีร์ 66 เล่ม)
นี้ยังไม่พูดถึงว่า นิกายโปรเตสแตนต์ หรือแม้แต่คณะเพนเทคอสต์เอาสารบบพระคัมภีร์มาจากไหน? ใครเป็นผู้รวบรวมสารบบพระคัมภีร์เหล่านี้?
การรวบรวมสารบบมีมาก่อนที่จะเกิดนิกายโรมันคาทอลิก กับ นิกายอีสเทิร์นออร์โธด็อกซ์ ในปีค.ศ. 1054 ซึ่งแน่นอนว่าสมัยนั้นยังไม่มีนิกายโปรเตสแตนต์ หรือคริสเตียนในศัพท์ของประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ นักบุญเยโรม (เซนต์เยโรม / ธรรมิกชนเยโรม - Saint Jerome) ผู้จัดสารบบพระคัมภีร์ที่คริสตชนทุกนิกายใช้กันอยู่ทุกวันนี้ พระคัมภีร์เล่มไหนจริงไม่จริงท่านเป็นคนคัด และจัดเป็นพระคัมภีร์ไบเบิลที่ใช้กันมาจนปัจจุบัน อย่างน้อยต้องมีส่วนของพระวรสาร (พระกิตติคุณ) ได้แก่ มัทธิว / มาระโก / ลูกา และยอห์น ซึ่งเชื่อว่านิกายโปรเตสแตนต์และคริสตจักรของอาจารย์ใช้พระคัมภีร์ส่วนของพระวรสาร (พระกิตติคุณ) เหล่านี้ด้วย และนักบุญเยโรมก็ยอมรับการเร้าวิงวอนผ่านนักบุญ , ระบบการปกครอง เป็นต้น
“ผู้ที่ไม่อ่านพระคัมภีร์ คือการไม่รู้จักพระคริสต์” - นักบุญเยโรม (ค.ศ. 347-420) ผู้จัดสารบบพระคัมภีร์ไบเบิล
มันน่าคิดนะถึงสารบบพระคัมภีร์ที่มีอยู่แล้ว แต่มีใครก็ไม่รู้มาตัด คือสารบบพระคัมภีร์มันมีอยู่แล้วในนิกายคาทอลิก โดยไม่มีการเขียนคัมภีร์อื่นๆเพิ่มเข้ามาเหมือนบางลัทธิที่อ้างเป็นศาสนาคริสต์ และมีบางคนอ้างว่า นิกายคาทอลิกมันเพิ่มคัมภีร์เอง นิกายเราเกิดทีหลัง แล้วไปตัดของเดิมที่มีอยู่แล้วมา เพื่อตีความเข้าข้างตนเอง แทนที่จะตีความพร้อมกับศาสนจักร (คริสตจักร) ที่พระเยซูคริสตเจ้าทรงตั้งขึ้นโดยผ่านทางบรรดาอัครสาวก (อัครทูต)
หรือสรุปง่ายๆ คือ นิกายโปรเตสแตนต์ รวมถึงคริสตจักรของอาจารย์ก็เอาพระคัมภีร์ที่นักบุญเยโรม กับ นิกายคาทอลิก และ นิกายออร์โธด็อกซ์ มาใช้ รวมถึงได้ตัดสารบบที่ 2 ออก แล้วตีความพระคัมภีร์ในแบบของตัวเองนั่นเอง หากไม่ชอบนิกายคาทอลิก หรือมองว่านิกายคาทอลิกไม่ใช่คริสตชนก็ไม่ต้องใช้พระคัมไบเบิล รวมถึงในส่วนของพระวรสาร (พระกิตติคุณ) ด้วยนะ เพราะมันเป็นของนิกายคาทอลิก เป็นพวกลัทธิเพแกน เป็นพวกโรมัน ศาสนาโป๊ป บูชาพระแม่มารีย์และบรรดาเซนต์

†เดชะพระนาม พระบิดา และพระบุตร และพระจิต อาแมน†
viewtopic.php?f=13&t=5477

(นาทีที่ 11:04 ขึ้นไป) แต่ส่วนของการปกครองนั่น มันแล้วแต่บริบท ของแต่ละประเทศ แต่ละที่ ที่ให้เหมาะสมกับความเป็นจริง แล้วก็การขับเคลื่อนในเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐและการสร้างสาวก

ดีครับ เคารพความแตกต่างของการปกครอง จะได้ไม่ต้องขัดแย้งหรือสร้างศัตรูกับใคร การปกครองแบบสังฆาธิปไตย , แบบเพรสไบทีเรียน , แบบสมัชชาธิปไตย เคารพหมด “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” ได้ดีครับ

(นาทีที่ 11:21 ขึ้นไป) อาจารย์ : คือเราจะไปเอาแบบวาติกัน แบบเมืองนอก แล้วก็มาใส่ไว้ในประเทศไทย มันอาจจะเข้ากันไม่ได้
พิธีกรหญิง : เพราะว่าบริบทมันก็ต่างกันด้วยใช่มั้ยคะ?
อาจารย์ : มันต่างกัน

เหมือนจะเข้าใจผิด ใช้การปกครองอะไรเราขึ้นกับโป๊ป หรือพระสันตะปาปา (Pope) และนิกายคาทอลิกเราเน้นความเป็นสากล และจุดนี้แหละ “ความเป็นสากล” จะประเทศไทย , ประเทศอิตาลี , ประเทศสหรัฐอเมริกา , ประเทศเกาหลี , ประเทศไนจีเรีย , ประเทศบราซิล เป็นต้น เรายึดการตีความพระคัมภีร์ / หลักคำสอน / หลักข้อเชื่อ เดียวกัน ไม่สอนหลักข้อเชื่อที่แตกต่าง สามารถเข้าโบสถ์คาทอลิกที่ไหนก็ได้ เปลี่ยนโบสถ์คาทอลิกก็ได้ ไม่ต้องยึดติดว่า ฉันเป็นสมาชิกของโบสถ์xxx เท่านั่น และนิกายคาทอลิกยังปรับตัวกับวัฒนธรรมพื้นถิ่นของแต่ละประเทศ หรือแม้แต่แต่ละภูมิภาคของประเทศนั้นด้วย ไม่ได้ยึดวัฒนธรรมแบบวาติกัน เช่น ใช้ภาษาพื้นถิ่น , มีสถาปัตยกรรมแบยไทย , ใช้การไหว้ในการมอบสันติสุข , มีการรำไทยในงานฉลองวัด เป็นต้น
อ๋อ และบริบทของนิกายโปรเตสแตนต์บางกลุ่ม ขอย้ำ! บางกลุ่ม ที่ไปติดป้ายเหลืองตามต้นไม้ / เสาไฟฟ้า , ประกาศตะโกนตามร้านอาหาร , เทศนาด้อยค่าศาสนาอื่น / แกมบังคับหรือบางที่บังคับถวายสิบลด / กดดันให้รับใช้โบสถ์ เป็นต้น หรือแม้แต่กัดกันระหว่างนิกายโปรเตสแตนต์ด้วยกันเอง กีดกันไปโบสถ์อื่น อันนี้คือบริบทของสังคมไทย?

โบสถ์คาทอลิกสร้างอิงตามสถาปัตยกรรมแบบไทย เช่น วัดพระมหาไถ่ ซอยร่วมฤดี , วัดธรรมาสน์นักบุญเปโตร บางเชือกหนัง , วัดพระกุมารเยซู กม.8 , วัดนักบุญฟิลิปและยากอบ หัวไผ่ , วัดเซนต์นิโคลัส พัทยา เป็นต้น แบบนี้คิดว่าเข้ากับบริบทสังคมไทยพอมั้ย? ไม่จำเป็นต้องใช้สถาปัตยกรรมแบบวาติกัน หรือแบบตะวันตกอย่างเดียว

ขบวนแห่บาดหลวงคนแรกของหมู่บ้าน
https://vt.tiktok.com/ZSj1A93vF/

แม่พระทรงไทย ในโบสถ์คาทอลิกทรงไทย
https://vt.tiktok.com/ZSj1AWsmE/

บุษบกทรงไทยงานแห่แม่พระไถ่ทาส
https://vt.tiktok.com/ZSj1AvUkb/


เอาจริงๆ อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน ซึ่งไม่มีผิดไม่มีถูกนะ
หัวข้อคลิปควรใช้ประโยคว่า “โปรเตสแตนต์กับ คาทอลิก...ต่างกันยังไง??” เพราะมันจะสับสนว่า คริสเตียน? คริสเตียนไหน? คริสเตียนยุคแรก คริสเตียนโปรเตสแตนต์ คริสเตียนคาทอลิก คริสเตียนออร์โธด็อกซ์
และในคลิปควรเลี่ยงคำว่า คริสเตียน กับ คริสตัง เพราะเราควรเน้นความหมายสากลที่เข้าใจง่าย เพราะทั้ง 2 คำแค่ต่างภาษา คือ คริสเตียน (Christian) ภาษาอังกฤษ

กับ คริสตัง (Cristão) ภาษาโปรตุเกส

ซึ่งแปลว่า คริสตชน หรือผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ไม่ว่าจะนิกายไหนก็ตามนะครับ



เปิดวาร์ป [JAISAMARN Talk ] EP.75 คริสเตียนกับ คาทอลิก...ต่างกันยังไง??
https://youtu.be/OAveWVhNTXY?si=5UKASKYrxssFCp1c
ขอพระเจ้าสถิตกับท่านทุกคนนะครับ



#คริสต์ #โปรเตสแตนต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #คริสตชน #คริสเตียน #คริสตัง #วิจารณ์ #นิกาย #ประวัติศาสตร์ #protestant #catholic #christian #cristão #christianity #denomination #history
CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/4gdWzEKa42efmwPu/