::+:: ความหมายของคำว่า กระแสเรียก ::+::
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 20, 2006 5:18 pm
;) ;) ;) สำหรับพี่-น้องชาวนิวมานาทุกคนที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับกระแสเรียกนะค่ะ พอดีน้องสาวพี่เมลไปถามพ่อจั่วมา เนื่องจากสนใจเรื่องการเป็นซิสเตอร์มหาไถ่ พี่เห็นว่า พ่อตอบมาชัดเจนดี เผื่อพี่-น้องท่านใดสนใจเรื่องเกี่ยวกับกระแสเรียกอ่านแล้วจะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นเช่นกัน......
*kis คำว่า กระแสเรียกเปรียบเหมือนคำเชื้อเชิญ นั้นเป็นภาษามนุษย์เพื่อให้เข้าใจว่าพระเจ้าจะไม่บังคับใครให้มารับใช้พระองค์ คนที่จะรับใช้พระองค์นั้นเราไม่ทราบหรอกว่าเขามาเพราะพระเจ้าเชิญหรือเขามาเพราะเขาหาอะไรบางอย่างหรือเขามาเพราะถูกบังคับหรือไม่มีที่ไป ในชีวิตนักบวชนั้นเรารู้เพียงประการเดียวว่าคนที่ให้พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และเต็มใจรับใช้พระองค์นั้นพระองค์จะตอบแทนร้อยเท่าพันทวี ตรงกันข้ามคนที่มาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากพระองค์และแถมไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเป็นล่ะก้อไม่นานเขาจะประสบปัญหาในชีวิตการรับใช้
*heh คำว่า พระเจ้าเชิญนั้นหมายถึง พระเจ้าไม่บังคับแม้พระองค์อยากจะให้เราตามพระองค์ไปจนสุดจะบรรยาย ดังนั้นต่อคำถามที่ว่ามีหรือไม่ที่คนไม่ได้รับเชิญแต่เขาไปร่วมงานและอยู่ด้วยความภักดี พ่อว่าคนประเภทนี้ยิ่งดีกว่าได้รับเชิญแล้วปฏิเสธเสียอีก ในท้องนาของพระองค์นั้น พระองค์ต้องการคนที่มีใจรักในพระองค์ต่างหาก เขิญไม่เชิญไม่สำคัญ เขารักพระองค์และอยากอยู่ใกล้ๆรับใช้พระองค์ อะไรก็ได้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่งานแต่เป็นการอยู่กับพระองค์ต่างหาก และจุดนี้เองที่นักบวชหลายคนสับสนและถือว่าฉันต้องทำงานนั้นนี้ให้มีผลงานเป็นที่เลื่องลือเพื่อพระองค์ (แต่อันที่จริงเพื่อหน้าตาชื่อเสียงของเขาเอง) คนพวกนี้พระองค์ก็จะแอบยิ้มกับพวกเขาแน่นอน ไม่ใช่ยิ้มด้วยความชื่นชม แต่ยิ้มในความซื่อบื้อของเขาที่มองข้ามความยิ่งใหญ่ของพระองค์ไป ถ้าพระองค์ต้องการจริงๆพระองค์จะให้ใครที่ไหนก็ได้มาทำงานที่เขาทำ และเพื่อคนพวกนี้จะได้ไม่เหลิงตัวเอง พระองค์ก็มักจะให้ปัญหาเกิดขึ้นกับเขาเพื่อเขาจะได้หันมาคิดทบทวนความหมายของงานที่เขาทำว่าเพื่ออะไร ดังที่จะพบในนักบวชที่มีปัญหากับงานและต้องมานั่งช้ำใจนั่นแหละ
*no1 สรุป จำไว้ คำว่าเชิญหรือไม่เชิญเป็นเพียงภาษามนุษย์ที่หมายถึงพระเจ้าให้เสรีภาพกับคนที่จะมาช่วยพระองค์ทำงานในโลกนี้ คนที่มีใจรักพระองค์แน่วแน่ต่างหากคือคนที่พระองค์ต้องการ
คำว่า กระแสเรียก นั้นคือการที่พระเจ้าเรียกมารักพระองค์ และที่มันเป็นกระแสเพราะเปรียบเหมือนน้ำที่หลั่งไหลมาตลอด คือพระองค์เรียกเราให้รักพระองค์ตลอดเวลา เพราะหากขาดรักมนุษย์เราก็หลงทาง....
*kis คำว่า กระแสเรียกเปรียบเหมือนคำเชื้อเชิญ นั้นเป็นภาษามนุษย์เพื่อให้เข้าใจว่าพระเจ้าจะไม่บังคับใครให้มารับใช้พระองค์ คนที่จะรับใช้พระองค์นั้นเราไม่ทราบหรอกว่าเขามาเพราะพระเจ้าเชิญหรือเขามาเพราะเขาหาอะไรบางอย่างหรือเขามาเพราะถูกบังคับหรือไม่มีที่ไป ในชีวิตนักบวชนั้นเรารู้เพียงประการเดียวว่าคนที่ให้พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และเต็มใจรับใช้พระองค์นั้นพระองค์จะตอบแทนร้อยเท่าพันทวี ตรงกันข้ามคนที่มาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากพระองค์และแถมไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเป็นล่ะก้อไม่นานเขาจะประสบปัญหาในชีวิตการรับใช้
*heh คำว่า พระเจ้าเชิญนั้นหมายถึง พระเจ้าไม่บังคับแม้พระองค์อยากจะให้เราตามพระองค์ไปจนสุดจะบรรยาย ดังนั้นต่อคำถามที่ว่ามีหรือไม่ที่คนไม่ได้รับเชิญแต่เขาไปร่วมงานและอยู่ด้วยความภักดี พ่อว่าคนประเภทนี้ยิ่งดีกว่าได้รับเชิญแล้วปฏิเสธเสียอีก ในท้องนาของพระองค์นั้น พระองค์ต้องการคนที่มีใจรักในพระองค์ต่างหาก เขิญไม่เชิญไม่สำคัญ เขารักพระองค์และอยากอยู่ใกล้ๆรับใช้พระองค์ อะไรก็ได้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่งานแต่เป็นการอยู่กับพระองค์ต่างหาก และจุดนี้เองที่นักบวชหลายคนสับสนและถือว่าฉันต้องทำงานนั้นนี้ให้มีผลงานเป็นที่เลื่องลือเพื่อพระองค์ (แต่อันที่จริงเพื่อหน้าตาชื่อเสียงของเขาเอง) คนพวกนี้พระองค์ก็จะแอบยิ้มกับพวกเขาแน่นอน ไม่ใช่ยิ้มด้วยความชื่นชม แต่ยิ้มในความซื่อบื้อของเขาที่มองข้ามความยิ่งใหญ่ของพระองค์ไป ถ้าพระองค์ต้องการจริงๆพระองค์จะให้ใครที่ไหนก็ได้มาทำงานที่เขาทำ และเพื่อคนพวกนี้จะได้ไม่เหลิงตัวเอง พระองค์ก็มักจะให้ปัญหาเกิดขึ้นกับเขาเพื่อเขาจะได้หันมาคิดทบทวนความหมายของงานที่เขาทำว่าเพื่ออะไร ดังที่จะพบในนักบวชที่มีปัญหากับงานและต้องมานั่งช้ำใจนั่นแหละ
*no1 สรุป จำไว้ คำว่าเชิญหรือไม่เชิญเป็นเพียงภาษามนุษย์ที่หมายถึงพระเจ้าให้เสรีภาพกับคนที่จะมาช่วยพระองค์ทำงานในโลกนี้ คนที่มีใจรักพระองค์แน่วแน่ต่างหากคือคนที่พระองค์ต้องการ
คำว่า กระแสเรียก นั้นคือการที่พระเจ้าเรียกมารักพระองค์ และที่มันเป็นกระแสเพราะเปรียบเหมือนน้ำที่หลั่งไหลมาตลอด คือพระองค์เรียกเราให้รักพระองค์ตลอดเวลา เพราะหากขาดรักมนุษย์เราก็หลงทาง....