Belong to the Truth Jesus Christ

ขอความรู้คุณ HOLY เรื่องจิต

ได้อ่านโพสต์คุณ sakda 88 เรื่องนางทรง
กจ 16:16-24 เปาโลและสิลาสถูกจองจำ

(16) วันหนึ่ง ขณะที่เรากำลังเดินไปยังสถานที่อธิษฐานภาวนา ทาสหญิงคนหนึ่งมาพบเรา นางเป็นคนทรง ทำนายอนาคตได้ ทำให้นายของนางมีรายได้มากมายจากการทำนาย
(17) ทาสหญิงคนนี้ติดตามเปาโลและพวกเราพลางตะโกนว่า

จิตในที่นี้ หมายถึงสภาวะครับ คือ Spirit นั่นเอง

อย่างมนุษย์เรา มีส่วนที่เป็นจิต และเป็นร่างกาย(body)

ดังนั้น จิตที่ดี คือทูตสวรรค์ครับ ส่วนจิตที่เลวคือปีศาจ ดังที่เราจะทราบว่า พระเจ้าสร้างทูตสวรรค์มาล้วนเป็นจิต แต่ว่าเพราะทูตสวรรค์บางองค์กบฎพระเจ้า จึงถูกเรียกว่าซาตานแทน แต่ยังคงเป็นจิตอยู่ แต่เป็นจิตชั่ว

วิญญาณคนตายก็เป็นจิตเหมือนกันครับ
:D

สืบเนี่องจากที่คุณ HOLY ตอบว่า
"เราจะพบรูปแบบของจิตอื่นๆหรือความเชื่ออื่นๆ เราจะพบอีกว่าจิตนั้นไม่ได้ทำชั่วเหมือนกรณีที่ผีสิงคนแล้วพยายามทำร้ายคนที่โดนสิง"

ขอเรียนถามว่า
1. จิต ไม่ดีทำดีได้ไหม แปลง่ายๆ คือ ปีศาจทำดีได้ไหม
2. ไม่ถามว่าเทวดาทำผิดได้ไหม แต่ขอถามว่า วิญญาณของคนตายจะทำผิดอีกได้ไหม
เช่นมาหลอกลวงให้คนทำผิด
3. ผีสิง ในความเข้าใจของคนไทย เปนปีศาจหรือวิญญาณของคนตาย

ขอเรียนถามว่า
1. จิต ไม่ดีทำดีได้ไหม แปลง่ายๆ คือ ปีศาจทำดีได้ไหม

ได้ครับ แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่ทำ หรือทำก็เพื่อจุดประสงค์อื่น ต้องถามว่า ทำดีของคุณในที่นี้หมายถึงอะไร

2. ไม่ถามว่าเทวดาทำผิดได้ไหม แต่ขอถามว่า วิญญาณของคนตายจะทำผิดอีกได้ไหม
เช่นมาหลอกลวงให้คนทำผิด

ได้ครับ ส่วนเทวดาถ้ามาหลองลวงคนในทำผิด ถือว่าเป็นปีศาจครับ

3. ผีสิง ในความเข้าใจของคนไทย เปนปีศาจหรือวิญญาณของคนตาย

ในประเทศไทย ผมเคยเจอคนผีเข้า ทั้งในฐานะวิญญาณคนตายมาสิง และในฐานะที่มันเป็นปีศาจครับ โดยเฉพาะกรณีที่เป็นปีศาจนั้น มันกลัวพระเยซูและแม่พระมาก

เคยได้ฟังบาทหลวงคาทอลิกพูดว่า เคยเห็นหญิงชาวพุทธถูกผีเข้า และผีตนนั้นให้เธอเปลี่ยนเป็นคาทอลิก ผีตนนั้นเข้าอยู่หลายครั้งจนครอบครัวของเธอต้องยอมให้เธอเปลี่ยนศาสนา อย่างนี้เรียกว่าเป็นความดีหรือไม่

   ขออนุญาตถามต่อ ถ้าปีศาจจะกลัวพระเป็นเจ้ามาก แล้วถ้าเป็นวิญญาณจะกลัวน้อยกว่าหรืออย่างไรและ ที่คุณโฮลี่ว่าวิญญาณสามารถทำผิดได้อีก แล้ววิญญาณเหล่านี้ออกจากนรกได้อย่างไร แล้วที่คุณกล่าวมาว่าวิญญาณทำความชั่วได้ แล้วสามารถทำความดีได้ไหม แล้ววิญญาณชั่วจะได้รับโทษอย่างไร

เคยได้ฟังบาทหลวงคาทอลิกพูดว่า เคยเห็นหญิงชาวพุทธถูกผีเข้า และผีตนนั้นให้เธอเปลี่ยนเป็นคาทอลิก ผีตนนั้นเข้าอยู่หลายครั้งจนครอบครัวของเธอต้องยอมให้เธอเปลี่ยนศาสนา อย่างนี้เรียกว่าเป็นความดีหรือไม่

เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินครับ

จำไม่ได้เหมืนกันว่าบาดหลวงท่านใดเล่าให้ฟัง นานมากแล้วนานจริงๆ รู้สึกว่าจะเป็นคุณพ่อวิจิตรไม่ก็คุณพ่อศวง แต่น่าเป็นองค์แรกมากกว่า
ขอเป็นมนุษย์เจ้าปัญหาถามต่อ ท่นใดจะกรุณาให้ความเห็นเพิ่มเติมเชิญได้ตลอดเวลา
ก. ปีศาจจะกลับใจเป็นจิตดีได้ไหม โดยเริ่มทำความดีจะได้กลับไปอยู่สวรรค์ตามเดิม เพราะเป็นปีศาจก็แจ้งชัดแล้วว่า สวรรค์มีความสุขกว่า
ข. ถ้าวิญญาณที่ต้องรับโทษชั่วนิรันดร ยังออกมาเพ่นพ่านทำชั้วต่อไปอีก จะโดนโทษเพิ่มได้อย่าง ไรอีก
เคยอ่านนานมาแล้ว คือเมื่อพลัดบ้านพลัดเมืองมา ได้อ่านหนังสือศาสนาน้อยมาก มาเจอ เวปนี้เข้าเลยดีใจมาก เลยขอคุยหน่อย เคยอ่านว่านักบุญยวง บอสโก ถ้าจำไม่ผิด เคยตกลงกับเพื่อนรักว่าถ้าใครตายไปก่อนจะมาบอกคนที่อยู่ว่า นรกมีจริงไหม เพื่อนท่านตายไปก็มาบอก
ที่คุณโฮลี่เคยสัญญากับเพื่อนแบบนี้บ้างไหม ถ้าไม่มีเรามาตกลงกันดีไหม ::) :o
เผื่อจะมีข้อมูล update ล่าสุดบ้าง ฮิฮิ

แนะนำให้อ่านเรื่องนี้คะ LL เอามาลงนานแล้ว
น่าจะเพิ่มไอเดียให้คุณได้ :D

!! เรื่องเล่าจากวิญญาณในนรก !!
http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... readid=858

จำไม่ได้เหมืนกันว่าบาดหลวงท่านใดเล่าให้ฟัง นานมากแล้วนานจริงๆ รู้สึกว่าจะเป็นคุณพ่อวิจิตรไม่ก็คุณพ่อศวง แต่น่าเป็นองค์แรกมากกว่า

ถ้าเป็นคุณพ่อวิจิตร เดี๋ยวผมจะถามท่านครับว่าเคยมีเคสแบบนี้ไม๊ เพราะผมเข้ามิซซาที่คุณพ่อเทศน์ทุกวันอังคารมา2-3ปีละ ยังไม่เคยได้ยินเลย

ขอเป็นมนุษย์เจ้าปัญหาถามต่อ ท่นใดจะกรุณาให้ความเห็นเพิ่มเติมเชิญได้ตลอดเวลา
ก. ปีศาจจะกลับใจเป็นจิตดีได้ไหม โดยเริ่มทำความดีจะได้กลับไปอยู่สวรรค์ตามเดิม เพราะเป็นปีศาจก็แจ้งชัดแล้วว่า สวรรค์มีความสุขกว่า


-------------(คิดไปคิดมาตัดช่วงนี้ออกดีกว่าครับเพราะเป็นประสบการณ์ส่วนตัว)-------------------


ข. ถ้าวิญญาณที่ต้องรับโทษชั่วนิรันดร ยังออกมาเพ่นพ่านทำชั้วต่อไปอีก จะโดนโทษเพิ่มได้อย่าง ไรอีก

อันนี้ต้องแล้วแต่พระเจ้าครับ ผมไม่ทราบได้

เคยอ่านนานมาแล้ว คือเมื่อพลัดบ้านพลัดเมืองมา ได้อ่านหนังสือศาสนาน้อยมาก มาเจอ เวปนี้เข้าเลยดีใจมาก เลยขอคุยหน่อย เคยอ่านว่านักบุญยวง บอสโก ถ้าจำไม่ผิด เคยตกลงกับเพื่อนรักว่าถ้าใครตายไปก่อนจะมาบอกคนที่อยู่ว่า นรกมีจริงไหม เพื่อนท่านตายไปก็มาบอก ที่คุณโฮลี่เคยสัญญากับเพื่อนแบบนี้บ้างไหม ถ้าไม่มีเรามาตกลงกันดีไหม ::) :o เผื่อจะมีข้อมูล update ล่าสุดบ้าง ฮิฮิ

ไม่เคยครับ ส่วนตัวมีความเชื่ออยู่แล้วว่า เราทุกคนจะกลับไปหาพระเยซูเจ้าไปอยู่ต่อหน้าพระองค์ เลยไม่ค่อยใส่ใจรายละเอียดปลีกย่อย ผมเคยทูลพระเยซุเจ้าว่า ถ้าลูกตายไป ขออยู่ที่ไหนก็ได้ที่มีพระองค์ เพราะพระองค์ทราบดีว่าที่ลูกมีสันติสุขและทนอยู่ในแดนเนรเทศนี้ได้ เพราะพระองค์ทรงอยู่กับลูกเสมอ ดังนั้น ถ้าลูกต้องไปไฟชำระ ซึ่งไม่มีพระองค์ ลูกจะทนอยู่ได้อย่างไร ลูกจะทนปราศจากพระองค์เป็นร้อยพันปีได้อย่างไร พระเจ้าของลูก คู่วิญญาณของลูก ลูกไม่ได้วางใจในคุณงามความดีของตนเองเลย แต่ลูกวางใจในความรักของพระองค์ ว่าพระองค์สัญญาว่าพระองค์อยู่ที่เดียวกันกับผู้ที่รักพระองค์ ดังนั้นลูกวิงวอนขอพระองค์ขอต่อพระเมตตาของพระองค์ ว่าหากจากโลกนี้ไปลูกอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่ลูกขอยังคงมีพระองค์อยู่กับลูกเสมอ แล้วลูกก็จะไม่หวาดกลัวความลำบากใดๆ พระองค์คือสมบัตินิรันดร์ที่ลูกจะไม่มีวันสูญเสียไป ลูกวิงวอนขอที่จะมีพระองค์นิรันดรบัดนี้และตลอดไป อาเมน

ขอบคุณ คุณ LL สำหรับ ข้อมูล ขอเสนอให้post    อีกครั้งสำหรับสมาชิกใหม่ เผื่อคนที่ไม่ได้เข้ามาดู post นี้
ขอขอบคุณ คุณ HOLY ที่กรุณาให้ความรุ้ และให้ความสนใจมากสำหรับคำถาม ขนาดตามมาตัดความเห็นส่วนตัวออก นิ้แสดงถึงความมุ่งม้นในงานของพระเจ้า
May God Bless you
แต่เห็นด้วยในเรื่องไฟชำระ เพราะได้อ่านข้อความก่อนที่จะถูกดึงออกไป คล้ายคุณ HOLY อธิบายเรื่องไฟชำระ จิตที่ได้รับผลกุศลและคำภาวนาจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ จะได้ไปอยู่ใกล้ชิดก้บพระองค์ได้เร็วขึ้น แต่ผู้ที่ไม่มีใครทำบุญขอมิสซาไปไห้ก็ต้องทนทุกข์ใช้โทษบาปไปจนหมดโทษจึงได้ไปอยู่กับพระองค็

และเห็นด้วยที่สุดกับความเห็นส่วนตัวของคุณ HOLY เพราะพระองค็ทรงเป็นองค์แห่งความรัก และพระเมตตา (ที่เขียนนี้ไม่ได้เอาใจใคร แต่เขียนเพราะวางใจในพระองค์)

My dear, when we - human beings - leave the physical body, after that we become entities. What kind of entities? Good or bad. (I am talking about) those who do not find God. Those who find God are God. There is no suchlike situation for them to be a good entity, positive or negative.

Angels are also entities, all the deities are all entities. Entity is not some bad name. Entity means some kind of existence without body, having power. It may be positive; it can be negative also. But we have given the name

ขออภัยที่ไม่อาจตอบเป็นภาษาอังกฤษได้ แค่อ่านก็แย่แล้ว
เห็นด้วยกับคุณ God All-knowledge หลายประการแต่พออ่านมาถึงย่อหน้าสุดท้ายที่ว่า
So, this is the cause - that man is in the make. Man is the base of everything. Man can become God, man can become angels, man (can) become deities. All the deities - creator, sustainer, destroyer - became (that) due to the action (when they were) man......................
คล้ายๆกับหลักปรัชญาที่กล่าวถึง ความจริงสูงสุด ULTIMATE REALITY
แต่มนุษย์เป็น creator ที่จะพยายามทำดีตามพระฉายาของ God
i.e. เพื่อเข้าใกล้พระเจ้า แต่ไม่ใช่เป็น พระเจ้าเสียเอง
อ่านย่อหน้านี้แล้ว ดูคล้าย ไม่คล้ายล่ะ ใช่เลย เป็นความคิดของ Lucifer who do want to be GOD
ถ้าเข้าใจผิดเพราะอ่านภาษาไม่แตกกรุณาแก้ไขด้วย

God had first to create the negative power, negativity, (in a way) that if He was all light, the negative power is total darkness. // If God is life, it is only death. // If God is only enjoyment, this other one is totally sufferings. // If God is all activity, can do everything, the other thing is totally inert material, lifeless.

So these two opposite powers came into existence. However that God power, that life power, was stronger and it created the other one but weaker than its own self. // The negative power is not a rival. It is not always an enemy because it is weaker and it can be controlled and it can work as a servant. // This is the way. If you have got an enemy and you are more powerful, you can conquer that enemy. The enemy will have to yield to you and will have to act like a friend, like a servant and will become useful. //

Then,

อยู่กับพระองค์จะมีแต่สันติสุข :D

[quote="Phulasso"]
ขอบคุณ คุณ LL สำหรับ ข้อมูล ขอเสนอให้post

ตอบคุณ God All-knowledge
เป็นแนวความเห็นที่เอาหลักการแนวคิดหลายๆอันมาปนกัน
เพราะดูสับสน เอาหลายเรื่องมารวมไว้เป็นเรื่องเดียวกัน
จนชักสงสัยว่าเราคุยเรื่องเดียวกันหรือไม่
ในย่อหน้าแรก ที่ว่า GOD สร้าง negative power
คือมีทั้งดีชั่วในองค์เดียวเหมือนปรัชญาตะวันออก เรื่องหยินหยาง
ผสมกับเรื่องเทพเจ้าของกรีก ZEUS

Post ก่อนนี้ก็เป็นหลักของศาสนาพุทธ เรื่องการบำเพ็ญบารมี เพื่อเข้าสู่นิพพาน
และมีระดับของบารมี เพื่อชาติหน้าจะเกิดเป็นเทพ พรหม ตามบารมีที่บำเพ็ญ
จะมีมนุษย์กี่คนก็ได้ ถ้าสามารถบำเพ็ญบารมีเพียงพอ สำหรับภพนั้นๆ

สุดท้ายก็ใช้หลักศาสนาคริสต์ พูดถีง พระฉายาของพระเป็นเจ้า
ว่าสร้างเราให้ไว้เป็นผู้รับใช้ (ไบเบิลว่าเราเป็นลูกของพระองค์นะ)
แล้วอธิบายว่า GOD มาแข่งกับมนุษย์เอง มนุษย์เราอยู่ของเราเฉยๆ
เลยไม่ทราบว่า คุณ God All-knowledge นับถือศาสนาลัทธินิกายอะไร
God ของคุณ God All-knowledge หมายถึงอะไร
(หลายTheory มากๆ หรือภาษาอังกฤษอ่อนแอก็ไม่รู้)

เพราะผู้ที่เขียนตอบอยู่นี้คือ คาทอลิก ที่มีความเชื่อที่ว่า
จงนมัสการพระเป็นเจ้าผู้เดียวของเจ้า
(และอย่ายกตนขึ้นเท่าเทียมพระเจ้า)
Good luck, May GOD bless you.

ขอเพิ่มเติมอีกนิด
การใช้ภาษานั้น ขออ้างหลักตรรกวิทยาก่อนว่า
ต้องเข้าใจด้วยว่าภาษามนุษย์มีความบกพร่องมากๆ
เช่น ถ้าเราพูดว่าพระเจ้าทรงสรรพานุภาพ มีอำนาจ ไม่มีอะไรที่พระเจ้าทำไม่ได้
สมมติ นาย ก ขอประทานอาหารที่อร่อยที่สุด อย่าให้มีอาหารอะไรอร่อยกว่านี้อีก
พระเจ้าประทานให้
ต่อมา นาย ข ขอประทานอาหารที่อร่อยกว่านาย ก
พระเจ้าก็จะไม่สามารถประทานให้ได้อีกแล้วเพราะไปให้อาหาร นาย ก อร่อยที่สุดแล้ว
จะสรุปว่า พระเจ้าไม่มีอำนาจสูงสุด เพราะประทานอาหารที่อร่อยกว่าของนาย ก
ให้นาย ขไม่ได้แล้ว

การสรุปเช่นนี้เรียกว่า False Analogic
เห็นความบกพร่อง ความไม่สมบูรณ์ของภาษาไหม

แม้แต่คำว่า
พระเจ้าทรงสรรพานุภาพ มีอำนาจ ไม่มีอะไรที่พระเจ้าทำไม่ได้
ภาษาก็ไม่เพียงพอและดีพอที่จะอธิบาย หรือเข้าใจพระเจ้าได้ทั้งหมด

เราเป็น image of GOD ไม่ได้แปลว่าเราเท่ากับ GOD
เช่นถ้าเราสรุปว่า
เราเป็นวิหารของพระเจ้า แปลว่า พระเจ้าสถิตย์อยู่กับเรา
แต่ อย่า อย่า อย่างเด็ดขาด ที่จะแปลต่อไปว่า ดังนั้น เราเท่ากับพระเจ้า
อย่างไรก็ตามมีคนจำนวนมากที่แปลหรือตีความเช่นนี้

Good luck, May GOD bless you.

Not as you understand. Further information may make you misunderstand the wording more.
Then you may know that what we understand from the word are different. What about the Bible we understand?

In Bible, Jesus said "I and my Father are one".
It means we are micro God and can become one with God. Work in oneness as per His Will.
Only who are one can work with ONE will.

If a drop of water is put into an ocean, then it become an ocean. It will act as Ocean in Oneness. So, we are now a drop and God is like an ocean. Incomparable in His greatness.
But the time will come when we join with Him because we have separated from Him.

"With no wise (become innocent children), you can enter the Kingdom of God."
You need to think nothing. Just absorb in Him. Just go Home.

หมายถึงการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าใช่ไม๊ครับ

กรณีพระเจ้าสร้างความชั่วหรือเปล่า ลองอ่านอันนี้ครับ



ความชั่วมีอยู่จริงหรือ ?

ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่งได้ถามนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ด้วยคำถามนี้. พระเป็นเจ้าสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาจริงหรือ? นักศึกษาพากันตอบว่า "พระเจ้าทรงสร้างจริง"

"พระเป็นเจ้าสร้างทุกสิ่งทุกอย่างจริงหรือ? ศาสตราจารย์ถาม

"จริง", นักศึกษาตอบ.

ศาสตราจารย์พูดต่อว่า , "ถ้าหากพระเป็นเจ้าสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมาจริง ดังนั้นพระเป็นเจ้าก็สร้างความชั่วร้ายขึ้นมาด้วย และเนื่องจากความชั่วร้ายมีอยู่จริง ตามหลักตรรกะที่เราเรียนมา พระเป็นเจ้าก็คือความชั่วร้ายนั่นเอง นักศึกษาพากันเงียบกริบ ศาสตราจารย์ดูมีท่าทีพึงพอใจและคุยโวว่า เขาได้พิสูจน์อีกครั้งว่าความเชื่อทางคริสตศาสนานั้นเป็นแต่เพียงเรื่องงมงายเท่านั้น

นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นและขอพูด "ผมจะขอถามคำถามท่านเรื่องหนึ่งได้ไหมครับศาสตราจารย์?"

"ได้ซิ แน่นอน", ศาสตราจารย์ตอบ .

นักศึกษาคนนั้นยืนขึ้นและถาม, "ศาสตราจารย์ครับ, ความเย็นมีอยู่จริงหรือไม่ครับ ?"

"เธอถามคำถามอะไรของเธอนี่ ? แน่นอนมันย่อมมีอยู่จริงนะซิ. เธอไม่เคยรู้สึกหนาวเย็นบ้างเลยหรือไง?" นักศึกษาคนอื่นๆต่างงุนงงในคำถามของหนุ่มคนนั้น

นักศึกษาหนุ่มพูดต่อ , "ความจริงนะครับ , ความเย็นไม่มีอยู่จริง. ตามกฎทางฟิสิกส์, สิ่งที่เราเรียกว่าความเย็นนั้นแท้ที่จริงคือการขาดความร้อน สสารสามารถส่งผ่านและถ่ายเทความร้อนกันได้ และความร้อนก็ถ่ายเทจากสสารหนึ่งไปสู่สสารหนึ่ง ศูนย์องศาสมบูรณ์ (Absolute zero = -460 degrees F) ก็คือการขาดความร้อนโดยสิ้นเชิง ในสภาวะเช่นนั้นสสารจะเฉื่อยและไม่มีปฏิกิริยาต่ออุณหภูมิ-- ความเย็นไม่มีอยู่จริง เรานิยามคำนี้ขึ้นเพื่ออธิบายถึงความรู้สึกเมื่อเราขาดความร้อนเท่านั้นครับ."

และนักศึกษาหนุ่มก็พูดต่ออีกว่า , "ศาสตราจารย์ครับ แล้วความมืดมีอยู่จริงหรือไม่ครับ? "

ศาสตราจารย์ตอบ "แน่นอนมันมีอยู่จริง."

นักศึกษาจึงพูดขึ้น , "ท่านตอบผิดอีกครั้งแล้วครับ , ความมืดไม่มีอยู่จริงหรอก . แท้จริงความมืดก็คือการขาดแสงสว่าง เราสามารถศึกษาเรื่องของแสงได้ แต่เราไม่สามารถศึกษาเรื่องความมืดได้เลย เราใช้แก้วปริซึมในการแยกแสงออกเป็นหลายสีและศึกษาช่วงความถี่ของแสงแต่ละสีได้ แต่คุณไม่สามารถวัดค่าของความมืด รังสีของแสงสามารถเข้าไปในโลกของความมืดและทำให้มันสว่างไสว ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าอวกาศมืดมากน้อยแค่ไหน? ก็โดยการวัดปริมาณของแสงสว่างที่มีอยู่ใช่ไหม? ความมืดเป็นคำนิยามที่มนุษย์ใช้เพื่ออธิบายถึงสิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่มีแสงสว่างนั่นเอง ."

สุดท้ายนักศึกษาหนุ่มคนนี้ก็ถามคำถามอีก, "ท่านครับ แล้วความชั่วมีอยู่จริงหรือไม่ครับ ?"

คราวนี้ศาสตราจารย์ตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจ "แน่นอน ตามที่ฉันบอกเอาไว้แล้ว เราก็เห็นอยู่ทุกๆวันนี่นา ในชีวิตประจำวันของเรา มีอาชญากรรมและความรุนแรงอยู่ทุกหนทุกแห่งในโลกซึ่งก็คือความชั่วร้ายนั่นแหละ."

นักศึกษาตอบอีก , "ความชั่วไม่มีอยู่จริงหรอกครับท่าน, หรือมิฉะนั้นมันก็ไม่มีอยู่ด้วยตัวของมันเอง. ความชั่วก็คือการขาดพระเป็นเจ้า มันก็เหมือนกับความมืดและความเย็นนั้นแหละครับ มันเป็นคำนิยามที่มนุษย์ใช้อธิบายถึงการขาดพระเป็นเจ้า พระเป็นเจ้าไม่ได้สร้างความชั่วร้ายขึ้นมา ความชั่วร้ายแตกต่างจากความเชื่อหรือความรักซึ่งมีอยู่จริง เช่นเดียวกับแสงสว่างและความร้อน ความชั่วร้ายเป็นผลลัพท์ที่เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ไม่มีความรักของพระเป็นเจ้าในหัวใจของเขา เช่นเดียวกับความเย็นที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีความร้อน หรือความมืดที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีความสว่างนั้นแหละครับ ."

ศาสตราจารย์หย่อนตัวลงนั่ง นิ่งอึ้งไป.

นักศึกษาหนุ่มผู้นั้นมีชื่อว่า - อัลเบริต ไอน์ไสตน์

ความคิดเรื่องน้ำและมหาสมุทรดูคล้ายกับแนวความคิดเรื่องปรมาตมันหรือวิญญาณสากลเลยครับ ผมไม่ทราบว่าในพระคัมภีร์มีกล่าวเอาไว้หรือไม่ว่าวิญญาณจะกลับไปรวมกับพระเป็นเจ้า

ถ้า พระเจ้าคือองค์ความสมบูรณ์

ถามว่า สิ่งที่สมบูรณ์แล้วยังเติมอะไรเพิ่มได้อีกหรือไม่ และยังขาดอะไรหรือยังมีที่ว่างให้เติมอะไรลงไปในความสมบูรณ์ได้อีกหรือไม่

และมนุษย์นั้น แม้เป็นจิตไปแล้วถือว่าสมบูรณ์เท่าพระเจ้าหรือยัง พระเยซูเจ้าตรัสไม่ใช่หรือว่า มันแค่ระดับทูตสวรรค์

มธ 22:30
เมื่อมนุษย์จะกลับคืนชีพ จะไม่มีการแต่งงานเป็นสามีภรรยากันอีก แต่เขาจะเป็นเหมือนทูตสวรรค์

การที่เหมือนแค่ทูตสวรรค์นั้นถือว่าเทียบเท่าพระเทวภาพของพระเจ้า ที่สมบูรณ์พร้อมแล้วหรือไม่ ถ้าไม่ สิ่งที่ไม่สมบูรณ์ เข้าไปรวมกับความสมบูรณ์ได้อย่างไร

ในเมื่อพระธรรมชาติพระเจ้า ธรรมชาติของทูตสวรรค์ และธรรมชาติของมนุษย์ ก็ยังถือว่าเป็นคนละแบบกัน

การเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้านั้น อาจมองในแง่ว่า Unity มากกว่า Reunion ก็ได้นะครับ

God-All knowledge เขียน: Not as you understand. Further information may make you misunderstand the wording more.
Then you may know that what we understand from the word are different. What about the Bible we understand?

In Bible, Jesus said "I and my Father are one".
It means we are micro God and can become one with God. Work in oneness as per His Will.
Only who are one can work with ONE will.

If a drop of water is put into an ocean, then it become an ocean. It will act as Ocean in Oneness. So, we are now a drop and God is like an ocean. Incomparable in His greatness.

ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีแหละ
พระเยซูเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา
แล้วทำให้เราเป็น micro God ไปได้อย่างไร ??? ???

ขอบคุณคุณ kalayanasuntara ที่กรุณาอธิบาย หลักของศาสนาฮินดูเรื่อง อัตตมันและปรมาตมัน
และคุณHoly ท่กรุณาขยายความในหลักของคริสตศาสนา

ที่คุณ Holy post นั้นตรงกับคำสอนของศาสนาครับ

Christ gave you 2 topmost commandments that hang over all Prophets and all religions.

First: "Seek ye first the kingdom of God" and "Be ye perfect as your Father in heaven are perfect"

Second: "Love your Father God with all thy Heart, all thy Soul and all thy Strength"

Love is to unite you to be ONE, Love cannot be Two.

"Be ye perfect", this sentence is the present tense.
It means He want you to be perfect now, here, then forever.

If Christ has come here again, how could you recognise Him?
How could you recognise Him?

เรื่อง จิต และ พระเจ้า
สำหรับคริสตชน ได้รับการไขแสดงจากพระเจ้า
และให้นำความจริงไปอธิบายแก่ผู้ที่ไม่รู้และไม่รู้จักพระเจ้า
เพราะพระเจ้าต้องมีหนึ่งเดียว เป็น องค์ความจริง
แต่ขณะเดียวกัน มนุษย์ในทุกส่วนของโลกก็พยายามที่จะอธิบายและเรียนรู้สิ่งที่ไม่รู้
จึงเกิดคำอธิบายมากมายขึ้นในโลก
ดังนั้นคริสตชน จึงต้องแม่นยำในความจริงที่ได้รับการไขแสดงที่อธิบายถึงพระเจ้าที่เป็นจริง
หากมิฉะนั้น ก็จะมีพระเจ้าหลายๆรูปแบบ ซึ่งไม่ใช่พระที่เป็นองค์ความจริงสูงสุด
เพราะอธิบายแบบนี้ก็คล้ายๆ แบบนั้นก็ ใช่นะ
เลยเผลอๆไหว้นมัสการไปทั่ว เผื่อเหนียว
แบบที่ชอบพูดกันว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
เรียกว่าลืมพระบัญญัติข้อแรกไปเลย
:P :P :P

ผมว่าเราลองอ่านพระคัมภีร์ข้อนี้กันดูดีไม๊ครับ

1คร 12:12-30 การเปรียบเทียบกับร่างกาย
แม้ร่างกายเป็นร่างกายเดียว แต่ก็มีอวัยวะหลายส่วน อวัยวะต่าง ๆ เหล่านี้แม้จะมีหลายส่วนก็ร่วมเป็นร่างกายเดียวกันฉันใด พระคริสตเจ้า ก็ฉันนั้น เดชะพระจิตเจ้าพระองค์เดียว เราทุกคนจึงได้รับการล้างมารวมเข้าเป็นร่างกายเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวหรือชาวกรีก ไม่ว่าจะเป็นทาสหรือไทยก็ตาม เราทุกคนต่างได้รับพระจิตเจ้าพระองค์เดียวกัน ร่างกายไม่ได้ประกอบด้วยอวัยวะส่วนเดียว แต่มีอวัยวะหลายส่วน ถ้าเท้าจะพูดว่า