++ บาปตัวนี้ไม่สามารถอภัยได้ใช่ไหมครับ ++
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
คือผมเปิดคัมภีร์ดูนะครับ ไปเจอเข้า จำไม่ได้ว่า บทอะไร เขาบอกว่า บาปทุกอย่างอภัยได้หมดแต่บาปที่ดูหมิ่นพระจิตเจ้าจะอภัยไม่ได้เลย
แล้วถ้ามีคนดูหมิ่นเพราะว่าเขาไม่รู้จักบาปไหมครับ ที่ถามเพราะว่า ถ้าบาปตัวนี้อภัยให้ไม่ได้แล้วถ้าไม่รู้แล้วดูหมิ่นจะบาปครับ เหมือนเป็นบาปที่ยังไงกรณีใดๆก็บาปครับ
ผมเคยถามคนอื่นดูแล้ว เขาก็ไม่รู้ครับ แล้วเขาถามผมว่า "เคยดูหมิ่นหรอ" ผมตอบว่า "เปล่า" แค่อยากรู้เฉยๆครับ และอยากรู้มานานแล้วเหมือนกัน
แล้วถ้ามีคนดูหมิ่นเพราะว่าเขาไม่รู้จักบาปไหมครับ ที่ถามเพราะว่า ถ้าบาปตัวนี้อภัยให้ไม่ได้แล้วถ้าไม่รู้แล้วดูหมิ่นจะบาปครับ เหมือนเป็นบาปที่ยังไงกรณีใดๆก็บาปครับ
ผมเคยถามคนอื่นดูแล้ว เขาก็ไม่รู้ครับ แล้วเขาถามผมว่า "เคยดูหมิ่นหรอ" ผมตอบว่า "เปล่า" แค่อยากรู้เฉยๆครับ และอยากรู้มานานแล้วเหมือนกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ม.ค. 11, 2006 11:00 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ในความเชื่อของผม (มอร์มอน) บาปประเภทนี้เป็นบาปประเภทที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก แทบที่จะเรียกได้ว่าเป็นศูนย์ ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดกับใครได้
หากคุณจะทำบาปเช่นนี้ได้ ก่อนอื่นคุณต้อง"รู้"อย่างแท้จริงว่าพระเจ้ามีจริง ในโลกนี้แทบที่จะไม่มีใครที่มีความรู้เช่นนี้เลย ไม่ว่าตัวเองจะบอกว่า"รู้ว่าพระเจ้ามีจริง"อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ เวลาบอกว่า"รู้" พวกเขาหมายถึง "เชื่ออย่างสนิทใจ" มากกว่าที่จะเป็นการ"รู้"อย่างจริงจัง
แต่ทางคริสต์สายหลักรู้สึกจะแปลอีกอย่างหนึ่งว่า การดูหมิ่นพระจิตเจ้าคืออะไร อันนั้นเชิญรอฟังความเห็นโดยตรงจากผู้รู้ก็แล้วกันครับ
หากคุณจะทำบาปเช่นนี้ได้ ก่อนอื่นคุณต้อง"รู้"อย่างแท้จริงว่าพระเจ้ามีจริง ในโลกนี้แทบที่จะไม่มีใครที่มีความรู้เช่นนี้เลย ไม่ว่าตัวเองจะบอกว่า"รู้ว่าพระเจ้ามีจริง"อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ เวลาบอกว่า"รู้" พวกเขาหมายถึง "เชื่ออย่างสนิทใจ" มากกว่าที่จะเป็นการ"รู้"อย่างจริงจัง
แต่ทางคริสต์สายหลักรู้สึกจะแปลอีกอย่างหนึ่งว่า การดูหมิ่นพระจิตเจ้าคืออะไร อันนั้นเชิญรอฟังความเห็นโดยตรงจากผู้รู้ก็แล้วกันครับ
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จริงๆแล้วการดูหมิ่นพระจิตเจ้าคืออะไร เคยได้ยินมาแบบที่พี่พีบอกเหมือนกันค่ะ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
ความเข้าใจของตัวเองคือ การไม่ยอมรับการอภัยบาป คือ การดูหมิ่นพระจิตเจ้า
เพราะบาปทุกอย่างนะ ขอให้สารภาพออกมาเถอะ อภัยได้ทั้งนั้นแหละ บาปที่อภัยไม่ได้คือบาปที่ไม่ได้สารภาพ หรือการไม่เชื่อ หรือไม่ยอมรับว่า พระเป็นเจ้าสามารถอภัยบาปได้
ความเข้าใจของตัวเองคือ การไม่ยอมรับการอภัยบาป คือ การดูหมิ่นพระจิตเจ้า
เพราะบาปทุกอย่างนะ ขอให้สารภาพออกมาเถอะ อภัยได้ทั้งนั้นแหละ บาปที่อภัยไม่ได้คือบาปที่ไม่ได้สารภาพ หรือการไม่เชื่อ หรือไม่ยอมรับว่า พระเป็นเจ้าสามารถอภัยบาปได้
ลองอ่านทั้งหมดดูครับ
มธ 12:22-32 พระเยซูเจ้าและเบเอลเซบูล
(22)ครั้งหนึ่ง มีผู้นำคนตาบอดเป็นใบ้และถูกปีศาจสิงคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ พระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย คนนั้นก็พูดได้และมองเห็น (23)ประชาชนทุกคนต่างประหลาดใจพูดว่า
มธ 12:22-32 พระเยซูเจ้าและเบเอลเซบูล
(22)ครั้งหนึ่ง มีผู้นำคนตาบอดเป็นใบ้และถูกปีศาจสิงคนหนึ่งมาเฝ้าพระองค์ พระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย คนนั้นก็พูดได้และมองเห็น (23)ประชาชนทุกคนต่างประหลาดใจพูดว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พุธ ม.ค. 11, 2006 11:26 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
สำหรับผู้ที่สนใจว่ามอร์มอนสอนอย่างไรเกี่ยวกับ unpardonable sin
The unpardonable sin is to willfully deny and defy the Holy Ghost after having received His witness.
No man can sin against light until he has it; nor against the Holy Ghost, until after he has received it by the gift of God through the appointed channel or way. To sin against the Holy Ghost, the Spirit of Truth, the Comforter, the Witness of the Father and the Son, wilfully denying him and defying him, after having received him, constitutes [the unpardonable sin].
No man can possibly commit the unpardonable sin in ignorance. A man must be brought to a knowledge of Christ; he must receive a testimony of Christ in his heart, and possess light and power, knowledge and understanding, before he is capable of committing that sin. But when a man turns away from the truth, violates the knowledge that he has received, tramples it under his feet, puts Christ again to open shame, denies His atonement, denies the power of the resurrection, denies the miracles that He has wrought for the salvation of the human family, and says in his heart,
The unpardonable sin is to willfully deny and defy the Holy Ghost after having received His witness.
No man can sin against light until he has it; nor against the Holy Ghost, until after he has received it by the gift of God through the appointed channel or way. To sin against the Holy Ghost, the Spirit of Truth, the Comforter, the Witness of the Father and the Son, wilfully denying him and defying him, after having received him, constitutes [the unpardonable sin].
No man can possibly commit the unpardonable sin in ignorance. A man must be brought to a knowledge of Christ; he must receive a testimony of Christ in his heart, and possess light and power, knowledge and understanding, before he is capable of committing that sin. But when a man turns away from the truth, violates the knowledge that he has received, tramples it under his feet, puts Christ again to open shame, denies His atonement, denies the power of the resurrection, denies the miracles that He has wrought for the salvation of the human family, and says in his heart,
จากพระคัมภีร์นะครับ
สรุปง่ายๆ
พระเยซุกำลังท้าทายมโนธรรมของพวกฟาริสี คือกำลังท้าทายการยอมรับพลังของพระจิตเจ้าที่ทำงานในคนพวกนี้นั่นเอง
พวกนี้จ้องแต่จะด่าพระองค์ ขนาดพระองค์ไล่ผียังหาว่าพระองค์ไล่ผีด้วยอำนาจของนายผี
พระองค์จึงถามเขากลับง่ายๆว่า ผู้ที่เป็นปรปักษ์กับซาตาน คือซาตานเองหรือพระ
ซาตานมันจะบ่อนทำลายผลงานพวกเดียวกันทำไม
แต่คนที่ทำลายงานพวกมัน (เช่นการไล่มันออกจากร่างที่สิงนี้) สมควรจะเป็นฝ่ายเดียวกับมันหรือฝ่ายตรงข้าม ถ้าตรงข้าม นั่นก็คือพระเจ้าไม่ใช่เหรอ
นั่นคือเรื่องแค่นี้ แม้แต่คนพวกนี้ก็ยังมีความคิดในหัว แต่เขาพยายามหลอกตัวเองเพราะยอมรับพระองค์ไม่ได้ เลยหาว่าพระองค์เป็นนายปีศาจซะเลย
นี่คือการปฎิเสธมโนธรรมตัวเอง ปฏิเสธพระจิตเจ้า
ดังนั้นคนที่อยู่ในสภาพนี้ คือคนที่ปฏิเสธพระเจ้าถึงที่สุดแม้ในใจจะเริ่มมีความเชื่อก็พยายามลบล้างความเชื่ออันนั้นอย่างสุดความสามรถ จึงทำให้เขาหลอกตัวเองและหลงผิดไปอย่างไม่อาจจะมีใครช่วยได้
เขาจึงไม่มีทางจะขอโทษหรือสำนึก เพราะเรารู้ว่า พระจิตเจ้าคือผู้ใส่ความเชื่อ ใส่ความรัก ใส่ความรู้ที่ถูกต้อง ถ้าเขายังปฏิเสธพระจิตที่ทำงานในเขาแล้ว ก็หมดสิ้นทางแล้วเหมือน ตัวเครื่องคอม กับหน้าจอคอม คุณเล่นดึงสายเชื่อมมันออก มันก็ไม่มีวันจะส่งอะไรมาที่จอได้ จอนั้นต่อให้เสียบปลั๊กกับไฟฟ้าอยู่ แต่ไม่อาจรับอะไรของพระเจ้าได้อีกแล้ว
การที่พระองค์กระทำทุกอย่างเดชะพระจิต เมื่อเขาหาว่าพระจิตนี้คือซาตานแล้ว ก็จบ เขาดึงสายเชื่อมออกไปแล้ว
กรณีที่2ที่ผมบอกว่ามีแฝงอยู่ คือประโยคนี้
...จะไม่ได้รับการอภัยเลยทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า
เรามักถูกสอนว่า เราต้องขออภัยพระเจ้าซะก่อนจะตาย คือขออภัยซะในโลกนี้ จะเชื่อจะอะไรก็รีบๆทำซะขณะที่ยังอยู่ในโลกนี้ จะสำนึกผิดอะไรก็รีบๆสำนึกซะในโลกนี้..............หลังจากตายแล้วล่ะ...จะยังมีโอกาสไหม?
แต่ถ้าในที่นี้ใช้คำว่าโลกหน้ายังมีการอภัยกันอีก การอภัยหลังความตายในโลกหน้า สิ่งนี้คืออะไร...
ไฟชำระ?
คิดกันเล่นๆครับ :D
สรุปง่ายๆ
พระเยซุกำลังท้าทายมโนธรรมของพวกฟาริสี คือกำลังท้าทายการยอมรับพลังของพระจิตเจ้าที่ทำงานในคนพวกนี้นั่นเอง
พวกนี้จ้องแต่จะด่าพระองค์ ขนาดพระองค์ไล่ผียังหาว่าพระองค์ไล่ผีด้วยอำนาจของนายผี
พระองค์จึงถามเขากลับง่ายๆว่า ผู้ที่เป็นปรปักษ์กับซาตาน คือซาตานเองหรือพระ
ซาตานมันจะบ่อนทำลายผลงานพวกเดียวกันทำไม
แต่คนที่ทำลายงานพวกมัน (เช่นการไล่มันออกจากร่างที่สิงนี้) สมควรจะเป็นฝ่ายเดียวกับมันหรือฝ่ายตรงข้าม ถ้าตรงข้าม นั่นก็คือพระเจ้าไม่ใช่เหรอ
นั่นคือเรื่องแค่นี้ แม้แต่คนพวกนี้ก็ยังมีความคิดในหัว แต่เขาพยายามหลอกตัวเองเพราะยอมรับพระองค์ไม่ได้ เลยหาว่าพระองค์เป็นนายปีศาจซะเลย
นี่คือการปฎิเสธมโนธรรมตัวเอง ปฏิเสธพระจิตเจ้า
ดังนั้นคนที่อยู่ในสภาพนี้ คือคนที่ปฏิเสธพระเจ้าถึงที่สุดแม้ในใจจะเริ่มมีความเชื่อก็พยายามลบล้างความเชื่ออันนั้นอย่างสุดความสามรถ จึงทำให้เขาหลอกตัวเองและหลงผิดไปอย่างไม่อาจจะมีใครช่วยได้
เขาจึงไม่มีทางจะขอโทษหรือสำนึก เพราะเรารู้ว่า พระจิตเจ้าคือผู้ใส่ความเชื่อ ใส่ความรัก ใส่ความรู้ที่ถูกต้อง ถ้าเขายังปฏิเสธพระจิตที่ทำงานในเขาแล้ว ก็หมดสิ้นทางแล้วเหมือน ตัวเครื่องคอม กับหน้าจอคอม คุณเล่นดึงสายเชื่อมมันออก มันก็ไม่มีวันจะส่งอะไรมาที่จอได้ จอนั้นต่อให้เสียบปลั๊กกับไฟฟ้าอยู่ แต่ไม่อาจรับอะไรของพระเจ้าได้อีกแล้ว
การที่พระองค์กระทำทุกอย่างเดชะพระจิต เมื่อเขาหาว่าพระจิตนี้คือซาตานแล้ว ก็จบ เขาดึงสายเชื่อมออกไปแล้ว
กรณีที่2ที่ผมบอกว่ามีแฝงอยู่ คือประโยคนี้
...จะไม่ได้รับการอภัยเลยทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า
เรามักถูกสอนว่า เราต้องขออภัยพระเจ้าซะก่อนจะตาย คือขออภัยซะในโลกนี้ จะเชื่อจะอะไรก็รีบๆทำซะขณะที่ยังอยู่ในโลกนี้ จะสำนึกผิดอะไรก็รีบๆสำนึกซะในโลกนี้..............หลังจากตายแล้วล่ะ...จะยังมีโอกาสไหม?
แต่ถ้าในที่นี้ใช้คำว่าโลกหน้ายังมีการอภัยกันอีก การอภัยหลังความตายในโลกหน้า สิ่งนี้คืออะไร...
ไฟชำระ?
คิดกันเล่นๆครับ :D
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
เรื่องบาปผิดต่อพระจิตที่มีปรากฏในพระคัมภีร์ มัทธิว 12.31 นั้นก่อนที่จะตัดสินอะไรลงไปเราต้องมองไปที่เหตุการณ์และเวลาที่พระเยซูเจ้าตรัสในตอนนั้นก่อน พระเยซูเจ้าทำอัศจรรย์มากมาย พวกฟาริสีก็ไม่ยอมรับแถมบอกว่าพระองค์ทำอัศจรรย์เพราะไปเอาอำนาจของเบเอลเซบุล(หัวหน้าผี)มาใช้ ทั้งๆที่ในพระคัมภีร์เก่าของอิสยาห์เองก็เคยกล่าวไว้ถึงการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าและพระองค์จะทำงานตามอำนาจของพระจิต (อสย.35.5-6) พวกชาวยิวรู้เรื่องพระคัมภีร์ดีและรู้ถึงการทำนายแต่ไม่ยอมรับ เหมือนคนสมัยนี้ทุกคนนั่นแหล่ะที่คิดว่าตัวเองถูกต้องที่สุดพอคนอื่นอ้างในสิ่งที่จริงก็เชื่อยาก..รวมทั้งเราคริสตชนทุกวันนี้ด้วย
คนที่จะรอดคือคนที่ตั้งใจแสวงหาความจริง เมื่อพบกับการไม่ยอมรับเช่นนี้พระเยซูเจ้าก็มีอารมณ์โกรธเหมือนกันและบอกว่าบาปไม่ยอมรับพระจิตนั้นไม่มีใครยกโทษให้ได้ .พูดตามภาษาชาวบ้านคือ ทำผิดต่อข้าฯข้าฯอภัยได้แต่ทำผิดไม่ยอมรับในงานของพระจิตนั้นไม่มีใครยกบาปนี้ได้หรอก..อะไรพรรค์นี้ เมื่อมองในมุมนี้พวกฟาริซีคือ คนที่ได้รับบาปเพราะไม่ยอมรับพระเยซูเจ้าและสิ่งที่พระองค์กระทำ แต่ถ้าถามต่อไปว่าแล้วพระจิตเจ้ายังคงทำงานอยู่ในปัจจุบันนี้ คนที่ไม่ยอมรับพระจิตและทำบาปผิดต่อพระองค์ล่ะ บาปยกได้หรือไม่? เช่นเดียวกับนักพระคัมภีร์อีกหลายคน พ่อคิดว่าก่อนอื่นหมดคำพูดของพระองค์หมายถึง เวลาที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ คือการไม่ยอมรับพระองค์ พวกยิวเหล่านั้นทำบาปผิดชัดเจน แต่กระนั้นก็ตามก็ไม่ได้หมายความว่าชาวยิวพวกนั้นเสียใจไม่เป็น คนที่กลับใจทุกคนล้วนได้รับพระพรและอภัยได้เสมอ อ้าว..แล้วที่พระองค์บอกว่าไม่มีใครยกบาปนี้ได้นั่นหมายถึงอะไรล่ะ? พ่อคิดว่าพระองค์หมายถึงคนที่ไม่ยอมรับงานของพระทั้งๆที่รู้ดีและเข้าใจดีแต่ตั้งใจปฏิเสธพระองค์ (เพราะหมั่นไส้เหมือนที่ที่ฟาริซีไม่ยอมรับพระเยซูเจ้า)นั่นล่ะคือคนที่พระองค์ไหนก็ยกบาปให้ไม่ได้เพราะเขาไม่ยอมรับการยกบาปเอง ประการต่อมา การปฏิเสธไม่ยอมรับและผิดต่อพระจิตยังคงมีในปัจจุบันหรือไม่? พ่อคิดว่ามีน่ะ แต่เรื่องการยกบาปนั้น บาปไหนๆก็ยกได้ทั้งนั้นล่ะตราบใดที่หัวใจของเขากลับใจจริงๆ เพราะพระหรรษทานมีไว้สำหรับความรอดของทุกคนที่มีหัวใจถ่อมตนและหันกลับไปหาพระองค์ (อฟซ.2.8-9) ที่อธิบายมานี้พอจะทำให้กระจ่างหรือเปล่าไม่ทราบ
;D ;D ถามพ่อจั่วมาให้ค่ะ
คนที่จะรอดคือคนที่ตั้งใจแสวงหาความจริง เมื่อพบกับการไม่ยอมรับเช่นนี้พระเยซูเจ้าก็มีอารมณ์โกรธเหมือนกันและบอกว่าบาปไม่ยอมรับพระจิตนั้นไม่มีใครยกโทษให้ได้ .พูดตามภาษาชาวบ้านคือ ทำผิดต่อข้าฯข้าฯอภัยได้แต่ทำผิดไม่ยอมรับในงานของพระจิตนั้นไม่มีใครยกบาปนี้ได้หรอก..อะไรพรรค์นี้ เมื่อมองในมุมนี้พวกฟาริซีคือ คนที่ได้รับบาปเพราะไม่ยอมรับพระเยซูเจ้าและสิ่งที่พระองค์กระทำ แต่ถ้าถามต่อไปว่าแล้วพระจิตเจ้ายังคงทำงานอยู่ในปัจจุบันนี้ คนที่ไม่ยอมรับพระจิตและทำบาปผิดต่อพระองค์ล่ะ บาปยกได้หรือไม่? เช่นเดียวกับนักพระคัมภีร์อีกหลายคน พ่อคิดว่าก่อนอื่นหมดคำพูดของพระองค์หมายถึง เวลาที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ คือการไม่ยอมรับพระองค์ พวกยิวเหล่านั้นทำบาปผิดชัดเจน แต่กระนั้นก็ตามก็ไม่ได้หมายความว่าชาวยิวพวกนั้นเสียใจไม่เป็น คนที่กลับใจทุกคนล้วนได้รับพระพรและอภัยได้เสมอ อ้าว..แล้วที่พระองค์บอกว่าไม่มีใครยกบาปนี้ได้นั่นหมายถึงอะไรล่ะ? พ่อคิดว่าพระองค์หมายถึงคนที่ไม่ยอมรับงานของพระทั้งๆที่รู้ดีและเข้าใจดีแต่ตั้งใจปฏิเสธพระองค์ (เพราะหมั่นไส้เหมือนที่ที่ฟาริซีไม่ยอมรับพระเยซูเจ้า)นั่นล่ะคือคนที่พระองค์ไหนก็ยกบาปให้ไม่ได้เพราะเขาไม่ยอมรับการยกบาปเอง ประการต่อมา การปฏิเสธไม่ยอมรับและผิดต่อพระจิตยังคงมีในปัจจุบันหรือไม่? พ่อคิดว่ามีน่ะ แต่เรื่องการยกบาปนั้น บาปไหนๆก็ยกได้ทั้งนั้นล่ะตราบใดที่หัวใจของเขากลับใจจริงๆ เพราะพระหรรษทานมีไว้สำหรับความรอดของทุกคนที่มีหัวใจถ่อมตนและหันกลับไปหาพระองค์ (อฟซ.2.8-9) ที่อธิบายมานี้พอจะทำให้กระจ่างหรือเปล่าไม่ทราบ
;D ;D ถามพ่อจั่วมาให้ค่ะ
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
เข้าใจฮะ ขอบคุณครับ *thx
- -*-St.GrEGoRY-*-
- โพสต์: 309
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2005 2:06 pm
;Dถูกต้องครับ บาปที่ผิดต่อพระจิต ไม่มีใครสามารถโปรดบาปนี้ได้เลยครับ
-
- โพสต์: 24
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 13, 2005 1:53 pm
- ที่อยู่: bangkok
แล้วอะไรคือ บาปหนัก บ้างคะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เอ...มีหลายอย่างมั้งครับchollatiyoui เขียน: แล้วอะไรคือ บาปหนัก บ้างคะ
อาทิ ทำแท้ง ฆ่าคนตาย ฯลฯ
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
ฆ่าตัวตายด้วยครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
สมัยเรียนคำสอน มาเซอร์สอนว่า
คือการที่เรา รู้ตัว และ เต็มใจที่จะทำบาปนั้น
นั่นคือบาปหนัก
แต่ถ้าเอามาจากเวปอาโจ
บาปเบา (Venial sin) เมื่อทำผิดในข้อเบาโดยรู้ตัวและเต็มใจ หรือทำผิดในข้อหนักที่ไม่สู้รู้ตัวและไม่เต็มใจ
บาปหนัก (Mortal sin) เมื่อจงใจทำผิดในข้อหนัก โดยรู้ว่าเป็นข้อหนัก และยินยอมทำ
http://n.1asphost.com/holypicture/Faith/faith2.asp
คือการที่เรา รู้ตัว และ เต็มใจที่จะทำบาปนั้น
นั่นคือบาปหนัก
แต่ถ้าเอามาจากเวปอาโจ
บาปเบา (Venial sin) เมื่อทำผิดในข้อเบาโดยรู้ตัวและเต็มใจ หรือทำผิดในข้อหนักที่ไม่สู้รู้ตัวและไม่เต็มใจ
บาปหนัก (Mortal sin) เมื่อจงใจทำผิดในข้อหนัก โดยรู้ว่าเป็นข้อหนัก และยินยอมทำ
http://n.1asphost.com/holypicture/Faith/faith2.asp