True Life In God
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 16, 2005 8:21 am
ชีวิตแท้ในพระเจ้า
*****************
ทฤษฎีมามากมายร้อยแปดนะครับ!!!
หลายคนหาทฤษฎีมาลบล้างเรื่องเหล่านี้
ขอบอกจากประสบการณ์ตัวเองได้เลย
ดังนี้ :
......
ครั้งแรกที่ได้เข้าไปฟัง ก็นึกว่า
เป็นแผนการณ์ของใครหรือเปล่า... คือชักเบื่อตอนแรกๆ... (พูดจริงๆ)
.........
แต่ตอนที่ วาสสุลาเดินออกมาเนี่ย แปลกจริงๆนะ...
ความคิดทั้งหมดเปลี่ยนไป
เธอเริ่มพูดประสบการณ์ที่สำคัญ หรือแก่นที่สำคัญสำหรับกลุ่มคนที่ผมไปฟัง
ผมก็๋รู้สึกได้ว่า "นั่นไม่ได้มาจากเธอโดยตรง แต่เป็นพระเจ้าเองที่ตรัสผ่านเธอ"
...คงจะมีคนถามว่า "มีอะไรมาพิสูจน์"
ลำพังสติปัญญาของมนุษย์ ไม่สามารถเข้าใจอะไรแบบนี้ได้
ปรีชาญาณจะไม่ตกลงกับพวกนักทฤษฎี และผู้เฉลียวแลาด
แต่จะเกิดกับผู้ที่อ่อนน้อม ถ่อมตน และมีแต่สายตาแห่งความเชื่อ
"ความเชื่อเท่านั้น ที่ทำให้ผมเข้าใจ"
.......
ผมได้ซื้อหนังสือมา 1 ชุด มี 5 เล่ม ราคา 300 บาท
นับได้ว่า เป็นราคาพิมพ์จริงๆ เพราะแต่ละเล่ม ไม่ต่ำกว่า 100 หน้า
และแต่ละหน้า ใช่ว่าจะอ่านผ่านไปเหมือนนิยายได้สะเมื่อไหร่
เพราะอ่านไปต้องคิดไป เปรียบเทียบกับประสบการณ์ตรงของตัวเองบ้าง
เปรียบเทียบจากพระคัมภีร์บ้าง เปรียบเทียบกับนิกายต่างๆ บ้าง
รวมถึงเปรียบเทียบข้อความจริงในศาสนาอื่นๆ บ้าง
ยิ่งทำให้เราเข้าใจอะไรๆ ได้มากขึ้น
......
สำหรับบุคคลที่เตรียมตัวที่จะกล่าวว่า "สาร หรือ หนังสือนี้ ไม่ได้เป็นของจริง หรือ มาจาก ซาตาน หรือ อย่างใดอย่างอื่น"
ขอพระเจ้าทรงเปิดตา หู และดวงใจของท่าน ด้วยความเชื่อ ให้อ่านหนังสือ
ชุดนี้ให้จบไปทั้งหมดก่อน "หากคุณอ่านจบแล้ว ไม่เห็นว่ามีประโยชน์ ก็ไม่ว่าอะไร"
แต่หากคุณจะเริ่มปฏิเสธแต่เริ่มแรก "คุณก็เปรียบเสมือนก้อนหิน ไร้ซึ่งชีวิตนั่นเอง"
....
เรายิ่งอ่าน เราเริ่มเข้าใจ
ระหว่างเราอ่านเนี่ย "บางครั้ง ก็มีความคิดชั่วร้ายออกมาด้วย"
แต่ เราก็บอกว่า "โปรดให้ความคิดชั่วร้ายนี้ออกไปเสียจากตัวข้าพเจ้า"
.....
ตอนนี้ กำลังอ่านเล่มที่ 2 อยู่
อ่านๆ ไปก็รู้สึกว่า สิ่งที่เราเคยทำนั้น ล้วน เป็นบาป
ตัวเราเองไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ
และที่สำคัญ เราอยู่ด้วยตนเองไม่ได้เลย หากไม่มีพระเจ้า
....
บางคนก็อาจเริ่มพูดว่า "ฉันก็เดิมโลดแล่นตามปกติได้ ไม่เห็นพระเจ้าจะช่วยอะไรเลย"
"ไม่มีพระเจ้า ฉันก็คิดออก ทำงานได้ ...555"
แต่บอกไว้ว่า "ทุกอย่างที่คุณยังทำได้นั้น มาจากพระเมตตาของพระองค์ซึ่งคูณไม่รู้ หรือ ไม่ก็ไม่รับรู้"
.....
ตอนเด็กๆ เคยเป็นไหม "ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ก็อยู่ได้ ไม่เห็นต้องเดือดร้อน" ความคิดของเด็กเจ้าปัญหามักจะเกิดขึ้นแบบนี้ ผมก็เคยเป็น ...
....
แต่พอเอาเข้าจริงๆ "วันไหนพ่อแม่ไม่อยู่ แทบบ้าคลั่ง เงินก็ไม่มี เข้าก็ไม่มี"
แล้วจะพึ่งใครเนี่ย
....
บางคนอาจพูดไปอีกว่า "ก็อันนั้นตอนเด็ก"
ตอนนี้โตแล้ว
....
ขอให้มองลึกไปอีกว่า คุณเคยไหม? ที่เจอปัญหาชีวิต คิดไม่ตก
คุณแก้อย่างไร
...
บางคนก็บอกว่า แก้โดยการใช้สมาธิ รวบรวมสติ
บางคนก็บอกว่า แก้โดยการทำใจให้สบาย
บางคนก็บอกว่า เดี๋ยวก็คิดออกเองแหละ
....
แต่ขอบอกว่า สิ่งที่คุณเผลอพูดมานั้น เป็นสิ่งที่คุณทำให้พระเจ้าได้ยินเสียงของคุณ
แล้วประทานสติปัญญามาให้
....
อีกอย่างหนึ่ง บ้างก็พูดว่า แล้วทำไมสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า ต้องดีสิ
แล้วทำไมหลายคนเอาสติปัญญาไปรังแกผู้อื่น พระองค์ไม่เอาคืนไปละ
....
อันนี้ ก็ทราบมาว่า "พระองค์จะไม่ทวงคืน สิ่งที่พระองค์ให้ไปแล้ว แต่พระองค์จะให้เรารักษามันไว้ แล้วรู้จักใช้มันให้เกิดประโยชน์"
คือ สติปัญญา เป็นดาบสองคม "ถ้าใช้ผิด ก็แทงตัวเองเท่านั้น"
.....
*****************
ทฤษฎีมามากมายร้อยแปดนะครับ!!!
หลายคนหาทฤษฎีมาลบล้างเรื่องเหล่านี้
ขอบอกจากประสบการณ์ตัวเองได้เลย
ดังนี้ :
......
ครั้งแรกที่ได้เข้าไปฟัง ก็นึกว่า
เป็นแผนการณ์ของใครหรือเปล่า... คือชักเบื่อตอนแรกๆ... (พูดจริงๆ)
.........
แต่ตอนที่ วาสสุลาเดินออกมาเนี่ย แปลกจริงๆนะ...
ความคิดทั้งหมดเปลี่ยนไป
เธอเริ่มพูดประสบการณ์ที่สำคัญ หรือแก่นที่สำคัญสำหรับกลุ่มคนที่ผมไปฟัง
ผมก็๋รู้สึกได้ว่า "นั่นไม่ได้มาจากเธอโดยตรง แต่เป็นพระเจ้าเองที่ตรัสผ่านเธอ"
...คงจะมีคนถามว่า "มีอะไรมาพิสูจน์"
ลำพังสติปัญญาของมนุษย์ ไม่สามารถเข้าใจอะไรแบบนี้ได้
ปรีชาญาณจะไม่ตกลงกับพวกนักทฤษฎี และผู้เฉลียวแลาด
แต่จะเกิดกับผู้ที่อ่อนน้อม ถ่อมตน และมีแต่สายตาแห่งความเชื่อ
"ความเชื่อเท่านั้น ที่ทำให้ผมเข้าใจ"
.......
ผมได้ซื้อหนังสือมา 1 ชุด มี 5 เล่ม ราคา 300 บาท
นับได้ว่า เป็นราคาพิมพ์จริงๆ เพราะแต่ละเล่ม ไม่ต่ำกว่า 100 หน้า
และแต่ละหน้า ใช่ว่าจะอ่านผ่านไปเหมือนนิยายได้สะเมื่อไหร่
เพราะอ่านไปต้องคิดไป เปรียบเทียบกับประสบการณ์ตรงของตัวเองบ้าง
เปรียบเทียบจากพระคัมภีร์บ้าง เปรียบเทียบกับนิกายต่างๆ บ้าง
รวมถึงเปรียบเทียบข้อความจริงในศาสนาอื่นๆ บ้าง
ยิ่งทำให้เราเข้าใจอะไรๆ ได้มากขึ้น
......
สำหรับบุคคลที่เตรียมตัวที่จะกล่าวว่า "สาร หรือ หนังสือนี้ ไม่ได้เป็นของจริง หรือ มาจาก ซาตาน หรือ อย่างใดอย่างอื่น"
ขอพระเจ้าทรงเปิดตา หู และดวงใจของท่าน ด้วยความเชื่อ ให้อ่านหนังสือ
ชุดนี้ให้จบไปทั้งหมดก่อน "หากคุณอ่านจบแล้ว ไม่เห็นว่ามีประโยชน์ ก็ไม่ว่าอะไร"
แต่หากคุณจะเริ่มปฏิเสธแต่เริ่มแรก "คุณก็เปรียบเสมือนก้อนหิน ไร้ซึ่งชีวิตนั่นเอง"
....
เรายิ่งอ่าน เราเริ่มเข้าใจ
ระหว่างเราอ่านเนี่ย "บางครั้ง ก็มีความคิดชั่วร้ายออกมาด้วย"
แต่ เราก็บอกว่า "โปรดให้ความคิดชั่วร้ายนี้ออกไปเสียจากตัวข้าพเจ้า"
.....
ตอนนี้ กำลังอ่านเล่มที่ 2 อยู่
อ่านๆ ไปก็รู้สึกว่า สิ่งที่เราเคยทำนั้น ล้วน เป็นบาป
ตัวเราเองไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ
และที่สำคัญ เราอยู่ด้วยตนเองไม่ได้เลย หากไม่มีพระเจ้า
....
บางคนก็อาจเริ่มพูดว่า "ฉันก็เดิมโลดแล่นตามปกติได้ ไม่เห็นพระเจ้าจะช่วยอะไรเลย"
"ไม่มีพระเจ้า ฉันก็คิดออก ทำงานได้ ...555"
แต่บอกไว้ว่า "ทุกอย่างที่คุณยังทำได้นั้น มาจากพระเมตตาของพระองค์ซึ่งคูณไม่รู้ หรือ ไม่ก็ไม่รับรู้"
.....
ตอนเด็กๆ เคยเป็นไหม "ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ก็อยู่ได้ ไม่เห็นต้องเดือดร้อน" ความคิดของเด็กเจ้าปัญหามักจะเกิดขึ้นแบบนี้ ผมก็เคยเป็น ...
....
แต่พอเอาเข้าจริงๆ "วันไหนพ่อแม่ไม่อยู่ แทบบ้าคลั่ง เงินก็ไม่มี เข้าก็ไม่มี"
แล้วจะพึ่งใครเนี่ย
....
บางคนอาจพูดไปอีกว่า "ก็อันนั้นตอนเด็ก"
ตอนนี้โตแล้ว
....
ขอให้มองลึกไปอีกว่า คุณเคยไหม? ที่เจอปัญหาชีวิต คิดไม่ตก
คุณแก้อย่างไร
...
บางคนก็บอกว่า แก้โดยการใช้สมาธิ รวบรวมสติ
บางคนก็บอกว่า แก้โดยการทำใจให้สบาย
บางคนก็บอกว่า เดี๋ยวก็คิดออกเองแหละ
....
แต่ขอบอกว่า สิ่งที่คุณเผลอพูดมานั้น เป็นสิ่งที่คุณทำให้พระเจ้าได้ยินเสียงของคุณ
แล้วประทานสติปัญญามาให้
....
อีกอย่างหนึ่ง บ้างก็พูดว่า แล้วทำไมสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า ต้องดีสิ
แล้วทำไมหลายคนเอาสติปัญญาไปรังแกผู้อื่น พระองค์ไม่เอาคืนไปละ
....
อันนี้ ก็ทราบมาว่า "พระองค์จะไม่ทวงคืน สิ่งที่พระองค์ให้ไปแล้ว แต่พระองค์จะให้เรารักษามันไว้ แล้วรู้จักใช้มันให้เกิดประโยชน์"
คือ สติปัญญา เป็นดาบสองคม "ถ้าใช้ผิด ก็แทงตัวเองเท่านั้น"
.....