Belong to the Truth Jesus Christ

มติชน : หนังสือที่ถูกขโมยมากที่สุด
วันที่ 27/12/2548 - 01:17:57 น.
26 ธันวาคม 2005



คอลัมน์ ดังได้สดับมา



ในอเมริกาเจ้าแห่งการเก็บสถิติ "จอห์น แมกซ์เวลล์ แฮมิลตัน" รวบรวมรายชื่อหนังสือที่ถูกขโมยมากที่สุดตลอดกาลไว้ แล้ว "สารคดี" ก็นำมาเสนอ ทายซิเล่มไหน?



"คัมภีร์ไบเบิล"ไง



วิธีการก็มีหลากหลาย บางคนหยิบไปจากโรงแรม แต่บางคนใช้วิธีสับเปลี่ยน คือไม่ได้ขโมยเสียทีเดียวก็จริง แต่ใช้วิธีหยิบเล่มที่มีราคาแพง ซึ่งมักใส่กล่องปกแข็งอย่างดีไปใส่ในกล่องไบเบิลฉบับพิมพ์ราคาย่อมเยา ซึ่งเวลาคิดสตางค์ร้านค้ามักจะคิดจากราคาขายที่ติดไว้บนกล่องเท่านั้น



"ร้ายจริงๆ"

ในเล่มยังบอกรายชื่อหนังสือซึ่งเป็นที่นิยมขโมยอีกหลายชื่อ

"ไปหาอ่านกันดู"

http://www.matichon.co.th/matichon/mati ... 2005/12/26

พระคัมภีรืนี้ติดสารพัด chart เลยนะครับ
เมื่อวานดูข่าวเห็นมีการเขียนพระคัมภีร์ทำมือขึ้นมาใหม่ด้วย

หนังสือ กีเดี้ยนที่วางไว้ตามโรงแรม คริสเตียนยินดีให้แขกขโมย พวกเราเอาไปเติมให้ใหม่
โดยไม่รู้สึกแย่ค่ะ ..........แต่ถ้าคริสตชนเองยังขโมยนี่น่าคิดมากนะ ;D

ผมเดาว่า ถ้าคริสตชนขโมยพระคัมภีร์ไปจากห้องพักของโรงแรม ก็คงเพราะเขามีเจตนาดี เนื่องจากเห็นว่าโรงแรมเป็นสถานที่อโคจร คนมาทำอะไรต่อมิอะไรในโรงแรมก็ไม่รู้ พระคัมภีร์ศักดิสิทธิ์จึงไม่น่าจะอยู่ในสถานที่แบบนั้นมั้งครับ

Andreas of the Cross เขียน: ผมเดาว่า ถ้าคริสตชนขโมยพระคัมภีร์ไปจากห้องพักของโรงแรม ก็คงเพราะเขามีเจตนาดี เนื่องจากเห็นว่าโรงแรมเป็นสถานที่อโคจร คนมาทำอะไรต่อมิอะไรในโรงแรมก็ไม่รู้ พระคัมภีร์ศักดิสิทธิ์จึงไม่น่าจะอยู่ในสถานที่แบบนั้นมั้งครับ

อย่าคิดมากสิคะ ;D

Buddy. เขียน:

Andreas of the Cross เขียน: ผมเดาว่า ถ้าคริสตชนขโมยพระคัมภีร์ไปจากห้องพักของโรงแรม ก็คงเพราะเขามีเจตนาดี เนื่องจากเห็นว่าโรงแรมเป็นสถานที่อโคจร คนมาทำอะไรต่อมิอะไรในโรงแรมก็ไม่รู้ พระคัมภีร์ศักดิสิทธิ์จึงไม่น่าจะอยู่ในสถานที่แบบนั้นมั้งครับ

อย่าคิดมากสิคะ ;D

จริงด้วยครับ พี่เพชรคิดมากไปป่าว

ก็งี่แหละครับหนังสือศักดิ์สิทธิ์ที่คนอยากได้เป็นผมเองก็เอานะของฟรีนิ

โลกตะลึง!!! พระคัมภีร์ของกีเดี้ยน ถูกขโมยมากที่สุดในไทย!!!

อ่ะนะ เคยบอกให้น้า ไปซื้อไบเบิ้ลที่ เป็นภาษาอังกฤษให้หน่อย พอดีน้า อยู่อเมริกา
เจ็เขายังไปหยิบของกีเดี้ยนจากโรงแรม มาให้เลย มีการโทรมาบอกอีกว่า ของฟรีนะบู *swt

ที่แท้ น้าของบูก็เป็นอีก 1 คน
ที่ช่วยเพิ่มสถิติให้ไบเบิ้ล อิอิ

มีงี้ด้วย - -"

สถิติของไบเบิล

หนังสือที่ขายดีที่สุดตลอดกาล
หนังสือที่มีผู้อ่านมากที่สุดตลอดกาล
หนังสือที่ถูกขโมยมากที่สุด
หนังสือที่ถูกกล่าวอ้างมากที่สุด
หนังสือที่มีประโยชน์มากที่สุดตลอดกาล
และ หนังสือที่เป็นความจริงมากที่สุดตลอดกาล

Andreas of the Cross เขียน: ผมเดาว่า ถ้าคริสตชนขโมยพระคัมภีร์ไปจากห้องพักของโรงแรม ก็คงเพราะเขามีเจตนาดี เนื่องจากเห็นว่าโรงแรมเป็นสถานที่อโคจร คนมาทำอะไรต่อมิอะไรในโรงแรมก็ไม่รู้ พระคัมภีร์ศักดิสิทธิ์จึงไม่น่าจะอยู่ในสถานที่แบบนั้นมั้งครับ

โห พี่เพชร ท่านพี่คิดลึกซึ้งเกินไป คนเขาที่ไปนอนโรงแรม มะใช่ต้องมุ่งไปทำอย่างว่านี่

เพราะส่วนใหญ่ คนไปพักโรงแรม เพราะไปท่องเที่ยว ไปทำธุระ ฯลฯ แล้วไม่มีที่พักฮะ

กีเดี้ยน ได้วางพระคัมภีร์ไว้ตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะโรงแรม นั่นคือวิธีการแพร่ธรรมอย่างหนึ่งจ้า

ส่วนคริสตชน ที่ขโมย ก็เพราะอยากได้ของฟรี อิอิ 8) ความอยากบดบังมโนธรรมของเขาเสีย เลยเป็นขโมย ???

อันนี้ต้องฝาก เจ๊ฟีมไปถามป๋า เฮ้ย พ่อจั่ว ว่า "บาป ไม่บาป" ละกัน ฮับ

~@Little lamb@~ เขียน: ที่แท้ น้าของบูก็เป็นอีก 1 คน
ที่ช่วยเพิ่มสถิติให้ไบเบิ้ล อิอิ

555+ ;D

;D ;D ตอบแทนป๋า เฮ้ย...พ่อจั่วได้ป่ะ พี่ว่า บาปนะเพราะพระคัมภีร์ถึงจะวางแจกฟรี แต่ก็ไม่ใช่ของเรา ถ้าอยากได้จริงๆขอเขาตรงๆไปเลยน่าจะดีกว่า เพราะคิดว่า เรื่องแบบนี้เป็นการแพร่ธรรมแบบน้องเจี๊ยบบอกก็จริง มันอยากได้ขนาดไหนมโนธรรมน่าจะติเตียนใจเรานะ ไม่น่าจะต้องถึงขั้นขโมยออกมา อยากได้จริงๆก็หาไม่อยาก แต่ที่นำออกมากันคิดว่า มันคงเป็นการท้าทายมากกว่า ยังไงอย่าให้ความท้าทายแบบผิดๆกลายเป็นบาปแบบศักดิ์สิทธิ์ติดตัวไปก็แล้วกัน อิๆๆๆๆๆๆ

อ้าว ผมเข้าใจว่าพระคัมภีร์ที่อยู่ตามโรงแรมนั้น มีไว้ให้หยิบไปได้หากสนใจนี่ครับ คือใครอยากได้ก็หยิบไปเลย (ส่วนใหญ่จะเป็นของกีเดี้ยน ซึ่งแจกฟรี และต้องการให้คนหยิบไปให้มากที่สุดอยู่แล้ว)

เช่นนี้ก็ไม่ถือว่าขโมยสิครับ เพราะเค้าบอกอยู่แล้วว่าให้หยิบไปได้เลย

แต่ผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะครับ (แหะๆ) แต่ไม่เคยหยิบไปนะครับ เพราะใช้คนละเวอร์ชั่นกันอยู่แล้ว (เวอร์ชั่นของผมไม่ค่อยเหมือนของคนอื่น)

;D

P เขียน: อ้าว ผมเข้าใจว่าพระคัมภีร์ที่อยู่ตามโรงแรมนั้น มีไว้ให้หยิบไปได้หากสนใจนี่ครับ คือใครอยากได้ก็หยิบไปเลย (ส่วนใหญ่จะเป็นของกีเดี้ยน ซึ่งแจกฟรี และต้องการให้คนหยิบไปให้มากที่สุดอยู่แล้ว)

เช่นนี้ก็ไม่ถือว่าขโมยสิครับ เพราะเค้าบอกอยู่แล้วว่าให้หยิบไปได้เลย

แต่ผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะครับ (แหะๆ) แต่ไม่เคยหยิบไปนะครับ เพราะใช้คนละเวอร์ชั่นกันอยู่แล้ว (เวอร์ชั่นของผมไม่ค่อยเหมือนของคนอื่น)

;D

เจ๊ฟีม ขอบคุณมากที่แสดงความคิดเห็น แทนป๋า วุ้ย พ่อ แฮะๆๆ 8)

ส่วนพี่ พี แน่นอน เวอร์ชั่นของพี่มีเล่มเดียวใช่ป่าว คือเขียนเอง งุงิ งุงิ 8)

Champkun เขียน: สถิติของไบเบิล

หนังสือที่ขายดีที่สุดตลอดกาล
หนังสือที่มีผู้อ่านมากที่สุดตลอดกาล
หนังสือที่ถูกขโมยมากที่สุด
หนังสือที่ถูกกล่าวอ้างมากที่สุด
หนังสือที่มีประโยชน์มากที่สุดตลอดกาล
และ หนังสือที่เป็นความจริงมากที่สุดตลอดกาล

มีพิมพิ์ซ้ำมากที่สุดตลอดกาลด้วย *ok

P เขียน: อ้าว ผมเข้าใจว่าพระคัมภีร์ที่อยู่ตามโรงแรมนั้น มีไว้ให้หยิบไปได้หากสนใจนี่ครับ คือใครอยากได้ก็หยิบไปเลย (ส่วนใหญ่จะเป็นของกีเดี้ยน ซึ่งแจกฟรี และต้องการให้คนหยิบไปให้มากที่สุดอยู่แล้ว)

เช่นนี้ก็ไม่ถือว่าขโมยสิครับ เพราะเค้าบอกอยู่แล้วว่าให้หยิบไปได้เลย

แต่ผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะครับ (แหะๆ) แต่ไม่เคยหยิบไปนะครับ เพราะใช้คนละเวอร์ชั่นกันอยู่แล้ว (เวอร์ชั่นของผมไม่ค่อยเหมือนของคนอื่น)

;D

;D ;D แหม..แหมลุงพี จุดประสงค์เขาแจกฟรีอยู่ก็จริง แต่ถ้าเราเอื้อนเอ่ยวาจาขอเขามันก็น่าจะเดินออกไปจากโรงแรมได้อย่างสะดวกและสบายใจกว่านะจ๊ะ ดีกว่ามาพะวงว่า เขาจะมาค้นกระเป๋าเราหรือเปล่า มโนธรรมจะบอกเราเองว่า ควรบอกเขาหรือหยิบไปเลย ขึ้นอยู่ว่าช่วงมือหยิบมโนธรรมติเตียนหรือเปล่า อิๆๆๆๆๆ

seraphim เขียน: ;D ;D ตอบแทนป๋า เฮ้ย...พ่อจั่วได้ป่ะ พี่ว่า บาปนะเพราะพระคัมภีร์ถึงจะวางแจกฟรี แต่ก็ไม่ใช่ของเรา ถ้าอยากได้จริงๆขอเขาตรงๆไปเลยน่าจะดีกว่า เพราะคิดว่า เรื่องแบบนี้เป็นการแพร่ธรรมแบบน้องเจี๊ยบบอกก็จริง มันอยากได้ขนาดไหนมโนธรรมน่าจะติเตียนใจเรานะ ไม่น่าจะต้องถึงขั้นขโมยออกมา อยากได้จริงๆก็หาไม่อยาก แต่ที่นำออกมากันคิดว่า มันคงเป็นการท้าทายมากกว่า ยังไงอย่าให้ความท้าทายแบบผิดๆกลายเป็นบาปแบบศักดิ์สิทธิ์ติดตัวไปก็แล้วกัน อิๆๆๆๆๆๆ

แง่ว ถ้าไม่ได้หยิบเอง นู๋บาปไหมเนี่ย??

;D ;D ไม่ได้หยิบเอง แต่ใช้คนไปหยิบก็น่าจะบาปนะจ๊ะบู

Nihil เขียน:

Champkun เขียน: สถิติของไบเบิล

หนังสือที่ขายดีที่สุดตลอดกาล
หนังสือที่มีผู้อ่านมากที่สุดตลอดกาล
หนังสือที่ถูกขโมยมากที่สุด
หนังสือที่ถูกกล่าวอ้างมากที่สุด
หนังสือที่มีประโยชน์มากที่สุดตลอดกาล
และ หนังสือที่เป็นความจริงมากที่สุดตลอดกาล

มีพิมพิ์ซ้ำมากที่สุดตลอดกาลด้วย *ok

ถูกเหยียบย่ำมากที่สุดด้วย

ถูกจับผิดมากที่สุด

หักหน้าคนได้มากสุด

สุดยอด...................

นอกจากนี้ยังเป็นหนังสือที่อ่านแล้วไม่เคยเบื่อ

เป็นอมตะทุกยุคทุกสมัยอีกต่างหาก

ที่สำคัญเป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์ที่สุดด้วย

seraphim เขียน: ;D ;D ไม่ได้หยิบเอง แต่ใช้คนไปหยิบก็น่าจะบาปนะจ๊ะบู

แต่หนูม่ายรุว่า น้าจาไปหยิบมาจากโรงแรมนิ ม่ายงั้นม่ายต้องหยิบมาก้อได้ *sob

หนังสือมหัศจรรย์

โดย นิกร สิทธิจริยาภรณ์


เมื่อเราเห็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้อย่างน่าอัศจรรย์ เราก็ไม่ยากที่จะเข้าใจได้เลยทันทีว่า

"มันไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นเองได้เลย มันจะต้องมีผู้สร้าง และผู้ที่สร้างหรือประดิษฐ์มันขึ้นมานั้น

ก็ต้องเป็นคนที่มีสติปัญญามาก"

เช่นเดียวกัน... เมื่อเราเห็นมนุษย์ที่สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ เราก็ไม่สามารถที่จะโต้แย้งได้เลยว่า

"เบื้องหลังของมนุษย์ที่ชาญฉลาดนี้จะต้องมีผู้หนึ่งที่สร้างเขาขึ้นมา และผู้สร้างนี้จะต้อง

ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน" .... และนี่คือความจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มี พระเจ้า ที่ทรงสร้าง

มนุษย์ขึ้นมาจริง ๆ

มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งเดียวในโลกที่มีศักยภาพในการพูด (คือการนำเอาความคิดใน

ใจออกมาเป็นภาษาหรือเรียบเรียงเป็นถ้อยคำเพื่อสื่อสารให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจ)

แน่นอน... เมื่อมนุษย์พูดได้นั่นแสดงให้เห็นว่า พระเจ้าผู้ทรงสร้างเขาขึ้นมาก็พูดได้เช่นกัน

และวันนี้พระเจ้าผู้ทรงสร้างมนุษย์ก็ได้นำคำพูดของพระองค์มาบันทึกเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง

เพื่อสื่อสารกับมนุษย์ เพื่อไห้มนุษย์ทราบว่าพระองค์ทรงเป็นอย่างไร ? สร้างมนุษย์ขึ้นมาทำไม ?

และพระองค์ทรงต้องการอะไรจากมนุษย์ ?... ถ้าเช่นนั้นหนังสือที่เป็นคำพูดของพระเจ้าคือ

เล่มไหนล่ะ ?... นั่นก็คือ พระคริสต์ธรรมคัมภีร์นั่นเอง

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เราสามารถมั่นใจได้ว่าเป็นถ้อยคำของพระเจ้าที่บันทึก

เป็นตัวอักษรจริง ๆ ?

1. เพราะเป็นหนังสือเล่มเดียวในโลกที่บรรดาผู้เขียนต่างก็ยอมรับว่า พระเจ้าทรงอยู่เบื้องหลัง

ในการบันทึกข้อความเหล่านี้ (2 ทิโมธี 3.16)

ถ้ามีใครคิดว่า พระคัมภีร์เป็นถ้อยคำของมนุษย์ไม่ใช่ของพระเจ้า ก็เท่ากับกำลังบอกว่าผู้เขียน

พระคัมภีร์เล่มนี้เป็น "คนโกหก" เพราะผู้เขียนทุกคนต่างก็ยอมรับว่า พวกเขาทำหน้าที่เหมือนกับเลขา

ที่บันทึกคำของเจ้านายเท่านั้น

พระคัมภีร์เล่มย่อย 66 เล่ม ประกอบกันขึ้นมีอายุประมาณ 3,500 ปี ใช้เวลารวบรวมทั้งหมด 1,500 ปี

มีคนที่เขียนประมาณ 40 คน คนที่เขียนเหล่านั้นบางคนก็ต่างยุคต่างสมัย บางคนก็พูดกันคนละภาษา

บางคนไม่รู้จักกันเลย ข้อมูลที่พวกเขาบันทึกก็ต่างกัน แต่เมื่อนำเมื่อนำ 66 เล่มมารวมกัน

กลับมีการสอดคล้องกัน ไม่ขัดแย้งกันแม้แต่น้อยและเสริมสร้างกันเป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างน่าอัศจรรย์

สมมุติว่าผมวาดรูปใบหน้าของชายคนหนึ่งเก็บไว้ และหลังจากนั้นผมก็เอาแผ่นกระดาษเล็ก ๆ 10 แผ่น

มาเขียนส่วนประกอบของใบหน้ารูปละ 1 แผ่น แต่ละแผ่นต่างกัน บางแผ่นเป็นรูปดวงตา

บางแผ่นเป็นรูปปาก, คิ้ว , จมูก, ไฝ , หนวด, โครงหน้า,ทรงผม, 10 คน คนละแผ่น หลังจากนั้นผม

ก็ให้ทั้ง 10 คน เขียนรูปตามที่ตนเองได้รับมาประกอบกันในกระดานดำคุณคิดว่ารูปใบหน้าที่ 10 คน

ร่วมกันวาดจะเหมือนกับรูปใบหน้าที่ผมเก็บไว้ไหม ?... เหมือนแน่ ๆ ... เพราะอะไร ?... นั่นก็

เพราะข้อมูลมาจากคนคนเดียวกันแหล่งเดียวกัน ถึงแม้ 10 คนจะได้รับข้อมูลแตกต่างกัน

แต่เมื่อนำมารวมกันกลับเสริมสร้างกันได้อย่างงดงามและนี่ก็คือความมหัศจรรย์ของพระคัมภีร์

ที่ถึงแม้ 40 คน จะเขียนต่างกัน แต่กลับสอดคล้องกัน เสริมสร้างและหนึ่งเดียวกันได้อย่างงดงาม

เพราะแหล่งความคิดของพระคริสต์ธรรมคัมภีร์มาจากบุคคลเดียวกันนั่นคือ พระเจ้า ผู้ทรงสร้าง

ฟ้าสวรรค์และจักรวาลนั่นเอง

2. เพราะเป็นหนังสือเล่มเดียวในโลกที่มีมาตรฐานศีลธรรมที่สูงกว่าหนังสือเล่มใดในโลก

พระคัมภีร์ที่ไม่เคยลดมาตรฐานศีลธรรมตลอดมาทุกยุคทุกสมัย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีการเห็่น

แก่หน้าผู้ใด ไม่มีการออมชอมต่อความผิดบาป ถ้ามนุษย์คนใดมีใจเป็นกลางถ้าได้อ่านพระคัมภีร์

ก็จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มาตรฐานศีลธรรมของพระคัมภีร์สอดคล้องกับมาตรฐานลึก ๆ ของจิตใจมนุษย์จริง ๆ

3. เพราะเป็นหนังสือเล่มเดียวในโลกที่ถูกต้องตามประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่

มนุษย์ค้นพบทุกประการ

ไม่ว่าใครที่เป็นนักโบราณคดีก็ไม่สามารถที่จะโต้แย้งได้เลยว่า เมื่อจะศึกษาเกี่ยวกับอารยธรรมตะวันตก

หรือที่มาที่มาของเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติ จะต้องมีพระคริสต์ธรรมคัมภีร์เป็นหนังสืออ้างอิงอยู่ข้างกาย

และไม่ว่าใครก็ตามที่ศึกษาเกี่ยวกับชีวประวัติของนักวิทยาศาสตร์ 300 คนที่มีอิทธิพลต่อโลกใบนี้ก็

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในจำนวนนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้มีถึง 262 คนที่ยอมรับว่า พระคริสต์ธรรมคัมภีร์เป็น

ถ้อยคำของพระเจ้า และเป็นหนังสือที่การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ในแต่ละยุคสอดคล้องกับความจริงที่ได้

บันทึกไว้ในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ทุกประการ

4. เพราะเป็นหนังสือเล่มเดียวในโลกที่มีอิทธิพลต่อโลกใบนี้มากที่สุด

นี่เป็นความจริงที่ปรากฏอยู่ในหน้าจริงของประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่ไม่มีใครกล้าที่จะปฏิเสธได้เลย...

โรงพยาบาลแห่งแรกของโลก มหาวิทยาลัยแห่งแรกของโลก เกิดขึ้นก็เพราะหนังสือเล่มนี้ โลกของ

จิตรกรรมปฏิมากรรม ดนตรี เพลงที่ยิ่งใหญ่ เกิดขึ้นได้ก็เพราะหนังสือเล่มนี้ การเลิกทาส

การที่สิทธิสตรีเกิดขึ้น การทัดเทียมกันในคุณค่าของความเป็นมนุษ์ เกิดขึ้นได้ก็เพราะหนังสือเล่มนี้

คนท้อแท้ได้รับพลัง คนทุกข์ใจได้รับการปลอบประโลม คนสิ้นหวังได้รับความหวังใหม่

คนชั่วกลับกลายเป็นคนใหม่ คนกลัวตายกลับกลายเป็นคนกล้าเผชิญกับความตายด้วยความ

กล้าหาญก็เพราะหนังสือเล่มนี้

5. เพราะเป็นหนังสือเล่มเดียวในโลกที่บอกจุดประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์โลก

หนังสือเล่มนี้ได้บอกถึงจุดแรกเริ่มของมนุษย์ได้อย่างถูกต้องชัดเจน หนังสือเล่มนี้ได้บันทึกว่า

พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวง และสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือมนุษย์ (เพราะมนุษย์ถูกสร้างให้

เหมือนกับพระเจ้า "เหมือน" ไม่ใช่ "เป็น" ถ้ามีใครว่าผมหน้าเหมือนลิงถึงแม้ผมไม่ชอบ

อย่างน้อยก็ดีหน่อย เพราะผมไม่ใช่ลิง แค่เหมือน แต่ถ้ามีคนว่าผมหน้าเหมือนคนผมคงไม่ชอบแน่

เพราะผมเป็นคนอยู่แล้ว ทำไมต้องเหมือนคนด้วย) พระเจ้าให้มนุษย์มีอิสระในในการปกครองตนเอง

โดยพระองค์ทรงบอกว่า ถ้าพวกเขาใช้อิสระที่พระเจ้าให้ได้อย่างถูกต้อง เขาจะต้องพบกับปัญหาและ

จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง และเรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

นั่นก็คือมนุษย์ทุกคนต่างก็ใช้อิสระในการเลือกในทางที่ผิดเขาจึงต้องพบกับความทุกข์ในชีวิต

ดังนั้พระเจ้าจึงทรงเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อให้เขาทราบ พระเจ้าทรงรักเขาและปรารถนาจะ

แก้ไขชีวิตของเขา ช่วยเหลือชีวิตของเขา

ท่านผู้อ่านที่รัก... จากเหตุผลข้างต้นคงจะเพียงพอที่ทำให้ท่านเห็นและเข้าใจได้ว่า

พระคริสต์ธรรมคัมภีร์เป็นหนังสือที่มหัศจรรย์และเป็นถ้อยคำของพระเจ้าจริง ๆ .

.. เวลานี้ท่านเป็นคนหนึ่งที่กำลังไม่เข้าใจเกี่ยวกับชีวิตใช่ไหม ? เวลานี้ท่านเป็นคนหนึ่งที่

ไม่ทราบว่าฉันอยู่ในโลกนี้เพื่ออะไร ? อะไรคือความหมายของชีวิตอยู่ใไหม ? เวลานี้ท่านกำลัง

พบกับปัญญหาของชีวิตอยู่ใช่ไหม ? ... อ่านพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ซิ... ท่านจะได้คำตอบเช่น

คนนับหลายล้านคนทั่วโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ได้รับคำตอบชีวิตจากหนังสือเล่มนี้อย่างแน่นอน

ที่ S.PAULVS เอามาให้อ่านนี่เขียนเองหมดเลยป่าวครับ

เห็นเอามาให้อ่านเยอะจัง