ข้อคิดสะกิดใจปี 2005: พระคุณเจ้ายอด
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 02, 2006 1:31 pm
"ยอห์นเป็นเหมือนตะเกียงสว่างไสวที่จุดอยู่" (ยอห์น 5:35)
ในช่วงทศวรรษ 1930 สหรัฐอเมริกา ประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ ที่ตกต่ำมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ในช่วงเวลานั้นมีละครเรื่อง "ทุ่งหญ้า ที่เขียวขจี" ได้แสดงที่โรงละครในละแวกบรอดเวย์เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,635 รอบ สิ่งที่ทำให้ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมาก ก็เนื่องมาจากความหวังและการดลใจที่ผู้ดูละครได้รับจากละครเรื่องนี้ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ
ในละครเรื่องนี้ทุกครั้งที่ อัครเทวดากาเบรียล เห็นความทุกข์ยากของมนุษย์ ในโลก ท่านจะถามพระเจ้าว่า "พระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์ เอาแตรไปเป่าเป็นสัญญาณครั้งสุดท้ายหรือยัง พระเจ้าข้า" แต่ละครั้งพระเจ้าก็ทรงปฏิเสธ ผู้ที่ดูละครได้รับความมั่นใจว่า ไม่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเลวร้ายเพียงใด แต่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีขึ้นในอนาคต เหตุว่า พระเจ้ามิได้ทรงหลงลืมพวกเขา
เราอาจจะมองว่า นักบุญยอห์น บัปติสต์ เป็นผู้แทนของอดีต และเป็นประกาศกผู้ทำนายถึงสิ่งที่เลวร้าย แต่ท่านเป็นผู้ที่อยู่ ณ จุดที่พบกันระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่ การที่ท่านเรียกร้องให้มีการสำนึกผิด และรับศีลล้างนั้น ท่านช่วยให้หลายคนได้ผ่านจุดนี้ ท่านยังช่วยให้ พระเยซูเจ้า ทรงข้ามจุดนี้ ให้ทรงข้ามจากชีวิตอันสงบที่นาซาเร็ธ ไปสู่การเทศนาสั่งสอนอย่างเปิดเผยในโลก พระเยซูเจ้าพระองค์เองทรงยอมรับในการเป็นประจักษ์พยานให้แก่ความจริงของนักบุญยอห์น และพระองค์ทรงช่วยให้วาจาของนักบุญยอห์นชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อท่านประกาศว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นประจักษ์พยาน ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวท่านเอง
เมื่อเราเริ่มเดินในหนทางที่นำไปสู่พระเจ้า เราไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้อีก ในขณะที่เรายอมรับปัญหาต่างๆ และบาปมากมายในโลก แต่ก็ นับว่ามีความสำคัญมากที่เราจะไม่มองดูโลกในแง่ร้าย พระเยซูเจ้าตรัส กับเราว่า เมื่อพระเจ้าทรงครอบครอง สิ่งที่ดีและถูกต้องจะมีพลังโดดเด่น ให้เห็นชัดมากขึ้น
บทอธิษฐานภาวนา
ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้เป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยความหวัง และมีส่วนในการเสริมสร้างโลกที่มีความยุติธรรม โลกที่มีความเคารพต่อสิทธิ มนุษยชนและมนุษย์ทุกคนสามารถดำเนิน อย่างมีศักดิ์ศรี และสันติภาพ อาแมน
ในช่วงทศวรรษ 1930 สหรัฐอเมริกา ประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ ที่ตกต่ำมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ในช่วงเวลานั้นมีละครเรื่อง "ทุ่งหญ้า ที่เขียวขจี" ได้แสดงที่โรงละครในละแวกบรอดเวย์เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,635 รอบ สิ่งที่ทำให้ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมาก ก็เนื่องมาจากความหวังและการดลใจที่ผู้ดูละครได้รับจากละครเรื่องนี้ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ
ในละครเรื่องนี้ทุกครั้งที่ อัครเทวดากาเบรียล เห็นความทุกข์ยากของมนุษย์ ในโลก ท่านจะถามพระเจ้าว่า "พระองค์จะทรงให้ข้าพระองค์ เอาแตรไปเป่าเป็นสัญญาณครั้งสุดท้ายหรือยัง พระเจ้าข้า" แต่ละครั้งพระเจ้าก็ทรงปฏิเสธ ผู้ที่ดูละครได้รับความมั่นใจว่า ไม่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเลวร้ายเพียงใด แต่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีขึ้นในอนาคต เหตุว่า พระเจ้ามิได้ทรงหลงลืมพวกเขา
เราอาจจะมองว่า นักบุญยอห์น บัปติสต์ เป็นผู้แทนของอดีต และเป็นประกาศกผู้ทำนายถึงสิ่งที่เลวร้าย แต่ท่านเป็นผู้ที่อยู่ ณ จุดที่พบกันระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่ การที่ท่านเรียกร้องให้มีการสำนึกผิด และรับศีลล้างนั้น ท่านช่วยให้หลายคนได้ผ่านจุดนี้ ท่านยังช่วยให้ พระเยซูเจ้า ทรงข้ามจุดนี้ ให้ทรงข้ามจากชีวิตอันสงบที่นาซาเร็ธ ไปสู่การเทศนาสั่งสอนอย่างเปิดเผยในโลก พระเยซูเจ้าพระองค์เองทรงยอมรับในการเป็นประจักษ์พยานให้แก่ความจริงของนักบุญยอห์น และพระองค์ทรงช่วยให้วาจาของนักบุญยอห์นชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อท่านประกาศว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นประจักษ์พยาน ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวท่านเอง
เมื่อเราเริ่มเดินในหนทางที่นำไปสู่พระเจ้า เราไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้อีก ในขณะที่เรายอมรับปัญหาต่างๆ และบาปมากมายในโลก แต่ก็ นับว่ามีความสำคัญมากที่เราจะไม่มองดูโลกในแง่ร้าย พระเยซูเจ้าตรัส กับเราว่า เมื่อพระเจ้าทรงครอบครอง สิ่งที่ดีและถูกต้องจะมีพลังโดดเด่น ให้เห็นชัดมากขึ้น
บทอธิษฐานภาวนา
ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้เป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยความหวัง และมีส่วนในการเสริมสร้างโลกที่มีความยุติธรรม โลกที่มีความเคารพต่อสิทธิ มนุษยชนและมนุษย์ทุกคนสามารถดำเนิน อย่างมีศักดิ์ศรี และสันติภาพ อาแมน