หน้า 1 จากทั้งหมด 1
"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 06, 2005 9:35 pm
โดย Rinichi
นานมาแล้วตอนเป็นเด็กผมได้เรียนคำสอน และเขาสอนว่าจงเชื่อ และให้เราท่องบทข้าพเจ้าเชื่อถึงพระเป็นเจ้า
แต่ในใจจริงลึกๆ ผมมีความสงสัยในพระเป็นเจ้าอยู่ตลอดเวลา จวบจนปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงไม่สามารถเชื่อได้อย่างสนิทใจ
เพื่อนผมที่เป็นคริสเตียนหลายคนเคยเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับความเชื่อ การอธิษฐานต่อพระเจ้า หรือแม้แต่การพบเจอกับพระเป็นเจ้า กระแสเรียก หรืออะไรต่อมิอะไรต่างๆนานา
แต่ผมก็ไม่เคยได้ยินเสียงเหล่านั้นเลย หรือพวกเขาเสแสร้ง?
บางครั้งผมก็คิดไปว่าผมอาจไม่เหมาะกับศาสนานี้หรือความเชื่อแบบนี้ แต่ผมก็ลองดูกับศาสนาอื่น ลัทธิความเชื่อแบบอื่นๆมากมาย แต่นั่นก็ไม่มีศาสนาใดเลยที่ผมเชื่อได้อย่างสนิทใจอยู่ดี
บางทีผมก็คิดไปว่าผมอาจมีระดับสติปัญญาที่ต่ำกว่าคนอื่น อาจไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง ที่เป็นจริงในความเชื่อนั้น หรืออาจเป็นลูกหลานปีศาจที่ขึ้นมาเพื่อทำลายความใว้ใจ ทำสังคมให้แตกแยก ทำลายความดีงามเพื่อล้างโลกใบนี้ก็ได้
แต่มันก็ไม่น่าจะใช่ เพราะผมชอบการเพาะปลูกมากกว่าการถากถาง
ผมไม่มีความสุขกับชีวิตเลย รู้สึกเหมือนคนรอบข้างรังเกียจและไม่ใว้ใจ โดนดูถูกจากสายตาญาติๆ ว่าเป็นคนไม่ศรัทธาในพระเจ้า ชอบมีลักษณะที่ต่อต้าน ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าผมมีลักษณะเช่นนั้นอย่างไรหรือเขาคิดไปเอง
จะให้ผมทำอย่างไรดี อะให้ผมแสร้งทำเป็นคนเชื่อถือศรัทธาหรือ? แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อจิตใจไม่ได้เชื่ออย่างสนิทใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะบังคับให้ผมเชื่อ ไม่เคยมีการสะกดจิตอันใดที่จะสะกดผมได้ แม้แต่การครอบงำทางความคิดด้านการทหาร เศรษศาสตร์ สื่อสารมวลชน กระบวนการทางลัทธิ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถครอบงำผมได้เลย
การที่คนเราจะเชื่ออะไรบางอย่างมันง่ายเหมือนพลิกฝ่ามืออย่างนั้นหรือ สำหรับผมมันยากมาก!! ทุกสิ่งที่ผมเชื่อผมจะคิดใตร่ตรองมันอย่างดี และเมื่อผมเชื่อแล้วมันจะศักดิ์สิทธิ์ มันไม่เคยเป็นสิ่งผิดเพี้ยนไปจากที่ผมเคยเชื่อเลยแม้แต่อย่างเดียว
ผมปรารถนาอย่างยิ่งว่าสักวันผมอาจจะมีความเชื่อต่อพระเป็นเจ้า ต่อศาสนาจักร เป็นความเชื่อที่ดีมีคุณค่าและศักดิ์สิทธิ์ในใจผมตลอดไป
ผมได้แต่มองดูเพื่อนๆคริสตังคนอื่นๆ แสดงลักษณะของผู้มีความเชื่อ อะไรๆก็ดูดีไปหมดเขาได้รับการชื่นชมจากคนทั่วไปชีวิตเขาสมบูรณ์และเหมือนกับว่าชีวิตเขามีสิริมงคลเพราะสิ่งนี้
ผมอยากเป็นแบบเขา แต่จะเริ่มยังไงดีล่ะ? จะให้ผมเริ่มเป็นคนเสแสร้งนับแต่นี้ไปหรือยังไงกันในเมื่อใจผมมันไม่สามารถเชื่อศาสนาจักรนี้ได้อย่างสนิทใจ
ผมอยากบอกว่า ผมอยากจะเชื่อ ผมอยากจะเชื่อ ผมอยากจะเชื่อ ผมอยากจะเชื่อ แต่ผมก็ไม่สามารถเชื่อ
ความเชื่อคืออะไร?
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 06, 2005 9:38 pm
โดย Jeab Agape
หนังสือ ฮีบรู บทที่ 11 เป็นบทแห่งความเชื่อ ฮะ
11:1 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
11:2 โดยความเชื่อนี้เองคนในสมัยก่อนก็ได้รับการรับรองจากพระเจ้า
11:3 โดยความเชื่อนี้เอง เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างกัลปจักรวาล ด้วยพระดำรัสของพระองค์ ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น
11:4 เพราะอาแบลมีความเชื่อ จึงได้นำเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าของคาอินมาถวายแด่พระเจ้า ซึ่งทำให้ท่านได้รับการรับรองว่าเป็นคนชอบธรรม พระเจ้าก็ได้ทรงยืนยันโดยการทรงรับของถวายของท่าน แม้ว่าอาแบลตายไปแล้วก็จริง แต่เพราะท่านมีความเชื่อ ท่านจึงยังคงพูดอยู่
11:5 เพราะเอโนคมีความเชื่อ ฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงรับท่านขึ้นไป เพื่อไม่ให้ท่านประสบกับความตาย ไม่มีผู้ใดพบท่าน เพราะพระเจ้าทรงรับท่านไปแล้ว ก่อนที่ทรงรับท่านขึ้นไปนั้น มีผู้เป็นพยานว่าท่านเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า
11:6 แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าก็ไม่ได้เลย เพราะว่าผู้ที่จะมาเฝ้าพระเจ้าได้นั้น ต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่แสวงหาพระองค์
11:7 เพราะโนอาห์มีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงเตือนให้รู้ถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่ปรากฏ ท่านจึงยำเกรงและต่อเรือใหญ่ เพื่อช่วยครอบครัวของตนให้รอดพ้นจากความตาย และด้วยเหตุนี้เองท่านจึงได้ติเตียนชาวโลก และได้เป็นทายาทแห่งความชอบธรรม ซึ่งบังเกิดมาจากความเชื่อ
11:8 เพราะอับราฮัมมีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้ท่านออกเดินทาง ไปยังที่ซึ่งท่านจะรับเป็นมรดก ท่านได้เชื่อฟังและได้เดินทางออกไปโดยหารู้ไม่ว่าจะไปทางไหน
11:9 เพราะความเชื่อของท่าน ท่านได้พำนักในแผ่นดินซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาไว้นั้น คือได้พำนักในเต็นท์เป็นคนต่างด้าว ดังอิสอัคและยาโคบซึ่งเป็นทายาทด้วยกัน ตามพระสัญญาอันเดียวกันนั้น
11:10 ท่านได้เฝ้ารอคอยนครที่ตั้งบนรากฐาน ซึ่งพระเจ้าทรงเป็นนายช่างและทรงเป็นผู้สร้าง
11:11 เพราะนางซาราห์มีความเชื่อ นางจึงได้รับพลังตั้งครรภ์เมื่อชรามากแล้ว เพราะนางถือว่าพระองค์ผู้ได้ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงเป็นผู้สัตย์ซื่อ
11:12 เหตุฉะนั้นจากชายคนเดียวซึ่งเกือบจะกล่าวได้ว่า เป็นเสมือนคนที่ตายแล้วนั้น ก็ได้ทำให้มีผู้สืบเชื้อสายเกิดมามากมายดังดวงดาวในท้องฟ้า และเป็นดังเม็ดทรายอันนับไม่ถ้วน ที่ฝั่งทะเล
11:13 คนเหล่านั้นได้ตายไปขณะที่มีความเชื่อเต็มที่ และไม่ได้รับสิ่งที่ได้ทรงสัญญาไว้ แต่เขาก็ได้เห็นและได้เตรียมรับไว้ตั้งแต่ไกล และรู้ดีว่าเขาเป็นคนแปลกถิ่นที่ท่องเที่ยวไปในโลก
11:14 เพราะคนที่พูดอย่างนี้ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า เขากำลังแสวงหาเมืองที่จะได้เป็นของเขา
11:15 ถ้าเขาคิดถึงบ้านเมืองที่เขาจากมานั้น เขาก็คงจะมีโอกาสกลับไปได้
11:16 แต่ความจริงเขาปรารถนาที่จะอยู่ในเมืองที่ประเสริฐกว่านั้น คือเมืองสวรรค์ เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงมิได้ทรงละอาย เมื่อเขาเรียกพระองค์ว่าเป็นพระเจ้าของเขา เพราะพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมเมืองหนึ่งไว้สำหรับเขาแล้ว
11:17 เพราะอับราฮัมมีความเชื่อฉะนั้นเมื่อท่านถูกลองใจ ท่านจึงได้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา และท่านซึ่งเป็นผู้ได้รับพระสัญญา ก็ได้พร้อมแล้วที่จะถวายบุตรคนเดียวของท่าน
11:18 คือบุตรที่มีพระดำรัสไว้ว่า เขาจะสืบเชื้อสายของเจ้าทางอิสอัค
11:19 ท่านเชื่อว่าพระเจ้าทรงฤทธิ์สามารถชุบคนตายให้ฟื้นได้ ฉะนั้นกล่าวโดยอุปมาได้ว่าท่านได้รับบุตรกลับคืนมา
11:20 เพราะอิสอัคมีความเชื่อ จึงได้ขอพรให้แก่ยาโคบและเอซาว สำหรับเหตุการณ์ซึ่งจะเกิดขึ้นในภายหน้า
11:21 เพราะยาโคบมีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อจะตายจึงได้อวยพรแก่บุตรทั้งสองของโยเซฟ และ ได้นมัสการพระเจ้า เหนือหัวไม้เท้าของท่าน
11:22 เพราะโยเซฟมีความเชื่อเมื่อกำลังจะตาย จึงได้กล่าวถึงการอพยพของชาวอิสราเอล และสั่งเรื่องกระดูกของท่าน
11:23 เพราะความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อโมเสสเกิดมา บิดามารดาจึงได้ซ่อนท่านไว้ถึงสามเดือน เพราะเห็นว่าท่านเป็นเด็กรูปงาม และบิดามารดาของท่านไม่ได้กลัวคำสั่งของกษัตริย์เลย
11:24 เพราะความเชื่อ เมื่อโมเสสโตแล้วท่านไม่ยอมให้ใครเรียกท่านว่า เป็นบุตรของธิดากษัตริย์ฟาโรห์
11:25 ท่านเลือกการร่วมทุกข์กับชนชาติของพระเจ้าแทนการเริงสำราญในความชั่ว
11:26 ท่านถือว่าการอดทนต่อความอัปยศเพื่อพระคริสต์ ประเสริฐกว่าสมบัติของประเทศอียิปต์ เพราะท่านหวังบำเหน็จที่จะได้รับนั้น
11:27 เพราะความเชื่อ ท่านได้ออกจากประเทศอียิปต์ โดยมิได้เกรงกลัวความกริ้วของกษัตริย์ เพราะท่านมั่นใจประหนึ่งได้เห็นพระองค์ผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา
11:28 เพราะความเชื่อ ท่านได้ถือเทศกาลปัสกาและพิธีประพรมเลือด เพื่อไม่ให้องค์เพชฌฆาตผู้ประหารบุตรหัวปีมาถูกต้องพวกอิสราเอลได้
11:29 เพราะความเชื่อ พวกอิสราเอลจึงเดินข้ามทะเลแดงเหมือนกับว่าเดินบนดินแห้ง แต่เมื่อพวกอียิปต์ได้ลองเดินข้ามดูบ้างก็จมน้ำตายหมด
11:30 เพราะความเชื่อ เมื่อพวกอิสราเอลล้อมกำแพงเมืองเยรีโคไว้ถึงเจ็ดวันแล้วกำแพงเมืองก็พังลง
11:31 เพราะความเชื่อ ราหับหญิงแพศยาจึงมิได้พินาศไปพร้อมกับคนเหล่านั้นที่มิได้เชื่อ เพราะนางได้ต้อนรับคนสอดแนมเป็นอย่างดี
11:32 และข้าพเจ้าจะกล่าวอะไรต่อไปอีกเล่า เพราะไม่มีเวลาพอที่จะกล่าวถึง กิเดโอน บาราค แซมสัน เยฟธาห์ ดาวิด และซามูเอล และผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย
11:33 เพราะความเชื่อท่านเหล่านั้นจึงได้มีชัยเหนือดินแดนต่างๆได้ตั้งระบบความยุติธรรม ได้รับผลของพระสัญญา ได้ปิดปากสิงห์
11:34 ได้ดับไฟที่ไหม้อย่างรุนแรง ได้พ้นจากคมดาบ ความอ่อนแอของท่านก็กลับเป็นความเข้มแข็ง มีกำลังความสามารถในการทำสงคราม ได้ตีกองทัพประเทศอื่นๆแตกพ่ายไป
11:35 พวกผู้หญิงก็ได้รับคนพวกของนางที่กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีก บางคนก็ถูกทรมาน แต่ก็ไม่ยอมรับการปลดปล่อย เพื่อเขาจะได้กลับมีชีวิตที่ดีกว่านั้นอีก
11:36 บางคนต้องทนต่อคำเยาะเย้ยและการถูกโบยตี และยังถูกล่ามโซ่และถูกขังคุกด้วย
11:37 บางคนก็ถูกขว้างด้วยก้อนหิน บางคนก็ถูกเลื่อยเป็นท่อนๆ {สำเนาต้นฉบับบางฉบับเพิ่มว่า บางคนถูกทดลอง} บางคนก็ถูกฆ่าด้วยคมดาบ บางคนก็นุ่งห่มหนังแกะหนังแพะพเนจรไป สิ้นเนื้อประดาตัว ตกระกำลำบากและถูกเคี่ยวเข็ญ
11:38 (แผ่นดินโลกไม่สมกับคนเช่นนั้นเลย) เขาพเนจรไปในถิ่นทุรกันดาร และตามภูเขาและอยู่ตามถ้ำและตามโพรง
11:39 คนเหล่านั้นทุกคนมีชื่อเสียงดีเพราะความเชื่อของเขา แต่เขาก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้
11:40 เพราะพระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งซึ่งประเสริฐยิ่งกว่านั้นไว้สำหรับเขา เพื่อเขาทั้งหลายจะได้รับความสมบูรณ์ด้วยกันกับเราเท่านั้น
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 06, 2005 9:43 pm
โดย Jeab Agape
ขออภัยคุณพี่เจ้าของกระทู้ น้องเจี๊ยบต้องเข้านอนแล้วล่ะ
อยากแนะนำให้ พี่อ่านหนังสือ พวกเสริมศรัทธา เพื่อจะได้เพิ่มความเชื่อด้วยฮะ
พวกเราคริสเตียน ( เจี๊ยบ พี่พีพี เป็นคริสเตียน ) เราเน้นเรื่องการสามัคคีธรรม
ระหว่างพี่น้อง คริสตชน เพื่อเพิ่มเติมความเชื่อ ฮะ
พี่เป็นคริสตัง อยากแนะนำให้อ่านหนังสือ เล่มหนึ่ง คือ "ทางจาริกของคนจร"
จะเพิ่มเติมความเชื่อได้มากทีเดียว แหละ "บทข้าพเจ้าเชื่อ" ที่ สวดภาวนานั้น จะทำให้พี่ซาบซึ้งได้
สันติสุข จงมีแด่คุณพี่จ้า
ปล.หนังสือเล่มนี้ ขายที่ศูนย์สื่อพระมหาไถ่ ฮะ
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 06, 2005 9:46 pm
โดย Batholomew
ขึ้นชื่อว่า "ความเชื่อ" ครับ คือ เราต้องเชื่อครับ
เชื่อแบบเด็ก ๆ ที่เชื่อ โดยไม่มีความสงสัยอะไรครับ
อย่างเช่นถ้าเราบอกว่าเชื่อพระเป็นเจ้า เพราะพระองค์เป็นพระเจ้า ก็คือเชื่อครับ
ไม่ต้องสงสัยหรือหาเหตุผลอื่นใดมาขัดแย้งครับ
เช่น พระเจ้ามีจริงมั๊ย? ทำไมต้องเชื่อพระเจ้า?
เพราะเมื่อใดก็ตามที่เกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นในใจ เท่ากับว่าคุณกำลังสงสัยครับ
ไม่จำเป็นหรอกครับที่ต้องหวังพึ่งอัศจรรย์ใด ๆ
เพราะตราบใดที่คุณไม่เชื่อ มันก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
ความเชื่อเท่านั้นครับ ที่ทำให้ชีวิตเราแต่วัน ทุกวินาทีมีคุณค่า
เพราะว่าคุณมีพระองค์และพระแม่อยู่ในใจ
อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นก็คือ
สันติสุขที่มีอยู่ในใจอย่างท่วมท้นครับ
แต่ถ้าคุณไม่เชื่อหรือกำลังขาดความเชื่อ
ผมแนะนำให้คุณหมั่นสวดภาวนาครับ
สวดขอแม่พระว่าอย่าให้คุณขาดความเชื่อในพระเจ้าเลย
สักวินาทีเดียวครับ
มก 9/23
พระเยซูเจ้าตรัสว่า "ถ้าสามารถน่ะหรือ ทุกสิ่งสามารถเป็นไปได้ทั้งนั้นสำหรับผู้มีความเชื่อ"
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 06, 2005 11:53 pm
โดย Rinichi
ผมคิดว่าในสิ่งที่เราเชื่อในสิ่งที่เรายังไม่ประจักษ์ มันเกิดจากการที่เราใว้ใจคนที่บอกให้เราเชื่อ ซึ่งคนที่เราจะใว้ใจนั่นคือคนจริง คนที่จริงจัง ไม่เคยหลอกลวง ไม่มีทีท่าว่าจะหลอกลวง ไม่ทำผิดพลาด หรืออาจจะต้องเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ เป็นคนดี เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือ แม้กระทั่งอาจจะต้องเป็นศาสดามาเองเลยที่จะทำให้ เชื่อได้อย่างสนิทใจ
ผมคิดว่าถ้าผมจะเชื่อพระเจ้าได้ ในความหมายอื่นที่พิเศษกว่าคนทั่วไป และผมก็กำลังค้นหาความหมายอันนั้นอยู่
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 06, 2005 11:59 pm
โดย Peter_Man
สันติสุขจงสถิตอยู่กับท่าน
-เราทุกคนต้องมีพ่อแม่ใช่ไครับ
-คุณรักพ่อแม่คุณใช่ไม๊ครับ
-ให้คุณลองนึกตามนะครับ
-ถ้าคุณเป็นเด็ก
-แล้วคุณอยู่บนตึก 3 ชั้นที่เกิดเพลิงไหม้
-ปรากฎว่าไม่มีใครอยู่กับคุณเลยบนตึกนั้นเลย
-คุณได้ยินเสียงชายหญิงคู่หนึ่ง
-นั่นคือเสียงพ่อแม่ของคุณเอง
-แต่เมื่อคุณมองลงไปด้านล่าง
-คุณเจอกับควันไฟมากมายไม่สามารถที่จะเห็นด้านล่างได้
-เสียงนั้นบอกคุณว่า
-กระโดดลูกกระโดดลงมา
-คำถาม//////
-คุณจะกระโดดลงไปไหม
/ /
//
/
//
//
-ถ้าคุณกระโดด
-เป็นเพราะอะไร
-ใช่ความเชื่อมั่นในพ่อแม่รึเปล่า
-เช่นเดียวกันกับเราคริสต์
-ที่เชื่อแบบไม่ต้องสงสัยว่าด้านล่างมีใครอยู่รอรับรึเปล่า
-เพียงแด้ยินเสียง
-ฉัน/เธอก็จะกระโดลงไป
จงสรรเสริญพระมหาเยซูคริสโต+++++++ชั่วนิรันดรอาแมน
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 07, 2005 12:06 am
โดย Hoo
ปัญหา ที่เจ้าของกระทู้ประสบ
บางทีอาจจะเป็นเพราะ
มีมโนภาพของพระเจ้าในแบบที่ตัวเองเข้าใจเอง
ทำให้ เกิดความขัดแย้งในความคิด
ผมนิยมที่จะมองปัญหานี้ในเชิงจำนวนจินตภาพในคณิตศาสตร์
การที่เราเคยชินกับระบบจำนวนจริง
-1 x -1 ได้ +1
1 x 1 ก็ได้ +1
ไม่ว่าอย่างไร ก็ไม่มีวันที่จะมีเลขอะไร คูณ ตัวมันเองแล้วได้ -1
แต่จำนวนจินตภาพ...เป็น
ถ้าเราคิด 2 ประโยคนี้พร้อมกันในสมอง
-เลขนึง คูณตัวมันเอง จะได้จำนวน +
-เลขนึง คูณตัวมันเอง จะได้จำนวน -
เลขนึง นั้นคือ เลขเดียวกัน
หรือ ไม่ใช่เลขเดียวกัน?
แต่มาใช้คำว่า "เลขนึง" เหมือนกัน
ใช้คำว่า "พระเจ้า" เหมือนกัน
จนเราสับสน?
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 07, 2005 12:15 am
โดย Batholomew
Rinichi เขียน:
ผมคิดว่าในสิ่งที่เราเชื่อในสิ่งที่เรายังไม่ประจักษ์ มันเกิดจากการที่เราใว้ใจคนที่บอกให้เราเชื่อ ซึ่งคนที่เราจะใว้ใจนั่นคือคนจริง คนที่จริงจัง ไม่เคยหลอกลวง ไม่มีทีท่าว่าจะหลอกลวง ไม่ทำผิดพลาด หรืออาจจะต้องเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ เป็นคนดี เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือ แม้กระทั่งอาจจะต้องเป็นศาสดามาเองเลยที่จะทำให้ เชื่อได้อย่างสนิทใจ
ผมคิดว่าถ้าผมจะเชื่อพระเจ้าได้ ในความหมายอื่นที่พิเศษกว่าคนทั่วไป และผมก็กำลังค้นหาความหมายอันนั้นอยู่
จริงอยู่ครับ ที่เราเชื่อ เพราะว่ามีคนที่จริงจัง จริงใจ บอกให้เราเชื่อครับ
แต่ผมคิดว่า ความเชื่อต่าง ๆ เหล่านั้น จะต้องงอกงามขึ้นและมั่นคงขึ้น นั่นมาจากตัวของเราเองครับ
ถ้าเราไม่เชื่อซะอย่าง ต่อให้พระเยซูเจ้าทรงตรัสบอกด้วยพระองค์เอง ก็ไม่เชื่อ จริงมั๊ยครับ
นั่นหมายความว่า คุณต้องมีความเชื่อที่มั่นคง
การสวดภาวนา เพื่อขอความเข้มแข็งในความเชื่อ ก็จะช่วยคุณได้ครับ
สวดภาวนาบ่อย ๆ
คุณจะสามารถเข้มแข็งขึ้นได้ครับ
ไม่จำเป็นนี่ครับ ที่เราจะต้องเชื่อเฉพาะสิ่งที่เราเห็นเสมอ
แล้วก็ไม่จำเป็นนี่ครับ ที่สิ่งที่เรามองไม่เห็น ก็ไม่ได้แปลว่าไม่มี
อย่างไรก็ตามนะครับ
การคิดว่าจะเชื่อพระเจ้าได้ ในความหมายอื่นที่พิเศษกว่าคนทั่วไป และกำลังค้นหาความหมายอันนั้นอยู่
นั่นคือสิ่งที่คุณต้องค้นหาจากตัวของคุณเองครับ
ต่อให้คุณค้นหาคำตอบจากอินเตอร์เนทหรือที่ต่าง ๆ
แต่ตัวของคุณเองยังปิดใจไม่ยอมรับ
บอกกับตัวเองว่า "ผมเสแสร้ง"
ก็เท่านั้นครับ
หวังว่าคุณจะสามารถหาคำตอบนั้น ๆ ได้ด้วยตัวคุณเองครับ
พระองค์ก็กำลังรอคุณที่จะกลับมาเชื่อพระองค์อย่างบริสุทธิ์ใจอยู่นะครับ
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 07, 2005 12:33 am
โดย ~@Little lamb@~
วู๊ ตอบกันยาวเยียดแล้ว
ขอสรุปง่าย ๆ ตอบประสาพี่LL นะจ๊ะ
เวลาเชื่อน่ะ เราอย่าช่างสงสัยมาก
หลาย ๆ ครั้ง คนที่ไม่เชื่อพระเจ้าเพราะกลัว
กลัวคนหาว่างมงาย กลัวดูโง่
ความเชื่อไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลมากหรอกคะ
สิ่งที่อธิบายไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าไม่จริง
ศาสนาไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ไม่ต้องพิสูจน์ให้รู้ทุกเรื่องเพื่อที่จะเชื่อ
เรื่องบางเรื่องไม่รู้ก็เชื่อได้จ๊า~~~
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 07, 2005 12:34 am
โดย พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
ลองดูต่อไปครับ.. แต่ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า
"ผู้ที่แสวงหาพระองค์ ไม่เคยถูกพระองค์ทอดทิ้ง"ครับ ;D
ลองดูนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้เสมอ :D
มธ 7:7-11
จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 07, 2005 9:52 am
โดย KaL 's Z
สำหรับเฟื่องนะคะ เฟื่องคงตอบ ไม่ได้แบบพวกพี่ๆเค้า
คงได้แต่บอกว่า ลองไปดู The Polar Express ดูค่ะ
น่าจะดีพอ สำหรับความเชื่อนะ
ถ้าเชื่อแล้วอย่าสงสัย ค่ะ
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 07, 2005 10:17 am
โดย อันตน
ลองอ่านบุญลาภ 8 ประการดูสิครับ บางทีอาจจะให้ได้เห็นความเชื่อขึ้นมามั่งก็ได้ กระแสเรียกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเป็นผู้ต่อต้านมาก่อนก็ยังกลับใจได้ บางคนทิ้งพระไปแล้วแต่ก็กลับมาเชื่ออีกก็มี บางคนแสวงหาจนเจอ บางทีทีคุณขวนขวายอยู่อาจจะเป็นกระแสเรียกก็ได้
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 07, 2005 11:46 am
โดย จอมนางกระบี่เดี่ยว
สงสัยอะไร ก็ค้นหาอย่างนั้น แสวงหา พร้อมกับเปิดใจให้กว้าง หนังสือมีเยอะแยะมากมาย คุนค่อย ๆ หาอ่านดูสิคะ หรือจะใช้วิธีพูดคุยก็ได้ สงบใจ ใจเย็น ๆ แล้วเดี๋ยวก็จะค้นพบเองแหละ
นั่งนิ่ง ๆ สงบจิตใจ ค้นหาสิ่งที่เป็นคำถามในใจ แล้วตั้งไว้ทีละคำถาม ค่อย ๆ หาทีละคำตอบ อย่างพินิจพิจารณาด้วยใจกว้างนะคะ และซื่อสัตย์กับใจตัวเองด้วย
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 07, 2005 1:32 pm
โดย Divine Mercy
~@Little lamb@~ เขียน:
วู๊ ตอบกันยาวเยียดแล้ว
ขอสรุปง่าย ๆ ตอบประสาพี่LL นะจ๊ะ
เวลาเชื่อน่ะ เราอย่าช่างสงสัยมาก
หลาย ๆ ครั้ง คนที่ไม่เชื่อพระเจ้าเพราะกลัว
กลัวคนหาว่างมงาย กลัวดูโง่
ความเชื่อไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลมากหรอกคะ
สิ่งที่อธิบายไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าไม่จริง
ศาสนาไม่ใช่วิทยาศาสตร์ ไม่ต้องพิสูจน์ให้รู้ทุกเรื่องเพื่อที่จะเชื่อ
เรื่องบางเรื่องไม่รู้ก็เชื่อได้จ๊า~~~
คำตอบนี้ โอเคมากครับ *no1 *kis *no1
จุดเริ่มต้นของความเชื่อ คือการยอมละทิ้งตัวตน ยอมรับและยอมจำนนต่อพระเป็นเจ้า
พร้อมกับเปิดใจเชิญพระองค์เข้าครอบครองและแสวงหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อความเชื่อ
อาทิเช่น การสวดภาวนา ร่วมกิจศรัทธา อ่านหนังสือศรัทธา ปฏิบัติศาสนกิจอย่างสม่ำเสมอ
หากคุณขาดสิ่งเหล่านี้ หรือมีน้อยไปความเชื่อของคุณก็ไม่สามารถพัฒนาและเติบโตขึ้นได้
และต้องระวังความสงสัยในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพระเป็นเจ้า เพราะเป็น
อุปสรรคที่สำคัญของความเชื่อ
นักบุญหลายองค์เตือนกว่า " ความสงสัยเป็นเครื่องบั่นทอนและเป็นอุปสรรคต่อชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ"
และ "ผู้ที่เชื่อโดยปราศจากความสงสัยย่อมเป็นที่พอพระทัยของพระผู้เป็นเจ้า"
เหตุผลที่บรรดานักบุญเตือนในเรื่องความสงสัย ก็เนื่องจากเรามนุษย์เป็นเพียงความเล็กน้อย
และเต็มด้วยบาป ส่วนพระเป็นเจ้าพระองค์เป็นความยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราจะเข้าใจและกำหนดได้
สิ่งใดที่พระองค์ทรงปรารถนาให้เราเข้าใจ นั่นคือพระพรของพระองค์ที่ประทานให้เรา
และในบางเรื่องพระองค์จะทรงเผยแสดงเองโดยที่เราไม่จำเป็นต้องค้นหา
เพราะ
ทุกสิ่งอยู่ที่น้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 08, 2005 6:43 pm
โดย kyrie
พระเจ้าไม่เคยหนีหน้าจากผู้ที่แสวงหาพระองค์
สิ่งที่จะแนะนำคุณให้ขณะนี้คือ สวดภาวนาต่อพระองค์ด้วยความอดทนนะคะ
ทูลขอพระองค์ให้ทรงเปิดใจของคุณให้เรียนรู้ที่จะรักและเชื่อพระองค์จริงๆ นะคะ
พระไม่ทอดทิ้งหรอกคะ
ป.ล. ลองสวดขอผ่านทางแม่พระดู ( ถ้าคุณเป็นคาทอลิก)
;D ;D ;D
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 08, 2005 8:13 pm
โดย Junior Boy
ลองสวดภาวนาบ่อยๆสิครับ
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 08, 2005 9:33 pm
โดย Buddy
ลองถามตัวเองดูว่า ทำไมไม่เชื่อ จากนั้นก็ค่อยๆ ค้นดู อาจมีบางอย่างติดค้างลึกๆในใจ :)
ไม่อยากให้ อยากเชื่อเพราะ ที่บ้านจะได้มองว่าเราดี แต่อยากให้ออกมาจากข้างในนะคะ แล้วจะมีความสุข :)
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 08, 2005 9:34 pm
โดย Zion
ทุกคนมีแน่นอน ครับ เพียงแต่จะเห็นหรือไม่
เพราะ รากเหง้าของความเชื่อทุกคนนั้น
พระเจ้าทรงเป็นผู้หว่านเอง
ขอพระองคืทรงเบิกตาใจของคุณนะ
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 11, 2005 2:22 pm
โดย internazionale7
อย่าไว้ใจตัวเองเลยครับ ให้เราไว้ใจในพระองค์ครับ
สมมุติว่าพรุ่งนี้คุณมีธุระที่สำคัญมากต้องตื่นตอนเช้ามาก ขอพระให้ปลุกครับ ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกเลยครับ ไม่ต้องบอกเวลาพระองค์ก็ได้ครับ เพราะว่าพระองค์รู้อยู่แล้ว
นี่เป็นแค่อัศจรรย์ขั้นพื้นฐานเท่านั้นครับ
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 13, 2005 11:28 am
โดย oata_kung
คนที่ไม่ได้ประสบกับตัวเองก็พูดง่ายทั้งนั้นแหละ
น้อยคนจะสามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างจริงๆจังๆ
เพราะขนาดตัวคนที่ประสพกับปัญหาเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลย
ชีวิตฝ่ายจิตผมว่ามันก็เหมือนกับต้นไม้ที่ต่างก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่
เสมอๆจากผู้เป็นเจ้าของ ต้นไม้ต้องการน้ำขณะที่ชีวิตจิตต้องการอะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้
ผมก็เลยมีความรู้สึกเหมือนท่านเจ้าของกระทู้ ผมไม่แน่ใจว่าคำตอบของพี่น้องจะก่อประโยชน์ใดๆต่อท่าน
เจ้าของกระทู้หรือไม่แต่สำหรับผมเชื่อว่า ไม่มากนัก
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 13, 2005 1:12 pm
โดย Jeab Agape
oata_kung เขียน:
คนที่ไม่ได้ประสบกับตัวเองก็พูดง่ายทั้งนั้นแหละ
น้อยคนจะสามารถเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างจริงๆจังๆ
เพราะขนาดตัวคนที่ประสพกับปัญหาเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลย
ชีวิตฝ่ายจิตผมว่ามันก็เหมือนกับต้นไม้ที่ต่างก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่
เสมอๆจากผู้เป็นเจ้าของ ต้นไม้ต้องการน้ำขณะที่ชีวิตจิตต้องการอะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้
ผมก็เลยมีความรู้สึกเหมือนท่านเจ้าของกระทู้ ผมไม่แน่ใจว่าคำตอบของพี่น้องจะก่อประโยชน์ใดๆต่อท่าน
เจ้าของกระทู้หรือไม่แต่สำหรับผมเชื่อว่า ไม่มากนัก
โห เฮีย มาถึงฟันธงอย่างนี้เลยเหรอ เขาถามเพื่อนก็ตอบ ถ้าไม่ตอบก็แล้งน้ำใจ
เราคิดอย่างนี้ฮะ เฮีบโอตะคุง พระเจ้าตรัสกับเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน
บางคนพระตรัสผ่าน เพื่อนฝูง บางคนผ่านพระวาจา บางคนผ่านมิสซา บางคนผ่านคำแนะนำ
บางคน ก็หลายๆอย่างผสมกัน 8) ???
Re:"BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 13, 2005 3:36 pm
โดย :+: seraphim :+:
;D ;D เห็นด้วยกับน้องเจี๊ยบนะจ๊ะ เพราะเพื่อนพี่ที่เป็นคุณพ่อก็เคยพูดแบบน้องเจี๊ยบนี่แหละ บางทีเราอาจจะไม่ได้ยินเสียงของพระองค์โดยตรง เพราะเราอาจจะยังไม่สงบ แต่พระองค์อาจจะตรัสผ่านใครบางคน หรืออะไรก็ตามเพื่อเราก็ได้จ๊ะ
Re: "BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 26, 2008 9:56 am
โดย isaya
อ่านหลาย ๆ คำตอบ แล้วยังไม่มีตรงใจ แต่มีหลายคำตอบที่ชอบมากกก
คิดว่าความเชื่อ เป็นเรื่องระหว่างคุณกับพระเจ้า หากคุณอยากเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า
ลองเรียกหาพระองค์ เรียนรู้จากพระองค์ ทำความรู้จักกับพระองค์ ไม่ใช่เรียนแบบเรียนหนังสือ
แต่เป็นการรู้จักเฉพาะตัว คิดว่าคุณเข้าใกล้ พระองค์มากขึ้นแล้ว เพราะพระคัมภรีบอกไว้ว่า
"จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน" พระคัมภรีเป็นพระวจนะคำของพระเจ้า
และพระองค์ทรงสัตย์ซื่อ ทุกสี่งที่คุณขอในนามพระเยซูด้วยความเชื่อ คุณก็จะได้รับ ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน
และความเชื่อของคุณจะทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อคุณเข้ามาอยู่ในครอบครัวของพระองค์อย่างแท้จริง
อย่างที่ บางท่านบอกว่า ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งรักพระองค์
ก่อนอื่นเลย เมื่อคุณทำความรู้จักกับพระองค์แล้ว สิ่งที่ควรตระหนักที่สุด คือ ความรัก ที่พระองค์
ทรงประทานให้เราก่อน ที่บนกางเขนนั้น พระองค์ยอมสละพระองค์เอง เพี่อชำระความบาปผิดที่เรากระทำ
พระองค์ผู้ไม่ทรงมีความบาปเลย แต่ต้องยอมถูกตรึง เพียงเพื่อทำให้คนที่พระองค์ทรงรักกลายเป็นคนบริสุทธิ์
ปราศจากบาป
เข้าใจความรู้สึกของคุณมากเลยค่ะ เพราะเคยเรียนพระคัมภีร์กับ มาเซอร์ และท่านก็บอกว่าเราต้องเชื่อ
แต่เราเป็นเด็กดื้อ ก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อได้อย่างไร จนในที่สุด ได้พบข่าวประเสริฐ คือ บนกางเขนนั้นพระองค์ทรงถูกตรึง
และพระโลหิตไหลออกเพื่อชำระบาปให้กับเราทุกคน หลังจากนั้น สามวันพระองค์ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย
และทุกวันนี้พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ เราสามารถพูดคุยกับพระองค์ได้ตลอดเวลา(อธิษฐาน วิงวอน อ้อนวอน ทูลขอฯลฯ)
และใครก็ตามที่เชื่อด้วยใจและรับด้วยปาก ว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
ก็จะได้รับความรอดจากบาป (ไม่ใช่รับเพราะต้องพูดตาม หรือรับเพราะ พ่อ แม่ให้รับ หรือถึงเวลาต้องรับ ต้องเชื่อ)
แต่ต้องยินดีต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดด้วยตัวคุณเอง ด้วยปาก ด้วยใจ ของคุณเอง
เชื่อว่าขณะนี้ญาติพี่น้องและคนที่รักคุณคงกำลังอธิษฐานทูลต่อพระองค์ ในเรื่องของคุณ และแน่นอนพระองค์ทรงฟังคำอธิษฐานของท่านเหล่านั้น
คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรม มีพลังทำให้เกิดผล
ขอพระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย และทรงประทานสัมผัสพิเศษที่คุณจะสามารถรับรู้ได้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ในพระนามพระเยซูคริสต์ เอเมน
ด้วยความรัก ในพระเยซูคริสต์
Re: "BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 08, 2008 12:41 am
โดย Like a Heaven
จริงๆการจะเชื่ออะไรสักอย่างมันไม่ได้ยากเลยนะครับ
มันอยู่ที่เรา...จะทำให้มันยากเองรึเปล่าต่างหากล่ะครับ
สมมตินะครับ วันนี้คุณนั่งรถเมล์มาทำงาน
ผมถามนิดนึงว่า...ทำไมนั่งรถเมล์ล่ะครับ? ไม่กลัวว่าคนขับจะเมายาบ้าแล้วขับไปชนเหรอครับ? หรือไม่กลัวว่าเบรกจะแตกระหว่างทางแหกโค้งไปชนป้ายรถเมล์เหรอครับ?
ง่ายๆเลยนะครับ...ก็คุณ "เชื่อ" ว่าคนขับจะไม่เมายาบ้า หรือ รถจะไม่เบรกแตกไงล่ะครับ
ง่ายเนอะ... อิๆ
เชื่อพระเจ้าง่ายกว่าเชื่อรถเมล์ไม่เมายาบ้าอีกครับ

Re: "BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 08, 2008 3:17 pm
โดย KuRapiKa
แวะมาอ่านครับผม
ได้ความรู้เยอะดี

Re: "BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 08, 2008 7:40 pm
โดย กรอกสมบูรณ์
วันหนึ่งของเดือนกันยายน 2551 ที่ผ่านมา .. หลังจากที่พาลูกๆ สวดพร้อมกันทั้งครอบครัว(4คน)แล้ว ดิฉันก็ให้ลูกทั้ง2ไปนอนที่ห้องของเขาแล้วดิฉันก็เดินตามไปทีหลัง เพื่อดูแลพวกเขาตามปรกติก่อนนอนเป็นประจำทุกวัน ที่หัวเตียงของลูกๆ ดิฉันจะวางพระคัมภีร์ไว้เสมอ บางครั้งบางคราวก็จะเล่นเกมส์เสี่ยงทางเปิดพระคัมภีร์อ่านกัน
ก็เลยหยิบพระคัมภีร์มาอ่านเองคนเดียวเพราะเด็กๆง่วงมากไม่เล่นด้วยแล้ว พอสวดบทเชิญเสด็จมาพระจิตเจ้าข้า..จบ ก็เปิดพระคัมภีร์อ่านเงียบๆ เป็นโชคดีของชีวิตที่ได้รับพระพรของพระ ได้มีโอกาสสัมผัสพระพรอันยิ่งใหญ่ จากพระคัมภีร์บทที่อ่านนั้น(จำไม่ได้ว่าบทอะไรต้องไปเปิดดูก่อนแล้วจะมาบอก)
ดิฉันสัมผัสได้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ ที่ในชีวิตนี้จะไม่มีวันหาพบได้เลยไม่ว่าจะในมนุษย์คนไหน ความรักที่แม่(อย่างดิฉัน)มีให้ลูก หรือความรักที่มีดิฉันต่อสามีที่คิดว่าชั่วชีวิตนี้จะรักคุณคนเดียวไปจนตาย หรือความรักใดๆที่มนุษย์มีต่อกันและคิดว่ารักของฉันยิ่งใหญ่ไม่มีใครเสมอเหมือน เทียบไม่ได้เลยกับความรักที่ได้สัมผัสนี้ ช่างยิ่งใหญ่ อบอุ่น อ่อนโยน รอคอยเสมอ และดำรงอยู่ตั้งแต่ครั้งอดีตกาลจนถึงปัจจุบัน เป็นความรักอันเดียวกับที่มอบให้ชาวอิสราเอลตั้งแต่ครั้งโบราณกาลและดำรงอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ไม่มีคำตำหนิใดๆในความผิดพลาดที่ได้เคยทำลงไป .. อธิบายไม่หมด .. ไม่คิดว่าความรักเช่นนี้จะมีอยู่และจะได้มีโอกาสสัมผัส แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึง 10 นาที ก็ตาม แต่สัมผัสนั้นก็ติดอยู่ในความทรงจำตลอดเวลา
และบอกได้เลยว่า หากดิฉันได้สัมผัสกับความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระเช่นนี้ก่อนที่จะแต่งงานแล้วละก็ ดิฉันจะไม่แต่งงานเลย และจะขอบวชรับใช้พระจะดีกว่า
ดิฉันรู้สึกถึงความคิด จิตวิญญาณภายในค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งๆที่แต่ก่อนก็รักและเชื่อในพระบิดาเจ้าเสมอมา แต่บัดนี้ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกผจญล่อล่วงในความเชื่อมากขึ้นด้วยเช่นกัน จนต้องบอกกับพระบิดาบ่อยๆ ว่า ขอโทษที่สงสัยในพระองค์ แต่ก็ขออนุญาติคิดเล่นๆ ถึงข้อคัดค้านในการดำรงอยู่ของพระองค์ ว่าพระองค์มีอยู่จริงหรือเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งเชื่อและรักพระองค์มากยิ่งขึ้น เพราะไม่มีอะไรที่จะมาบอกได้ว่าไม่มีพระองค์ ข้อคัดค้านและความสงสัย ทุกข้อตกไปหมด และความจริงที่ได้รับรู้จากการช่างสงสัย ก็คือ มีพระเป็นเจ้า พระบิดา พ่อที่ยิ่งใหญ่ ให้อภัยและรอคอยเสมอไม่ว่าจะนานแค่ไหน เพราะในความสงสัยดิฉันจะมีคำภาวนาเสมอ ยิ่งช่างสงสัยก็ยิ่งคิดและยิ่งสวดภาวนาและได้รับการชี้แจงเสมอ
ในตอนนี้ดิฉันยิ่งเพิ่มเวลาในการสวดภาวนาให้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเคยขอพระแม่มารีให้ดิฉันสวดภาวนาบ่อยๆ ให้เหมือนกับลมหายใจ คือ เราหายใจเสมอตลอดเวลา ทั้งในยามหลับและยามตื่น ในเวลาที่เสียใจ , ดีใจ , ร้องไห้ หรือหัวเราะ ในยามป่วยไข้และยามที่ได้รับการทดลอง คือ ตลอดเวลาจริงๆ แต่ก็มีบ้างที่ชอบจะลืมบ่อยๆ แต่ก็พยายามทำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ตอนนี้จะยิ่งทำให้ได้มากกว่าเดิมอีก อยากให้พระองค์โอบกอดอีกครั้ง
แบ่งปัน .. ด้วยความเชื่อสิ้นสุดจิดใจ
Re: "BELIEVE" ความเชื่อเกิดขึ้นกับพวกคุณได้อย่าไร ทำไมผมไม่มี
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 08, 2008 7:42 pm
โดย Kichinto
มีความรัก(แบบบริสุทธิ์ใจต่อผู้อื่น) ก็โอเคสำเร็จสำหรับ Step แรกแล้วนะเออ