+ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับมารหรือซาตาน (รวบรวมมาให้พี่ Q โดยเฉพ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 2:24 am

ไม่ได้เขียนเองครับ รวบรวมมาอีกที ;) (เยอะนิดนึงแต่รับประกันความสุดยอด)


มีคนเคยกล่าวไว้ว่า "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง" คำกล่าวนี้ได้สะท้อนถึงความสำคัญที่เราจำเป็นต้องรู้จักศัตรูของเรา หากเราปรารถนาที่จะมีชัยชนะในสงคราม ในชีวิตคริสเตียนก็เช่นเดียวกัน เรารู้ว่าเรากำลังอยู่ในสงครามฝ่ายจิตวิญญาณ เราไม่ได้ต่อสู้กับมนุษย์ แต่เรากำลังต่อสู้กับเหล่าวิญญาณชั่วต่างๆ เหมือนกับที่บอกในพระธรรมเอเฟซัส 6:12 ว่า

"เพราะเรามิได้ต่อสู้กับพลังมนุษย์ แต่ต่อสู้กับเทพนิกรเจ้า และเทพนิกรอำนาจ ต่อสู้กับผู้ปกครองพิภพแห่งความมืดมนนี้ ต่อสู้กับบรรดาจิตแห่งความชั่วร้ายที่อยู่บนท้องฟ้า"

ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำความรู้จักกับศัตรูของเรา เพื่อที่เราจะได้รู้จักยุทธอุบายต่างๆของมันและระวังตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของศัตรูได้


ความงามอันก่อให้เกิดความทะนงตน
รูปภาพ

เมื่อเราพูดถึงผีมารซาตาน คนทั่วไปมักจะนึกถึงตัวประหลาดที่มีเขา 2 เขา หรือผีที่มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วพระคัมภีร์บอกเราว่าซาตานนั้นเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูง มีรูปร่างงดงาม ฉลาด เป็นทูตสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ และพระเจ้าได้ทรงตั้งให้อยู่ท่ามกลางเครูป ดังที่ปรากฏในพระธรรมเอเสเคียล 28:12 - 15

"บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงเปล่งเสียงบทคร่ำครวญเพื่อกษัตริย์เมืองไทระ และจงกล่าวแก่ท่านว่าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าเป็นตราแห่งความสมบูรณ์แบบเต็มด้วยสติปัญญาและมีความงามอย่างพร้อมสรรพ เจ้าอยู่ในเอเดนพระอุทยานของพระเจ้า เพชรพลอยทุกอย่างเป็นเสื้อของเจ้า คือทับทิม บุษราคัมน้ำอ่อน เพชร เพทาย โกเมน และมณีโชติ ไพฑูรย์ มรกต และเบริล เพชรพลอยเหล่านี้ฝังในทองคำและลวดลายแกะสลักก็เป็นทองคำ สิ่งเหล่านั้นจัดเตรียมไว้ในวันที่สร้างเจ้าขึ้นมา เราตั้งเจ้าให้อยู่กับเครูบ ผู้พิทักษ์ที่ได้เจิมตั้งไว้ เจ้าอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้า และเจ้าเดินอยู่ท่ามกลางศิลาเพลิง"


เป็นเหตุให้ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์
รูปภาพ

พระเจ้าไม่ได้สร้างซาตาน พระองค์สร้างแต่ทูตสวรรค์ ถ้าอย่างนั้นแล้วซาตานเกิดขึ้นได้อย่างไร? ซาตานเกิดขึ้นก็เนื่องจากความหยิ่งผยองของทูตสวรรค์ตนหนึ่งที่สมบูรณ์แบบ ที่คิดว่าตนเองรูปร่างงดงาม มีตำแหน่งสูงกว่าบรรดาทูตสวรรค์องค์อื่นๆ และฉลาดที่สุด ดังนั้นตนจึงสมควรที่จะได้รับการยกย่อง ได้รับการนมัสการแทนพระเจ้า

"จิตใจของเจ้าผยองขึ้นเพราะความงามของเจ้า เจ้ากระทำให้สติปัญญาของเจ้าเสื่อมทรามลงเพราะเห็นแก่ความงามของเจ้า เราเหวี่ยงเจ้าลงที่ดินแล้ว เราตีแผ่เจ้าต่อหน้ากษัตริย์ทั้งหลาย เพื่อตาของท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะเพลินอยู่ที่เจ้า"
เอเสเคียล 28:17

ความหยิ่งยโสนี้เป็นหนึ่งในความบาปที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง เหมือนกับที่บอกไว้ในพระธรรมสุภาษิต 6:16 - 19 ดังนี้

"มีหกสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงเกลียด มีเจ็ดซึ่งเป็นที่น่าเกลียดน่าชังสำหรับพระองค์ ตายโส ลิ้นมุสา และมือที่ทำโลหิตไร้ผิดให้ตก จิตใจที่คิดแผนงานโหดร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว พยานเท็จซึ่งหายใจออกเป็นคำมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง"

เพราะความหยิ่งผยองนี้เอง ซาตานจึงได้ถูกพระเจ้าขับไล่ออกจากสวรรค์ และถูกผลักให้ตกลงมายังโลกมนุษย์ ตกลงมายังปากแดนของคนตาย

"โอดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังที่ลึกของปากแดน"
อิสยาห์ 14:12-15


แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญ มันถูกกำหนดให้สตรีผู้หนึ่งมาบดขยี้หัวมัน
รูปภาพ

สำหรับชื่อของซาตานนั้นมีอยู่หลายชื่อที่เรารู้จักดีก็คือ ลูซิเฟอร์ สำหรับชื่ออื่นๆก็ได้ปรากฏในพระธรรมหลายๆตอนเช่น ดาวประจำกลางวัน โอรสแห่งพระอรุณ (อิสยาห์ 14:12) กษัตริย์แห่งเมืองไทระ (เอเสเคียล 28:12) งู (ปฐมกาล 3) พระของยุคนี้ (2 โครินธ์ 4:4) เบเอลเซบูล (มัทธิว 12:24) พ่อของการมุสา (ยอห์น 8:44) พญานาค (วิวรณ์ 12:3) เป็นต้น

ซึ่งชื่อต่างๆข้างต้นนี้ได้สะท้อนถึงลักษณะของซาตานได้เป็นอย่างดี มารนั้นเป็นผู้ฆ่าคน ไม่ตั้งอยู่ในสัจจะ ไม่พูดความจริง

"ท่านมาจากปีศาจซึ่งเป็นบิดาของท่าน
ท่านต้องการทำตามความปรารถนาของบิดาของท่าน
บิดาของท่านเป็นฆาตกรมาตั้งแต่แรกเริ่ม
เขาไม่ยืนหยัดอยู่ในความจริง
เพราะความจริงไม่อยู่ในเขา
เมื่อเขาพูดเท็จ
เขาก็พูดตามธรรมชาติของเขา
เพราะเขาเป็นผู้พูดเท็จ และเป็นบิดาของการพูดเท็จ"
ยอห์น 8:44

การกบฏก็เป็นอีกลักษณะหนึ่งของมาร เหมือนกับที่มันได้กบฏต่อพระเจ้า และได้นำทูตสวรรค์หนึ่งในสามส่วนมาเป็นพวกของมันด้วย

"เครื่องหมายยิ่งใหญ่ปรากฏในสวรรค์ คือสตรีผู้หนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า มีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ นางมีครรภ์แก่ กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจะคลอดบุตร เครื่องหมายอีกประการหนึ่งปรากฏในสวรรค์ คือมังกรใหญ่สีแดง มีเจ็ดหัวและสิบเขา แต่ละหัวสวมมงกุฎ หางของมันตวัดดวงดาวหนึ่งในสามบนท้องฟ้าให้ตกลงมาบนแผ่นดิน มังกรยืนอยู่ตรงหน้าสตรีที่กำลังจะคลอดบุตรเพื่อจะกินบุตรของนางทันทีที่คลอด นางคลอดบุตรเป็นชาย ซึ่งจะต้องปกครองชาติทั้งหลายด้วยคทาเหล็ก แต่บุตรของนางถูกคว้าตัวขึ้นไปเฝ้าพระเจ้ายังพระบัลลังก์ของพระองค์ "
วิวรณ์ 12:1-5


ดังนั้นในฐานนะที่เราเป็นคริสเตียน เราจำเป็นต้องเชื่อฟังผู้นำ เชื่อฟังหัวหน้า ผู้ปกครองบ้านเมือง แม้ว่าเราอาจจะไม่เห็นด้วยกับแนวคิดหรือนโยบายของเขาเหล่านั้นก็ตาม เพราะผู้นำเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้า หากเราขัดขืน ไม่เชื่อฟังหรือไม่ให้ความร่วมมือ ก็เท่ากับว่าเรากบฏ และการกบฏก็คือบาปนั่นเอง

"ทุกคนจงนอบน้อมต่อผู้มีอำนาจปกครอง เพราะไม่มีอำนาจใดที่ไม่มาจากพระเจ้า และอำนาจทั้งหลายที่มีอยู่ก็ได้รับจากพระเจ้าทั้งสิ้น ดังนั้น ผู้ที่ต่อต้านอำนาจก็ต่อต้านพระบัญชาของพระเจ้า และผู้ที่ต่อต้านก็จะถูกตัดสินลงโทษ "
โรม 13:1-2


พอพระเยซูกลับคืนชีพแล้ว เราก็ได้รับการไถ่ แต่มารมันยังไม่เลิกตื้อ
รูปภาพ

เรารู้ว่าที่ไม้กางเขนนั้น พระเยซูคริสต์ได้ทรงประกาศชัยชนะเหนือมารซาตาน โดยการฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาจากความตายในวันที่สาม และเราผู้ที่เชื่อในพระเจ้า เราก็มีชัยชนะเหมือมารซาตานด้วยเช่นกัน

"สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลายโดยพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา"
1 โครินธ์ 15:57

แม้ว่ามารซาตานจะเป็นผู้แพ้ก็ตาม แต่มันไม่ปรารถนาที่จะพินาศเพียงผู้เดียว มันต้องการที่จะล่อลวงมนุษย์ให้พินาศไปกับมันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ สำหรับอุบายที่มันใช้ในการล่อลวงก็มีมากมาย วัตถุประสงค์ของอุบายต่างๆนั้นก็เพื่อทำให้ชีวิตเราออกห่างจากพระเจ้า ตัวอย่างของอุบายที่ซาตานใช้ก็เช่น การกล่าวโทษ โดยเฉพาะในยามที่เราพลาดพลั้งทำบาป มันจะพยายามกล่าวโทษเรา ทำให้เรารู้สึกผิดจนไม่อยากที่จะกลับเข้ามาหาพระเจ้าอีก หากเราหลงกลอุบายของมัน ชีวิตเราก็จะห่างจากพระเจ้าและมีแนวโน้มที่จะหลงไป อย่างไรก็ตามให้เรายึดมั่นในพระสัญญาของพระองค์ที่ว่าจะยกโทษบาปทั้งสิ้นให้เราเมื่อเราสารภาพของเราต่อพระองค์

"ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเราและจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น"
1 ยอห์น 1:9


บิดาแห่งการมุสา
รูปภาพ
นอกจากการกล่าวโทษแล้ว มารมักจะพูดในสิ่งที่เราอยากฟังหรืออยากจะทำ เหมือนกับที่มันล่อลวงเอวาโดยการโกหกว่าหากกินผลไม้ต้องห้ามแล้วจะไม่ตาย และยังเสริมอีกว่าถ้ากินแล้วจะกลายเป็นเหมือนพระเจ้าที่รู้จักความดีและความชั่ว เมื่อการโกหกบวกกับความจริงและสิ่งนั้นเป็นความอยากรู้อยากเห็นของเราหรือเป็นไปตามที่ใจเราต้องการ ผลสุดท้ายก็คือความบาปนั่นเอง

" ในบรรดาสัตว์ป่าที่พระเจ้าทรงสร้างนั้นงูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่าอย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆในสวนนี้ หญิงนั้นจึงตอบงูว่า ผลของต้นไม้ต่างๆในสวนนี้เรากินได้ เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสห้ามว่าอย่ากินหรือถูกต้องเลยมิฉะนั้นจะตาย งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า เจ้าจะไม่ตายจริงดอก เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่าเจ้ากินผลไม้นั้นวันใดตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือสำนึกในความดีและความชั่ว เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าต้นไม้นั้นน่ากินและน่าดูด้วย ทั้งเป็นต้นไม้ที่มุ่งหมายจะให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากินแล้วส่งให้สามีกินด้วยเขาก็กิน"
ปฐมกาล 3:1-6

อุบายอีกอย่างที่สำคัญก็คือความหยิ่ง ความหยิ่งผยองนี่เองที่ทำให้มารซาตานถูกขับไล่จากสวรรค์ ความหยิ่งจึงเป็นเครื่องมือแห่งความตายที่น่ากลัวอีกอย่างหนึ่ง เหมือนกับครั้งที่มันได้ดลใจให้กษัตริย์ดาวิดนับจำนวนประชากรอิสราเอล ทำให้กษัตริย์ดาวิดคิดว่าการที่เขารบชนะ การที่อาณาจักรอิสราเอลได้ขยายออกไปก็เพราะกำลังทหารและความสามารถของเขา แต่แท้ที่จริงแล้วชัยชนะต่างๆนั้นล้วนแล้วแต่มาจากพระเจ้าทั้งสิ้น และเพราะความผยองครั้งนี้นี่เองเป็นเหตุให้คนอิสราเอลต้องตายถึงเจ็ดหมื่นคน

"ซาตานได้ยืนขึ้นต่อสู้อิสราเอลและดลพระทัยให้ดาวิดนับจำนวนอิสราเอล ดาวิดจึงตรัสกับโยอาบและผู้บังคับบัญชากองทัพว่า จงไปนับอิสราเอลตั้งแต่เมืองเบเออร์เชบาถึงเมืองดาน แล้วนำรายงานมาให้เราเพื่อจะได้ทราบจำนวนรวมของเขาทั้งหลาย แต่โยอาบทูลว่า ขอพระเจ้าทรงเพิ่มประชากรของพระองค์อีกร้อยเท่าของที่มีอยู่แล้ว ข้าแต่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท แต่ประชาชนนี้ทั้งสิ้นเป็นผู้รับใช้ของเจ้านายของข้าพระบาทมิใช่หรือ ไฉนเจ้านายของข้าพระบาทจึงรับสั่งเช่นนี้ ไฉนพระองค์จึงทรงนำกรรมชั่วมาสู่อิสราเอล แต่โยอาบขัดรับสั่งมิได้จึงจากไปและไปตลอดคนอิสราเอลทั้งสิ้นและกลับมายังเยรูซาเล็ม และโยอาบถวายจำนวนประชาชนที่นับได้แก่ดาวิดในอิสราเอลทั้งสิ้นมีหนึ่งล้านหนึ่งแสนคนที่ชักดาบ และในยูดาห์มีสี่แสนเจ็ดหมื่นคนที่ชักดาบ แต่ในการนับนั้นท่านมิได้รวมเลวีและเบนยามิน เพราะว่าพระบัญชาของพระราชาเป็นที่น่าเกลียดแก่โยอาบ แต่พระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยในเรื่องนี้และพระองค์ทรงลงโทษอิสราเอล"
1 พงศวดาร 21:1 - 7


แม้ว่ากลอุบายของมารนั้นจะมีมากมาย แต่เราก็สามารถเอาชนะกลอุบายเหล่านั้นได้ เคล็ดลับอยู่ที่การมีชีวิตที่ใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้า ภาวนาพระคำของพระองค์เป็นประจำ และกระทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ ให้เราลองมาดูตัวอย่างจากพระเยซูคริสต์ว่าพระองค์สามารถเอาชนะการทดลองของมารได้อย่างไร



อันนี้สำคัญมากทุกคนควรอ่าน
รูปภาพ

เมื่อครั้งที่มารได้มาผจญพระเยซูนั้น มารได้ทดสอบฤทธิ์อำนาจของพระองค์ มารได้บอกให้พระเยซูเสกก้อนหินให้เป็นขนมปัง แต่พระเยซูได้ตอบกลับโดยใช้พระวจนะจาก เฉลยธรรมบัญญัติ 8:3 ว่า

"มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า"

แม้ว่าการเสกก้อนหินนั้นจะไม่ใช่เรื่องที่ยาก แต่พระเยซูจะไม่กล่าวหรือทำอะไรตามใจตนเอง นอกจากจะพูดและทำในสิ่งที่พระบิดาทรงบัญชาเท่านั้น

"เพราะเรามิได้พูดตามใจของเรา แต่พระบิดาผู้ทรงส่งเรามา ได้ทรงบัญชาว่าเราต้องพูดอะไร และพูดอย่างไร เรารู้ว่า พระบัญชาของพระองค์เป็นชีวิตนิรันดร ดังนั้น สิ่งที่เราพูดนั้น เราก็พูดดังที่พระบิดาทรงบอกกับเรา"
ยอห์น 12:49-50

เมื่อพระเยซูทรงกระทำแต่ในสิ่งที่พระเจ้ากระทำ ดังนั้นเราก็ควรที่จะเลียนแบบพระเยซูเช่นเดียวกัน เพราะนี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการทดลองของมาร หลังจากนั้นมารได้ท้าทายสิทธิอำนาจในการเป็นพระบุตรของพระเจ้าของพระเยซู โดยการท้าให้กระโดดจากหลังคาพระวิหาร เป็นที่น่าสังเกตว่ามารนั้นก็รู้พระคัมภีร์ดี และฉลาดมากด้วย เพราะมารบอกว่าทุกสิ่งที่กล่าวในพระคัมภีร์นั้นเป็นความจริง และถ้าหากพระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้าจริง ทูตสวรรค์ก็จะต้องมารักษาพระองค์ให้ปลอดภัย หากเราไม่รู้จักพระคัมภีร์ดีพอ เราอาจจะหลงกลมันก็เป็นได้ เราจำเป็นต้องรู้และเข้าใจในพระคำของพระเจ้าเหมือนกับที่พระเยซูรู้และได้ตอบมันกลับไปว่าการทดสอบพระเจ้านั้นก็เท่ากับการขาดความเชื่อในพระเจ้า

"อย่าทดลองพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน" เฉลยธรรมบัญญัติ 6:16

เราจะเห็นได้ว่ามารไม่เคยลดความพยายามในการทดลองเรา เหมือนกับที่ได้ทดลองพระเยซู ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ถึงสามครั้ง โดยในครั้งสุดท้ายนั้นได้ใช้อำนาจ ความมั่งคั่ง และเกียรติยศมาล่อลวงพระองค์ อย่างไรก็ตามการเชื่อฟังพระเจ้านั้นสำคัญยิ่งกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลก เพราะ

"โลกกับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์" 1 ยอห์น 2:17

ความบาปและสิ่งไม่ดีต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกนั้นเป็นเพราะการไม่เชื่อฟังของมนุษย์คู่แรก ถ้าอาดัมและเอวาเชื่อฟังเหมือนกับที่พระเยซูทรงเชื่อฟังพระบิดา โลกก็คงจะไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ เมื่อพระเยซูทรงตอบมารว่า

"จงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่านและปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว" เฉลยธรรมบัญญัติ 6:13

พร้อมกับขับไล่มัน มารซาตานจึงจากไป ถ้าหากพระเยซูไม่ขับไล่มันไป มันอาจจะทดลองพระองค์ต่อก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญก็คือการที่เราต้องต่อสู้กับมารเมื่อมันมาทดลองเรา เหมือนกับที่พระเยซูได้ทรงกระทำ และการต่อสู้ของเราจะทำให้เราได้รับชัยชนะเหมือนกับที่พระเยซูได้ชนะนั้น ทั้งนี้ก็เพราะว่าเราเป็นบุตรของพระเจ้า เราอยู่ฝ่ายที่ชนะแล้ว และในพระคัมภีร์ก็บอกไว้อย่างชัดเจนว่าหากต่อสู้กับมาร มันก็จะหนีเราไป

"ท่านทั้งหลายอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า จงต่อต้านปีศาจ แล้วมันจะหลบหนีไปจากท่าน" ยากอบ 4:7
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พุธ เม.ย. 19, 2006 8:45 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 2:25 am

I.บทนำ
เมื่อเราศึกษาหัวข้อ ซาตาน และ สมุนของมัน ซึ่งถูกขนานนามว่าเหล่าภูตผี เราต้องตระหนักว่างานหลักของมันคือทำให้คนเชื่อว่ามันไม่ได้มีอยู่จริง ซาตานจะทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้มีบทเรียนบทนี้เกิดขึ้น ให้สังเกตุด้วยตัวคุณเองเถิดว่ามีกี่ครั้งที่จิตใจคุณหันเหไปจากบทเรียนนี้

ซาตานมีอยู่จริง มันเป็นหัวหน้าของเหล่าทูตสวรรค์ที่ถูกสาปลงจากสวรรค์ พระเยูได้เคยพูดถึง "มารร้ายและสมุนของมัน " พระมภีร์ได้บันทึก ชื่อ ที่มา กิจกรรม ฤทธิ์เดช และข้อจำกัดของมันและเหล่าสมุน ในฉากเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ชาติมนุษย์ ซาตานได้กระด้างกระเดื่องต่อพระเจ้า และได้ล่อมนุษย์ให้ทำผิด แต่เรารู้ว่า ผลที่สุด ซาตานจะถูกทำลายตลอดไปเป็นนิตย์

II.ข้อพระธรรม
อสย.14:12-15; อสค.28:15-17; ลก.10:18; ปฐก.3:1-19; ยบ.1:6-12; 1ซมอ.18:10; 1พศด.21:1; 2พศด.11:15; ฉธบ.18:10-12; 1ยน.3:12; ยด.6 - 9 ;มธ.2:13-16; 4:1-11;5:1-13;16:23; ลก.22:3; อฟ.2:2;6:12; กจ.5:3,16; 1ธส.2:18;2ทธ.3:1-9; 4:3-4; 1ทธ.4:1; มธ.25:41;2ธส.2:9; 2ปต.2:4; วว.12:3-12; 16:13-16; 19:20;20:1-3;20:7-10

III.แก่นแท้ของสัจจะธรรม
เรื่องของซาตานและสมุนที่ถูกสาปลงมาของมันมีปรากฏชัดเจนในพระคัมภีร์ พระคัมภีร์สอนว่า ซาตานและสมุนเป็นบุคคล เหลี่ยมคูสาระพัด และมีอำนาจชั่วร้ายต่อกิจการของมนุษย์

เราควรศึกษาซาตานและเหล่าสมุนในเรื่องเดียว เพราะว่าพวกมันเป็นผู้ที่ปฏิเสธพระเจ้า ถ้าซาตานไม่เป็นซาตาน ก็จะไม่มีสมุน (ภูตผี)

พระคัมภีร์พูดถึงอำนาจชั่วร้ายนี้เรื่อยๆเป็นลำดับ และ ยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อมีการพยากรณ์ถึงพระคริสต์ และเมื่อพระองค์มาปรากฏในสภาพมนุษย์ สงครามระหว่างพระคริสต์กับซาตานเริ่มย้อนหลังไปตั้งแต่ ปฐก.3:15 และดำเนินต่อมาจนถึงทุกวันนี้

การรู้สัจจะ จะทำให้เราเป็นไท เราต้องรู้สัจจะธรรมของพระเจ้า ขั้นต่อไปคือรู้จักองค์พระเยซูเจ้า และพระคุณที่ช่วยให้รอดพ้นจากความบาป , เราต้องรู้สัจจะธรรมเกี่ยวกับซาตาน มันเหมือนกับ " สิงห์คำราม เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกินได้ " (1ปต.5:8)

IV.สัจจะธรรมที่ยิ่งใหญ่ : ซาตานและสมุนของมัน ภาค 1

A.ที่มาของซาตาน


1. ซาตานถูกสร้างขึ้น
รูปภาพ

a. ซาตานถูกสร้างให้ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่ทูตสวรรค์(อสค.28:15) มันมีนามบนสวรรค์ว่า " ลูซิเฟอร์ โอรสแห่งพระอรุณ " (อสย.14:12)
b. พระเจ้าตรัสผ่านอิสยห์โดยเอ่ยถึงมันว่า "ลูซิเฟอร์" พระเจ้าตรัสผ่านทางเอเสเคียล โดยใช้นามบนโลกว่า "กระษัตริย์เมืองไทระ" ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ามันได้ตกต่ำด้านจริยธรรมที่สุด นามเหล่านี้แสดงถึงการมีอำนาจสูงสุด และตกต่ำสุด และความผยองเหมือนเมืองไทระ
c. ใน อสค.28:12-15 พระเจ้าตรัสถึงซาตานนอกเหนือไปจากกระษัตริย์เมืองไทระ พระเจ้าได้เอ่ยแบบอ้อมๆถึงซาตานใน ปฐก.3:14-15 และใน มธ.16:23. และยังพบใน อสย.14:12 ที่เอ่ยมาถึงนี้จะเป็นใครไม่ได้นอกจากซาตาน
d. ดังนั้นซาตานคือ "ลูซิเฟอร์ , โอรสแห่งพระอรุณ " ลูซิเฟอร์แปลว่า "ดาวประจำกลางวัน , ผู้ถือความสว่าง " (อสย.14:12) มันเป็น "ตราแห่งความสมบูรณ์แบบ เต็มด้วยสติปัญญา และมีความงามอย่างพร้อมสรรพ อยู่ในเอเดน พระอุทยานของพระเจ้า " และ "อยู่กับเครูบ ผู้พิทักษ์ที่ได้เจิมตั้งไว้"( อสค.28:12-15)


2.สภาพของซาตานก่อนล่ม
รูปภาพ

a. สภาพของซาตานก่อนล่มพบใน อสค.28:12-15 ขีดเส้นไต้ที่ข้อ12
บันทึก อสค.28:15
b. มันเป็น " เครูบ ผู้พิทักษ์ " ซึ่งเท่ากับเป็นการบ่งว่ามันเคยเฝ้าอยู่เหนือพระที่นั่งของพระเจ้า มัน "ปราศจากตำหนิในวิธีการทั้งหลายของเจ้า ตั้งแต่วันที่เจ้าได้ถูกสร้างขึ้น มาจนพบความบาปชั่วในตัวเจ้า " วลีนี้บ่งบอกว่าพระเจ้าพบความบาป ความกระด้างกระเดื่อง และความผยองในตัวมัน
c. พระเจ้าทรงสร้างทูตสวรรค์ทุกตน รวมทั้งลูซิเฟอร์ด้วย พระองค์สร้างให้ลูซิเฟอร์โดดเด่นในทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ความงาม สิทธิอำนาจ การเจิม และความสมบูรณ์
ดังนั้นพระเจ้าได้สร้างทูตสวรรค์ ลูซิเฟอร์ แต่ด้วยความบาปของความผยอง ลูซิเฟอร์จึงกลายเป็นซาตาน


///////////////////////////////

B. บาป และการล่มของซาตาน

1.อะไรทำให้ลูซิเฟอร์กลายเป็นซาตาน
รูปภาพ

a. ลูซิเฟอร์ "เครูบที่ได้รับการเจิม " กลายเป็นซาตาน โดยการนำบาปแรกเข้ามาในจักรวาล : ความผยอง
b. อสย.14:13-14 แจงรายละเอียดของบาป ให้สังเกตุวลีที่ว่า " ข้าจะ " ในข้อพระธรรมสองข้อ :
- ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์
- ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น
- ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรใกล
- ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ
- ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด

c. ลูซิเฟอร์กลายเป็นซาตาน โดยเลือกทำตามใจตนเองเหนือน้ำพระทัยพระเจ้า
บาปเริ่มเกิดขึ้นเมื่อลูซิเฟอร์กล่าวว่า " ข้าจะ "
คำถาม : บาปเริ่มที่ไหน ?
คำตอบ : ในสวรรค์ ในใจของลูซิเฟอร์

2. การล่มของซาตาน

รูปภาพ

a. พระเจ้ากำหนดการลงโทษ สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นทูตสวรรค์ หรือ มนุษย์ ต้องให้พระเจ้าเป็นศูณย์กลาง ลูซิเฟอร์ได้ทำผิดเมื่อเอาตัวเองเป็นใหญ่
b. การลงโทษของพระเจ้าคือ " เจ้ากระทำบาป เราจะกำจัดเจ้าเสียจากภูเขาแห่งพระเจ้า และเครูบผู้พิทักษ์นั้นก็ขับเจ้าออกไป.." (อสค.28:16) " โอ ดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ …"(อสย.14:12)
c. เราเช่นกันจะล่มจมเมื่อเรากล่าวว่า "ข้าจะ" และไม่ยอมกล่าวว่า "ตามน้ำพระทัยพระเจ้า "
d. พระเยซูตรัสว่า "เราได้เห็นซาตานตกจากฟ้า " (ลก.10:18)

///////////////////////////

C. ชื่อของซาตาน
รูปภาพ
1. ซาตานหมายถึง " ศัตรู " (1ปต.5:8)
2. มาร , ผู้ปรักปรำ บันทึก วว.12:9
3. เบเอลเซบูล นายผี ขีดเส้นไต้ที่ มธ.12:24
4. เบลีอัล , ผู้ตกต่ำ ที่ขอบข้างของพระคัมภีร์ ที่ตรงกับข้อพระธรรม 2คร.6:15จงเขียนคำว่า "ซาตาน "
5. งูดึกดำบรรพ์ ดู ปฐก.3:15 ; วว.12:9
6. พระแห่งโลกนี้ ขีดเส้นไต้ที่ 2คร.4:4
7. เจ้าโลก บันทึก ยน.12:31: 8. เจ้าแห่งย่านอากาศ บันทึก อฟ.2:29. พญานาค ดู วว.20:2 และขีดเส้นไต้
10. ทูตแห่งความสว่าง บันทึก 2คร.11:1411. ผู้ที่กล่าวโทษพี่น้อง ดู วว.12:10
12. พ่อของการมุสา ขีดเส้นไต้ที่ ยน.8:44


////////////////////////////

D.ขอบเขตการทำกิจของซาตาน
รูปภาพ

1. มันเข้าถึงพระที่นั่งของพระเจ้า

a. บันทึก ยบ.1:6 : ซาตานมาอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าอีก (ยบ.2:1)
b.มันยังคงเข้าถึงพระที่นั่งของพระเจ้าได้ ในส่วนสุดท้ายของ วว.12:10 มีเสียงดังว่า "เพราะว่าผู้ที่กล่าวโทษพวกพี่น้องของเราต่อพระพักตร์พระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืนนั้น ได้ถูกผลักทิ้งลงไปแล้ว "

2.มันลงมาที่โลก

a. " พระเจ้าตรัสถามซาตานว่า , ' เจ้ามาจากไหน ? ' ซาตานจึงตอบกลับไปว่า ' จากไปๆมาๆอยู่บนแผ่นดินโลก และจากเดินขึ้นเดินลงบนนั้น '" (ยบ.1:7; 2:2)
b. ซาตานปรากฏในสวนเอเดนในร่างงู ความทะเยอทะยานของซาตานคือการปรักปรำพระเจ้าโดยทำให้พระประสงค์นิรันดร์ของพระเจ้าในมนุษย์เสียหาย
ซาตานล่อลวงอีวาได้สำเหร็จ และอาดัมก็เลือกทำตาม จึงเกิดความหายนะขึ้นตามมา บาปจึงเข้ามาในใจมนุษย์ เหตุการณ์นี้เรียกว่า การล่มของมนุษย์ (ปฐก.3:1-19)
พระเจ้าตรัสถึงแผนการไถ่บาปของพระองค์ (ปฐก.3:15) เหตุการ์ตอนนี้เป็นการณ์พยากรณ์ครั้งแรกโดยตรงถึงพระเยซู ผู้เป็น "พงศ์พันธุ์ของหญิง "
c. อีกตัวอย่างหนึ่งที่บอกว่าซาตานลงมาที่โลก จะพบใน พศด.21:1,"ซาตานได้ยืนขึ้นต่อสู้อิสราเอล และดลพระทัยให้ดาวิดนับจำนวนอิสราเอล "
d. ซาตานมีความสามาถที่จะเข้าถึงในฐานะที่เป็น "เจ้าแห่งย่านอากาศ " (อฟ.2:2) มันปกครองความมืดของโลกนี้ และความชั่วร้ายเบื้องบน (อฟ.6:12)

////////////////////////////////////

E.สิ่งที่ซาตานกระทำ
รูปภาพ

1.ซาตานล่อให้คนทำบาป

a. จาก ปฐก.3:15 จนถึง มธ.4 เป้าหมายของซาตานคือขัดขวางแผนการณ์ของพระเจ้า ใน มธ.4 ซาตานเผชิญหน้ากับพระเยซู ซาตานมีโอกาศที่จะทดสอบและล่อ องค์พระผู้เป็นเจ้า(มธ.4:1-11)
ทั้งคู่ไม่ใช่คนแปลกหน้า ทั้งสองต่างรู้จักกันและกันตั้งแต่การทรงสร้างลูซิเฟอร์ (ทูตสวรรค์ถูกสร้าง และ พระเยซูเป็นผู้สร้าง )
พระเยซูชนะซาตานในการทดสอบสามครั้ง และมันจึงผละจากพระองค์
b. ซาตานเข้าดลใจยูดาสอิสคาริโอส (ลก.22:3)
c. อ่านเรื่องราวของ อานาเนีย และ สัปฟีรา (กจ.5:1-11) บันทึกข้อ 3

2. ซาตานลวงโลก

a." พระของยุคนี้ได้กระทำใจของเขาให้มืดไป "(2คร.4:4) มันทำให้ใจบอด
b.ซาตานถอนพระคำออกจากใจ (มธ.13:19)
d. ซาตานวางกับดักจับมนุษย์ "บ่วงของมาร"(2ทธ.2:26),"ยุทธอุบายของพญามาร"(อฟ.6:11) และ " มาร……เที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ "(1ปต.5:8)

3.ซาตานขัดขวางพระราชกิจของพระเจ้า

a.มันขัดขวางการรับใช้ของเปาโล บันทึก 2ธส.2:18 :
b. ซาตานใช้การกระทำที่ดูบริสุทธิ์เพื่อให้งานของมันบังเกิดผล ถ้าคนทำตาม บันทึก 2คร.2:11
c.ซาตานร่อนผู้รับใช้พระเจ้าบันทึก ลก.22:31:
d.ซาตานหว่าน เมล็ดพืชชั่วในหมู่ชนของพระเจ้า บันทึก มธ.13:38,39 :
e. ซาตานสามารถก่อปัญหาแก่ผู้รับใช้พระเจ้าได้เรื่อยๆ บันทึกคำพยานของเปาโลใน 2คร.12:7 :


///////////////////////////////////////////

F.ซาตานมีความจำกัด

รูปภาพ

1.ซาตานไม่ได้มีฤทธิเดชไปทุกสิ่ง (Omnipotent)

a. พระเจ้าจำกัดฤทธิ์เดชของซาตาน จริงอยู่ มันมีฤทธิ์เดช แต่ไม่ได้มีฤทธิ์ไปเสียทุกสิ่ง ในพระธรรม ยบ.1 และ 2เป็นการเปิดเผยข้อจำกัดของซาตาน ไม่ใช่ฤทธิ์เดชของมัน ซาตานไม่อาจบังคับมนุษย์ให้ทำบาป มันอาจจะล่อลวง แต่ไม่มีอำนาจบังคับให้ทำบาป
b. อ่าน ยบ.2:6 พระเจ้าจำกัดฤทธิ์เดชของซาตาน ขีดเส้นไต้ที่ ยบ.1:22

2.ซาตานไม่ได้รอบรู้สารพัด (Omniscient)

a. ซาตานฉลาด แต่ไม่เท่าพระเจ้า มันไม่ได้รู้ไปหมดทุกสิ่ง มันรู้จักคนที่มันจะเล่นงาน
b. บันทึก 1ปต.5:8 :
อ่าน ลก.22:31 และอ่านถ้อยคำที่พระเยซูตรัสแก่เปโตรเกี่ยวกับซาตาน

3. ซาตานไม่อาจอยู่ได้ทั่วทุกแห่ง

a. ซาตานไม่อาจอยู่ในที่มากกว่าหนึ่งแห่งในเวลาเดียวกัน เมื่อมันอยู่กับพระเยซู มันไม่อาจอยู่ในที่อื่นได้ เมื่อมันผละจากพระเยซู มีบันทึกไว้ใน มธ.4:11
b. เนื่องจากซาตานไม่อาจอยู่ทุกที่ มันจึงใช้สมุนของมัน คือปีศาจ ไปทุกที่ๆมันต้องการให้ไป มันมีอณาจักรของมันเอง พระเยซูได้ตรัสถึงอณาจักรของซาตาน (มธ.12:26)


//////////////////////////////////////////

V.สัจจะธรรมนี้สอนอะไร

รูปภาพ
บัดนี้เราได้เรียนถึงที่มาของซาตาน ชื่อของมัน ที่ๆมันทำกิจ และมันทำกิจอย่างไร อาวุธชนิดเดียวที่ใช้ปราบมันได้คือพระคำของพระเจ้า พระเยซูใช้พระคำของพระเจ้า (มธ.4) เปาโลได้สอนเราเกี่ยวกับศัตรูของเรา และวิธีปราบมัน (อฟ.6:12-17)
ซาตานมีอิสระบนโลกเท่าที่พระเจ้าอนุญาติเท่านั้น มันไม่อาจทำเลยเถิดได้ แต่เราในฐานะที่เป็นคริสเตียนต้องมีความรับผิดชอบ เราไม่ควรให้โอกาศแก่ซาตาน (อฟ.4:27) เราควรรับหนทางที่พระเจ้าให้หลีกเลี่ยงในยามถูกล่อ (1คร.10:13)
องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรามีฤทธิ์ในทุกสิ่ง รอบรู้ทุกอย่าง และ สถิตอยู่ทุกแห่ง พระองค์สถิตอยู่กับเราเสมอ (1ปต.5:7; 1ยน.4:4 )





ภาพการก่อม๊อบในสวรรค์ ก่อนถูกสาป
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พุธ เม.ย. 19, 2006 8:48 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Q
โพสต์: 103
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 5:45 am

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 2:43 am

ขอบใจมาก
แต่ว่า
รวบรวมมาจากไหนบ้างครับเนี่ย
มีที่มาไหมครับ

หลายส่วนดูเหมือนแปลมาจากหนังสือที่ผมเคยอ่านแล้วเป๊ะๆ
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 3:15 am

Q เขียน: ขอบใจมาก
แต่ว่า
รวบรวมมาจากไหนบ้างครับเนี่ย
มีที่มาไหมครับ

หลายส่วนดูเหมือนแปลมาจากหนังสือที่ผมเคยอ่านแล้วเป๊ะๆ
รวมรวมจากอินเตอร์เน็ตครับ ;D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ot@
~@
โพสต์: 989
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:44 pm

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 6:21 am

ขอบคุณพี่ปั๊มครับ ข้อมูลปึ๊กดีจริงๆ รวบรวมได้ดีฮะ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 8:20 pm

พี่ยืมไปเผยแพร่ในบอร์ดลินเนจหน่อยนะปั๊ม ^^

http://bbs.lineage2.in.th/l2bbs/freetal ... 0&st=&cnp=
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 8:22 pm

MichaelPaul เขียน: พี่ยืมไปเผยแพร่ในบอร์ดลินเนจหน่อยนะปั๊ม ^^

http://bbs.lineage2.in.th/l2bbs/freetal ... 0&st=&cnp=

ระวังโดนมาร(ของจริง) หาเรื่องลบนะพี่เอก *heh
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 8:38 pm

ก็กลัวๆเหมือนกันเหอๆ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 9:53 pm

*no1*no1*no1 ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Q
โพสต์: 103
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 5:45 am

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 10:56 pm

พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ(เจ้ทา) เขียน:
Q เขียน: ขอบใจมาก
แต่ว่า
รวบรวมมาจากไหนบ้างครับเนี่ย
มีที่มาไหมครับ

หลายส่วนดูเหมือนแปลมาจากหนังสือที่ผมเคยอ่านแล้วเป๊ะๆ
รวมรวมจากอินเตอร์เน็ตครับ ;D


เหรอ....ไม่มีที่มาเหรอ
เสียดายจัง
อยากอ่าน(ที่เป็นภาษาไทย)อีก
ถ้ามีเยอะกว่านี้ก็ดีเชียว
เพราะที่อ่านของปั๊มมา นี่มันยังเป็นแค่เรื่องพื้นๆอะ

ผมแทบไม่เคยค้นในอินเตอร์เนตซักเท่าไหร่
อาศัยแต่อ่านจากหนังสือ
ทีหลังไว้ต้องรบกวนให้ปั๊ม
แนะนำบ้างว่าค้นจากแหล่งไหน
อยากได้ที่เป็นภาษาไทยอ่านแบบนี้บ้าง

Thank you
โดยเฉพาะรูปภาพเนี่ย เจ๋งมาก
แก้ไขล่าสุดโดย Q เมื่อ อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 11:05 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Nativity
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 15, 2005 3:31 pm
ที่อยู่: Peace in sinner

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 11:02 pm

ในสวรรค์ก็มีม๊อบด้วย :o
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อาทิตย์ มี.ค. 26, 2006 11:50 pm

พี่ Q ลองเกริ่นๆมาหน่อยจิฮะว่าอยากได้แนวไหนบ้าง ถ้าหาได้แล้วขอส่งกลับไปแบบ IM นะฮะ เพราะโพสในบอร์ดดูจะเป็นการเปิดโอกาสมารพอควร(เพราะเท่าที่โพสตอนนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อความเชื่อ) สำหรับผู้ที่เชื่อใหม่ถ้ามาอ่านลึกกว่านี้คงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ฮะ ;)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 12:00 am

สงครามระหว่าง ลูซิเฟอร์กะกองทัพสวรรค์ นี่อยุ่ในพระคัมภีร์บทไหนมั่งนอกจาก วิวรณ์ อยากรู้อ่ะเหอๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 12:01 am

อธิกธรรม เอโนค
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 12:04 am

Holy เขียน: อธิกธรรม เอโนค
อธิกธรรม เป็นคัมภีร์นอกสารบบใช่ไหมครับ แล้วจะหาได้จากไหนเหรอครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 12:13 am

MichaelPaul เขียน:
Holy เขียน: อธิกธรรม เอโนค
อธิกธรรม เป็นคัมภีร์นอกสารบบใช่ไหมครับ แล้วจะหาได้จากไหนเหรอครับ
ลองถามจากบ.เพชร
ภาพประจำตัวสมาชิก
Q
โพสต์: 103
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 5:45 am

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 12:46 am

พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ(เจ้ทา) เขียน: พี่ Q ลองเกริ่นๆมาหน่อยจิฮะว่าอยากได้แนวไหนบ้าง ถ้าหาได้แล้วขอส่งกลับไปแบบ IM นะฮะ เพราะโพสในบอร์ดดูจะเป็นการเปิดโอกาสมารพอควร(เพราะเท่าที่โพสตอนนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อความเชื่อ) สำหรับผู้ที่เชื่อใหม่ถ้ามาอ่านลึกกว่านี้คงจะไม่เหมาะเท่าไหร่ฮะ ;)

โห ... อาสาจะค้นให้ด้วยเหรอ น่ารักมากๆๆๆ

ก็อยากจะให้ช่วยค้นให้หรอกนะ
แต่ผมคิดว่าควรจะเข้ามาค้นเองน่าจะดีกว่าอะสิ
เพราะปั๊มก็ไม่รู้อยู่ดีว่าผมอ่านมาถึงขนาดไหนแล้ว
ส่วนไหนอ่านแล้ว ส่วนไหนยังไม่ได้อ่าน
เดี๋ยวส่งมาให้ ก็จะมีแต่ของที่เคยอ่านแล้วอีกอะ

เอาเป็นว่า ถ้าเป็นภาษาไทยผมเอาหมดแล้วกัน
เชื่อว่ามีก็คงไม่เยอะล่ะมั๊ง (โลภไปไหมเนี่ย)
อังกฤษไม่เอาแล้ว เพราะกองบนโต๊ะอยู่เป็นตั้งๆเลย

แต่ถ้าอยากให้โฟกัสลงไปอีกหน่อย
เอาเป็นฉากการผจญพระเยซูของซาตานก็ได้
หลังจากที่พระองค์อดอาหาร 40 วัน
ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการผจญครั้งนี้

ฉากนี้คิดว่าน่าจะพอหาง่ายขึ้นหน่อยมั๊ง
และน่าจะเป็นประโยชน์กับคนในบอร์ดนี้มากกว่า
ถ้าได้เป็นแนวคิดทางเทววิทยาก็ยิ่งดีนะ


หรือถ้าหาไม่ได้เลยก็ไม่เป็นไรครับ
หารูปสวยๆมาให้ดูเพิ่มอีกหน่อย ก็ขอบใจหลายแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย Q เมื่อ จันทร์ มี.ค. 27, 2006 12:53 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 10:15 pm

THE SEVEN DEADLY SINS
เจ็ดมหาบาปที่ไม่สามารถอภัยได้

เจ็ดมหาบาปได้ถูกรวบรวมไว้โดย นักบุญ เกกอรี่ (St. Gregory the Great) ในศตวรรษที่6
ทั้งนี้ บาปทั้งเจ็ดนั้นก็ได้มีบทบาท โดย กลุ่ม ซัมมาเทววิทยา (Summa Theologica)
ในศตวรรษที่13 ซึ้งได้แบ่งแยกและอถิบายโดยนักบุญโทมัส อาควีนัส (St. Tomas Aquinas) ว่าสิ่งเหล่านี้คือ "ตัณหา"

บาปเหล่านี้เป็นตัวแทนของการทำผิดศีลธรรม
หรือเป็นการกระทำที่จะทำให้ไม่สามารถไปสู่สุขติ หรือ สวรรค์ได้

บาปเหล่านี้จัดได้ว่าเป็นพิษร้ายแรง หรือเรื้อรัง ต่อจิตใต้สำนึก และจิตวิญญาณ
ทั้งเป็นการล้อลวง การหลงไหล การชักจูง ความต้องการ หรือแม้แต่สัญชาติญาณ
ใครที่ได้ลุ้มหลงไปกับมันจะได้พบแต่ความหายนะ ทั้งกายใจจิตวิญญญาณและคนรอบข้าง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 10:16 pm

แล้วทำไมต้องเป็นเลข 7 ?

เลขเจ็ดเป็นเลขที่มีพลังในตัวเอง อาทิตย์หนึ่งมีเจ็ดวัน เจ็ดมหาสมุทร สวรรค์มีเจ็ดชั้น เจ็ดเป็นเลขที่เป็นที่นิยมของจอมเวทย์โบราณที่ทำการปลุกเสก

ขอยกตัวอย่างบทหนึ่งในมหาคัมภีร์มหาเวทย์ ก็แล้วกัน

Take 7 prickles from 7 palm tress, 7 chips from 7 beams, 7 nails from 7 bridges, 7 ashes from 7 ovens, 7 scoops of earth from 7 door sockets, 7 pieces of pitch from 7 ships, 7 handful of ***in, and 7 hair from the beard of an old dog, and tie them to the neck-hole of the shirt with a white, twisted thread

เอา...กลับเข้าเรื่องดีกว่า มหาบาปทั้ง 7 นั้น พูดง่ายๆคือบาปที่ไม่สามารถอภัยบาปให้ได้
วึงตามปรกติแล้วสำหรับชาวคริสต์ "บาปเบา" สามารถให้อภัยได้ โดยการไปสารภาพบาปกับบาทหลวง ทว่า มหาบาปทั้ง 7 นั้น จัดว่าเป็นบาปหนัก ไม่สามารถอภัยได้ ใครที่มีบาปนี้ติดตัวก็เหมือนมีรอยสักบนวิญญาณของตน ทำให้ไม่สามารถไปสู่สวรรค์ได้เมื่อวิญญาณออกจากร่าง

บาปทั้งเจ็ดนั้น ได้เป็นตัวแทนของจอมปีศาจทั้ง 7 ของนรก ซึ่งจะล่อลวงมนุษย์ให้ทำบาปนั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 10:20 pm

บาปทั้งเจ็ดนั้นได้แก่

PRIDE หรือ ความจองหองอวดตัว ดูหมิ่น และ ประมาทคนอื่นด้วยความคิด วาจา กิจการปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ ลูซิเฟอร์ (Lucifer)

AVARICH หรือ ความตระหนี่ ถี่เหนี่ยว ไม่ทำบุญทำทานเอาแต่ทำงาน มีใจผูกพันแต่ทรัพย์สมบัติของโลกจนลืมพระเป็นเจ้า และลืมความหมายของชีวิต ความรอดของวิญญาณปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ แมมม่อน (Mammon)

LUST หรือ อุลามก ปล่อยตัวฟุ้งซ่านตามความสุขสนุกสบายฝ่านเนื้อหนัง ทำอุลามก ดูรูปภาพลามก เที่ยวในสถาณที่ไม่เหมาะสม ปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ แอสโมดีอุส (Asmodius)

GLUTTONY หรือ โลภอาหารกินและจ่ายอย่างฟุ่มเฟือยโดยเห็นแก่ความสนุก ความชอบ หลุ้มหลง มัวเมา เสพติดปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ เบลเซบับ (Beelzebub)

ENVY หรือ ความอิฉฉา ดีใจเมื่อท่านได้ ร้ายเสียใจเมื่อเขาได้ดีกว่า อิฉฉาทรัพย์สมบัติที่คนอื่นมีบาปนี้นำพาไปสู่การลักขโมย หรือแม้แต่การฆ่าฟันเพื่อได้ของสิ่งนั้นมาปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ ลีเวียร์ธาณ ( Leviathan )

ANGER หรือ ความโกรธ/โมโหปล่อยใจพลุ่งพล่านเดือดดาน เอาแต่ใจตัวเอง เป็นคนเจ้าอารมณ์ทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ยั้งคิด ไม่มีเหตุผลปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ ซาตาน (Satan)

SLOTH หรือ ความเกียจคร้านไม่ทำการทำงาน ไม่ทำหน้าที่รับผิดชอบ สัปเพร่า ทำงานขาดตกบกพร่อง
เล่นในเวลาทำงาน ขี้เกียจทำงาน หลับในหน้าที่ปีศาจที่แทนบาปนี้ได้แก่ เบลเฟกอร์ (Belphegor)

http://mabus.exteen.com/20050815/7-intro
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 10:23 pm

มีคนโพสต์ต่อยอดจากกระทู้ที่เอกไปโพสต์ไว้ที่บอร์ดลินเนจ แต่แปลกใจตรงที่ว่า เค้าบอกว่าบาปต้น7ประการคือบาปไม่สามารถให้อภัยได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Q
โพสต์: 103
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 5:45 am

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 10:44 pm

MichaelPaul เขียน: THE SEVEN DEADLY SINS
เจ็ดมหาบาปที่ไม่สามารถอภัยได้

เจ็ดมหาบาปได้ถูกรวบรวมไว้โดย นักบุญ เกกอรี่ (St. Gregory the Great) ในศตวรรษที่6
ทั้งนี้ บาปทั้งเจ็ดนั้นก็ได้มีบทบาท โดย กลุ่ม ซัมมาเทววิทยา (Summa Theologica)
ในศตวรรษที่13 ซึ้งได้แบ่งแยกและอถิบายโดยนักบุญโทมัส อาควีนัส (St. Tomas Aquinas) ว่าสิ่งเหล่านี้คือ "ตัณหา"



ขออนุญาตเข้ามาชี้แนะอะไรซักนิดนะครับ

เข้าใจว่าเวบที่น้องเข้าไปอ่านกัน
อาจจะได้ข้อมูลที่มีเนื้อหาน่าอ่านอยู่บ้าง
โดยเฉพาะที่แปลเป็นภาษาไทยมาให้เลย

แต่อ่านจากการแปลแล้ว
ดูเหมือนว่าผู้แปลอาจจะไม่ได้เป็นคาทอลิก
หรืออาจจะเป็น แต่ก็ไม่ได้เรียนมาทางนี้โดยตรงแน่ๆ
เพราะ เนื้อหาบางตอนก็ดูเหมือนถูก บางตอนก็มั่วมากๆๆ

เช่น ที่พูดถึง Summa Theologica เนี่ย
ก็แสดงว่า ไม่ได้รู้แม้กระทั่งว่า นี่เป็นชื่อผลงานของ
St. Thomas Aquinas ทั้งๆที่สุดจะเป็นผลงาน
ที่ออกจะดังมากจะตาย แค่คนพึ่งเริ่มเรียนก็น่าจะรู้แล้วเรื่องนี้
ดันไปแปลเป็นกลุ่มต่างๆอะไรมาก็ม่ายรู้ มามั่วเลย

เพราะฉะนั้น อะไรที่อ่านมา ก็พึงระวังไว้ได้เลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 10:56 pm

นั่นแหละครับปัญหา เพราะเว็ปนี้เปิดกว้างและมีคนอ่าน ที่ผมเอามาลงเนี่ยผมได้มาจากที่มีคนเอามาโพสต์ต่อในกระทู้เกี่ยวกับซาตานที่ผมเอาไปลงในเว็ปลินเนจ เลยเอามาให้ดูกัน (ผมว่ามันออกแนวแฟนตาซี่ป่าวหว่า)
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 10:58 pm

:( คงไม่ใช่แล้วมั๊ง งั้นพวกเราก็ทำ 7 มหาบาปที่ไม่สามารถให้อภัยได้ทุกวันดิเอก พี่จำได้ว่า พ่อจั่วไม่ให้เรียกว่า บาปด้วยซ้ำ แต่เรียกว่า อธรรม 7 ประการ ภาษาลาตินไม่ได้ใช้คำว่าบาป แต่ใช้คำว่า vices ตรงกับ อธรรมของไทย นักเทววิทยาปัจจุบันลงความเห็นว่า ใช้คำนั้นไม่ถูกแล้ว




;D ;D ลองหาที่พ่อจั่วเขียนไว้ไปเถียงดิ พี่ไม่รู้ว่า อยู่ตรงไหนแล้วอ่ะ เอกลองหาดูนะ
แก้ไขล่าสุดโดย :+: seraphim :+: เมื่อ จันทร์ มี.ค. 27, 2006 11:00 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ มี.ค. 27, 2006 11:42 pm

บทความของคุณพ่อไพบูลย์คะ




เกริ่นนำ
บทความที่ผมจะเขียนต่อไปนี้มีเป้าหมายเพื่อชี้ให้เห็นว่า กระบวนการสอนคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกไทยเรานั้นมีปัญหาที่ต้องขบคิดและต้องเผชิญกับการท้าทายอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความพร้อมด้านอุปกรณ์การสอน เช่น หนังสือคำสอนที่เหมาะกับสภาพท้องถิ่น สื่อการสอนคำสอนด้านต่างๆที่ยังขาดแคลนและยังไม่สามารถกระจายไปทั่วถึงระดับรากหญ้าตามวัดต่างๆได้ และนอกนั้นปัญหาของการเปลี่ยนแปลงของภาษาที่ไม่ทันสมัยและไม่สอดคล้องกับคนในยุคปัจจุบันโดยโดยไม่ต้องพูดถึงปัญหาของผู้สอนคำสอนที่รักและศรัทธาในวิชาคำสอนที่หาได้ยากพอๆกับหากระแสเรียกนักบวช

พูดให้ตรงจุด บทความนี้ผมจะพูดถึงปัญหาของการแปลศัพท์คำสอนผิดและเป็นเหตุให้สอนผิดๆกันมาจนถึงปัจจุบันดังคำว่า ตระหนี่ ที่ผมตั้งชื่อบทความนี้ว่า ตระหนี่ไม่ใช่บาปต้น เป็นไปได้หรือ? ได้และเป็นไปแล้วด้วย

บาปต้น 7 ประการ

คำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกได้พูดถึงบาปต้น (Captital Sins)ว่ามี 7 ประการ ผมจะนำเสนอเป็นภาษาลาติน ภาษาอิตาเลียน ฝรั่งเศส อังกฤษและไทย เพื่อเปรียบเทียบภาษาและชี้ให้เห็นว่า เหตุใดผมจึงบอกว่า ตระหนี่ไม่ใช่บาปต้นดังที่เราเคยเรียนกันมาไม่น้อยกว่าเจ็ดสิบปี(นับจากอายุของหนังสือคำสอนที่พิมพ์เป็นภาษาไทยในปี 1923)


ลาติน อิตาเลียน ฝรั่งเศส อังกฤษ ไทย
Superbia Superbia L'orgueil Pride จองหอง
Avaritia Avarizia L'avarice Avarice ตระหนี่
Invidia Invidia L'envie Envy ริษยา
Ira Ira La colere Wrath(Anger) โมโห
Luxuria Lussuria L'impurete Lust อุลามก
Gula Golosita La gourmandise Gluttony โลภอาหาร
Desidia Pigrizia La paresse Sloth เกียจคร้าน

ตระหนี่แปลว่าอะไร?
พจนานุกรมไทยได้ให้คำแปล ตระหนี่ ว่า หวงไม่อยากให้ง่ายๆ เหนียวแน่น หรือแปลตามประสาชาวบ้านคือ ขี้เหนียว จากความหมายนี้ตั้งคำถามจริยะตามประสาชาวบ้านทั่วไปได้ว่า ขี้เหนียวเป็นบาปหรือไม่? ท่านผู้อ่านคิดว่าเป็นบาปหรือไม่ ลองตอบในใจดู?

Avaritia แปลว่าอะไร?

จากภาษาลาตินข้างต้น แปลเป็นอิตาเลียน สเปน ฝรั่งเศส ก็ยังมีเค้าให้เห็นรากเดียวกันกับลาติน แปลว่า การปรารถนาในสิ่งของเครื่องใช้หรือความร่ำรวยมั่งคั่งจนมากล้นเกินพอดี ถ้ามองในแง่จริยธรรมแล้วมันผิดตรงที่คนเราเอาความร่ำรวยเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิตแทนที่จะเป็นแนวทางหรือวิถีทางนำเราไปสู่ชีวิตแห่งความดีงาม ศัพย์คำนี้ตรงกับภาษาไทยคือ ความโลภนั่นเอง

ดังนี้ Avritia หรือ Avarizia หรือ l'avarice หรือ avarice ต้องแปลว่า โลภ ตามความหมายของรากศัพท์ที่หมายถึงไม่รู้จักพอในสิ่งของเครื่องใช้ ยศถาบรรดาศักดิ์ ทรัพย์สินเงินทอง ไม่ใช่ตระหนี่!!

ส่วนคำว่า ตระหนี่ นั้นมีความหมายตรงกันข้ามแปลว่า ขี้เหนียว ไม่ยอมแบ่งปัน เช่นนี้เราจึงเห็นได้ชัดเจนว่า การที่แปลคำว่า avritia เป็น ตระหนี่ นั้น ผิด แน่นอน!!! ผมไปเช็คพจนานุกรมคำดังกล่าวในภาษาลาติน ฝรั่งเศส อิตาเลียน สเปน อังกฤษก็ล้วนแปลว่า โลภ ไม่ใช่ตระหนี่ ดังนั้นตระหนี่จึงไม่ใช่หนึ่งในบาปต้น 7 ประการตามที่พระศาสนจักรคาทอลิกสอนแน่นอน

แปลผิด ทำไมถึงแปลผิดล่ะ?

ผมได้ไปค้นที่ศูนย์คำสอนกรุงเทพฯเริ่มจากหนังสือคำสอนเก่าที่สุดเท่าที่จะหาได้มาเปรียบเทียบดูว่า คำว่า ตระหนี่ นั้นเริ่มใช้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ หนังสือคำสอนภาษาไทยเก่าที่สุดเท่าที่ผมจะหาได้นั้นย้อนไปเมื่อปี 1923

ข้อ 2) มัจฉริยะ บาปมัจฉริยะ เปนบาป ชอบของโลกนี้เหลือขนาด เปนต้น เงินทอง เราเคยทำบาป มัจฉริยะหรือบาปขี้เหนียว ตระหนี่ เมื่อเรานับถือเงินทองและทรัพย์สินอื่นๆ เมื่อเรามักได้ของโลกนี้เกิน เราจึงหาด้วยลำบากเกิน เมื่อเราไม่ยอมหรือเราผัดใช้หนี้หรือค่าจ้างแก่ลูกจ้าง เมื่อเรามีใจแข็งต่อคนยากจน เมื่อเราเลี้ยงตนหรือบุตร์ภรรยาไม่พอ เมื่อเราบ่นว่าพระเปนเจ้าเพราะว่าเราได้เสียทรัพย์บ้าง เมื่อเราลืมหาพระคุณฝ่ายวิญญาณไปหาทรัพย์ฝ่ายโลก เปนต้นเมื่อเราทำบาปหาทรัพย์ใด ๆ (อธิบายคำสอน พระศาสนา คฤศตัง ภาค 1 ตีพิมพ์คราวที่หนึ่ง ณ โรงพิมพ์ มิซซัง โรมัน กาทอลิก พระมหานคร คฤศตะศักราช 1923 หน้า 75 ข้อ 12 เรื่องบาปต้น 7 ประการ พระคุณเจ้า แปรอส สังฆราช)

หนังสือเก่าอีกเล่มพิมพ์ซึ่งในปี ค.ศ. 1943 มีการใช้คำว่า ตระหนี่ ในบาปต้นประการที่ 2 ว่าดังนี้

บาปตระหนี่คือ ผูกไจในทรพัย์สินเงินทอง ข้าวของ จนเปนเหตุไห้หลงลืมพระผู้เปนเจ้าและไม่มีความเมตตาปรานีต่อคนจน ( หนังสือคำสอนพระสาสนา คริสตังค์ พิมพ์ครั้งที่ 11 ที่ บริสัทโสภณพิพัธนากร คริสตสักราช 1943 พระสังฆราช เรอเน แปรอส)

ทำไมแปลผิด? เป็นไปได้หรือไม่ว่า ในยุคของท่านแปรอสนั้นคำว่า ตระหนี่ แปลว่า ไม่รู้จักพอ หรือ มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ? ซึ่งก็ไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าผมจะชั่งน้ำหนักภาษาและตีความภาษาข้างต้นตามความเข้าใจภาษาไทยของผมในปัจจุบันแล้ว ตระหนี่คือ หวง ขี้งก หลงใหลในสิ่งของมากจนลืมพระเจ้าและขาดความเมตตาต่อคนยากจนไม่ยอมแบ่งปันกับผู้ที่อดอยากหิวโหย จากคำอธิบายข้างต้นผมก็ว่าท่านแปลถูกต้องตามความหมายของภาษาไทยแล้ว แต่.....ความหมายดังกล่าวก็ไม่ใช่ความหมายของ Avaritia หรือ Avarice (ภาษาอังกฤษ)ที่นักบุญโทมัสอะไควนัสให้ความหมายเป็น 2 ลักษณะคือ 1) มันทำร้ายมนุษย์ด้วยกันเช่นเมื่อคนหนึ่งสะสมเพิ่มพูนความร่ำรวยจนไม่รู้จักพอก็จะเป็นเหตุให้เบียดบังคนอื่นได้เพราะทรัพย์ในโลกนี้มีจำกัด เมื่อคนหนึ่งเอาไปมากเกินไปก็ย่อมกระทบกับคนอื่น ท่านบอกว่า...ทรัพยากรในโลกนี้ไม่อาจจะครอบครองได้โดยทุกคนในเวลาเดียวกันได้...ลักษณะที่ 2) หมายถึงท่าทีภายในของบุคคลที่มีต่อความร่ำรวยมั่งคั่ง เมื่อบุคคลมีความสุขกับความไม่รู้จักพอในทรัพย์สิน เขาทำบาปต่อตัวเอง แม้ว่าไม่ได้หมายถึงบาปกับร่างกายของเขาแต่ความปรารถนาของเขาก็มีมลทินโดยรักเงินทองมากเกินไป (Summa 2am2ae, q118 art 1) จึงสรุปได้ว่า ความหมายของ avaritia นั้นไม่ใช่ ตระหนี่แน่นอน!!

ทีนี้มามองในแง่ของประวัติศาสตร์ หนังสือคำสอนที่เราถ่ายทอดสืบต่อๆกันมานั้นแปลมาจากภาษาฝรั่งเศสเป็นส่วนใหญ่ เพราะธรรมทูตฝรั่งเศสคือผู้ที่ได้เริ่มแปลหนังสือคำสอนเป็นภาษาไทย ไล่ไปจริงๆก็คงต้องเริ่มตั้งแต่งานเขียนของท่านลาโน ท่านปัลเลอกัว ฯลฯ และได้มีการพิมพ์ต่อๆกันมา มีแก้ไขบ้าง ใช้ภาษาใหม่บ้าง พอมาถึงยุคที่มีคุณพ่อคนไทยเข้ามามีบทบาทในพระศาสนจักร ก็ได้ยึดโครงสร้างหนังสือคำสอนสายฝรั่งเศสเรื่อยมา ท่านยวง นิตโย ได้แปลหนังสืออธิบายคำสอน ต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสเพื่อช่วยให้เข้าใจคำสอนลึกซึ้งมากขึ้น แต่ท่านก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงคำว่า ตระหนี่ (คำถามคือทำไม? ท่านยวงได้ชื่อว่าเชี่ยวชาญภาษาไทยและบาลีสันสกฤต แต่ทำไมท่านไม่แก้ไขคำว่า ตระหนี่ออกไป)คนรุ่นหลังต่อมาจนถึงปัจจุบันเช่นหนังสือของพ่อสมบูรณ์ หนังสือคำสอนของพ่อกอสเต คุณสวัสดิ์ ครุสุวรรณ จากศูนย์คำสอนหรือของคุณพ่อคนอื่นๆ รวมทั้งคนที่ยังชอบหนังสือคำสอนเล่มครบก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขคำนี้ คำถามคือ ทำไม?

น่าสังเกตว่าในบรรดาหนังสือคำสอนที่พิมพ์ต่อๆมาจากต้นฉบับแปลภาษาฝรั่งเศสแล้วก็มีธรรมทูตจากสายอิตาเลียน คณะซาเลเซียนรุ่นหลังๆ เป็นต้น เอฟ.ศักดิ์ ได้ผลิตหนังสือคำสอนใหม่ๆออกมา โดยแปลจากต้นฉบับภาษาอิตาเลียน เขาได้แปลความหมายของคำว่า Avaritia ถูกต้องคือ แปลว่า ความมักได้ ความโลภอยากได้ (ดู..ความสว่างที่แท้จริงซึ่งนำทางสู่ความรอด เล่ม 3 หน้า 26) ซึ่งผมเห็นว่าถูกต้อง เพียงแต่ว่าหนังสือของค่ายซาเลเซียนนั้นยังไปไม่ถึงรากเหง้าของสังคมคริสตชนเป็นต้นตามวัดต่างๆที่พระสงฆ์หลายคนก็ยังใช้หนังสือคริสตังเล่มครบเหมือนเดิม และอีกประการเป็นหนังสือที่อธิบายยาว ไม่สะดวกนักสำหรับคนไทยที่ชอบอะไรสั้น ๆ และติดอยู่กับโครงสร้างแบบ ถามตอบของคริสตังเล่มครบ ความบกพร่องดังกล่าวถึงไม่ได้รับการแก้ไข

จากคำถามที่ว่า ทำไมใช้กันผิดๆเรื่อยมา ผมขออนุญาตออกความเห็น ณ ที่นี้ว่า เป็นไปได้หรือไม่เพราะ คนไทยเราไม่มีนิสัยตั้งคำถามเรื่องความถูกต้องที่บรรพชนสอนมา เราไม่ชอบตั้งคำถามกับอาจารย์หรือผู้มีอำนาจ เพราะขัดกับนิสัยและค่านิยมของเรา เราไม่ชอบค้นคว้าถึงรากเหง้าและที่มา และเป็นต้นชาวบ้านเองก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะค้นคว้าได้อยู่แล้วเนื่องจากภาษาต้นฉบับนั้นเป็นภาษาลาตินหรือฝรั่งเศสที่เขาไม่รู้ (นี้เป็นเพียงความเห็นของผมนะครับยังไม่ได้เป็นการฟันธงชี้ขาดลงไปเพราะ ผมอาจจะผิดได้)

ถึงเวลาหรือยังที่จะเปลี่ยนแปลง?

กาลเวลาทำให้ภาษาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ความเข้าใจภาษาของคนในยุคหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไปก็จะเข้าใจต่างกัน ศัพท์ต่าง ๆ ก็จะใช้ในความหมายและบริบทต่างกัน ดังนั้นผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงหนังสือคำสอนที่พ้นยุคเสียที

1) เอาหนังสือ คำสอนเล่มครบ ที่นิยมใช้ตามวัดนั้นไปเก็บในห้องหนังสือสำหรับอนุชนรุ่นหลังได้ค้นคว้า เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ได้รับใช้พระศาสนจักรมาเกินคุ้มแล้ว

2) หนังสือคำสอนรุ่นใหม่ที่จะทำนั้นต้องมีบรรทัดฐานในหนังสือคำสอนคาทอลิกที่ออกในปี 1997 เป็นหลักเพื่อจะได้สอนเหมือน ๆ กันทั่วโลก

3) หนังสือคำสอนเล่มใหม่ควรมีการดัดแปลงให้สั้นเพื่อความสะดวกและควรมีการอ้างจากข้อคำสอนของหนังสือคำสอนคาทอลิกฉบับสากลไม่ใช่ตีความตามใจผู้สอน

4) รูปแบบถามตอบนั้นยังใช้ไ ด้และสะดวกสำหรับการสอนคำสอนตามวัด ควรจะใช้ต่อไป ส่วนหนังสือคำสอนที่ใช้ในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เท่าที่มีในปัจจุบันผมก็เห็นว่าดีแล้วเพียงแต่กระจายไปสู่ท้องถิ่นให้มากขึ้น

5) บาปต้น (ซึ่งจริงๆแล้วคำนี้ก็น่าจะเปลี่ยนเพราะมันเป็นท่าทีหรือแนวโน้มที่จะนำไปสู่บาปมากกว่าเป็นบาปเสียเอง) นั้นผมเสนอให้แปลและเรียงลำดับดังนี้

จองหอง (Pride)
โลภ (Avarice or Greed)
ริษยา (Envy)
โมโห (Wrath or Anger)
ตัณหา (เปลี่ยนจากคำว่าอุลามกหรือลามกซึ่งแปลว่า สกปรก น่าเกลียด) (Lust)
ตะกละ (เปลี่ยนจากคำว่าโลภอาหาร) (Gluttony)
เกียจคร้าน (Sloth: Acedia)
และสุดท้าย อยากพูดดังๆว่า งบประมาณสำหรับคำสอนและครูคำสอนนั้นเพิ่มหน่อยได้ไหม?


http://www.issara.com/article/avaritia.html
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ มี.ค. 27, 2006 11:44 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

อังคาร มี.ค. 28, 2006 12:13 am

seraphim เขียน:


:( คงไม่ใช่แล้วมั๊ง งั้นพวกเราก็ทำ 7 มหาบาปที่ไม่สามารถให้อภัยได้ทุกวันดิเอก พี่จำได้ว่า พ่อจั่วไม่ให้เรียกว่า บาปด้วยซ้ำ แต่เรียกว่า อธรรม 7 ประการ ภาษาลาตินไม่ได้ใช้คำว่าบาป แต่ใช้คำว่า vices ตรงกับ อธรรมของไทย นักเทววิทยาปัจจุบันลงความเห็นว่า ใช้คำนั้นไม่ถูกแล้ว




;D ;D ลองหาที่พ่อจั่วเขียนไว้ไปเถียงดิ พี่ไม่รู้ว่า อยู่ตรงไหนแล้วอ่ะ เอกลองหาดูนะ
จิงๆเอกก็รู้แหละคับว่ามันมะใช่มหาบาป -*- แต่ปัญหาคือมีการเอาบทความนี้ไปลงในเว็ปที่ผมลิ้งค์ไว้(ผมไม่ได้ไปเจอเองแต่มีคนเอามาโพสต์ต่อในลินเนจ)
ปล. สังเกตชื่อเว็ปจิงับ mabus ซึ่งเป็นคำฮิตช่วงหนึ่งเพราะเมื่ออ่านโดยส่องกระจกแล้วจะกลายเป็นคำว่า sudam
ภาพประจำตัวสมาชิก
Q
โพสต์: 103
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 5:45 am

อังคาร มี.ค. 28, 2006 10:33 pm

มาขอความรู้เกี่ยวกับ
ขนบธรรมเนียม และความเชื่อในเรื่อง
ซาตาน ภูตผี ตามความเชื่อของคนไทยครับ

แต่คราวนี้อยากได้ที่เป็นภาษาอังกฤษน่ะครับ
มีใครพอแนะนำ หนังสือ หรือเวบไหนได้ไหม
ที่พอจะให้ผมหาอ่านเรื่องพวกนี้ได้บ้าง
ช่วยบอกด้วยนะ

(ไม่ใช่พวกประวัติแม่นาค กระสือ อะไรพวกนี้นะ
แต่เป็ความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับผีปีศาจมากกว่า)
ของทางพุทธก็ได้ แต่ได้ของทางคริสต์จะดีที่สุด
ไม่ทราบว่าทางคริสเตียน มีใครเคยทำวิจัยอะไร
เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไหม
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

พุธ มี.ค. 29, 2006 12:24 am

ลองดูใน IM ก่อนนะครับ แต่เป็นแบบภาษาไทยนะครับ เดี๋ยวค่อยช่วยกันหาภาอังกิดให้ ;)

แต่อย่าเอามาลงในนี้นะครับ ไม่เหมาะสำหรับผู้เชื่อใหม่
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ มี.ค. 29, 2006 12:28 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Have Q.

อาทิตย์ ก.พ. 10, 2008 1:59 pm

อยากจะถามอะไรสักหน่อยอะคับ ที่ถามนี้ผมถามด้วยความสงสัย ไม่ได้ดูหมิ่นเลยนะ
ถาม เมื่อพระเจ้าสร้างลูซิเฟอร์ขึ้นมาแล้วเหตุใดจึงไม่ทำรายลูซิเฟอร์ล่ะคับ ปล่อยให้มนุษย์เผชิญกับปาบทั้งปวงเพื่ออะไรคับ
ป.ล. ผมเป็นพุธทคับ แต่สนใจในศาสนานี้
In the name of father
โพสต์: 719
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
ที่อยู่: กาญจนบุรี

อาทิตย์ ก.พ. 10, 2008 4:01 pm

Have Q. เขียน: อยากจะถามอะไรสักหน่อยอะคับ ที่ถามนี้ผมถามด้วยความสงสัย ไม่ได้ดูหมิ่นเลยนะ
ถาม เมื่อพระเจ้าสร้างลูซิเฟอร์ขึ้นมาแล้วเหตุใดจึงไม่ทำลายลูซิเฟอร์ล่ะคับ ปล่อยให้มนุษย์เผชิญกับปาบทั้งปวงเพื่ออะไรคับ
ป.ล. ผมเป็นพุธทคับ แต่สนใจในศาสนานี้
อันนี้ตามความเข้าใจของผมนะ

ถ้าทำแบบนั้น พระเจ้าก็ต้องทำลายมนุษย์ทุกผู้ที่หลงอยู่กับซาตานไปด้วย(เดี้ยงยกก๊ก) แต่พระองค์ไม่ทรงปรารถนาให้ใครพินาศ จึงประทานหนทางแห่งการกลับใจมาให้ เพื่อให้ผู้หลงผิดได้กลับออกมาจากบาป
ตอบกลับโพส