เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่ได้ไปที่โบสถ์ ก็เลยได้ยินพระคัมภีร์ รม.9 : 15 - 21 ก็ทำให้นึกขึ้นมาได้ถึงความเมตตาของพระองค์เลยนำมาแบ่งปัน
โรมบทที่ 9 ข้อที่ 15 "เราประสงค์จะกรุณาผู้ใด เราก็จะกรุณาผู้นั้น และเราจะเมตตาใครเราก็จะเมตตาผู้นั้น เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งจึงไม่ขึ้นแก่ความตั้งใจ หรือการตะเกียดตะกาย แต่ขึ้นอยู่กับพระกรุณาของพระเจ้า
พี่ได้ยินแล้วก็คิดในใจว่า จริงนะ เราถ้าจะไปสวรรค์ได้ก็ไม่ใช้ว่าเราตะเกียดตะกายทำความดีของเรา ถ้าเช่นนั้นเราก็คงคุยอวดพระเจ้าว่า "นีแหละฉันรอดไปสวรรค์ได้เพราะตัวฉันเอง เพราะฉันทำความดีมากมาย ฉันทำข้อบัญญัติที่พระองค์ประทานให้มากมาย ยากๆ ทั้งนั้นฉันยังทำได้ ดูสิเจ้าพวกนั้นมันทำตามพระบัญญติของพระเจ้าไม่ได้มันชอบทำบาป มันจึงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฉันประสบความสำเร็จไปสวรรค์ได้ก็ด้วยตัวฉันเอง"
แต่ที่จริงแล้วคนที่ไปสวรรค์ได้ก็ไม่ใช้ตัวเขาเอง แต่เป็นเพราะพระเจ้าที่เหลือกคนผู้นั้นถึงเขาจะเป็นคนบาปสังคมมองเขาเป็นคนไม่ดี แต่ถ้าพระเจ้าเรียกแล้วไม่วันใดวันหนึ่งเขาต้องกลับใจ ในที่สุด ไม่ว่าตำแหน่ง เล็กใหญ่บนสวรรค์พระเจ้าเตียมไว้แล้วสำหรับใครบางคนตั้งแต่เขายังไม่เกิดด้วยซ้ำ แล้วที่สำหรับนรกบางทีพระเจ้าก็เตรียมไว้สำหรับใครบางคนเกินที่เขาจะเกิดด้วยซ้ำ พระเจ้าทรงทำให้กษัตริย์ฟาโรห์ให้แข็งกระด้างไป หลายครั้งที่โมเสสไปหา แต่พระเจ้าก็ทรงทำใจเขาให้แข็งกระด้าง
18แล้วเห็นฉนั้นพระองค์จะทรงพระกรุณาแก่ผู้ใด ก็จะทรงพระกรุณาผู้นั้น และพระองค์ทรงให้ผู้ใดมีใจแข็งกระด้าง ก็จะทางให้ผู้นั้นมีใจแข็งกระด้าง
19แล้วท่านก็จะกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า "ถ้าเช่นนั้น ทำไมพระองค์จึงทรงติเตียน เพราะว่าผู้ใดจะขัดขืนพระทัย่ของพระองค์ได้" 20แต่ท่านคือใคร คือมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นเอง ท่านจะโต้ตอบกับพระเจ้าได้อย่างไร สิ่งซึ่งถูกปั้นจะกล่าวแก่ผู้ปั้นได้หรือว่า "ทำไมท่านจึงปั้นข้าพเจ้าอย่างนี้" 21ส่วนช่างปั้นหม้อ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาดินก้อนเดียวกันมาปั้นเป็นภาชนะที่สวยงามอันหนึ่ง และภาชนะที่สอยอันหนึ่งหรือ รม. 9 : 18 - 21
พวกราควรรู้ตัวไว้เถิดว่าพระองค์ทรงเลือกเรา เราได้มีสิทธิ์พิเศษที่ได้รู้จักความรอดของพระองค์ ซึ่งคนจำนวนมากไม่รู้ ถึงรู้ใจเขาก็แข็งกระด้างไม่ยอมเชื่อ
เราไม่ได้เป็นสวรรค์ได้เพราะตัวเราเอง
ต้องไปสวรรค์ซิครับไม่ใช่เป็นสวรรค์
เราทุกคนเป็นสวรรค์ไม่ได้อยู่แล้วครับไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ทำไมการทำความดีจะไม่สามารถพาผู้กระทำเข้าสู่สวรรค์ได้?
เพราะ ทำเพื่ออวดตนเอง
เพราะ ทำแล้วมีคนสรรเสริญ
เพราะ ทำแล้วรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่ากว่าคนอื่น
เพราะ ทำแล้วมั่นใจว่าต้องได้ดี
เพราะอะไรอื่น ๆ ที่มุ่งผลประโยชน์สู่ตัวเองทั้งสิ้น
ทำไมการทำความดีจะไม่สามารถพาผู้กระทำเข้าสู่สวรรค์ได้?
เพราะ ทำเพื่ออวดตนเอง
เพราะ ทำแล้วมีคนสรรเสริญ
เพราะ ทำแล้วรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่ากว่าคนอื่น
เพราะ ทำแล้วมั่นใจว่าต้องได้ดี
เพราะอะไรอื่น ๆ ที่มุ่งผลประโยชน์สู่ตัวเองทั้งสิ้น
-
- โพสต์: 659
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
- ที่อยู่: I believe in God...
ตะเกียดตะกายทำความดีในบทความนี่หมายถึงจำใจทำเพื่อไปสวรรค์หรือเต็มใจทำอ่ะครับ ???
"ถ้าเราอยู่เฉย ๆ ไม่ทำความดี และไม่ทำความชั่ว แล้วเราจะไปไหนครับ"
น่าคิดไหมครับ ผมคิดว่าต้องมีคนที่คิดอย่างนี้เยอะเลย เพราะถ้าการทำความดีไม่ใช่มาตรฐานตัดสินว่าใครจะได้ไปสวรรค์ แต่ถ้าทำชั่วต้องรับกรรมจากความชั่วอยู่แล้ว จึงไม่ทำชั่ว อยู่ไปวัน ๆ
น่าคิดไหมครับ ผมคิดว่าต้องมีคนที่คิดอย่างนี้เยอะเลย เพราะถ้าการทำความดีไม่ใช่มาตรฐานตัดสินว่าใครจะได้ไปสวรรค์ แต่ถ้าทำชั่วต้องรับกรรมจากความชั่วอยู่แล้ว จึงไม่ทำชั่ว อยู่ไปวัน ๆ
แบบอย่างพวกนักบุญ พวกเขาเหล่านี้เป็นคนที่พระเจ้าเลือกมา ในที่สุดเขาก็ต้องแสวงหาพระ ไม่ว่าใครจะเป็นอะไรมาก่อน แต่สุดท้ายก็รักพระเยซู
แต่ถ้าเรารักพระแล้วเราไม่ประพฤติตาม ดื่อไม่ยอมเชื่อฟังนั่นก็แสดงว่าเราไม่รักพระจริง คนที่รักพระจริงเขาก็จะแสวงหาพระยอมนบนอบเชื่อฟังนี่แหละครับคนที่พระเรียก
แต่ถ้าเรารักพระแล้วเราไม่ประพฤติตาม ดื่อไม่ยอมเชื่อฟังนั่นก็แสดงว่าเราไม่รักพระจริง คนที่รักพระจริงเขาก็จะแสวงหาพระยอมนบนอบเชื่อฟังนี่แหละครับคนที่พระเรียก
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ พฤหัสฯ. เม.ย. 13, 2006 3:05 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Awake and Live เขียน: "ถ้าเราอยู่เฉย ๆ ไม่ทำความดี และไม่ทำความชั่ว แล้วเราจะไปไหนครับ"
น่าคิดไหมครับ ผมคิดว่าต้องมีคนที่คิดอย่างนี้เยอะเลย เพราะถ้าการทำความดีไม่ใช่มาตรฐานตัดสินว่าใครจะได้ไปสวรรค์ แต่ถ้าทำชั่วต้องรับกรรมจากความชั่วอยู่แล้ว จึงไม่ทำชั่ว อยู่ไปวัน ๆ
อยากเสริมนิด ไม่ใช้นั่งเฉยไม่ประพฤติตามพระบัญญัติอย่างเดียวไม่ได้เท่านั้น จะต้องรักในพระเจ้าและรักในเพื่อนมนุษย์ด้วย ถ้านั้งเฉยๆ ไม่ทำดี ไม่ทำชั้ว เห็นคนลำบากแล้วไม่ช่วย นี่ก็มาจากจิตใจขาดความรักที่มาจากพระ เพราะเราเข้าใกล้ชิดพระน้อยเกินไป ทำให้พระจิตมาชำระจิตใจไม่ได้ทำให้ใจแข็งกระด้างเวลาเห็นคนอื่นเดือดร้อนแล้วเฉยๆ แล้วถ้าจิตใจเราขาดความเมตตาก็ไม่ได้มาจากพระ เพราะพระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตา แต่มาจากมาร พระองค์ตรัสว่า
41"ท่านทั้งหลายผุ้ต้องแช่งสาปจงถอยไปจากเรา เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและสมุนของมันนั้น 42เพราะว่าเมื่อเราหิวท่านก็มิได้ให้เรากิน เรากระหายน้ำท่านก็มิได้ให้เราดื่ม 43เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ได้ตอนรับเราไว้ เราเปลือยกาย ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้าเราหนุ่งห่ม เราเจ็บป่วยแล้วต้องจำอยู่ในพันธนาการ ท่านไม่ได้เยี่ยมเรา" (มธ. 25 : 41 - 43)
45เราบอกความจริงแด่ท่านทั้งหลายว่า ซึ่งท่านมิได้กระทำแก่ผู้ต่ำต้อยที่สุดสักคนหนึ่งในพวกนี้ก็เหมือนท่านมิได้กระทำแก่เราด้วย 46และพวกเขาเหล่านี้จะต้องออกไปรับโทรอยู่เป็นนิตย์ แต่ผู้ชอบธรรมเข้าสู้ชีวิตนิรันดร์ (มธ. 25 : 45 - 46)
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ พฤหัสฯ. เม.ย. 13, 2006 2:29 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ยก 2:14-26 ความเชื่อและการกระทำความดี
(14) พี่น้องทั้งหลาย จะมีประโยชน์ใดหากผู้หนึ่งอ้างว่ามีความเชื่อแต่ไม่มีการกระทำ ความเชื่อเช่นนี้จะช่วยให้เขารอดพ้นได้หรือ (15) ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่องนุ่งห่ม และไม่มีอาหารประจำวัน
(16) แล้วท่านคนหนึ่งพูดกับเขาว่า
(14) พี่น้องทั้งหลาย จะมีประโยชน์ใดหากผู้หนึ่งอ้างว่ามีความเชื่อแต่ไม่มีการกระทำ ความเชื่อเช่นนี้จะช่วยให้เขารอดพ้นได้หรือ (15) ถ้าพี่น้องชายหญิงคนใดขัดสนเครื่องนุ่งห่ม และไม่มีอาหารประจำวัน
(16) แล้วท่านคนหนึ่งพูดกับเขาว่า