หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ชีวประวัติ นักบุญโฮเซมารีอา เอสคริวา เด บาลาเกอร์ (Saint Josemaria Escriva de Balaguer)

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 06, 2025 11:41 am
โดย Arttise
ชีวประวัติ นักบุญโฮเซมารีอา เอสคริวา เด บาลาเกอร์ (Saint Josemaria Escriva de Balaguer - San Josemaría Escrivá de Balaguer)

“นักบุญโฮเซมารีอา เอสคริวา เด บาลาเกอร์ (Saint Josemaria Escriva de Balaguer - San Josemaría Escrivá de Balaguer)” หรือเรียกสั้นๆว่า “นักบุญโฮเซมารีอา เอสคริวา (Saint Josemaria Escriva - San Josemaría Escrivá)” เกิดที่เมืองบาร์บาสโตร (Barbastro) ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1902 เป็นบุตรคนที่ 2 จากพี่น้องทั้งหมด 6 คนของ “โฮเซ เอสคริวา (Jose Escriva)” กับ “โดโลเรส เอสคริวา (Dolores Escriva)” ท่านเติบโตในครอบครัวที่เคร่งศาสนาและเข้าเรียนในโรงเรียนคาทอลิก ท่านได้เรียนรู้ความจริงพื้นฐานของกิจศรัทธาและการปฏิบัติต่างๆ เช่น การรับศีลอภัยบาปกับการศีลมหาสนิทบ่อยๆ , การสวดสายประคำ และการบริจาค การเสียชีวิตของน้องสาว 3 คน และบิดาของท่านล้มละลายหลังจากธุรกิจพลิกผัน ทำให้ท่านเข้าใจความหมายของความทุกข์ทรมาน และนำพาความเป็นผู้ใหญ่มาสู่นิสัยร่าเริงแจ่มใสและเปิดเผย ในปีค.ศ. 1915 ครอบครัวของท่านย้ายไปอยู่ที่เมืองโลโกรโญ (Logroño) ซึ่งเป็นสถานที่ที่บิดาของท่านได้งานใหม่

เริ่มในปีค.ศ. 1918 นักบุญโฮเซมารีอารู้สึกว่า พระเจ้าทรงร้องขอบางสิ่งจากท่าน แม้ว่าท่านจะไม่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร? ท่านจึงตัดสินใจเป็นพระสงฆ์ เพื่อที่จะพร้อมรับทุกสิ่งที่พระเจ้าต้องการจากท่าน ท่านเริ่มศึกษาเพื่อเป็นพระสงฆ์ เริ่มแรกในเมืองโลโกรโญ และต่อมาในเมืองซาราโกซา (Saragossa - Zaragoza) ด้วยคำแนะนำของบิดาและได้รับอนุญาตจากอธิการบดีที่สามเณราลัย ท่านจึงเริ่มศึกษากฎหมายแพ่ง แล้วท่านได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์และเริ่มงานอภิบาลในปีค.ศ. 1925

ในปีค.ศ. 1927 นักบุญโฮเซมารีอาได้ย้ายไปที่กรุงมาดริด (Madrid) เพื่อศึกษาต่อในระดับปริญญาโทด้านกฎหมาย ท่านเดินทางมาพร้อมกับมารดา , พี่สาว และน้องชาย เนื่องจากบิดาของท่านเสียชีวิตในปีค.ศ. 1924 และปัจจุบันท่านเป็นหัวหน้าครอบครัว พวกท่านมีฐานะยากจน ท่านจึงต้องสอนพิเศษให้นักศึกษาด้านกฎหมายเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของท่าน ขณะเดียวกัน ท่านยังทำงานอภิบาลอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนยากจนและผู้ป่วยในกรุงมาดริด และกับเด็กเล็ก ท่านยังได้อภิบาลกับแรงงาน ผู้เชี่ยวผู้เชี่ยวชาญและนักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งการได้พบปะพูดคุยกับคนยากจนและผู้ป่วยที่นักบุญโฮเซมารีอากำลังอภิบาลอยู่ ทำให้ท่านได้เรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของความรักและความรับผิดชอบตามหลักคริสตชนในการช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้น

วันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1928 ขณะที่นักบุญโฮเซมารีอากำลังเข้าเงียบอยู่ที่กรุงมาดริด พระเจ้าทรงเผยแสดงพันธกิจเฉพาะแก่ท่าน นั่นคือ การก่อตั้งสถาบัน “โอปุส เดอี (Opus Dei)” ที่แปลว่า “งานของพระเจ้า (Work of God)” ซึ่งเป็นสถาบันภายในพระศาสนจักรคาทอลิกที่อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้คนทุกระดับชั้นให้ดำเนินชีวิตตามพระคริสตเจ้า , แสวงหาความศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตประจำวัน และเติบโตในความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ชายหญิง นับแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านได้ทุ่มเทกำลังทั้งหมดเพื่อบรรลุพันธกิจนี้ โดยเชื่อมั่นว่า พระเจ้าทรงแต่งตั้งสถาบันโอปุส เดอีขึ้นเพื่อรับใช้พระศาสนจักร ในปีค.ศ. 1930 ท่านได้เริ่มงานอัครสาวกของสถาบันโอปุส เดอีกับบรรดาสตรี โดยตอบสนองต่อการส่องสว่างใหม่จากพระเจ้า โดยชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “พวกเธอมีความรับผิดชอบเช่นเดียวกับบุรุษในการรับใช้สังคมและพระศาสนจักร”

หนังสือ “หนทาง (The Way)” ซึ่งเป็นผลงานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของนักบุญโฮเซมารีอา ฉบับพิมพ์ครั้งแรกในปีค.ศ. 1934 ภายใต้หัวข้อ “การรำพึงฝ่ายจิตวิญญาณ (Spiritual Considerations)” ต่อมาได้มีการขยายความและปรับปรุงแก้ไขจนมีการพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง ปัจจุบันมีการพิมพ์มากกว่า 4 ล้านฉบับ มีการแปลหลายภาษา หนังสือผลงานทางจิตวิญญาณอื่นๆของท่านประกอบด้วย “สายประคำศักดิ์สิทธิ์ (Holy Rosary)” , “ทางแห่งไม้กางเขน (The Way of the Cross)” , “พระคริสต์กำลังเสด็จผ่าน (Christ Is Passing By)” , “มิตรสหายของพระเจ้า (Friends of God)” และ “หนทาง, ร่องดินที่ไถแล้ว, ล่อหลอม (The Way, Furrow, The Forge)” ซึ่งเช่นเดียวกับหนังสือ “หนทาง (The Way)” ซึ่งประกอบด้วยจุดสั้นๆสำหรับการสวดภาวนาและการรำพึง

การพัฒนาของสถาบันโอปุส เดอี เริ่มต้นขึ้นในหมู่เยาวชนที่นักบุญโฮเซมารีอาเคยติดต่อด้วยมาก่อนปีค.ศ. 1928 อย่างไรก็ตาม การเติบโตของสถาบันโอปุส เดอีถูกขัดขวางอย่างรุนแรงจากการเบียดเบียนศาสนาที่เกิดขึ้นกับพระศาสนจักรคาทอลิกในช่วงสงครามกลางเมืองสเปน (ค.ศ. 1936 - ค.ศ. 1939) ตัวนักบุญโฮเซมารีอาผู้ก่อตั้งเองก็ประสบความยากลำบากอย่างหนักภายใต้การเบียดเบียนนี้ แต่แตกต่างจากพระสงฆ์คนอื่นๆหลายคน ท่านรอดชีวิตจากสงคราม หลังสงคราม ท่านได้เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อจัดการเข้าเงียบให้กับพระสงฆ์หลายร้อยคนตามคำขอของบรรดาบิชอป ขณะเดียวกันสถาบันโอปุส เดอี ก็แพร่ขยายจากกรุงมาดริดไปยังเมืองอื่นๆ อีกหลายแห่งในประเทศสเปน และทันทีที่สงครามโลกครั้งที่ 2 (World War II) สิ้นสุดลงในปีค.ศ. 1945 สถาบันโอปุส เดอีก็เริ่มเริ่มต้นขึ้นในประเทศอื่นๆ การเติบโตนี้ไม่ได้ปราศจากความเจ็บปวด แม้ว่างานของบรรดาบิชอปในท้องถิ่นจะได้รับการยอมรับเสมอมา แต่สาส์นแห่งความศักดิ์สิทธิ์ในโลกที่ไม่เคยคุ้นเคยในขณะนั้นของงานก็ต้องเผชิญกับความเข้าใจผิดและความสงสัยบางเรื่อง ซึ่งตัวนักบุญโฮเซมารีอาผู้ก่อตั้งได้อดทนและทำกิจเมตตามากมาย

ขณะประกอบพิธีมิสซาในปีค.ศ. 1943 นักบุญโฮเซมารีอาได้รับพระหรรษทานในการก่อตั้งองค์กร “สมาคมพระสงฆ์แห่งไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ (Priestly Society of the Holy Cross)” ซึ่งทำให้ฆราวาสบางส่วนของสถาบันโอปุส เดอีได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์ นี้เป็นการผนวกทั้งฆราวาสและพระสงฆ์เข้าไว้ในสถาบันโอปุส เดอีอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งทำให้การทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นในงานของอัครสาวกที่เป็นไปได้ ถือเป็นคุณลักษณะสำคัญของพระพรพิเศษพื้นฐานของสถาบันโอปุส เดอี ซึ่งพระศาสนจักรได้รับรองในการให้สถาบันโอปุส เดอีมีสถานะทางพระศาสนจักรกับบรรดาบิชอปของวัดต่างๆ เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณของบรรดาพระสงฆ์ของสังฆมณฑลกับสามเณร ยังดำเนินกิจกรรมต่างๆ พระสงฆ์ของสังฆมณฑลยังสามารถเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรสมาคมพระสงฆ์แห่งไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ได้ ในขณะเดียวกันก็ยังคงเป็นพระสงฆ์ประจำสังฆมณฑลของตนเองได้ด้วย

ด้วยการตระหนักว่า พระเจ้าทรงประสงค์ให้สถาบันโอปุส เดอีเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของพระศาสนจักรสากล ผู้ก่อตั้งจึงได้ย้ายไปยังกรุงโรม (Rome - Roma) ประเทศอิตาลี ในปีค.ศ. 1946 เพื่อใกล้ชิดกับนครรัฐวาติกัน ภายในปีค.ศ. 1950 งานของสถาบันโอปุส เดอีได้รับการรับรองจากพระสันตะปาปา ซึ่งยืนยันถึงคุณลักษณะพื้นฐานสำคัญ ได้แก่ การเผยแพร่สาส์นแห่งความศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตประจำวัน , การรับใช้พระสันตะปาปา , พระศาสนจักรสากล และพระศาสนจักรเฉพาะกลุ่ม ความเป็นฆราวาสและความเป็นธรรมชาติ การส่งเสริมเสรีภาพและความรับผิดชอบส่วนบุคคล และความหลากหลายที่สอดคล้องกับหลักคำสอนทางศีลธรรม , การเมือง และการสอนสังคมของพระศาสนจักรคาทอลิก

ตั้งแต่ปีค.ศ. 1948 เป็นต้นมา ผู้ที่สมรสสามารถเป็นสมาชิกเต็มตัวของ สถาบันโอปุส เดอีได้ ในปีค.ศ. 1950 สันตะสำนักได้รับรองแนวคิดที่จะยอมรับผู้ที่ไม่ใช่นิกายคาทอลิกหรือแม้แต่ผู้ที่ไม่ใช่คริสตชนให้เป็นผู้ร่วมงาน ซึ่งเป็นบุคคลที่ช่วยเหลือสถาบันโอปุส เดอี ในโครงการและโปรแกรมต่างๆของสถาบันโอปุส เดอี โดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ ทศวรรษต่อมา ได้มีการริเริ่มโครงการต่างๆมากมาย อย่างโรงเรียนวิชาชีพ , ศูนย์ฝึกอบรมด้านการเกษตร , มหาวิทยาลัย , โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา , โรงพยาบาลกับคลินิก และกิจกรรมริเริ่มอื่นๆ ซึ่งเปิดรับผู้คนทุกเชื้อชาติ , ศาสนา และภูมิหลังทางสังคม รวมถึงได้รับแรงบันดาลใจจากคริสตชนอย่างชัดเจน

ในช่วงสภาสังคายานาวาติกันครั้งที่สอง (Second Vatican Council) ช่วงปีค.ศ. 1962 - ค.ศ. 1965 นักบุญโฮเซมารีอาในฐานะมงซินญอร์ (Monsignor) ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับบรรดาพระสงฆ์หลายท่านในสภาสังคายานา โดยได้อภิปรายประเด็นสำคัญๆของสภาสังคายานา เช่น การเรียกร้องสากลสู่ความศักดิ์สิทธิ์ และความสำคัญของฆราวาสในพันธกิจของพระศาสนจักร ด้วยความสำนึกต่อคำสอนของสภาวาติกัน ท่านได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อนำคำสอนเหล่านั้นไปปฏิบัติในกิจกรรมต่างๆที่สถาบันโอปุส เดอีได้จัดไว้ทั่วโลก

ระหว่างปีค.ศ. 1970 ถึง ค.ศ. 1975 ผู้ก่อตั้งได้เดินทางไปสอนแบบถามตอบทั่วทวีปยุโรปและกลุ่มประเทศละตินอเมริกา ท่านได้พูดคุยกับผู้คนมากมาย บางครั้งก็ในที่ชุมนุมขนาดใหญ่ เกี่ยวกับความรักของพระเจ้า , ศีลศักดิ์สิทธิ์ , การอุทิศตนของคริสตชน และความจำเป็นในการทำให้ชีวิตการทำงานและครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ เมื่อตัวนักบุญโฮเซมารีอาผู้ก่อตั้งเสียชีวิต สถาบันโอปุส เดอีได้แพร่ขยายไปยัง 30 ประเทศใน 6 ทวีป ในปีค.ศ. 2002 มีสมาชิกมากกว่า 84,000 คนใน 60 ประเทศ

การเสียชีวิตของนักบุญโฮเซมารีอาในฐานะมงซินญอร์ ในกรุงโรมเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1975 ขณะที่ท่านมีอายุได้ 73 ปี บรรดาบิชอปและผู้คนที่มีใจศรัทธาจำนวนมากได้ยื่นคำร้องต่อวาติกันเพื่อเริ่มกระบวนการประกาศเป็นบุญราศีและประกาศเป็นนักบุญ

ท่านได้รับการประกาศเป็นบุญราศี (Blessed) เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1992 และได้รับการประกาศเป็นนักบุญ (Saint) เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2002 โดยนักบุญพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 (Saint Pope John Paul II) วันฉลองของท่าน คือ วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี

สักการสถานของท่าน คือ “วัดแม่พระแห่งสันติภาพ - วัดพรีลาติกแห่งสถาบันโอปุส เดอี (Our Lady of Peace - The Prelatic Church of Opus Dei / Santa Maria della Pace - Chiesa Prelatizia dell'Opus Dei)” ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี

+ Santa Maria della Pace - Chiesa Prelatizia dell'Opus Dei (Our Lady of Peace - The Prelatic Church of Opus Dei / Santa Maria della Pace - วัดแม่พระแห่งสันติภาพ - วัดพรีลาติกแห่งสถาบันโอปุส เดอี)
- Google Maps
https://maps.app.goo.gl/7hJ5YJNV6PW88raa7?g_st=ipc

- เว็บไซต์
https://opusdei.org/it/article/santa-ma ... lopus-dei/

+++

> เว็บไซต์ของสถาบันโอปุส เดอี (Opus Dei)
https://opusdei.org/en-us/

> เพจของสถาบันโอปุส เดอี (Opus Dei)
https://www.facebook.com/share/1JY4MCHH ... tid=wwXIfr

> IG ของสถาบันโอปุส เดอี (Opus Dei)
https://www.instagram.com/opusdei_en?ig ... lxand5eWZy

> X ของสถาบันโอปุส เดอี (Opus Dei)
@opusdeius
https://x.com/opusdeius?s=21

> YouTube ของสถาบันโอปุส เดอี (Opus Dei)
https://youtube.com/@prelatureofopusdei ... uFMxkur735

#คริสต์ #คาทอลิก #คริสต์ศรัทธา #ชีวประวัติ #นักบุญ #ประวัติศาสตร์ #นักบุญโฮเซมารีอาเอสคริวาเดบาลาเกอร์ #นักบุญโฮเซมารีอาเอสคริวา #นักบุญโฮเซมารีอา #สถาบันโอปุสเดอี #โอปุสเดอี #องค์กรสมาคมพระสงฆ์แห่งไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ #สมาคมพระสงฆ์แห่งไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ #งานของพระเจ้า #หนังสือ #catholic #SaintJosemariaEscrivaDeBalaguer #SaintJosemariaEscriva #SaintJosemaria #mystic #OpusDei #PriestlySocietyOfTheHolyCross #WorkOfGod #SanJosemaríaEscriváDeBalaguer #SanJosemaríaEscrivá #SanJosemaría

CR. : คริสต์ศรัทธา
https://www.facebook.com/share/p/17fYrN ... tid=wwXIfr