## เสด็จลงใต้บาดาล ##
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 21, 2006 1:32 pm
;D ;D พอดีมีคำถามจากน้องที่บอร์ด รวมทั้งน้องสาวพี่ด้วยถามพ่อจั่วว่า....
คำว่า เสด็จลงใต้บาดาลในสัญญลักษณ์อัครสาวก
แหมเข้าใจถามจริงนะพวกเรา เป็นคำถามที่ต้องร่ายยาวเชียวล่ะ ก่อนอื่นพ่อจะพยายามอธิบายความเป็นมาก่อนน่ะ สิ่งที่เราท่องกันในวันอาทิตย์ระหว่างพิธีขอบพระคุณนั้น เขาเรียกว่าในภาษาลาตินว่า symbolum Apostolorum แปลเป็นอังกฤษคือ Creed of the Apostles พอแปลเป็นไทยเราก็แปลตามภาษาลาตินว่า สัญญลักษณ์อัครสาวก
สัญญลักษณ์อัครสาวกคืออะไร? คือข้อความเชื่อที่รวบรวมมาจากชีวิตของพระเยซูเจ้าเพื่อชนรุ่นหลังจะได้เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระเยซูเจ้าจริงๆ ทำไมล่ะ? เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ก็มีข้อสงสัยจากคนนั้นบ้างคนนี้บ้างว่า พระเยซูเจ้าเป็นใครกันแน่ พระองค์มีชีวิตจริงหรือ? ชีวิตของพระองค์เป็นชีวิตแบบไหน? หรือเป็นพระเจ้าจำแลงในร่างมนุษย์? หรือพระองค์เป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไปนี่เอง? เวลาพระองค์ตายนั้นตายจริงหรือ? บ้างก็ว่าไม่จริง ส่วนที่ตายเป็นเพียงภาพลวงตา บ้างก็ว่าตายจริง บ้างก็ว่าไม่ตาย และการตรึงกางเขนไม่ได้เกิดขึ้น เป็นเพียงการเล่าต่อๆมาเท่านั้นไม่มีข้อพิสูจน์ ฯลฯ นี่คือปัญหาและคำถามเกี่ยวกับความเป็นมาของพระเยซูเจ้าจนกลายเป็นที่มาของคำว่า สัญญลักษณ์อัครสาวกล่ะ เราอย่าไปเข้าใจคำว่า สัญญลักษณ์ตามความหมายภาษาไทยน่ะ เพราะภาษาไทยแปลว่าสิ่งที่หมายถึง ไม่ใช่เลย... คำว่าสัญญลักษณ์ตัวนี้แปลมาจากคำว่า Symbolum ในภาษาลาตินที่ผู้ใช้คำนี้ครั้งแรกหมายถึง ข้อความที่อัครสาวกอยากให้เราเชื่อ และไม่ต้องสงสัยอะไรอีก ......แต่ก็ไม่วายมีการสงสัยเกิดขึ้นในยุคหลัง (สงสัยเป็นส่วนหนึ่งของการหาความจริงในธรรมชาติมนุษย์)
ส่วนที่สงสัยหนักคือ สงสัยว่า ที่เขียนๆนี่อัครสาวกเขียนจริงหรือเปล่า? อ้าว...ทีนี้ไม่ใช่สงสัยในเนื้อหาแล้วแต่สงสัยในต้นฉบับและที่มาของมันเสียด้วยสิ สงสัยไม่สงสัยเฉยๆ ชักชวนให้คนอื่นเขวด้วย เลยต้องมีการสัมนาในระหว่างพวกปิตาจารย์
นักเทวศาสตร์และนักค้นคว้าคำสอนของปิตาจารย์ก็พยายามพิสูจน์ว่า หลักคำสอนนี้มาจากอัครสาวกของพระเยซูเจ้าช่วยกันรวบรวมเอง แต่ก็พิสูจน์ได้ไม่เต็มปากนัก อย่างไรก็ตามก็เชื่อว่าน่าจะเป็นคำสอนที่เก่าแก่ที่รวบรวมขึ้นหลังพระเยซูเจ้าตาย อาจจะอยู่ในยุคร้อยห้าสิบปีแรกของพระศาสนจักร แต่ที่ว่าอัครสาวกทั้งสิบสองเขียนนั้น นับวันคนจะเชื่อน้อยลง แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นคนที่ใกล้ชิดอัครสาวกและเขียนต่อๆกันมา บางคนก็ว่าไม่ได้เก่าแก่ขนาดนั้น เผลอๆเขียนเมื่อราวศตวรรษที่ ห้าหรือหกด้วยซ้ำไป หลังยุคพระคัมภีร์ใหม่ด้วย เรื่องความเก่าแก่นี้ต้องเข้าใจนะครับ ยิ่งเก่ายิ่งดี ยิ่งใกล้พระเยซูเจ้ายิ่งดีเพราะเป็นหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นของแท้ไม่มีการต่อเติม
ปัญหาที่ตามมาอีกคือ หลักความเชื่อคล้ายๆกันนี้มีหลายฉบับ แต่เมื่อเช็คทีละคำแล้วก็เห็นว่าแตกต่างกัน ฉบับที่เราใช้ในปัจจุบันนี้ที่สำคัญมี ฉบับที่เรียกว่า สัญญลักษณ์อัครสาวก (The Creed of the Apostles) และฉบับที่ประชุมสังคายนาเมือง นีเชีย (Nicene Creed คศ 325) ซึ่งพยายามแก้ปัญหาความไม่ตรงกันนี้และได้รวบรวมข้อความเชื่อจากแหล่งต่างๆมารวมกันเพื่อให้เป็นความเชื่อที่เหมือนๆกันและนำมาให้เราท่องกันในวันอาทิตย์นั่นแหล่ะ ในหนังสือพิธีเล่มใหญ่ของคุณพ่อจะมีสองภาค คือภาคข้อความเชื่อของสังคายนาเมืองนิเชีย และอีกภาคคือสัญญลักษณ์อัครสาวก ที่ให้เราท่องตัวนี้เพราะมันสั้น ส่วนการประกาศความเชื่อที่ตอบโต้กันระหว่างสัตบุรุษและคุณพ่อนั้นคือความเชื่อของสังคายนาเมืองนิเชียมันยาวเขาเลยให้ช่วยกันตอบโต้จะได้จำง่าย แต่ถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นมีส่วนที่ต่างกัน เช่น ของสังคายนานีเชียไม่มีคำว่า เสด็จลงใต้บาดาล ที่เรายกมาถามพ่อเลย
ทีนี้มาสู่เนื้อหาบางอย่างที่เราถามพ่อ คือคำว่า เสด็จลงใต้บาดาลในสัญญลักษณ์อัครสาวกคำนี้หมายถึงอะไร? ถ้าดูในต้นฉบับคำนี้แปลเป็นอังกฤษดังนี้ Descended into hell ( บางแห่งใช้คำกรีกว่า Hades, บางแห่งใช้คำฮีบรูว่า Sheol แทนคำว่า Hell แต่ไม่ว่าจะเอาคำไหน ก็แปลเป็นไทยว่า แดนผู้ตาย หรือ นรก ทั้งสิ้น........บางคนก็จะบอกว่าแดนผู้ตายไม่จำเป็นต้องเป็นนรกก็ได้) อ้าว...ชักแปลกแล้วสิ พระองค์ไปนรกทำไม? พระองค์ทำผิดอะไรต้องไปนรก? จากจุดนี้ขอย้อนไปเรื่องการแปลก่อน คนแปลภาษาไทยเลือกใช้คำว่า บาดาล แทนคำว่านรก ทำไม? พ่อคิดว่าเขา(เป็นใครก็ไม่รู้ไม่ได้สืบถาม) คงไม่อยากให้สัตบุรุษคิดมากในแง่ลบว่าพระเยซูเจ้ารับโทษตกนรกกระมัง ก็ดูจะมีเหตุผล แต่ถ้ามองในแง่ประวัติศาสตร์ที่ต้องพยายามรักษาความเก่าแก่ไว้แล้ว ไปแปลคำนี้ว่า บาดาล ก็ไม่ได้ให้ความกระจ่างอะไร แถมเพิ่มความมึนงงเข้าไปอีกว่า บาดาล มันอยู่ส่วนล่างด้านไหนของโลก อะไรที่คล้ายๆอยู่ลึกๆเหมือนเจาะน้ำบาดาลใต้โลกหรือเปล่า เห็นมั้ยครับเรื่องของภาษานั้นแต่ละยุคก็จะมีความหมายต่างกันออกไป การเลี่ยงคำไม่ได้ช่วยอะไรนักในแง่นี้
แล้วจะแปลอย่างไรดีล่ะ พ่อว่า ต้นฉบับมันมาอย่างไรก็น่าจะเอาคำนั้นแล้วอธิบายกันทีหลังเอง ต้นฉบับนั้นใช้คำอะไรพ่อเองก็ไม่แน่ชัด รู้แต่ว่า ฉบับแปลบางฉบับใช้คำกรีกว่า Hades ที่ใช้ในนิยายปรัมปราของพวกกรีก และคำว่า Sheol ซึ่งใช้ในหมู่ชาวยิว
คำว่า Sheol นี้หมายถึงดินแดนเบื้องล่างที่อยู่ของวิญญาณ บางคนก็จินตนาการไปว่าเป็นที่อยู่ของวิญญาณที่ยังรอการพิพากษา ซึ่งไม่ใช่นรกและไม่ใช่สวรรค์ (แต่ที่แน่ๆภาษาอังกฤษใช้คำว่า Hell ซึ่งแปลว่า นรก) นักพระคัมภีร์ พบว่า เนื้อหาคำสอนเรื่องนี้มีความสัมพันธ์กับสิ่งที่พบในจดหมายนักบุญเปโตรฉบับที่ 1 บทที่ 3 ข้อ 19 ที่กล่าวถึงการกลับคืนชีพและการเสด็จไป นรก(บาดาล)ว่า.....และโดยพระจิตเจ้าพระองค์เสด็จไปเทศนาให้แก่จิตวิญญาณต่างๆที่ถูกจำจอง.... (อันนี้พ่อแปลเองนะครับไม่ได้อ้างพระคัมภีร์ไทยดังนั้นอาจจะต่างกันบ้าง)
นักพระคัมภีร์ในยุคหลังอธิบายการเสด็จลงไปใต้บาดาลต่างกันครับ บ้างก็ว่าพระองค์เสด็จไปเพื่อนำวิญญาณของผู้ชอบธรรมทั้งหลายที่เชื่อมั่นในพระธรรมเดิม เช่น ท่านอับราฮัม ท่านโมเสส ดาวิด อิสยาห์ ฯลฯ ประกาศกอื่นก่อนหน้าพระองค์ (จะเฉพาะพวกนี้หรือมนุษย์คนอื่นๆด้วยหรือเปล่าก็ไม่ยืนยัน แต่พ่อว่าน่าจะมีคนดีมากมายในยุคก่อนหน้าพระเยซูเจ้า ถ้าพวกเขายังอยู่ในดินแดนหรืออยู่ในสภาพการรอเช่นนั้น และพระองค์ก็น่าจะพาพวกเขาเข้าสวรรค์ด้วยคงไม่เลือกเฉพาะคนที่เชื้อสายยิวเท่านั้นกระมัง..เพราะคนดีเชื้อสายอื่นเช่นคานาอัน พวกฮิตไตน์ พวกเปอร์เชีย ฯลฯ ก็เชื่อว่าต้องมีคนดีแน่อนอนแม้เขาจะไม่เชื่ออย่างที่ชาวยิวเชื่อก็ตามเหอะ..)
บางคนก็ตีความว่า อันที่จริงการไปตีความแบบนั้นมันผิดจุดที่คนเขียนหลักความเชื่อต้องการ เพราะพวกเขาเพียงแต่ต้องการย้ำให้คนในยุคนั้นที่เถียงกันว่า พระเยซูเจ้าตายจริงหรือ? นั้นให้เงียบได้แล้ว เพราะพระองค์ตายจริง ตายทั้งกายและวิญญาณเหมือนมนุษย์เราทุกคนนั้นแหล่ะและจากจุดนี้มันไปสัมพันธ์กับความเชื่อว่าพระเยซูเจ้าคือ พระเจ้าแท้และมนุษย์แท้นั่นเอง ดังนั้นเขาเอาคำว่าพระองค์เสด็จไปใต้บาดาล(นรก)นั้นมาเพื่อบอกว่าพระองค์... ตายจริง....แค่นั้นแหล่ะไม่ได้หมายอย่างอื่น
พอมาถึงเมืองไทย คำนี้แปลว่า บาดาล เราก็เข้าใจว่าพระองค์ไปอีกที่หนึ่งที่ไม่ใช่นรก เห็นมั้ยจินตนาการคนเรามันไปตามภาษาที่บ่งความหมาย แต่จะนรกหรือบาดาล(ซึ่งไม่ใช่นรก) มันรวมๆแล้วก็คงจะหมายถึงแดนผู้ตาย จะอย่างไรก็ตามเราต้องไม่ลืมนะว่า ยังมีหลักความเชื่อฉบับอื่นที่ไม่ได้มีคำว่าพระองค์เสด็จลงไปในแดนผู้ตายนี้เลย...
นอกนั้นก็ยังมีคำอื่นที่น่าสนใจด้วยเช่นคำว่า สหพันธ์นักบุญ... คำนี้นักคิดบางท่านบอกว่าไม่ได้หมายถึงผู้ตายไปแล้วอย่างเดียว ผู้เขียนต้นฉบับนั้นหมายถึงคริสตชนทุกคน คือเขาถือว่าทุกคนที่เชื่อในพระเยซูเจ้าก็ใช้คำว่า นักบุญ (saint) ทั้งสิ้น นักบุญในความหมายของผู้เขียนในยุคแรกจึงหมายถึงผู้ที่เชื่อถึงพระคริสตเจ้าทุกคน (รวมทั้งพวกเราคนไทยที่ไปวัดไปวากันทุกวันนี้ด้วย) ก็ว่ากันไปแล้วแต่ใครจะเชื่อ
*heh มาถึงบทสรุป... คำถามคือ พระองค์ไปยังแดนผู้ตายมั้ย? ถ้าตอบตามหลักฐานของสัญญลักษณ์อัครสาวกก็ต้องบอกว่า เขาเขียนอย่างนั้น แต่ถ้ามองที่หลักความเชื่อของสังคายนาเมืองนิเชีย ก็ไม่มีคำนี้ คือมันข้ามไปเลย ทำไม? ปิตาจารย์อาจจะมองว่าไม่สำคัญกับความรอดมั้ง.... อ้าว แล้วเราในยุคนี้ล่ะ ต้องเชื่อหรือเปล่า? อันนี้ให้แต่ละคนต้องตัดสินใจเองครับ....พ่อชี้ทางได้แต่ไม่อาจตัดสินใจแทนได้..
;D ;D คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช C.Ss.R.
คำว่า เสด็จลงใต้บาดาลในสัญญลักษณ์อัครสาวก
แหมเข้าใจถามจริงนะพวกเรา เป็นคำถามที่ต้องร่ายยาวเชียวล่ะ ก่อนอื่นพ่อจะพยายามอธิบายความเป็นมาก่อนน่ะ สิ่งที่เราท่องกันในวันอาทิตย์ระหว่างพิธีขอบพระคุณนั้น เขาเรียกว่าในภาษาลาตินว่า symbolum Apostolorum แปลเป็นอังกฤษคือ Creed of the Apostles พอแปลเป็นไทยเราก็แปลตามภาษาลาตินว่า สัญญลักษณ์อัครสาวก
สัญญลักษณ์อัครสาวกคืออะไร? คือข้อความเชื่อที่รวบรวมมาจากชีวิตของพระเยซูเจ้าเพื่อชนรุ่นหลังจะได้เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระเยซูเจ้าจริงๆ ทำไมล่ะ? เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ก็มีข้อสงสัยจากคนนั้นบ้างคนนี้บ้างว่า พระเยซูเจ้าเป็นใครกันแน่ พระองค์มีชีวิตจริงหรือ? ชีวิตของพระองค์เป็นชีวิตแบบไหน? หรือเป็นพระเจ้าจำแลงในร่างมนุษย์? หรือพระองค์เป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไปนี่เอง? เวลาพระองค์ตายนั้นตายจริงหรือ? บ้างก็ว่าไม่จริง ส่วนที่ตายเป็นเพียงภาพลวงตา บ้างก็ว่าตายจริง บ้างก็ว่าไม่ตาย และการตรึงกางเขนไม่ได้เกิดขึ้น เป็นเพียงการเล่าต่อๆมาเท่านั้นไม่มีข้อพิสูจน์ ฯลฯ นี่คือปัญหาและคำถามเกี่ยวกับความเป็นมาของพระเยซูเจ้าจนกลายเป็นที่มาของคำว่า สัญญลักษณ์อัครสาวกล่ะ เราอย่าไปเข้าใจคำว่า สัญญลักษณ์ตามความหมายภาษาไทยน่ะ เพราะภาษาไทยแปลว่าสิ่งที่หมายถึง ไม่ใช่เลย... คำว่าสัญญลักษณ์ตัวนี้แปลมาจากคำว่า Symbolum ในภาษาลาตินที่ผู้ใช้คำนี้ครั้งแรกหมายถึง ข้อความที่อัครสาวกอยากให้เราเชื่อ และไม่ต้องสงสัยอะไรอีก ......แต่ก็ไม่วายมีการสงสัยเกิดขึ้นในยุคหลัง (สงสัยเป็นส่วนหนึ่งของการหาความจริงในธรรมชาติมนุษย์)
ส่วนที่สงสัยหนักคือ สงสัยว่า ที่เขียนๆนี่อัครสาวกเขียนจริงหรือเปล่า? อ้าว...ทีนี้ไม่ใช่สงสัยในเนื้อหาแล้วแต่สงสัยในต้นฉบับและที่มาของมันเสียด้วยสิ สงสัยไม่สงสัยเฉยๆ ชักชวนให้คนอื่นเขวด้วย เลยต้องมีการสัมนาในระหว่างพวกปิตาจารย์
นักเทวศาสตร์และนักค้นคว้าคำสอนของปิตาจารย์ก็พยายามพิสูจน์ว่า หลักคำสอนนี้มาจากอัครสาวกของพระเยซูเจ้าช่วยกันรวบรวมเอง แต่ก็พิสูจน์ได้ไม่เต็มปากนัก อย่างไรก็ตามก็เชื่อว่าน่าจะเป็นคำสอนที่เก่าแก่ที่รวบรวมขึ้นหลังพระเยซูเจ้าตาย อาจจะอยู่ในยุคร้อยห้าสิบปีแรกของพระศาสนจักร แต่ที่ว่าอัครสาวกทั้งสิบสองเขียนนั้น นับวันคนจะเชื่อน้อยลง แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นคนที่ใกล้ชิดอัครสาวกและเขียนต่อๆกันมา บางคนก็ว่าไม่ได้เก่าแก่ขนาดนั้น เผลอๆเขียนเมื่อราวศตวรรษที่ ห้าหรือหกด้วยซ้ำไป หลังยุคพระคัมภีร์ใหม่ด้วย เรื่องความเก่าแก่นี้ต้องเข้าใจนะครับ ยิ่งเก่ายิ่งดี ยิ่งใกล้พระเยซูเจ้ายิ่งดีเพราะเป็นหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นของแท้ไม่มีการต่อเติม
ปัญหาที่ตามมาอีกคือ หลักความเชื่อคล้ายๆกันนี้มีหลายฉบับ แต่เมื่อเช็คทีละคำแล้วก็เห็นว่าแตกต่างกัน ฉบับที่เราใช้ในปัจจุบันนี้ที่สำคัญมี ฉบับที่เรียกว่า สัญญลักษณ์อัครสาวก (The Creed of the Apostles) และฉบับที่ประชุมสังคายนาเมือง นีเชีย (Nicene Creed คศ 325) ซึ่งพยายามแก้ปัญหาความไม่ตรงกันนี้และได้รวบรวมข้อความเชื่อจากแหล่งต่างๆมารวมกันเพื่อให้เป็นความเชื่อที่เหมือนๆกันและนำมาให้เราท่องกันในวันอาทิตย์นั่นแหล่ะ ในหนังสือพิธีเล่มใหญ่ของคุณพ่อจะมีสองภาค คือภาคข้อความเชื่อของสังคายนาเมืองนิเชีย และอีกภาคคือสัญญลักษณ์อัครสาวก ที่ให้เราท่องตัวนี้เพราะมันสั้น ส่วนการประกาศความเชื่อที่ตอบโต้กันระหว่างสัตบุรุษและคุณพ่อนั้นคือความเชื่อของสังคายนาเมืองนิเชียมันยาวเขาเลยให้ช่วยกันตอบโต้จะได้จำง่าย แต่ถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นมีส่วนที่ต่างกัน เช่น ของสังคายนานีเชียไม่มีคำว่า เสด็จลงใต้บาดาล ที่เรายกมาถามพ่อเลย
ทีนี้มาสู่เนื้อหาบางอย่างที่เราถามพ่อ คือคำว่า เสด็จลงใต้บาดาลในสัญญลักษณ์อัครสาวกคำนี้หมายถึงอะไร? ถ้าดูในต้นฉบับคำนี้แปลเป็นอังกฤษดังนี้ Descended into hell ( บางแห่งใช้คำกรีกว่า Hades, บางแห่งใช้คำฮีบรูว่า Sheol แทนคำว่า Hell แต่ไม่ว่าจะเอาคำไหน ก็แปลเป็นไทยว่า แดนผู้ตาย หรือ นรก ทั้งสิ้น........บางคนก็จะบอกว่าแดนผู้ตายไม่จำเป็นต้องเป็นนรกก็ได้) อ้าว...ชักแปลกแล้วสิ พระองค์ไปนรกทำไม? พระองค์ทำผิดอะไรต้องไปนรก? จากจุดนี้ขอย้อนไปเรื่องการแปลก่อน คนแปลภาษาไทยเลือกใช้คำว่า บาดาล แทนคำว่านรก ทำไม? พ่อคิดว่าเขา(เป็นใครก็ไม่รู้ไม่ได้สืบถาม) คงไม่อยากให้สัตบุรุษคิดมากในแง่ลบว่าพระเยซูเจ้ารับโทษตกนรกกระมัง ก็ดูจะมีเหตุผล แต่ถ้ามองในแง่ประวัติศาสตร์ที่ต้องพยายามรักษาความเก่าแก่ไว้แล้ว ไปแปลคำนี้ว่า บาดาล ก็ไม่ได้ให้ความกระจ่างอะไร แถมเพิ่มความมึนงงเข้าไปอีกว่า บาดาล มันอยู่ส่วนล่างด้านไหนของโลก อะไรที่คล้ายๆอยู่ลึกๆเหมือนเจาะน้ำบาดาลใต้โลกหรือเปล่า เห็นมั้ยครับเรื่องของภาษานั้นแต่ละยุคก็จะมีความหมายต่างกันออกไป การเลี่ยงคำไม่ได้ช่วยอะไรนักในแง่นี้
แล้วจะแปลอย่างไรดีล่ะ พ่อว่า ต้นฉบับมันมาอย่างไรก็น่าจะเอาคำนั้นแล้วอธิบายกันทีหลังเอง ต้นฉบับนั้นใช้คำอะไรพ่อเองก็ไม่แน่ชัด รู้แต่ว่า ฉบับแปลบางฉบับใช้คำกรีกว่า Hades ที่ใช้ในนิยายปรัมปราของพวกกรีก และคำว่า Sheol ซึ่งใช้ในหมู่ชาวยิว
คำว่า Sheol นี้หมายถึงดินแดนเบื้องล่างที่อยู่ของวิญญาณ บางคนก็จินตนาการไปว่าเป็นที่อยู่ของวิญญาณที่ยังรอการพิพากษา ซึ่งไม่ใช่นรกและไม่ใช่สวรรค์ (แต่ที่แน่ๆภาษาอังกฤษใช้คำว่า Hell ซึ่งแปลว่า นรก) นักพระคัมภีร์ พบว่า เนื้อหาคำสอนเรื่องนี้มีความสัมพันธ์กับสิ่งที่พบในจดหมายนักบุญเปโตรฉบับที่ 1 บทที่ 3 ข้อ 19 ที่กล่าวถึงการกลับคืนชีพและการเสด็จไป นรก(บาดาล)ว่า.....และโดยพระจิตเจ้าพระองค์เสด็จไปเทศนาให้แก่จิตวิญญาณต่างๆที่ถูกจำจอง.... (อันนี้พ่อแปลเองนะครับไม่ได้อ้างพระคัมภีร์ไทยดังนั้นอาจจะต่างกันบ้าง)
นักพระคัมภีร์ในยุคหลังอธิบายการเสด็จลงไปใต้บาดาลต่างกันครับ บ้างก็ว่าพระองค์เสด็จไปเพื่อนำวิญญาณของผู้ชอบธรรมทั้งหลายที่เชื่อมั่นในพระธรรมเดิม เช่น ท่านอับราฮัม ท่านโมเสส ดาวิด อิสยาห์ ฯลฯ ประกาศกอื่นก่อนหน้าพระองค์ (จะเฉพาะพวกนี้หรือมนุษย์คนอื่นๆด้วยหรือเปล่าก็ไม่ยืนยัน แต่พ่อว่าน่าจะมีคนดีมากมายในยุคก่อนหน้าพระเยซูเจ้า ถ้าพวกเขายังอยู่ในดินแดนหรืออยู่ในสภาพการรอเช่นนั้น และพระองค์ก็น่าจะพาพวกเขาเข้าสวรรค์ด้วยคงไม่เลือกเฉพาะคนที่เชื้อสายยิวเท่านั้นกระมัง..เพราะคนดีเชื้อสายอื่นเช่นคานาอัน พวกฮิตไตน์ พวกเปอร์เชีย ฯลฯ ก็เชื่อว่าต้องมีคนดีแน่อนอนแม้เขาจะไม่เชื่ออย่างที่ชาวยิวเชื่อก็ตามเหอะ..)
บางคนก็ตีความว่า อันที่จริงการไปตีความแบบนั้นมันผิดจุดที่คนเขียนหลักความเชื่อต้องการ เพราะพวกเขาเพียงแต่ต้องการย้ำให้คนในยุคนั้นที่เถียงกันว่า พระเยซูเจ้าตายจริงหรือ? นั้นให้เงียบได้แล้ว เพราะพระองค์ตายจริง ตายทั้งกายและวิญญาณเหมือนมนุษย์เราทุกคนนั้นแหล่ะและจากจุดนี้มันไปสัมพันธ์กับความเชื่อว่าพระเยซูเจ้าคือ พระเจ้าแท้และมนุษย์แท้นั่นเอง ดังนั้นเขาเอาคำว่าพระองค์เสด็จไปใต้บาดาล(นรก)นั้นมาเพื่อบอกว่าพระองค์... ตายจริง....แค่นั้นแหล่ะไม่ได้หมายอย่างอื่น
พอมาถึงเมืองไทย คำนี้แปลว่า บาดาล เราก็เข้าใจว่าพระองค์ไปอีกที่หนึ่งที่ไม่ใช่นรก เห็นมั้ยจินตนาการคนเรามันไปตามภาษาที่บ่งความหมาย แต่จะนรกหรือบาดาล(ซึ่งไม่ใช่นรก) มันรวมๆแล้วก็คงจะหมายถึงแดนผู้ตาย จะอย่างไรก็ตามเราต้องไม่ลืมนะว่า ยังมีหลักความเชื่อฉบับอื่นที่ไม่ได้มีคำว่าพระองค์เสด็จลงไปในแดนผู้ตายนี้เลย...
นอกนั้นก็ยังมีคำอื่นที่น่าสนใจด้วยเช่นคำว่า สหพันธ์นักบุญ... คำนี้นักคิดบางท่านบอกว่าไม่ได้หมายถึงผู้ตายไปแล้วอย่างเดียว ผู้เขียนต้นฉบับนั้นหมายถึงคริสตชนทุกคน คือเขาถือว่าทุกคนที่เชื่อในพระเยซูเจ้าก็ใช้คำว่า นักบุญ (saint) ทั้งสิ้น นักบุญในความหมายของผู้เขียนในยุคแรกจึงหมายถึงผู้ที่เชื่อถึงพระคริสตเจ้าทุกคน (รวมทั้งพวกเราคนไทยที่ไปวัดไปวากันทุกวันนี้ด้วย) ก็ว่ากันไปแล้วแต่ใครจะเชื่อ
*heh มาถึงบทสรุป... คำถามคือ พระองค์ไปยังแดนผู้ตายมั้ย? ถ้าตอบตามหลักฐานของสัญญลักษณ์อัครสาวกก็ต้องบอกว่า เขาเขียนอย่างนั้น แต่ถ้ามองที่หลักความเชื่อของสังคายนาเมืองนิเชีย ก็ไม่มีคำนี้ คือมันข้ามไปเลย ทำไม? ปิตาจารย์อาจจะมองว่าไม่สำคัญกับความรอดมั้ง.... อ้าว แล้วเราในยุคนี้ล่ะ ต้องเชื่อหรือเปล่า? อันนี้ให้แต่ละคนต้องตัดสินใจเองครับ....พ่อชี้ทางได้แต่ไม่อาจตัดสินใจแทนได้..
;D ;D คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช C.Ss.R.