อาทิตย์ที่ 4 ในเทศกาลมหาพรต 30 มีนาคม 2025 บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ดของคุณพ่อมาร์ติน วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมือง
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 01, 2025 11:20 am
อาทิตย์ที่ 4 ในเทศกาลมหาพรต 30 มีนาคม 2025
บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ดของคุณพ่อมาร์ติน วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Martin, Sacred Heart Parish, Lacey, Washington State, U.S.A. )
บทอ่านที่หนึ่ง 1 ซามูเอล 16:1, 6-7, 10-13
พระยาห์เวห์ตรัสแก่ซามูเอลว่า “จงเอาน้ำมันมะกอกเทศบรรจุใส่ขวดเขาสัตว์จนเต็ม และออกเดินทาง เราส่งท่านไปที่เมืองเบธเลเฮม ไปหาเจสซี เพราะเราเลือกบุตรคนหนึ่งของเขาเป็นกษัตริย์ เมื่อเจสซีกับบุตรมาถึง ซามูเอลเห็นเอลีอับ ก็คิดว่า “ผู้ที่อยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ผู้นี้คือผู้ที่จะต้องรับเจิม” แต่พระยาห์เวห์ตรัสกับซามูเอลว่า “อย่าสนใจมองแต่รูปร่างหน้าตา หรือความสูงของเขา เพราะเราไม่เลือกเขา พระยาห์เวห์ไม่ทรงมองอย่างมนุษย์มอง มนุษย์มองแต่รูปร่างภายนอก แต่พระยาห์เวห์ทรงมองจิตใจ” แล้วเจสซีเรียกอาบีนาดับมาพบซามูเอล ซามูเอลก็ว่า “พระยาห์เวห์ไม่ทรงเลือกคนนี้ด้วย” เจสซีพาชัมมาห์เข้ามา แต่ซามูเอลก็กล่าวว่า “พระยาห์เวห์ไม่ทรงเลือกคนนี้เช่นเดียวกัน” เจสซีพาบุตรทั้งเจ็ดคนมาพบซามูเอลทีละคน แต่ซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า “พระยาห์เวห์ไม่ทรงเลือกคนเหล่านี้เลย” ซามูเอลถามเจสซีว่า “บุตรชายของท่านมาหมดแล้วหรือ” เจสซีตอบว่า “ยังมีคนสุดท้องอีกคนหนึ่ง แต่ขณะนี้เขากำลังเลี้ยงแกะอยู่” ซามูเอลสั่งเจสซีว่า “จงส่งคนไปตามเขามาเถิด เราจะไม่นั่งกินอาหารจนกว่าเขาจะมา” เจสซีจึงส่งคนไปตามมา เด็กหนุ่มนั้นมีผมแดง ดวงตางดงาม และรูปร่างดี พระยาห์เวห์ตรัสว่า “จงลุกขึ้น เจิมเขาเถอะ เป็นคนนี้แหละ” ซามูเอลก็เอาขวดเขาสัตว์ที่บรรจุน้ำมันมะกอกเทศมาเจิมดาวิดต่อหน้าบรรดาพี่ชาย พระจิตของพระยาห์เวห์สถิตกับดาวิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ส่วนซามูเอลก็ออกเดินทางกลับไปที่เมืองรามาห์
บทอ่านที่สอง เอเฟซัส 5: 8-14
อดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด ผลแห่งความสว่างคือความดี ความชอบธรรมและความจริงทุกประการ จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย จงอย่าเกี่ยวข้องกับกิจการแห่งความมืดซึ่งไร้ผล ตรงกันข้าม จงประณามกิจการเหล่านั้น เพราะสิ่งต่างๆ ที่กระทำกันอย่างปิดบังซ่อนเร้นนั้น แม้เพียงพูดถึงก็น่าละอายแล้ว ทุกสิ่งที่ถูกประณามนั้นย่อมปรากฏชัดในความสว่าง และทุกสิ่งที่ปรากฏชัดนั้นคือความสว่าง จึงมีคำกล่าวไว้ว่า “ผู้หลับใหล จงตื่นเถิด จงลุกขึ้นจากบรรดาผู้ตายและพระคริสตเจ้าจะทรงส่องสว่างเหนือท่าน”
พระวรสาร โดยนักบุญยอห์น 9:1, 6-9, 13-17,
ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินผ่านไป พระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนตาบอดแต่กำเนิดคนหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ใครทำบาป ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “มิใช่ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขาทำบาป แต่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้กิจการของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา” ตราบใดที่ยังเป็นกลางวันอยู่ เราทั้งหลายต้องทำกิจการของผู้ที่ทรงส่งเรามา แต่เมื่อกลางคืนมาถึง ก็ไม่มีใครทำงานได้ ตราบที่เรายังอยู่ในโลก เราเป็นแสงสว่างส่องโลกเมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงถ่มพระเขฬะลงบนพื้นผสมกับดิน ป้ายตาคนตาบอด แล้วตรัสกับเขาว่า “จงไปล้างตาที่สระสิโลอัมเถิด” “สิโอลัม” หมายความว่า “ถูกส่งไป” คนตาบอดจึงไปล้างตา แล้วกลับมา มองเห็น เพื่อนบ้านและคนที่เคยเห็นเขาเป็นขอทานมาก่อน พูดว่า “คนนี้เป็นคนที่เคยนั่งขอทานอยู่มิใช่หรือ”.บางคนพูดว่า “ใช่แล้ว” บางคนพูดว่า “ไม่ใช่ แต่เป็นคนอื่นที่คล้ายคลึงกัน” แต่คนที่เคยตาบอดพูดว่า “ใช่แล้ว เป็นฉันเอง” คนเหล่านั้นจึงถามเขาว่า “ตาของท่านหายบอดได้อย่างไร’” เขาตอบว่า “คนที่ชื่อเยซูทำโคลนป้ายตาของฉัน และบอกฉันว่า “จงไปล้างตาที่สระสิโลอัมเถิด” ฉันจึงไปล้าง พอล้างแล้ว ก็มองเห็น” พวกนั้นถามว่า “เวลานี้คนนั้นอยู่ที่ไหน” เขาตอบว่า”ฉันไม่รู้” คนเหล่านั้นจึงพาคนที่เคยตาบอดไปหาชาวฟาริสี วันที่พระเยซูเจ้าทรงถ่มพระเขฬะผสมดินและทรงรักษาตาของคนตาบอดนั้นเป็นวันสับบาโต ชาวฟาริสีได้ถามเขาอีกว่า “เขามองเห็นได้อย่างไร” เขาจึงตอบว่า “คนนั้นเอาโคลนป้ายตาของฉัน ฉันไปล้างตาแล้วก็มองเห็น”.ชาวฟาริสีบางคนพูดว่า “คนนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า เขาไม่ถือวันสับบาโต” แต่บางคนแย้งว่า “คนบาปจะทำเครื่องหมายอัศจรรย์อย่างนี้ได้อย่างไร” ชาวฟาริสีเหล่านั้นมีความคิดเห็นแตกต่างกัน จึงถามคนที่เคยตาบอดอีกว่า “ท่านล่ะ ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับคนนั้น ที่เขาทำให้ตาของท่านกลับมองเห็น” เขาตอบว่า”คนนั้นเป็นประกาศก” แต่ชาวยิวไม่ยอมเชื่อว่าชายคนนี้เคยตาบอดแล้วกลับมองเห็นจึงเรียกบิดามารดาของเขามา แล้วถามว่า “คนนี้เป็นลูกของท่าน ซึ่งท่านบอกว่าเกิดมาตาบอดใช่หรือไม่ บัดนี้ เขากลับมองเห็นได้อย่างไร” บิดามารดาตอบว่า “เรารู้ว่าคนนี้เป็นลูกของเรา และเกิดมาตาบอด แต่เราไม่รู้ว่า บัดนี้ เขามองเห็นได้อย่างไร หรือใครรักษาตาของเขา เราก็ไม่รู้ ท่านจงถามเขาเองเถิด เขาโตพอจะตอบเองได้แล้ว” บิดามารดาตอบเช่นนี้ก็เพราะกลัวชาวยิว ซึ่งตกลงกันแล้วว่า ใครยอมรับว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้าจะถูกขับออกจากศาลาธรรม บิดามารดาของเขาจึงตอบว่า “เขาโตแล้ว ท่านจงถามเขาเองเถิด” ชาวยิวเรียกคนที่เคยตาบอดมาอีก บอกเขาว่า “จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด พวกเรารู้ว่าคนนั้นเป็นคนบาป” คนที่เคยตาบอดแย้งว่า “เขาเป็นคนบาปหรือไม่ ฉันไม่รู้ ฉันรู้อย่างเดียวว่า ฉันเคยตาบอด และบัดนี้มองเห็นแล้ว” พวกนั้นถามอีกว่า “เขาทำอะไรกับท่าน เขารักษาตาของท่านอย่างไร” คนที่เคยตาบอดตอบว่า “ฉันบอกท่านแล้ว แต่ท่านไม่ฟัง ทำไมท่านต้องการฟังอีกเล่า ท่านต้องการเป็นศิษย์ของเขาด้วยกระมัง” พวกนั้นจึงด่าเขาว่า “ท่านสิ เป็นศิษย์ของเขา ส่วนเราเป็นศิษย์ของโมเสส พวกเรารู้ว่า พระเจ้าตรัสกับโมเสส แต่เยซูคนนี้ เราไม่รู้ว่าเขามาจากไหน” คนที่เคยตาบอดจึงพูดว่า “แปลกจริงท่านทั้งหลายไม่รู้ว่าเขามาจากไหน แต่เขาได้รักษาตาของฉันให้กลับมองเห็น เราทั้งหลายรู้ว่า พระเจ้าไม่ทรงฟังคนบาป แต่ทรงฟังผู้ที่ยำเกรงพระองค์และปฏิบัติตามพระประสงค์เท่านั้น แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยได้ยินเลยว่ามีใครรักษาคนตาบอดแต่กำเนิดให้หายได้ ถ้าเขาไม่ได้มาจากพระเจ้า เขาก็คงจะทำอะไรไม่ได้” คนเหล่านั้นตอบว่า “ท่านเกิดมาในบาปทั้งตัว แล้วยังกล้ามาสั่งสอนพวกเราอีกหรือ” แล้วจึงขับไล่เขาออกไป พระเยซูเจ้าทรงได้ยินว่าชาวฟาริสีขับไล่คนที่ตาบอดออกไป เมื่อทรงพบเขา จึงตรัสถามว่า “ท่านเชื่อในบุตรแห่งมนุษย์หรือ” เขาทูลถามว่า “บุตรแห่งมนุษย์คือใคร พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะได้เชื่อในพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านได้เห็นแล้ว เป็นผู้ที่กำลังพูดอยู่กับท่านนี้แหละ” เขาจึงทูลว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ พระเจ้าข้า” แล้วกราบลงนมัสการพระองค์
คุณพ่อมาร์ติน: สาธุชนบางคนเห็นพ่อในชุดมิสซาสีชมพู กระเซ้าว่าพ่อดูดีกับสีชมพู...มหาพรตเป็นช่วงเวลาของการอดอาหารและพลีกรรม
ซามูเอลเจิมดาวิดอาจเป็นเหตุถูกประหารชีวิตเพราะกษัตริย์ซาอูลได้รับการเจิมและถูกถวายตัวให้พระเจ้าและให้เป็นกษัตริย์แล้ว ดาวิดเป็นลูกชายคนที่แปดของเจสซี ซึ่งปกติแล้วลูกชายคนโตที่สุดควรจะได้ครอบครองอํานาจทรัพย์สินของพ่อหรือรับการเจิมหรือการถูกถวายตัวให้พระเจ้า
พระเยซูเจ้าคือพระคริสต์ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ได้รับการเจิม" หรือ"ผู้ถูกถวายตัวแด่พระเจ้า" และพระองค์คือความสว่าง เมื่อพระองค์ทรงเปิดตาคนตาบอดพระองค์ทรงเจิมเขาด้วยพระเขฬะผสมดิน ทําให้เขามองเห็นและเมื่อเขาเชื่อในพระองค์เขาก็ได้รับความสว่างและได้ถูกถวายตัวให้พระเจ้า
บทอ่านที่สองได้บอกว่าพระเยซูเจ้าคือความสว่าง..จึงมีคำกล่าวไว้ว่า “ผู้หลับใหล จงตื่นเถิด จงลุกขึ้นจากบรรดาผู้ตายและพระคริสตเจ้าจะทรงส่องสว่างเหนือท่าน”
พวกเราเมื่อได้รับศีลล้างบาป เราก็ได้รับการเจิมจากพระเยซูเจ้าและได้ถูกถวายตัวให้พระเจ้าและได้รับความสว่างเช่นกัน
พ่อแม่ของคนตาบอดไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับการถูกรักษาตาของลูกชายให้มองเห็นโดยพระเยซูเจ้าเพราะกลัวชาวฟาริสีที่มีอํานาจขับไล่ไม่ให้เข้าร่วมศาลาธรรม ต่อมาในปีคศ 85 คริสตชนได้ถูกห้ามเข้าศาลาธรรม
พ่อประจําที่ประเทศเกาหลีใต้ 15 ปี ภายใต้การปกครองของพระคาร์ดินัลคิม พระคาร์ดินัลคิมอุทิศดวงตาของท่านให้คนตาบอดเมื่อท่านสิ้นชีพ ทําให้คนตาบอดมองเห็นและได้รับความสว่าง...
____________________
อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา รวมทั้งบทความเสริมศรัทธาหลากหลาย เชิญอ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
ลิ้งค์ การรณรงค์ที่ยิ่งใหญ่แห่งความรัก ( The Great Crusade of Love) ฉบับภาษาอังกฤษ 183 สาร
https://www.loveandmercy.org/Eng-CL-Reg.pdf
ลิ้งค์ การรณรงค์ที่ยิ่งใหญ่แห่งความรัก ฉบับภาษาไทย โพสต์ต่อเนื่องจากสารฉบับแรก- สารฉบับสุดท้าย # 183 ( แปลจากฉบับภาษาอังกฤษ The Great Crusade of Love) เวปบอร์ด พระแม่ผู้เห็นอกเห็นอกเห็นใจฯ และ เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม
viewtopic.php?f=8&t=20412
ลิ้งค์ รวมสารของพระบิดาที่ทรงมอบให้คุณนิพนธ์ มณีกิจ ผู้นำสารของพระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจฯ วัดพระวิสุทธิวงส์ ลําไทร ปทุมธานี เวปบอร์ด พระแม่ผู้เห็นอกเห็นอกเห็นใจฯ และ เวปบอร์ดสนทนาธรรม สามัคคีธรรม
viewtopic.php?f=2&t=22009
ลิ้งค์ แม่รักลูก เล่มหนึ่ง สอง สาม ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เปิดอ่านป็นหน้าๆ เหมือนอ่านหนังสือ
https://anyflip.com/homepage/tawmz
ลิ้งค์ เวปบอร์ด พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจฯ วัดพระวิสุทธิวงส์ ลําไทร ปทุมธานี
viewforum.php?f=8
อ้างอิง ขอบคุณ: bible.usccb.org, thaicatholicbible.com, พระคัมภีร์คาทอลิก kamsornbkk.com, กูเกิ้ล ( ไม่สะกดเป็นภาษาอังกฤษเพราะมีภาษาจีนแทรกแซง)
กราบขอบพระคุณ: พระเป็นเจ้า (พระบิดา พระบุตร และพระจิต) พระแม่มารีย์ นักบุญโยเซฟ อัครเทวดาไมเกิ้ล เกเบรียล ราฟาเอล คุณพี่อารักขเทวดา มหาบุรุษอับราฮัมและคุณแม่ซาราห์ศรีภรรยาของท่าน สหพันธ์นักบุญทุกท่าน
ขอบคุณ: คุณอาเดเลีย เบอร์นาร์ด คุณพ่อวิจิตร ลิขิตธรรม คุณพ่อสุรินทร์ ชุนฟุ้ง คุณพ่อบัญชา อภิชาติวรกุล คุณนิพนธ์ มณีกิจ นักบวชชายหญิง ผู้นำฆราวาส ครอบครัวเจ้าของ www.newmana.com ทีมงานทุกคน ผู้เผยแพร่ พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจฯ วัดพระวิสุทธิวงส์ ลําไทร ปทุมธานี ประเทศไทย
บทอ่าน พระวรสาร และบทเทศน์เด็ดของคุณพ่อมาร์ติน วัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ เมืองเลซี่ รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ( Father Martin, Sacred Heart Parish, Lacey, Washington State, U.S.A. )
บทอ่านที่หนึ่ง 1 ซามูเอล 16:1, 6-7, 10-13
พระยาห์เวห์ตรัสแก่ซามูเอลว่า “จงเอาน้ำมันมะกอกเทศบรรจุใส่ขวดเขาสัตว์จนเต็ม และออกเดินทาง เราส่งท่านไปที่เมืองเบธเลเฮม ไปหาเจสซี เพราะเราเลือกบุตรคนหนึ่งของเขาเป็นกษัตริย์ เมื่อเจสซีกับบุตรมาถึง ซามูเอลเห็นเอลีอับ ก็คิดว่า “ผู้ที่อยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ผู้นี้คือผู้ที่จะต้องรับเจิม” แต่พระยาห์เวห์ตรัสกับซามูเอลว่า “อย่าสนใจมองแต่รูปร่างหน้าตา หรือความสูงของเขา เพราะเราไม่เลือกเขา พระยาห์เวห์ไม่ทรงมองอย่างมนุษย์มอง มนุษย์มองแต่รูปร่างภายนอก แต่พระยาห์เวห์ทรงมองจิตใจ” แล้วเจสซีเรียกอาบีนาดับมาพบซามูเอล ซามูเอลก็ว่า “พระยาห์เวห์ไม่ทรงเลือกคนนี้ด้วย” เจสซีพาชัมมาห์เข้ามา แต่ซามูเอลก็กล่าวว่า “พระยาห์เวห์ไม่ทรงเลือกคนนี้เช่นเดียวกัน” เจสซีพาบุตรทั้งเจ็ดคนมาพบซามูเอลทีละคน แต่ซามูเอลกล่าวแก่เจสซีว่า “พระยาห์เวห์ไม่ทรงเลือกคนเหล่านี้เลย” ซามูเอลถามเจสซีว่า “บุตรชายของท่านมาหมดแล้วหรือ” เจสซีตอบว่า “ยังมีคนสุดท้องอีกคนหนึ่ง แต่ขณะนี้เขากำลังเลี้ยงแกะอยู่” ซามูเอลสั่งเจสซีว่า “จงส่งคนไปตามเขามาเถิด เราจะไม่นั่งกินอาหารจนกว่าเขาจะมา” เจสซีจึงส่งคนไปตามมา เด็กหนุ่มนั้นมีผมแดง ดวงตางดงาม และรูปร่างดี พระยาห์เวห์ตรัสว่า “จงลุกขึ้น เจิมเขาเถอะ เป็นคนนี้แหละ” ซามูเอลก็เอาขวดเขาสัตว์ที่บรรจุน้ำมันมะกอกเทศมาเจิมดาวิดต่อหน้าบรรดาพี่ชาย พระจิตของพระยาห์เวห์สถิตกับดาวิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ส่วนซามูเอลก็ออกเดินทางกลับไปที่เมืองรามาห์
บทอ่านที่สอง เอเฟซัส 5: 8-14
อดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด ผลแห่งความสว่างคือความดี ความชอบธรรมและความจริงทุกประการ จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย จงอย่าเกี่ยวข้องกับกิจการแห่งความมืดซึ่งไร้ผล ตรงกันข้าม จงประณามกิจการเหล่านั้น เพราะสิ่งต่างๆ ที่กระทำกันอย่างปิดบังซ่อนเร้นนั้น แม้เพียงพูดถึงก็น่าละอายแล้ว ทุกสิ่งที่ถูกประณามนั้นย่อมปรากฏชัดในความสว่าง และทุกสิ่งที่ปรากฏชัดนั้นคือความสว่าง จึงมีคำกล่าวไว้ว่า “ผู้หลับใหล จงตื่นเถิด จงลุกขึ้นจากบรรดาผู้ตายและพระคริสตเจ้าจะทรงส่องสว่างเหนือท่าน”
พระวรสาร โดยนักบุญยอห์น 9:1, 6-9, 13-17,
ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินผ่านไป พระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนตาบอดแต่กำเนิดคนหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ใครทำบาป ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “มิใช่ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขาทำบาป แต่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้กิจการของพระเจ้าปรากฏในตัวเขา” ตราบใดที่ยังเป็นกลางวันอยู่ เราทั้งหลายต้องทำกิจการของผู้ที่ทรงส่งเรามา แต่เมื่อกลางคืนมาถึง ก็ไม่มีใครทำงานได้ ตราบที่เรายังอยู่ในโลก เราเป็นแสงสว่างส่องโลกเมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงถ่มพระเขฬะลงบนพื้นผสมกับดิน ป้ายตาคนตาบอด แล้วตรัสกับเขาว่า “จงไปล้างตาที่สระสิโลอัมเถิด” “สิโอลัม” หมายความว่า “ถูกส่งไป” คนตาบอดจึงไปล้างตา แล้วกลับมา มองเห็น เพื่อนบ้านและคนที่เคยเห็นเขาเป็นขอทานมาก่อน พูดว่า “คนนี้เป็นคนที่เคยนั่งขอทานอยู่มิใช่หรือ”.บางคนพูดว่า “ใช่แล้ว” บางคนพูดว่า “ไม่ใช่ แต่เป็นคนอื่นที่คล้ายคลึงกัน” แต่คนที่เคยตาบอดพูดว่า “ใช่แล้ว เป็นฉันเอง” คนเหล่านั้นจึงถามเขาว่า “ตาของท่านหายบอดได้อย่างไร’” เขาตอบว่า “คนที่ชื่อเยซูทำโคลนป้ายตาของฉัน และบอกฉันว่า “จงไปล้างตาที่สระสิโลอัมเถิด” ฉันจึงไปล้าง พอล้างแล้ว ก็มองเห็น” พวกนั้นถามว่า “เวลานี้คนนั้นอยู่ที่ไหน” เขาตอบว่า”ฉันไม่รู้” คนเหล่านั้นจึงพาคนที่เคยตาบอดไปหาชาวฟาริสี วันที่พระเยซูเจ้าทรงถ่มพระเขฬะผสมดินและทรงรักษาตาของคนตาบอดนั้นเป็นวันสับบาโต ชาวฟาริสีได้ถามเขาอีกว่า “เขามองเห็นได้อย่างไร” เขาจึงตอบว่า “คนนั้นเอาโคลนป้ายตาของฉัน ฉันไปล้างตาแล้วก็มองเห็น”.ชาวฟาริสีบางคนพูดว่า “คนนั้นไม่ได้มาจากพระเจ้า เขาไม่ถือวันสับบาโต” แต่บางคนแย้งว่า “คนบาปจะทำเครื่องหมายอัศจรรย์อย่างนี้ได้อย่างไร” ชาวฟาริสีเหล่านั้นมีความคิดเห็นแตกต่างกัน จึงถามคนที่เคยตาบอดอีกว่า “ท่านล่ะ ท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับคนนั้น ที่เขาทำให้ตาของท่านกลับมองเห็น” เขาตอบว่า”คนนั้นเป็นประกาศก” แต่ชาวยิวไม่ยอมเชื่อว่าชายคนนี้เคยตาบอดแล้วกลับมองเห็นจึงเรียกบิดามารดาของเขามา แล้วถามว่า “คนนี้เป็นลูกของท่าน ซึ่งท่านบอกว่าเกิดมาตาบอดใช่หรือไม่ บัดนี้ เขากลับมองเห็นได้อย่างไร” บิดามารดาตอบว่า “เรารู้ว่าคนนี้เป็นลูกของเรา และเกิดมาตาบอด แต่เราไม่รู้ว่า บัดนี้ เขามองเห็นได้อย่างไร หรือใครรักษาตาของเขา เราก็ไม่รู้ ท่านจงถามเขาเองเถิด เขาโตพอจะตอบเองได้แล้ว” บิดามารดาตอบเช่นนี้ก็เพราะกลัวชาวยิว ซึ่งตกลงกันแล้วว่า ใครยอมรับว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้าจะถูกขับออกจากศาลาธรรม บิดามารดาของเขาจึงตอบว่า “เขาโตแล้ว ท่านจงถามเขาเองเถิด” ชาวยิวเรียกคนที่เคยตาบอดมาอีก บอกเขาว่า “จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเถิด พวกเรารู้ว่าคนนั้นเป็นคนบาป” คนที่เคยตาบอดแย้งว่า “เขาเป็นคนบาปหรือไม่ ฉันไม่รู้ ฉันรู้อย่างเดียวว่า ฉันเคยตาบอด และบัดนี้มองเห็นแล้ว” พวกนั้นถามอีกว่า “เขาทำอะไรกับท่าน เขารักษาตาของท่านอย่างไร” คนที่เคยตาบอดตอบว่า “ฉันบอกท่านแล้ว แต่ท่านไม่ฟัง ทำไมท่านต้องการฟังอีกเล่า ท่านต้องการเป็นศิษย์ของเขาด้วยกระมัง” พวกนั้นจึงด่าเขาว่า “ท่านสิ เป็นศิษย์ของเขา ส่วนเราเป็นศิษย์ของโมเสส พวกเรารู้ว่า พระเจ้าตรัสกับโมเสส แต่เยซูคนนี้ เราไม่รู้ว่าเขามาจากไหน” คนที่เคยตาบอดจึงพูดว่า “แปลกจริงท่านทั้งหลายไม่รู้ว่าเขามาจากไหน แต่เขาได้รักษาตาของฉันให้กลับมองเห็น เราทั้งหลายรู้ว่า พระเจ้าไม่ทรงฟังคนบาป แต่ทรงฟังผู้ที่ยำเกรงพระองค์และปฏิบัติตามพระประสงค์เท่านั้น แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยได้ยินเลยว่ามีใครรักษาคนตาบอดแต่กำเนิดให้หายได้ ถ้าเขาไม่ได้มาจากพระเจ้า เขาก็คงจะทำอะไรไม่ได้” คนเหล่านั้นตอบว่า “ท่านเกิดมาในบาปทั้งตัว แล้วยังกล้ามาสั่งสอนพวกเราอีกหรือ” แล้วจึงขับไล่เขาออกไป พระเยซูเจ้าทรงได้ยินว่าชาวฟาริสีขับไล่คนที่ตาบอดออกไป เมื่อทรงพบเขา จึงตรัสถามว่า “ท่านเชื่อในบุตรแห่งมนุษย์หรือ” เขาทูลถามว่า “บุตรแห่งมนุษย์คือใคร พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะได้เชื่อในพระองค์” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านได้เห็นแล้ว เป็นผู้ที่กำลังพูดอยู่กับท่านนี้แหละ” เขาจึงทูลว่า “ข้าพเจ้าเชื่อ พระเจ้าข้า” แล้วกราบลงนมัสการพระองค์
คุณพ่อมาร์ติน: สาธุชนบางคนเห็นพ่อในชุดมิสซาสีชมพู กระเซ้าว่าพ่อดูดีกับสีชมพู...มหาพรตเป็นช่วงเวลาของการอดอาหารและพลีกรรม
ซามูเอลเจิมดาวิดอาจเป็นเหตุถูกประหารชีวิตเพราะกษัตริย์ซาอูลได้รับการเจิมและถูกถวายตัวให้พระเจ้าและให้เป็นกษัตริย์แล้ว ดาวิดเป็นลูกชายคนที่แปดของเจสซี ซึ่งปกติแล้วลูกชายคนโตที่สุดควรจะได้ครอบครองอํานาจทรัพย์สินของพ่อหรือรับการเจิมหรือการถูกถวายตัวให้พระเจ้า
พระเยซูเจ้าคือพระคริสต์ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้ได้รับการเจิม" หรือ"ผู้ถูกถวายตัวแด่พระเจ้า" และพระองค์คือความสว่าง เมื่อพระองค์ทรงเปิดตาคนตาบอดพระองค์ทรงเจิมเขาด้วยพระเขฬะผสมดิน ทําให้เขามองเห็นและเมื่อเขาเชื่อในพระองค์เขาก็ได้รับความสว่างและได้ถูกถวายตัวให้พระเจ้า
บทอ่านที่สองได้บอกว่าพระเยซูเจ้าคือความสว่าง..จึงมีคำกล่าวไว้ว่า “ผู้หลับใหล จงตื่นเถิด จงลุกขึ้นจากบรรดาผู้ตายและพระคริสตเจ้าจะทรงส่องสว่างเหนือท่าน”
พวกเราเมื่อได้รับศีลล้างบาป เราก็ได้รับการเจิมจากพระเยซูเจ้าและได้ถูกถวายตัวให้พระเจ้าและได้รับความสว่างเช่นกัน
พ่อแม่ของคนตาบอดไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับการถูกรักษาตาของลูกชายให้มองเห็นโดยพระเยซูเจ้าเพราะกลัวชาวฟาริสีที่มีอํานาจขับไล่ไม่ให้เข้าร่วมศาลาธรรม ต่อมาในปีคศ 85 คริสตชนได้ถูกห้ามเข้าศาลาธรรม
พ่อประจําที่ประเทศเกาหลีใต้ 15 ปี ภายใต้การปกครองของพระคาร์ดินัลคิม พระคาร์ดินัลคิมอุทิศดวงตาของท่านให้คนตาบอดเมื่อท่านสิ้นชีพ ทําให้คนตาบอดมองเห็นและได้รับความสว่าง...
____________________
อ่านจบ: อยากอ่านอีกหรืออยากอ่านบทเทศน์เด็ดแทรกอารมณ์ขันของอาทิตย์ต่างๆที่ผ่านมา รวมทั้งบทความเสริมศรัทธาหลากหลาย เชิญอ่านที่ www.newmana.com เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม และสารของแม่พระผู้เห็นอกเห็นใจฯ
ลิ้งค์ การรณรงค์ที่ยิ่งใหญ่แห่งความรัก ( The Great Crusade of Love) ฉบับภาษาอังกฤษ 183 สาร
https://www.loveandmercy.org/Eng-CL-Reg.pdf
ลิ้งค์ การรณรงค์ที่ยิ่งใหญ่แห่งความรัก ฉบับภาษาไทย โพสต์ต่อเนื่องจากสารฉบับแรก- สารฉบับสุดท้าย # 183 ( แปลจากฉบับภาษาอังกฤษ The Great Crusade of Love) เวปบอร์ด พระแม่ผู้เห็นอกเห็นอกเห็นใจฯ และ เวปบอร์ด สนทนาธรรม สามัคคีธรรม
viewtopic.php?f=8&t=20412
ลิ้งค์ รวมสารของพระบิดาที่ทรงมอบให้คุณนิพนธ์ มณีกิจ ผู้นำสารของพระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจฯ วัดพระวิสุทธิวงส์ ลําไทร ปทุมธานี เวปบอร์ด พระแม่ผู้เห็นอกเห็นอกเห็นใจฯ และ เวปบอร์ดสนทนาธรรม สามัคคีธรรม
viewtopic.php?f=2&t=22009
ลิ้งค์ แม่รักลูก เล่มหนึ่ง สอง สาม ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เปิดอ่านป็นหน้าๆ เหมือนอ่านหนังสือ
https://anyflip.com/homepage/tawmz
ลิ้งค์ เวปบอร์ด พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจฯ วัดพระวิสุทธิวงส์ ลําไทร ปทุมธานี
viewforum.php?f=8
อ้างอิง ขอบคุณ: bible.usccb.org, thaicatholicbible.com, พระคัมภีร์คาทอลิก kamsornbkk.com, กูเกิ้ล ( ไม่สะกดเป็นภาษาอังกฤษเพราะมีภาษาจีนแทรกแซง)
กราบขอบพระคุณ: พระเป็นเจ้า (พระบิดา พระบุตร และพระจิต) พระแม่มารีย์ นักบุญโยเซฟ อัครเทวดาไมเกิ้ล เกเบรียล ราฟาเอล คุณพี่อารักขเทวดา มหาบุรุษอับราฮัมและคุณแม่ซาราห์ศรีภรรยาของท่าน สหพันธ์นักบุญทุกท่าน
ขอบคุณ: คุณอาเดเลีย เบอร์นาร์ด คุณพ่อวิจิตร ลิขิตธรรม คุณพ่อสุรินทร์ ชุนฟุ้ง คุณพ่อบัญชา อภิชาติวรกุล คุณนิพนธ์ มณีกิจ นักบวชชายหญิง ผู้นำฆราวาส ครอบครัวเจ้าของ www.newmana.com ทีมงานทุกคน ผู้เผยแพร่ พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจฯ วัดพระวิสุทธิวงส์ ลําไทร ปทุมธานี ประเทศไทย