*** การช่วยตัวเอง บาปหรือไม่อย่างไร? ***
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
เห็นพี่-น้องหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในบอร์ดแห่งนี้ มีปัญหาเรื่องนี้กันเยอะมาก พี่เลยเอาบทความที่พ่อจั่วเขียนไว้มาให้ได้อ่านกัน อาจจะดูยาวไปซะนิดนึง แต่คิดว่า ค่อยๆอ่านไปเรื่อยๆแล้วจะเข้าใจได้ด้วยตัวเองว่า บาป หรือ ไม่บาปนะค่ะ แล้วที่ต้องมาตั้งกระทู้แยกจากกระทู้เก่า " แพ้การประจญทางเพศ "เพราะจะได้สะดวกในการอ่าน และหาทางแก้ไขได้อย่างถูกต้องแท้จริง ซึ่งกระทู้เก่าก็มีผู้ที่ให้ความเห็นผิดบ้าง ถูกบ้าง หวาดเสียวบ้าง พี่หวังว่า บทความนี้จะช่วยให้พี่-น้องทุกท่านที่มีปัญหาอันหนักอกใจอันนี้ ได้สบายใจ และ ผ่อนคลายเรื่องนี้กันลงได้บ้างนะค่ะ อ้อ...สาวๆก็อ่านได้ด้วยนะค่ะ เอาไปเป็นความรู้ ไปเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น พี่มั่นใจว่า เราคงไม่ค่อยได้ใช้บริการเรื่องนี้กันซะเท่าไหร่นิ
การช่วยตัวเองทางเพศนั้นบาปหรือไม่อย่างไร?
คุณพ่อ ไพบูลย์ อุดมเดช C.Ss.R.
( มิถุนายน 2001)
จากหนังสือคำสอนเล่มใหม่ที่ประกาศใช้โดยพระสันตะปาปายอห์นพอลที่สอง ข้อที่ 2396 บอกว่าโดยตัวมันเองการช่วยตัวเองทางเพศเป็น บาป ครับ รวมทั้งบาป Fornication, (การใช้เพศนอกศีลแต่งงาน) Homosexual, Pornography) เป็นบาปที่ตรงกันข้าม หรือผิดต่อความบริสุทธิ์
ในแง่นี้จะสังเกตว่านักเทววิทยาเองพยายามเน้นให้เข้าใจคำว่า บาป หรือ Sin ให้กระจ่างด้วย เนื่องจากพฤติกรรมของคนเรานั้นจะเข้าข่ายของบาปได้ต้องพิจารณาถึง สิ่งที่ทำ เจตนาผู้กระทำ และสภาพแวดล้อมนั้นๆ เนื่องจากไม่สามารถจะบอกลงไปได้ว่าพฤติกรรมของคนๆ หนึ่งที่ช่วยตัวเองทางเพศนั้นเกิดขึ้นมาจากแรงกระตุ้นอะไร เพราะฉะนั้นต่อคำถามที่ว่าบาปหรือไม่นั้น ตัวของมันเองนั้นเป็นบาป แต่คนที่ได้กระทำนั้นได้กระทำบาปหรือเปล่าอันนี้ไม่สามารถจะตอบได้ เพราะเป็นเรื่องของเจ้าตัวเองว่ามีเจตนาเช่นไร
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากบุคคลถูกรุมล้อมด้วยแรงกดทางภายนอกให้เขาต้องเครียด เขาอาจต้องปลดปล่อยความเครียดนั้นในชวยตัวเองทางเพศ หรือบุคคลมีความผิดปรกติทางฮอร์โมนผิดปรกติก็จะถูกกดดันให้เขาต้องกระทำแม้ใจของเขาไม่อยากดังนี้เป็นต้น
การที่จะบอกว่าคนหนึ่งคนใดทำบาปหรือเปล่านั้นเรามนุษย์ไม่สามารถจะตัดสินใครได้เนื่องจากเราไม่รู้สภาพแวดล้อม สภาพของจิตใจของผู้ใดได้ พระศาสนจักรได้วางมาตรการไว้กว้างๆ ตามบัญญัติสิบประการดังที่เราทราบดีว่าเป็นบัญญัติของพระเป็นเจ้า อย่างไรก็ตามก็ต้องมีการตีความ และแจกแจงเหตุผลว่าพฤติกรรมนั้นๆ เข้าข่ายผิดมากผิดน้อยเพียงใดต่อพระบัญญัติ
นักจริยศาสตร์ในยุคปัจจุบันอยากเปลี่ยนแนวคิดของคริสตชนเราให้หันมามองด้านบวกมากกว่าด้านลบ ความหมายคือ แทนที่คนเราจะมองแต่ด้านบาปมากเกินไปก็ให้หันมามองด้านความเมตตาของพระเป็นเจ้าให้มากขึ้น โดยพยายามอธิบายว่า คนเราเกิดมาพร้อมกับความอ่อนแอ การตกลงในความผิดหรือไม่ได้มาตรฐานตามกฏนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอในความเป็นมนุษย์ ขอให้เรามองไปที่พระเมตตาและเน้นการกลับใจให้มากขึ้น อันที่จริงเพราะบาปนั่นเองพระผู้ไถ่ถึงได้เสด็จมาเพื่อเรา นั่นคือผลดีที่เกิดจากบาป
ท่าทีของนักเทวศาสตร์เกี่ยวกับบาปคืออะไร?
คำสอนของเราบอกว่าบาปแบ่งได้สองประการคือ บาปหนัก และเบา นักเทวศาสตร์ปัจจุบันมองว่า คนเราจะทำบาปหนักบริสุทธิ์จริงๆได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายนักเพราะนั่นหมายความว่า เขาจะต้องรักตัวบาปนั้นจริงๆ เต็มหัวใจ เขาจะต้องต่อต้านพระเป็นเจ้าจริง กระนั้นก็ตามไม่ได้บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะคนประเภทนี้ก็มีเหมือนกัน แต่ถ้าจะนับเป็นจำนวนแล้วก็น้อย ส่วนใหญ่คนเรามักจะทำบาปเนื่องจากมีแรงกดดันด้านอื่นๆ เขามาแทรก รวมถึงบาปหนักเช่นการฆ่าคน การทำแท้ง ฯลฯ ยิ่งทุกวันนี้วิทยาการด้านจิตวิทยาและการแพทย์เจริญมากขึ้น ชี้ให้เราเห็นว่าพฤติกรรมของคนเรานั้น ฮอร์โมนในร่างกาย ความผิดปรกติของยีนส์มีส่วนอย่างมากที่จะทำให้คนเราเมื่อเติบโตขึ้นมามีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบน
การตัดสินว่าพฤติกรรมหนึ่งๆ เป็นบาปโดยมิได้ตระหนักถึงความผิดปรกติของยีนส์ในร่างกายเลยนั้นก็ไม่ถูกต้อง เช่น คนเมาลืมตัวฆ่าเพื่อนด้วยโทสะ อันนี้ก็เห็นได้ชัด แต่ถ้ากรณีที่เห็นไม่ชัดแต่มีผลจริงเช่น คนที่มีความผิดปรกติทางจิตใจแล้วเขาฆ่าคนอื่น เราจะว่าอย่างไร บาปของเขานั้นเท่ากับบาปของคนที่มีจิตปรกติดีหรือ คนที่ถือว่าคนเราเกิดมาบริบูรณ์เมื่อทำผิดก็ต้องรับผลเต็มที่ แต่คนเราเกิดมาบริบูรณ์จริงหรือ คำว่าสมบูรณ์ของคนเรานั้นสมบูรณ์ขนาดไหน มองจากภายนอกหรือว่าต้องมองจากภายในด้วย นี่คือสิ่งที่ท้าทายเราในทุกวันนี้ในการมองว่าอะไรบาปหรือไม่บาป
ด้วยเหตุผลอะไรพระศาสนจักรถึงบอกว่าการช่วยตัวเองทางเพศเป็นพฤติกรรมที่ผิด?
ด้วยเหตุผลที่พระศาสนจักรถือว่า ชีวิตเป็นผลงานที่ล้ำค่าของพระเป็นเจ้า และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรามนุษย์ต้องให้ความเคารพ พฤติกรรมที่ทำให้องค์ประกอบของการกำเนิดชีวิตเสียหายโดยตั้งใจเพียงเพื่อความพึงพอใจของตัวเองเท่านั้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง (ฟังแล้วก็เข้าใจยากใช่ไหมครับ เพราะมันเป็นปัญหาที่คล้ายกับการที่เราจะแยกช่วงไหนว่าเป็นสีขาว หรือสีเทาหรือสีดำ มันแยกยากครับ ดังนั้นพฤติกรรมของเราจึงต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก แต่เจตนาเองจะถูกครอบงำด้วยแรงกดดันทั้งภายนอก และภายในก็ได้เช่นกัน เช่นนี้แล้ว เจตจำนงของเราก็มีปัญหา และนี่คือปัญหาทางจริยศาสตร์ในปัจจุบันที่กำลังเผชิญอยู่ครับว่าเราจะชี้ชัดได้อย่างไรว่าเจตจำนงอยู่ที่ใด เกิดขึ้นเมื่อได้ มีผลกระทบจากที่ไหน เมื่อไหร่บ้าง) นอกนั้นพระศาสนจักรยังถือว่า การช่วยตัวเองทางเพศขัดต่อคุณธรรมความบริสุทธิ์ และบูรณการของธรรมชาติของเพศมนุษย์
พระศาสนจักรไม่ได้เชื่อพระคัมภีร์อีกต่อไปแล้วหรือถึงพูดอะไรเหมือนไม่เคารพพระคัมภีร์เลย?
หามิได้ พระศาสนจักรยังเคารพพระคัมภีร์คือ เสียงของพระเป็นเจ้าเช่นเดิม แต่ความเข้าใจพระคัมภีร์ก็มีการพัฒนามากขึ้น พระศาสนจักรต้องตีความพระคัมภีร์อย่างรอบคอบ สิ่งที่ต้องระวังมากคือ การตีความพระคัมภีร์ตามตัวอักษรโดยมิได้เข้าใจถึงเจตจำนง และสภาพแวดล้อมของผู้เขียนในยุคนั้น ความผิดพลาดนี้พระศาสนจักรเคยทำผิดมาแล้วเมื่อใช้พระคัมภีร์เหมือนหนังสือวิทยาศาสตร์เรื่องโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล หรือตีความเรื่องการเสด็จมาอีกครั้งของพระคริสตเจ้า ดังที่เกิดปัญหาการฆ่าหมู่ของสาธุคุณ จิมส์โจนที่ กิยานาซึ่งทำให้คนตายถึงเก้าร้อยกว่าคน หรือที่เกิดเร็วๆ นี้ก่อนปีสองพันที่เกาหลี หรือที่ คานุงกุ ประเทศอูกันดาซึ่งคนตายไม่น้อยกว่าสี่ร้อยคน เพียงเพราะผู้นำหลงผิดในความเข้าใจในพระคัมภีร์ จะเห็นได้ว่าแม้พระคัมภีร์ไบเบิ้ลจะเป็นพื้นฐานทางจริยธรรมของเราก็จริงแต่เราก็ต้องพยายามเข้าใจตัวจริยธรรมนั้นเองด้วยว่าหมายถึงอะไร ลึกซึ้งเพียงใด มีผลกระทบในภาคปฏิบัติอย่างไร สภาพแวดล้อมในคำสอนของพระคัมภีร์ยุคนั้นกับยุคปัจจุบันต่างกันเช่นไร ดังจะเห็นได้จากสิ่งที่คนในอดีตถือว่าบาปเช่น การถูกเกณฑ์เป็นทหารนั้นปัจจุบันก็ไม่ถือว่าเป็นบาปแล้ว (แม้บางลัทธิจะยังถืออยู่เช่น กลุ่มพี่น้องพยานยะโฮวา) บาปการหักดอกเบี้ยซึ่งอดีตถือว่าผิดเพราะเป็นการขูดรีดคนจนที่มากู้ และผิดต่อความรัก
ในปัจจุบันนี้พระศาสนจักรก็ให้ขึ้นอยู่กับมโนธรรมของเจ้าของเงินเองว่าจะคิดดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็นต์เป็นต้น สรุปคือ พระศาสนจักรยึดถือพระคัมภีร์เป็นรากฐานทางจริยศาสตร์แน่นอนแต่ก็ไม่แนะนำให้คริสตชนตีความพระคัมภีร์ตามใจตัวเองเกินไป การสุดโต่งไม่ว่าจะซ้ายหรือขวานั้นย่อมไม่ใช่ทางไปสู่ความจริงแน่นอน
จากปัญหาดังกล่าวพ่อขอแนะนำในด้านการอภิบาลดังต่อไปนี้
หนึ่ง เมื่อเกิดความรู้สึกอยากช่วยตัวเองทางเพศ
ขอให้พยายามต่อสู้ และปัดความคิดไปทางอื่น เรียกหาพระองค์ช่วย บอกพระองค์ว่าลูกไม่อยากทำให้พระองค์เสียพระทัย นั่นจะช่วยตั้งมโนธรรมของเราให้อยู่ในทางที่ตรงได้ แม้เราจะทำผิดอีกก็จะช่วยได้ว่าเจตจำนงของเราไม่ได้ต้องการทำบาป แต่มันอาจจะเกิดจากภาวะของฮอร์โมนผลักดัน หรือสภาพแวดล้อมผลักดัน
สอง ถ้าทำผิดแล้วมโนธรรมเตือนเรา เราควรจะทำอย่างไร
ก็ให้ขอโทษพระองค์ในใจ หรืออาจทำกิจการดีอื่นชดเชย การช่วยตัวเองคงไม่ร้ายแรงถึงเป็นบาปหนัก (แต่ถ้าลุ่มหลงในมันมากเกินไปก็จะนำไปสู่บาปหนักได้เนื่องจากอภัยตัวเองจนเคยตัว) ดังนั้นการชดเชยเช่น การสวดสายประคำ การทำบุญให้ทาน การร่วมมิสซาอย่างดีก็จะช่วยชดเชยความผิดได้
สาม จำเป็นเสมอไปหรือไม่ที่ต้องบอกบาปกับคุณพ่อเวลาช่วยตัวเอง
คำตอบคือ ไม่จำเป็นเสมอไป เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่า เครื่องหมายของการกลับใจนั้นทำโดยวิธีอื่นก็ได้ เช่น ร่วมมิสซาอย่างดี สวดเรียกหาพระองค์ให้มากขึ้น ไปสวดตามวัดต่างๆ ดังนี้เป็นต้น แต่ถ้าเป็นบาปหนักอื่นก็จำเป็นต้องแก้บาปกับคุณพ่อครับเพราะพระศาสนจักรสอนว่าบาปหนักนั้นต้องการศีลแก้บาปเป็นเครื่องเยียวยา หวังว่าคงจะช่วยให้กระจ่างได้บ้างต่อปัญหาข้อนี้นะครับ
การช่วยตัวเองทางเพศนั้นบาปหรือไม่อย่างไร?
คุณพ่อ ไพบูลย์ อุดมเดช C.Ss.R.
( มิถุนายน 2001)
จากหนังสือคำสอนเล่มใหม่ที่ประกาศใช้โดยพระสันตะปาปายอห์นพอลที่สอง ข้อที่ 2396 บอกว่าโดยตัวมันเองการช่วยตัวเองทางเพศเป็น บาป ครับ รวมทั้งบาป Fornication, (การใช้เพศนอกศีลแต่งงาน) Homosexual, Pornography) เป็นบาปที่ตรงกันข้าม หรือผิดต่อความบริสุทธิ์
ในแง่นี้จะสังเกตว่านักเทววิทยาเองพยายามเน้นให้เข้าใจคำว่า บาป หรือ Sin ให้กระจ่างด้วย เนื่องจากพฤติกรรมของคนเรานั้นจะเข้าข่ายของบาปได้ต้องพิจารณาถึง สิ่งที่ทำ เจตนาผู้กระทำ และสภาพแวดล้อมนั้นๆ เนื่องจากไม่สามารถจะบอกลงไปได้ว่าพฤติกรรมของคนๆ หนึ่งที่ช่วยตัวเองทางเพศนั้นเกิดขึ้นมาจากแรงกระตุ้นอะไร เพราะฉะนั้นต่อคำถามที่ว่าบาปหรือไม่นั้น ตัวของมันเองนั้นเป็นบาป แต่คนที่ได้กระทำนั้นได้กระทำบาปหรือเปล่าอันนี้ไม่สามารถจะตอบได้ เพราะเป็นเรื่องของเจ้าตัวเองว่ามีเจตนาเช่นไร
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากบุคคลถูกรุมล้อมด้วยแรงกดทางภายนอกให้เขาต้องเครียด เขาอาจต้องปลดปล่อยความเครียดนั้นในชวยตัวเองทางเพศ หรือบุคคลมีความผิดปรกติทางฮอร์โมนผิดปรกติก็จะถูกกดดันให้เขาต้องกระทำแม้ใจของเขาไม่อยากดังนี้เป็นต้น
การที่จะบอกว่าคนหนึ่งคนใดทำบาปหรือเปล่านั้นเรามนุษย์ไม่สามารถจะตัดสินใครได้เนื่องจากเราไม่รู้สภาพแวดล้อม สภาพของจิตใจของผู้ใดได้ พระศาสนจักรได้วางมาตรการไว้กว้างๆ ตามบัญญัติสิบประการดังที่เราทราบดีว่าเป็นบัญญัติของพระเป็นเจ้า อย่างไรก็ตามก็ต้องมีการตีความ และแจกแจงเหตุผลว่าพฤติกรรมนั้นๆ เข้าข่ายผิดมากผิดน้อยเพียงใดต่อพระบัญญัติ
นักจริยศาสตร์ในยุคปัจจุบันอยากเปลี่ยนแนวคิดของคริสตชนเราให้หันมามองด้านบวกมากกว่าด้านลบ ความหมายคือ แทนที่คนเราจะมองแต่ด้านบาปมากเกินไปก็ให้หันมามองด้านความเมตตาของพระเป็นเจ้าให้มากขึ้น โดยพยายามอธิบายว่า คนเราเกิดมาพร้อมกับความอ่อนแอ การตกลงในความผิดหรือไม่ได้มาตรฐานตามกฏนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอในความเป็นมนุษย์ ขอให้เรามองไปที่พระเมตตาและเน้นการกลับใจให้มากขึ้น อันที่จริงเพราะบาปนั่นเองพระผู้ไถ่ถึงได้เสด็จมาเพื่อเรา นั่นคือผลดีที่เกิดจากบาป
ท่าทีของนักเทวศาสตร์เกี่ยวกับบาปคืออะไร?
คำสอนของเราบอกว่าบาปแบ่งได้สองประการคือ บาปหนัก และเบา นักเทวศาสตร์ปัจจุบันมองว่า คนเราจะทำบาปหนักบริสุทธิ์จริงๆได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายนักเพราะนั่นหมายความว่า เขาจะต้องรักตัวบาปนั้นจริงๆ เต็มหัวใจ เขาจะต้องต่อต้านพระเป็นเจ้าจริง กระนั้นก็ตามไม่ได้บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะคนประเภทนี้ก็มีเหมือนกัน แต่ถ้าจะนับเป็นจำนวนแล้วก็น้อย ส่วนใหญ่คนเรามักจะทำบาปเนื่องจากมีแรงกดดันด้านอื่นๆ เขามาแทรก รวมถึงบาปหนักเช่นการฆ่าคน การทำแท้ง ฯลฯ ยิ่งทุกวันนี้วิทยาการด้านจิตวิทยาและการแพทย์เจริญมากขึ้น ชี้ให้เราเห็นว่าพฤติกรรมของคนเรานั้น ฮอร์โมนในร่างกาย ความผิดปรกติของยีนส์มีส่วนอย่างมากที่จะทำให้คนเราเมื่อเติบโตขึ้นมามีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบน
การตัดสินว่าพฤติกรรมหนึ่งๆ เป็นบาปโดยมิได้ตระหนักถึงความผิดปรกติของยีนส์ในร่างกายเลยนั้นก็ไม่ถูกต้อง เช่น คนเมาลืมตัวฆ่าเพื่อนด้วยโทสะ อันนี้ก็เห็นได้ชัด แต่ถ้ากรณีที่เห็นไม่ชัดแต่มีผลจริงเช่น คนที่มีความผิดปรกติทางจิตใจแล้วเขาฆ่าคนอื่น เราจะว่าอย่างไร บาปของเขานั้นเท่ากับบาปของคนที่มีจิตปรกติดีหรือ คนที่ถือว่าคนเราเกิดมาบริบูรณ์เมื่อทำผิดก็ต้องรับผลเต็มที่ แต่คนเราเกิดมาบริบูรณ์จริงหรือ คำว่าสมบูรณ์ของคนเรานั้นสมบูรณ์ขนาดไหน มองจากภายนอกหรือว่าต้องมองจากภายในด้วย นี่คือสิ่งที่ท้าทายเราในทุกวันนี้ในการมองว่าอะไรบาปหรือไม่บาป
ด้วยเหตุผลอะไรพระศาสนจักรถึงบอกว่าการช่วยตัวเองทางเพศเป็นพฤติกรรมที่ผิด?
ด้วยเหตุผลที่พระศาสนจักรถือว่า ชีวิตเป็นผลงานที่ล้ำค่าของพระเป็นเจ้า และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรามนุษย์ต้องให้ความเคารพ พฤติกรรมที่ทำให้องค์ประกอบของการกำเนิดชีวิตเสียหายโดยตั้งใจเพียงเพื่อความพึงพอใจของตัวเองเท่านั้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง (ฟังแล้วก็เข้าใจยากใช่ไหมครับ เพราะมันเป็นปัญหาที่คล้ายกับการที่เราจะแยกช่วงไหนว่าเป็นสีขาว หรือสีเทาหรือสีดำ มันแยกยากครับ ดังนั้นพฤติกรรมของเราจึงต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก แต่เจตนาเองจะถูกครอบงำด้วยแรงกดดันทั้งภายนอก และภายในก็ได้เช่นกัน เช่นนี้แล้ว เจตจำนงของเราก็มีปัญหา และนี่คือปัญหาทางจริยศาสตร์ในปัจจุบันที่กำลังเผชิญอยู่ครับว่าเราจะชี้ชัดได้อย่างไรว่าเจตจำนงอยู่ที่ใด เกิดขึ้นเมื่อได้ มีผลกระทบจากที่ไหน เมื่อไหร่บ้าง) นอกนั้นพระศาสนจักรยังถือว่า การช่วยตัวเองทางเพศขัดต่อคุณธรรมความบริสุทธิ์ และบูรณการของธรรมชาติของเพศมนุษย์
พระศาสนจักรไม่ได้เชื่อพระคัมภีร์อีกต่อไปแล้วหรือถึงพูดอะไรเหมือนไม่เคารพพระคัมภีร์เลย?
หามิได้ พระศาสนจักรยังเคารพพระคัมภีร์คือ เสียงของพระเป็นเจ้าเช่นเดิม แต่ความเข้าใจพระคัมภีร์ก็มีการพัฒนามากขึ้น พระศาสนจักรต้องตีความพระคัมภีร์อย่างรอบคอบ สิ่งที่ต้องระวังมากคือ การตีความพระคัมภีร์ตามตัวอักษรโดยมิได้เข้าใจถึงเจตจำนง และสภาพแวดล้อมของผู้เขียนในยุคนั้น ความผิดพลาดนี้พระศาสนจักรเคยทำผิดมาแล้วเมื่อใช้พระคัมภีร์เหมือนหนังสือวิทยาศาสตร์เรื่องโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล หรือตีความเรื่องการเสด็จมาอีกครั้งของพระคริสตเจ้า ดังที่เกิดปัญหาการฆ่าหมู่ของสาธุคุณ จิมส์โจนที่ กิยานาซึ่งทำให้คนตายถึงเก้าร้อยกว่าคน หรือที่เกิดเร็วๆ นี้ก่อนปีสองพันที่เกาหลี หรือที่ คานุงกุ ประเทศอูกันดาซึ่งคนตายไม่น้อยกว่าสี่ร้อยคน เพียงเพราะผู้นำหลงผิดในความเข้าใจในพระคัมภีร์ จะเห็นได้ว่าแม้พระคัมภีร์ไบเบิ้ลจะเป็นพื้นฐานทางจริยธรรมของเราก็จริงแต่เราก็ต้องพยายามเข้าใจตัวจริยธรรมนั้นเองด้วยว่าหมายถึงอะไร ลึกซึ้งเพียงใด มีผลกระทบในภาคปฏิบัติอย่างไร สภาพแวดล้อมในคำสอนของพระคัมภีร์ยุคนั้นกับยุคปัจจุบันต่างกันเช่นไร ดังจะเห็นได้จากสิ่งที่คนในอดีตถือว่าบาปเช่น การถูกเกณฑ์เป็นทหารนั้นปัจจุบันก็ไม่ถือว่าเป็นบาปแล้ว (แม้บางลัทธิจะยังถืออยู่เช่น กลุ่มพี่น้องพยานยะโฮวา) บาปการหักดอกเบี้ยซึ่งอดีตถือว่าผิดเพราะเป็นการขูดรีดคนจนที่มากู้ และผิดต่อความรัก
ในปัจจุบันนี้พระศาสนจักรก็ให้ขึ้นอยู่กับมโนธรรมของเจ้าของเงินเองว่าจะคิดดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็นต์เป็นต้น สรุปคือ พระศาสนจักรยึดถือพระคัมภีร์เป็นรากฐานทางจริยศาสตร์แน่นอนแต่ก็ไม่แนะนำให้คริสตชนตีความพระคัมภีร์ตามใจตัวเองเกินไป การสุดโต่งไม่ว่าจะซ้ายหรือขวานั้นย่อมไม่ใช่ทางไปสู่ความจริงแน่นอน
จากปัญหาดังกล่าวพ่อขอแนะนำในด้านการอภิบาลดังต่อไปนี้
หนึ่ง เมื่อเกิดความรู้สึกอยากช่วยตัวเองทางเพศ
ขอให้พยายามต่อสู้ และปัดความคิดไปทางอื่น เรียกหาพระองค์ช่วย บอกพระองค์ว่าลูกไม่อยากทำให้พระองค์เสียพระทัย นั่นจะช่วยตั้งมโนธรรมของเราให้อยู่ในทางที่ตรงได้ แม้เราจะทำผิดอีกก็จะช่วยได้ว่าเจตจำนงของเราไม่ได้ต้องการทำบาป แต่มันอาจจะเกิดจากภาวะของฮอร์โมนผลักดัน หรือสภาพแวดล้อมผลักดัน
สอง ถ้าทำผิดแล้วมโนธรรมเตือนเรา เราควรจะทำอย่างไร
ก็ให้ขอโทษพระองค์ในใจ หรืออาจทำกิจการดีอื่นชดเชย การช่วยตัวเองคงไม่ร้ายแรงถึงเป็นบาปหนัก (แต่ถ้าลุ่มหลงในมันมากเกินไปก็จะนำไปสู่บาปหนักได้เนื่องจากอภัยตัวเองจนเคยตัว) ดังนั้นการชดเชยเช่น การสวดสายประคำ การทำบุญให้ทาน การร่วมมิสซาอย่างดีก็จะช่วยชดเชยความผิดได้
สาม จำเป็นเสมอไปหรือไม่ที่ต้องบอกบาปกับคุณพ่อเวลาช่วยตัวเอง
คำตอบคือ ไม่จำเป็นเสมอไป เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่า เครื่องหมายของการกลับใจนั้นทำโดยวิธีอื่นก็ได้ เช่น ร่วมมิสซาอย่างดี สวดเรียกหาพระองค์ให้มากขึ้น ไปสวดตามวัดต่างๆ ดังนี้เป็นต้น แต่ถ้าเป็นบาปหนักอื่นก็จำเป็นต้องแก้บาปกับคุณพ่อครับเพราะพระศาสนจักรสอนว่าบาปหนักนั้นต้องการศีลแก้บาปเป็นเครื่องเยียวยา หวังว่าคงจะช่วยให้กระจ่างได้บ้างต่อปัญหาข้อนี้นะครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ มี.ค. 03, 2010 8:31 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
ความอยากรู้เรื่องเพศของวัยรุ่น บาปหนัก หรือบาปเบา?
คุณพ่อ ไพบูลย์ อุดมเดช C.Ss.R.
(15 กุมภาพันธ์ 2001)
จากคำถามของหลายคนที่อยากทราบเรื่องบาปว่าหมายถึงอะไร และบาปหนักบาปเบาต่างกันอย่างไร รวมทั้งคำถามภาคปฏิบัติว่าดูภาพลามก และภาพยนตร์ที่มีภาพลามกนั้นจะเป็นบาปหรือเปล่าและไปรับศีลได้หรือไม่ ผมขอตอบดังต่อไปนี้
บาปคืออะไร ?
นักบุญออกัสติน (ซึ่งผมคิดว่า เป็นคนที่รู้เรื่องบาปดีที่สุดในบรรดานักบุญทั้งหลายเพราะชีวิตของท่านได้ผ่านประสบการณ์บาปทางเพศมาอย่างโชกโชน) ได้ให้คำจำกัดความของบาปว่า " ความคิด วาจา กิจการ และความปรารถนาอย่างจงใจที่ขัดแย้ง ต่อต้านกฎนิรันดร์ของพระเจ้า " ( factum, dictum, velconcupitum contra legem aeternam ) คำจำกัดความนี้ถ้าไม่พิจารณาดีๆ ก็คงจะเข้าใจลำบาก ท่านได้ให้คำจำกัดความอีกอย่างคือ ...บาปเป็นการหันหนีจากพระเจ้าไปหาสิ่งสร้าง... (Aversio a Dio, conversio ad creaturam) เห็นคำภาษาลาตินแล้วก็ไม่ต้องไปกลัวมันหรอกนะครับ ผมยกมาเพื่อให้เห็นความคมของคำลาตินเท่านั้นเอง อ่านแล้วเป็นไงครับ ไม่เข้าใจใช่ไหมครับ ไม่ต้องกังวลเพราะเป็นเรื่องปรกติ เพราะการที่จะเข้าใจบาปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อทำผิดแล้วก็ปวดร้าวอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามคำจำกัดความดังกล่าวมานั้น เมื่อเวลาผ่านไปก็มีนักเทววิทยาถกเถียงกันมาก มีทั้งที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แม้คำจำกัดความข้างต้นจะไม่ผิดแต่ก็ไม่ถูกในหลายๆ สถานการณ์ นักเทววิทยาบางคนบอกว่าท่านนักบุญออกัสตินให้น้ำหนักมากเกินไปในเรื่องกฎ บ้างก็ว่าใช้คำต่อต้านมันคลุมเครือ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม
ทีนี้ลองมาดูคำจำกัดความของหนังสือคำสอนที่เราใช้ในปัจจุบันว่า ให้ความหมายของคำว่าบาปอย่างไร ...." บาปคือ การละเมิดต่อเหตุผล ความจริง และมโนธรรมที่ถูกต้อง เป็นความล้มเหลวในความรักแท้ต่อพระเจ้า และมนุษย์เนื่องจากเขามีใจติดกับสิ่งอื่น" (คำสอนข้อ 1849) จะเห็นได้ว่า คำจำกัดความของหนังสือคำสอนในปัจจุบันจะเน้นไปที่สภาวะจิตใจของบุคคลว่าเป็นเช่นไร ขณะที่คำจำกัดความเก่าๆ นั้นเน้นไปที่กฎเป็นหลัก เช่นนี้เราจะให้เราถือสายทางใดดีล่ะ ผมคิดว่าเราอยู่ในโลกปัจจุบันถือสายคำจำกัดความของปัจจุบันดีที่สุด
เราจะเห็นได้ว่า บาปนั้นเป็นเรื่องของมโนธรรมที่รู้ตัวเองดี แจ้งชัดว่าผิดหรือขัดแย้งหรือต่อต้านกับกฎพระเจ้าหรือพระเป็นเจ้าเองมากน้อยเพียงใด จากจุดนี้เมื่อมาถึงคำว่ามากน้อยเพียงใด ก็มาถึงเรื่องบาปหนักบาปเบาล่ะ คาทอลิกเรามีบรรทัดฐานชัดเจนว่า พฤติกรรมหนึ่งจะเข้าขั้นบาปหนักก็ต่อเมื่อ
หนึ่ง... พฤติกรรมนั้นละเมิดกฎในข้อหนัก
สอง... เขาต้องรู้ตัวดีขณะที่ทำ
สาม....และเต็มใจที่จะกระทำ
จากบรรทัดฐานข้างต้นก็มาถึงคำถามว่า การดูหนังสือลามก หรือภาพยนตร์ลามกนั้นเป็นบาปหนัก หรือบาปเบา ถ้าจะให้เดาสภาพการณ์ ผมคิดว่าพฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่เกี่ยวกับการดูภาพลามก หรือภาพเปลือยที่เร่งเร้าความรู้สึกกำหนัดทางเพศนั้น เป็นภาวะการณ์ส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโตทางเพศที่เร่งเร้าโดยฮอร์โมนในร่างกายทั้งชาย และหญิง
ดังนั้นไม่น่าจะเป็นบาปหนักอะไร กระนั้นก็ตามจากจุดที่ไม่ใช่บาปหนักนี้เขาสามารถทำให้มันกลายเป็นบาปหนักได้เช่นกัน เช่น เมื่อเขาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องความกำหนัดทางเพศหรือเร่งเร้าจิตใจเรื่องนี้มากเกินไป จะทำให้ความมีเหตุมีผลของเขาถูกกลบได้ด้วยไฟราคะ และก็จะลามปามไปถึงบาปผิดทางเพศต่อผู้อื่น เช่น บาปมีเพศสัมพันธ์นอกพิธีสมรส บาปผิดทางเพศต่อสามีภรรยาผู้อื่นได้ในกรณีของผู้ใหญ่
ขอสรุปว่า สำหรับเด็กวัยรุ่นที่อยู่ในวัยกำหนัดที่ถูกเร่งเร้าด้วยฮอร์โมนในร่างกาย และสนใจภาพสรีระของเพศตรงกันข้ามนั้นทั่วไปไม่ใช่บาปหนักหรอกครับ แต่ก็อย่าแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะไม่นำไปสู่ความผิดในบาปหนักนะครับ เปรียบเหมือนกับการเอานิ้วมือเข้าไปใกล้ไฟ ยิ่งใกล้เท่าไหร่ก็ยิ่งร้อน และอันตราย ตรงนี้ผมไม่สามารถจะบอกได้ว่า ผู้ถามได้เอามือเข้าไปใกล้ไฟมากน้อยเพียงใดแล้ว
ต่อคำถามว่าเมื่อดูภาพยนตร์ลามกเหล่านั้นแล้วไปรับศีลจะทำอย่างไร ก็ทำกิจการใช้โทษบาปในใจเช่น สวดขอโทษพระองค์โดยตรง ทำบุญชดเชย หรือไปขอโทษพระองค์ในพิธีขอขมาพระเจ้าแล้วก็ไปรับปังศักดิ์สิทธิ์ด้วยใจสุภาพถ่อมตน และรักพระองค์ (ผมลองใช้คำใหม่เรียกศีลแก้บาป...อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างเอ่ย)
รักในพระองค์
ปล. อันนี้เอามาแถมให้ค่ะ
คุณพ่อ ไพบูลย์ อุดมเดช C.Ss.R.
(15 กุมภาพันธ์ 2001)
จากคำถามของหลายคนที่อยากทราบเรื่องบาปว่าหมายถึงอะไร และบาปหนักบาปเบาต่างกันอย่างไร รวมทั้งคำถามภาคปฏิบัติว่าดูภาพลามก และภาพยนตร์ที่มีภาพลามกนั้นจะเป็นบาปหรือเปล่าและไปรับศีลได้หรือไม่ ผมขอตอบดังต่อไปนี้
บาปคืออะไร ?
นักบุญออกัสติน (ซึ่งผมคิดว่า เป็นคนที่รู้เรื่องบาปดีที่สุดในบรรดานักบุญทั้งหลายเพราะชีวิตของท่านได้ผ่านประสบการณ์บาปทางเพศมาอย่างโชกโชน) ได้ให้คำจำกัดความของบาปว่า " ความคิด วาจา กิจการ และความปรารถนาอย่างจงใจที่ขัดแย้ง ต่อต้านกฎนิรันดร์ของพระเจ้า " ( factum, dictum, velconcupitum contra legem aeternam ) คำจำกัดความนี้ถ้าไม่พิจารณาดีๆ ก็คงจะเข้าใจลำบาก ท่านได้ให้คำจำกัดความอีกอย่างคือ ...บาปเป็นการหันหนีจากพระเจ้าไปหาสิ่งสร้าง... (Aversio a Dio, conversio ad creaturam) เห็นคำภาษาลาตินแล้วก็ไม่ต้องไปกลัวมันหรอกนะครับ ผมยกมาเพื่อให้เห็นความคมของคำลาตินเท่านั้นเอง อ่านแล้วเป็นไงครับ ไม่เข้าใจใช่ไหมครับ ไม่ต้องกังวลเพราะเป็นเรื่องปรกติ เพราะการที่จะเข้าใจบาปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อทำผิดแล้วก็ปวดร้าวอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามคำจำกัดความดังกล่าวมานั้น เมื่อเวลาผ่านไปก็มีนักเทววิทยาถกเถียงกันมาก มีทั้งที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แม้คำจำกัดความข้างต้นจะไม่ผิดแต่ก็ไม่ถูกในหลายๆ สถานการณ์ นักเทววิทยาบางคนบอกว่าท่านนักบุญออกัสตินให้น้ำหนักมากเกินไปในเรื่องกฎ บ้างก็ว่าใช้คำต่อต้านมันคลุมเครือ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม
ทีนี้ลองมาดูคำจำกัดความของหนังสือคำสอนที่เราใช้ในปัจจุบันว่า ให้ความหมายของคำว่าบาปอย่างไร ...." บาปคือ การละเมิดต่อเหตุผล ความจริง และมโนธรรมที่ถูกต้อง เป็นความล้มเหลวในความรักแท้ต่อพระเจ้า และมนุษย์เนื่องจากเขามีใจติดกับสิ่งอื่น" (คำสอนข้อ 1849) จะเห็นได้ว่า คำจำกัดความของหนังสือคำสอนในปัจจุบันจะเน้นไปที่สภาวะจิตใจของบุคคลว่าเป็นเช่นไร ขณะที่คำจำกัดความเก่าๆ นั้นเน้นไปที่กฎเป็นหลัก เช่นนี้เราจะให้เราถือสายทางใดดีล่ะ ผมคิดว่าเราอยู่ในโลกปัจจุบันถือสายคำจำกัดความของปัจจุบันดีที่สุด
เราจะเห็นได้ว่า บาปนั้นเป็นเรื่องของมโนธรรมที่รู้ตัวเองดี แจ้งชัดว่าผิดหรือขัดแย้งหรือต่อต้านกับกฎพระเจ้าหรือพระเป็นเจ้าเองมากน้อยเพียงใด จากจุดนี้เมื่อมาถึงคำว่ามากน้อยเพียงใด ก็มาถึงเรื่องบาปหนักบาปเบาล่ะ คาทอลิกเรามีบรรทัดฐานชัดเจนว่า พฤติกรรมหนึ่งจะเข้าขั้นบาปหนักก็ต่อเมื่อ
หนึ่ง... พฤติกรรมนั้นละเมิดกฎในข้อหนัก
สอง... เขาต้องรู้ตัวดีขณะที่ทำ
สาม....และเต็มใจที่จะกระทำ
จากบรรทัดฐานข้างต้นก็มาถึงคำถามว่า การดูหนังสือลามก หรือภาพยนตร์ลามกนั้นเป็นบาปหนัก หรือบาปเบา ถ้าจะให้เดาสภาพการณ์ ผมคิดว่าพฤติกรรมของเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่เกี่ยวกับการดูภาพลามก หรือภาพเปลือยที่เร่งเร้าความรู้สึกกำหนัดทางเพศนั้น เป็นภาวะการณ์ส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโตทางเพศที่เร่งเร้าโดยฮอร์โมนในร่างกายทั้งชาย และหญิง
ดังนั้นไม่น่าจะเป็นบาปหนักอะไร กระนั้นก็ตามจากจุดที่ไม่ใช่บาปหนักนี้เขาสามารถทำให้มันกลายเป็นบาปหนักได้เช่นกัน เช่น เมื่อเขาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องความกำหนัดทางเพศหรือเร่งเร้าจิตใจเรื่องนี้มากเกินไป จะทำให้ความมีเหตุมีผลของเขาถูกกลบได้ด้วยไฟราคะ และก็จะลามปามไปถึงบาปผิดทางเพศต่อผู้อื่น เช่น บาปมีเพศสัมพันธ์นอกพิธีสมรส บาปผิดทางเพศต่อสามีภรรยาผู้อื่นได้ในกรณีของผู้ใหญ่
ขอสรุปว่า สำหรับเด็กวัยรุ่นที่อยู่ในวัยกำหนัดที่ถูกเร่งเร้าด้วยฮอร์โมนในร่างกาย และสนใจภาพสรีระของเพศตรงกันข้ามนั้นทั่วไปไม่ใช่บาปหนักหรอกครับ แต่ก็อย่าแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะไม่นำไปสู่ความผิดในบาปหนักนะครับ เปรียบเหมือนกับการเอานิ้วมือเข้าไปใกล้ไฟ ยิ่งใกล้เท่าไหร่ก็ยิ่งร้อน และอันตราย ตรงนี้ผมไม่สามารถจะบอกได้ว่า ผู้ถามได้เอามือเข้าไปใกล้ไฟมากน้อยเพียงใดแล้ว
ต่อคำถามว่าเมื่อดูภาพยนตร์ลามกเหล่านั้นแล้วไปรับศีลจะทำอย่างไร ก็ทำกิจการใช้โทษบาปในใจเช่น สวดขอโทษพระองค์โดยตรง ทำบุญชดเชย หรือไปขอโทษพระองค์ในพิธีขอขมาพระเจ้าแล้วก็ไปรับปังศักดิ์สิทธิ์ด้วยใจสุภาพถ่อมตน และรักพระองค์ (ผมลองใช้คำใหม่เรียกศีลแก้บาป...อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างเอ่ย)
รักในพระองค์
ปล. อันนี้เอามาแถมให้ค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ มี.ค. 03, 2010 8:40 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอบคุณพ่อจั่วนะครับ ;)
และเจ๊ฟิมผู้แสนน่ารักและมีเสน่ห์ :-*
มีประสบการณ์สดๆร้อน เมื่อตอนเช้ามืด
เกือบไปเหมือนกัน :-[
อยุ่ๆนึกสวด วันทามารีอา ขึ้นมา :o
สวดไป3บทก็กลับสภาวะเดิม ::)
ขอบคุณแม่ กับพระมากครับ ;)
และเจ๊ฟิมผู้แสนน่ารักและมีเสน่ห์ :-*
มีประสบการณ์สดๆร้อน เมื่อตอนเช้ามืด
เกือบไปเหมือนกัน :-[
อยุ่ๆนึกสวด วันทามารีอา ขึ้นมา :o
สวดไป3บทก็กลับสภาวะเดิม ::)
ขอบคุณแม่ กับพระมากครับ ;)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 03, 2006 12:37 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
boylife เขียน: ถกเถียงกันไม่หยุดหย่อน ;D
;D ;D คงไม่ต้องถกเถียงกันแล้วมั๊งจ๊ะ พี่ว่าอันนี้มันก็ชัดเจนอยู่นะ ช่วงนี้มหาพรต ลด ละ เลิก พลีกรรม ถือซะว่า ทำกิจใช้โทษบาปดีมั๊ย
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
JoHenya, The Fearless เขียน: ขอบคุณพ่อจั่วนะครับ ;)
และเจ๊ฟิมผู้แสนน่ารักและมีเสน่ห์ :-*
มีประสบการณ์สดๆร้อน เมื่อตอนเช้ามืด
เกือบไปเหมือนกัน :-[
อยุ่ๆนึกสวด วันทามารีอา ขึ้นมา :o
สวดไป3บทก็กลับสภาวะเดิม ::)
ขอบคุณแม่ กับพระมากครับ ;)
*kis พึ่งมีเจ๊ยศนี่หล่ะน๊าที่ตาถึง คิๆๆๆๆๆ ดีใจด้วยจ๊ะที่เอาชนะการผจญได้ หวังว่าครั้งต่อๆไปเจ๊ยศจะเข้มแข็งและเอาชนะได้ทุกๆครั้งไป พี่เอาใจช่วยจ้า ;D ;D
เอาใจช่วยหนุ่มคาทอลิคทั่วโลกดีกว่ามั้งเจ๊ ;Dseraphim เขียน: หวังว่าครั้งต่อๆไปเจ๊ยศจะเข้มแข็งและเอาชนะได้ทุกๆครั้งไป พี่เอาใจช่วยจ้า ;D ;D
บอกตรงๆอันที่จริง
ยศค่อนข้างรำคาญนะ อะไรว้า อยู่ๆก็คับ บ่อยจริง อึดอัด :-[
ครั้งนึงเคยอยาก ตัดขายทิ้ง เลยละ >:(
แต่มาคิดแล้ว ::)
"เพศ" คือของประทานจากพระเจ้า
เพราะเจ้าสร้างอดัมกับ เอวา ก็ ชายกับหญิง
ก็ขอให้ ทุกคน มีความสุขกับเพศ ที่เป็น ของขวัญ จากพระเจ้านะครับ :-*
อ่อ แต่อย่ามาใช้ทำบาปละ :P
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 03, 2006 11:15 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
โอ้โห เจ๊ยศ คิดเสียไกลเชียว แค่เจ๊คิดว่า จ.เอาไว้ฉี่ ก็ไม่น่าจะทำให้หงุดหงิดJoHenya, The Fearless เขียน:
บอกตรงๆอันที่จริง
ยศค่อนข้างรำคาญนะ อะไรว้า อยู่ๆก็คับ บ่อยจริง อึดอัด :-[
ครั้งนึงเคยอยาก ตัดขายทิ้ง เลยละ >:(
ถ้าตัดขายใครจะซื้อละเจ๊ยศ เฮ้อ คิดยังกะมาธาดอ ของสเปนเลยเน้อ :'( *omg
- -*-St.GrEGoRY-*-
- โพสต์: 309
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2005 2:06 pm
ปัญหาที่ไม่สิ้นสุดครับ อิอิ
น้องเจี๊ยบยังฉี่ได้ ทำไมพี่จะฉี่ไม่ได้ ;DJeab Agape เขียน: โอ้โห เจ๊ยศ คิดเสียไกลเชียว แค่เจ๊คิดว่า จ.เอาไว้ฉี่ ก็ไม่น่าจะทำให้หงุดหงิด
ถ้าตัดขายใครจะซื้อละเจ๊ยศ เฮ้อ คิดยังกะมาธาดอ ของสเปนเลยเน้อ :'( *omg
อ่อ รู้ไว้ใช่ว่า
เห็นเค้าว่า มีสาร ในอัณฑะ ที่ใช้รักษา โรคอัลไซเมอร์ได้ ::)
น้องเจี๊ยบสนใจซื้อของพี่ไปรักษาน้องเจี๊ยบเองไหมละจ้ะ *kis
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เอ๊า ๆ จะมาเหนือสะดือหน่อย :-X
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
เก็บไว้เองเถอะเจ๊ เจี๊ยบนะความจำยอดเยี่ยมแล้ว รับรอง จะอยู่ไม่ถึง อัลไซเมอร์กินหรอกJoHenya, The Fearless เขียน:
อ่อ รู้ไว้ใช่ว่า
เห็นเค้าว่า มีสาร ในอัณฑะ ที่ใช้รักษา โรคอัลไซเมอร์ได้ ::)
น้องเจี๊ยบสนใจซื้อของพี่ไปรักษาน้องเจี๊ยบเองไหมละจ้ะ *kis
จะตายเสียก่อน ดิ 55555
แล้วเจ๊ปิดเทอมแล้ว ไปหาอะไรๆที่เป็นประโยชน์ ต่อตัวเอง และพระศาสนจักรทำบ้างล่ะ 8)
ไปหาน้องเจี๊ยบสุดน่ารักได้มั้ยเอ่ย :-*Jeab Agape เขียน: แล้วเจ๊ปิดเทอมแล้ว ไปหาอะไรๆที่เป็นประโยชน์ ต่อตัวเอง และพระศาสนจักรทำบ้างล่ะ 8)
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
โน่น เจ๊ไปค่ายอาสา ทำประโยชน์ให้เด็กๆด้อยโอกาส ดีกว่าJoHenya, The Fearless เขียน:
ไปหาน้องเจี๊ยบสุดน่ารักได้มั้ยเอ่ย :-*
น้องเจี๊ยบยังไม่ด้อยโอกาส อย่ามาหาเล้ย ไม่ชอบ ไม้ป่าเดียวกัน คริๆๆ *heh *gg
มีอะไรให้เสียดายเหรอครับ ???Joseph เขียน: เสียดายน้องเจี๊ยบไม่ได้อ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ ถูกลบไปแล้วครับ
ถ้าเรื่องนั้นเป็น วิทยาทานอันดีงาม
ก็เชิญพี่โจ หยิบยกมาเล่าใหม่ได้เลยครับ :)
ผู้ชายเหมือนเครื่องจักรกลในการเจริญพันธุ์เลย
บางที่มีอารมณ์กลางดึก ตอนเช้า ทุกเวลา
เอาชนะบาปนี้แค่ไม่กี่ครั้งเอง
บางที่มีอารมณ์กลางดึก ตอนเช้า ทุกเวลา
เอาชนะบาปนี้แค่ไม่กี่ครั้งเอง
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
JoHenya, The Fearless เขียน:มีอะไรให้เสียดายเหรอครับ ???Joseph เขียน: เสียดายน้องเจี๊ยบไม่ได้อ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ ถูกลบไปแล้วครับ
ถ้าเรื่องนั้นเป็น วิทยาทานอันดีงาม
ก็เชิญพี่โจ หยิบยกมาเล่าใหม่ได้เลยครับ :)
:( :( อย่าเลยเจ๊ยศ ถ้ามันเป็นเรื่องที่ดี ที่น่าอ่าน ตอนนี้คงยังอยู่ให้ได้เห็นมั๊งจ๊ะ
ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย ก็เป็น "สิ่งสร้าง" อันดีเลิศของพระเจ้าS.PAULVS เขียน: ผู้ชายเหมือนเครื่องจักรกลในการเจริญพันธุ์เลย
ทรงกำหนดเพศชายหญิง แล้ว
*พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ ตรัสแก่เขาว่า
"จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน
จง ครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน"*ปฐก. 1:28
เรื่อง เพศเป็น เรื่องที่ศักดิสิทธิ์
พระเจ้าอวยพรเรา :D
แต่เราต้องใช้มันให้เหมาะสมนะ ;)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ มี.ค. 06, 2006 11:17 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ถูก..............
อย่ามองเรื่องเพศเป็นสิ่งชั่วร้ายจ๊ะ
พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งมานั่นดี
ความรู้สึกทางเพศ...ถ้าไม่ใช่สิ่งที่ดี พระเจ้าจะทรงมาทำไม
เพียงแต่เราต่างหาก ที่ใช้มันบ่อยไป หรือ ใช้อย่างไม่เหมาะสมต่างหาก
คิดใหม่นะจ๊ะ
อย่ามองเรื่องเพศเป็นสิ่งชั่วร้ายจ๊ะ
พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งมานั่นดี
ความรู้สึกทางเพศ...ถ้าไม่ใช่สิ่งที่ดี พระเจ้าจะทรงมาทำไม
เพียงแต่เราต่างหาก ที่ใช้มันบ่อยไป หรือ ใช้อย่างไม่เหมาะสมต่างหาก
คิดใหม่นะจ๊ะ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ท่าทางเฮีย จะมีปัญหามากนะ หนูว่า พี่น่าจะเข้าเงียบภาวนา เรื่องนี้โดยเฉพาะนะฮะS.PAULVS เขียน: ผู้ชายเหมือนเครื่องจักรกลในการเจริญพันธุ์เลย
บางที่มีอารมณ์กลางดึก ตอนเช้า ทุกเวลา
เอาชนะบาปนี้แค่ไม่กี่ครั้งเอง
ถ้ามนุษย์ไม่มีอารมณ์ทางเพศโลกนี้จะเป็นอย่างไร ?
ผมเชื่อว่าหลายคนมากทีเดียวทั้งหญิงและชายมีปํญหานี้โดยเฉพาะคนโสด
สำหรับคนที่แก้ปัญหานี้ได้แล้วน่าแบ่งปันประสบการณ์การแก้ปัญหานี้
ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องตลกเลย บางคนพยายามทำเป็นเรื่องตลก หรือพยายามทำเป็นว่าเธอมีปัญหานี้ ฉันไม่มี ผมคิดว่าน่าเสียดายนะ
ปํญหาเรื่องนี้รบกวนผมนานมากจนผมไปฝึกวิปัสนากับกลุ่ม GOENKA ทำให้ปัญหานี้
เบาบางลง เวลามีอารมณ์ทางเพศเกิดขึ้นผมจะจับลมหายใจตนเองตามแนวของGOENKA
และเฝ้าสังเกตอารมณ์นั้น จนมันดับไป ทำได้อย่างนี้ทุครั้งหรือไม่ ? ไม่หรอก บางครั้งก็หลุดกับการดูภาพลามกในเน็ต ผมก็ไปสารภาพบาปก่อนรับศิล และเริ่มต้นเอาชนะมันใหม่
ผมเชื่อว่าหลายคนมากทีเดียวทั้งหญิงและชายมีปํญหานี้โดยเฉพาะคนโสด
สำหรับคนที่แก้ปัญหานี้ได้แล้วน่าแบ่งปันประสบการณ์การแก้ปัญหานี้
ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องตลกเลย บางคนพยายามทำเป็นเรื่องตลก หรือพยายามทำเป็นว่าเธอมีปัญหานี้ ฉันไม่มี ผมคิดว่าน่าเสียดายนะ
ปํญหาเรื่องนี้รบกวนผมนานมากจนผมไปฝึกวิปัสนากับกลุ่ม GOENKA ทำให้ปัญหานี้
เบาบางลง เวลามีอารมณ์ทางเพศเกิดขึ้นผมจะจับลมหายใจตนเองตามแนวของGOENKA
และเฝ้าสังเกตอารมณ์นั้น จนมันดับไป ทำได้อย่างนี้ทุครั้งหรือไม่ ? ไม่หรอก บางครั้งก็หลุดกับการดูภาพลามกในเน็ต ผมก็ไปสารภาพบาปก่อนรับศิล และเริ่มต้นเอาชนะมันใหม่
แก้ไขล่าสุดโดย sakda88 เมื่อ อังคาร มี.ค. 07, 2006 9:24 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 663
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 02, 2005 10:41 pm
- ที่อยู่: Sriracha Chonburi
- ติดต่อ:
ตีสาม เป็นเวลาของปีศาจ (เวลาที่หนักที่สุด)
เจอกับตัวเองมาหลายครั้ง
ส่วนเวลาอื่นที่เราเผลอใจไปทำบาป อันนี้เขาน่าจะเรียกว่า
เพิ่มเวลาให้ปีศาจ
ส่วนหากจะพูดถึงเรื่องว่า บาปหรือไม่อย่างไรนั้น
ผมคิดว่า ให้เราไปรำพึงภาวนา ต่อละกัน
เพราะ หลังจากรำพึงภาวนา เราก็จะได้เหตุผลจากสวรรค์
หลายๆ ด้าน ว่า ทำไมถึงผิด
จริงๆ คิดไม่ยากหรอกครับ
พระเจ้าสร้างสิ่งสร้างทั้งหลายมา เพื่อ พระองค์ เพื่อ พระสิริมงคลของพระองค์ทั้งสิ้น
มนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งในสิ่งสร้างนั้น
มนุษย์ก็จะต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างลู่เข้าหาพระผู้สร้าง
ส่วนการอื่นใดที่วิ่งไปหาสิ่งสร้างด้วยกัน อันนี้ ก็ผิดทั้งนั้น
ความเชื่อเท่านั้น นะครับ ที่จะตอบคุณได้
ส่วนความสงสัย ก็เอามากองไว้ตรงหน้าเนี่ยแหละ
แล้วค่อยรำพึงไปทีละข้อละกัน แล้วจะได้คำตอบ
ใช้ได้ทีเดียว ... อาแมน
เจอกับตัวเองมาหลายครั้ง
ส่วนเวลาอื่นที่เราเผลอใจไปทำบาป อันนี้เขาน่าจะเรียกว่า
เพิ่มเวลาให้ปีศาจ
ส่วนหากจะพูดถึงเรื่องว่า บาปหรือไม่อย่างไรนั้น
ผมคิดว่า ให้เราไปรำพึงภาวนา ต่อละกัน
เพราะ หลังจากรำพึงภาวนา เราก็จะได้เหตุผลจากสวรรค์
หลายๆ ด้าน ว่า ทำไมถึงผิด
จริงๆ คิดไม่ยากหรอกครับ
พระเจ้าสร้างสิ่งสร้างทั้งหลายมา เพื่อ พระองค์ เพื่อ พระสิริมงคลของพระองค์ทั้งสิ้น
มนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งในสิ่งสร้างนั้น
มนุษย์ก็จะต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างลู่เข้าหาพระผู้สร้าง
ส่วนการอื่นใดที่วิ่งไปหาสิ่งสร้างด้วยกัน อันนี้ ก็ผิดทั้งนั้น
ความเชื่อเท่านั้น นะครับ ที่จะตอบคุณได้
ส่วนความสงสัย ก็เอามากองไว้ตรงหน้าเนี่ยแหละ
แล้วค่อยรำพึงไปทีละข้อละกัน แล้วจะได้คำตอบ
ใช้ได้ทีเดียว ... อาแมน
When you are indulged in sexuality, then you may have a little enjoyment but you are losing great power, energy, and capabilities from your body and mind. // That enjoyment which we find is transitory, momentary // but afterwards the losses continue for our whole life. //
So, you are to know the basic rule: that you can enjoy something which is only enjoyment, but you are to try to avoid some enjoyment which is creating problems to you and difficulties to you and you have to pay very high for that. //
There are so many people who have damaged themselves with suchlike sexual processes. // When they are married, they both - the husband and wife - are generally young. // They feel like enjoying sexuality because they have got some power and strength with them. // Then the wife becomes pregnant. // It is a law that when the wife is pregnant, then there should be no sexuality at all because that will ruin the health of the child. // But they go on with their sexual process. //
The children which were born really were totally just like half dead. // Not one case , but there are so many cases. // They were living for about one year, two years, or three years, but all very, very hard, very, very hard life, // and after that they died also. // What was the cause (that) suchlike children were born in suchlike horrible condition? // Only due to the indulgence of the parents - that they had been going along and did not take care of the health of the child which is in the body of the mother. //
So, this process is involving two things: // a little taste is there, but the body is really drained out. // So, ninety percent of the diseases or weaknesses in the human beings is due to this sexual indulgence.
Thank God that it is not there in the children. // If sexuality would have been allowed for children, they could not have grown up, they would have remained only one and a half feet. // In the old age also, when man is really old, then his organs are also lying dead // and they cannot lose their energy. // If the old people also begin to lose their energy, they will, at once, die very early, very quickly, and will otherwise suffer hard. //
If it is very much prohibited, really prohibited (to) children and also no possibility (is there) to use it in old age due to the dangers from it, then why is it not dangerous in your young age even? //
However, you can use this process of sexuality, but when you are fully awakened as Soul. When a couple is to give birth to a child, then they will be able to go through this process. //
This problem should be totally solved for those people who are connected with God because when their connection are a little lifted up, raised up, they find such an intoxication, such a taste, and such a wonderful, nice feeling in the Holy WORD or in the Holy Light that they will not need any other kind of taste. //
This inner taste of light or WORD and the elixir from it will be continuous day and night // and go on filling us with every kind of powers, energy, and goodness. // So, the wise one will do some wise work and the unwise may do something which may be harmful. // So in this way, try to use your wisdom. //
So, you are to know the basic rule: that you can enjoy something which is only enjoyment, but you are to try to avoid some enjoyment which is creating problems to you and difficulties to you and you have to pay very high for that. //
There are so many people who have damaged themselves with suchlike sexual processes. // When they are married, they both - the husband and wife - are generally young. // They feel like enjoying sexuality because they have got some power and strength with them. // Then the wife becomes pregnant. // It is a law that when the wife is pregnant, then there should be no sexuality at all because that will ruin the health of the child. // But they go on with their sexual process. //
The children which were born really were totally just like half dead. // Not one case , but there are so many cases. // They were living for about one year, two years, or three years, but all very, very hard, very, very hard life, // and after that they died also. // What was the cause (that) suchlike children were born in suchlike horrible condition? // Only due to the indulgence of the parents - that they had been going along and did not take care of the health of the child which is in the body of the mother. //
So, this process is involving two things: // a little taste is there, but the body is really drained out. // So, ninety percent of the diseases or weaknesses in the human beings is due to this sexual indulgence.
Thank God that it is not there in the children. // If sexuality would have been allowed for children, they could not have grown up, they would have remained only one and a half feet. // In the old age also, when man is really old, then his organs are also lying dead // and they cannot lose their energy. // If the old people also begin to lose their energy, they will, at once, die very early, very quickly, and will otherwise suffer hard. //
If it is very much prohibited, really prohibited (to) children and also no possibility (is there) to use it in old age due to the dangers from it, then why is it not dangerous in your young age even? //
However, you can use this process of sexuality, but when you are fully awakened as Soul. When a couple is to give birth to a child, then they will be able to go through this process. //
This problem should be totally solved for those people who are connected with God because when their connection are a little lifted up, raised up, they find such an intoxication, such a taste, and such a wonderful, nice feeling in the Holy WORD or in the Holy Light that they will not need any other kind of taste. //
This inner taste of light or WORD and the elixir from it will be continuous day and night // and go on filling us with every kind of powers, energy, and goodness. // So, the wise one will do some wise work and the unwise may do something which may be harmful. // So in this way, try to use your wisdom. //
เรื่องบาปทางเพศเป็นเรื่องที่หนุ่มสาวส่วนใหญ่มักจะทำกันแต่ก็ชอบปกปิดไม่มีใครกล้ายอมรับกันง่ายๆ มีทั้งหญิงและชายพอๆ กัน ในประเทศอียิปต์เข้าให้มีการตัดปุ่มกระสันต์หรือคลิทอริส(Clitoris) ของเด็กผู้หญิงออก เพื่อเธอโตเป็นสาวจะได้ไม่มีอารมณ์ที่จะทำบาปเรื่องนี้ ซึ้งผมไม่เห็นด้วยเลยสิ่งที่พระเจ้าสร้างมาเพื่อให้เธอมีและให้เธอเกิดความสุข มนุษย์กับไปตัดของเธอทิ้งเสียผมว่าแย่มากๆ ส่วนผู้ชายตัดเพียงแต่หนังปลายองค์ชาติเท่านั้นเพราะส่วนอื่นๆ เอาไว้สืบพันธุ ที่จริงผมว่าผู้ชายทำบาปน่าจะร้ายแรงกว่า เพราะผู้ชายมีน้ำอสุจิซึ่งมีตัวอสุจิเป็นล้านๆ ตัวออกมาล้วนแต่เป็นสิ่งมีชีวิตทั้งนั้น :) แต่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็บาปเหมือนๆ กันนะครับ
ทำไมผู้หญิงถึงบาปในเมื่อพระเจ้าสร้างปุ่มคลิทอริส(Clitoris)ให้เธอเพื่อให้เธอมีความสุขเพลิดเพลินทางเพศโดยตรง สาเหตุก็มาจากบาปลามกในพระบัญญัติของพระเจ้าไงครับ แต่ถ้าทำตามพระคัมภีร์ข้อนี้ไม่บาป "4ภรรยาไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่สามีมีอำนาจเหนือร่างกายของภรรยา ทำนองเดียวกันสามีไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่ภรรยามีอำนาจเหนือร่างกายของสามี 5อย่าปฎิเสทการอยู่ร่วมกัน เว้นแต่ได้ตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่ออุทิศให้การถือศีลภาวนา แล้วจึงค่อยกลับมาอยู่ร่วมกันใหม่" (1 โครินธิ์ 7 : 4 - 5) ถ้าสามีภรรยาช่วยเหลือกันก็ไม่ผิดอะไรแต่ที่สำคัญอย่าให้น้ำอสุจิออกนอกร่างกายเชียวนะ
ช่วงนี้ขอให้ควบคุมตัวเองกันให้มากๆ ทุบตีเนื้อหนังตัวเองให้อยู่มือเพื่อจะได้เข้มแข็งในการทดลอง การทุบตีเนือหนังหมายถึงการงดตามใจตัวเอง พยายามห้ามใจตัวเองในบ้างเรื่อง จะได้ถวายแด่พระเจ้าในเทศกาลช่วงนี้
ทำไมผู้หญิงถึงบาปในเมื่อพระเจ้าสร้างปุ่มคลิทอริส(Clitoris)ให้เธอเพื่อให้เธอมีความสุขเพลิดเพลินทางเพศโดยตรง สาเหตุก็มาจากบาปลามกในพระบัญญัติของพระเจ้าไงครับ แต่ถ้าทำตามพระคัมภีร์ข้อนี้ไม่บาป "4ภรรยาไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่สามีมีอำนาจเหนือร่างกายของภรรยา ทำนองเดียวกันสามีไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่ภรรยามีอำนาจเหนือร่างกายของสามี 5อย่าปฎิเสทการอยู่ร่วมกัน เว้นแต่ได้ตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่ออุทิศให้การถือศีลภาวนา แล้วจึงค่อยกลับมาอยู่ร่วมกันใหม่" (1 โครินธิ์ 7 : 4 - 5) ถ้าสามีภรรยาช่วยเหลือกันก็ไม่ผิดอะไรแต่ที่สำคัญอย่าให้น้ำอสุจิออกนอกร่างกายเชียวนะ
ช่วงนี้ขอให้ควบคุมตัวเองกันให้มากๆ ทุบตีเนื้อหนังตัวเองให้อยู่มือเพื่อจะได้เข้มแข็งในการทดลอง การทุบตีเนือหนังหมายถึงการงดตามใจตัวเอง พยายามห้ามใจตัวเองในบ้างเรื่อง จะได้ถวายแด่พระเจ้าในเทศกาลช่วงนี้
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 09, 2006 2:18 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ถ้าจะคิดเช่นนี้.....
ก็สมควรนอนก่อนตีสามนะกั๊บ ;D
ก็สมควรนอนก่อนตีสามนะกั๊บ ;D