เราไม่ได้เป็นสวรรค์ได้เพราะตัวเราเอง
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 10, 2006 10:08 pm
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่ได้ไปที่โบสถ์ ก็เลยได้ยินพระคัมภีร์ รม.9 : 15 - 21 ก็ทำให้นึกขึ้นมาได้ถึงความเมตตาของพระองค์เลยนำมาแบ่งปัน
โรมบทที่ 9 ข้อที่ 15 "เราประสงค์จะกรุณาผู้ใด เราก็จะกรุณาผู้นั้น และเราจะเมตตาใครเราก็จะเมตตาผู้นั้น เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งจึงไม่ขึ้นแก่ความตั้งใจ หรือการตะเกียดตะกาย แต่ขึ้นอยู่กับพระกรุณาของพระเจ้า
พี่ได้ยินแล้วก็คิดในใจว่า จริงนะ เราถ้าจะไปสวรรค์ได้ก็ไม่ใช้ว่าเราตะเกียดตะกายทำความดีของเรา ถ้าเช่นนั้นเราก็คงคุยอวดพระเจ้าว่า "นีแหละฉันรอดไปสวรรค์ได้เพราะตัวฉันเอง เพราะฉันทำความดีมากมาย ฉันทำข้อบัญญัติที่พระองค์ประทานให้มากมาย ยากๆ ทั้งนั้นฉันยังทำได้ ดูสิเจ้าพวกนั้นมันทำตามพระบัญญติของพระเจ้าไม่ได้มันชอบทำบาป มันจึงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฉันประสบความสำเร็จไปสวรรค์ได้ก็ด้วยตัวฉันเอง"
แต่ที่จริงแล้วคนที่ไปสวรรค์ได้ก็ไม่ใช้ตัวเขาเอง แต่เป็นเพราะพระเจ้าที่เหลือกคนผู้นั้นถึงเขาจะเป็นคนบาปสังคมมองเขาเป็นคนไม่ดี แต่ถ้าพระเจ้าเรียกแล้วไม่วันใดวันหนึ่งเขาต้องกลับใจ ในที่สุด ไม่ว่าตำแหน่ง เล็กใหญ่บนสวรรค์พระเจ้าเตียมไว้แล้วสำหรับใครบางคนตั้งแต่เขายังไม่เกิดด้วยซ้ำ แล้วที่สำหรับนรกบางทีพระเจ้าก็เตรียมไว้สำหรับใครบางคนเกินที่เขาจะเกิดด้วยซ้ำ พระเจ้าทรงทำให้กษัตริย์ฟาโรห์ให้แข็งกระด้างไป หลายครั้งที่โมเสสไปหา แต่พระเจ้าก็ทรงทำใจเขาให้แข็งกระด้าง
18แล้วเห็นฉนั้นพระองค์จะทรงพระกรุณาแก่ผู้ใด ก็จะทรงพระกรุณาผู้นั้น และพระองค์ทรงให้ผู้ใดมีใจแข็งกระด้าง ก็จะทางให้ผู้นั้นมีใจแข็งกระด้าง
19แล้วท่านก็จะกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า "ถ้าเช่นนั้น ทำไมพระองค์จึงทรงติเตียน เพราะว่าผู้ใดจะขัดขืนพระทัย่ของพระองค์ได้" 20แต่ท่านคือใคร คือมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นเอง ท่านจะโต้ตอบกับพระเจ้าได้อย่างไร สิ่งซึ่งถูกปั้นจะกล่าวแก่ผู้ปั้นได้หรือว่า "ทำไมท่านจึงปั้นข้าพเจ้าอย่างนี้" 21ส่วนช่างปั้นหม้อ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาดินก้อนเดียวกันมาปั้นเป็นภาชนะที่สวยงามอันหนึ่ง และภาชนะที่สอยอันหนึ่งหรือ รม. 9 : 18 - 21
พวกราควรรู้ตัวไว้เถิดว่าพระองค์ทรงเลือกเรา เราได้มีสิทธิ์พิเศษที่ได้รู้จักความรอดของพระองค์ ซึ่งคนจำนวนมากไม่รู้ ถึงรู้ใจเขาก็แข็งกระด้างไม่ยอมเชื่อ
โรมบทที่ 9 ข้อที่ 15 "เราประสงค์จะกรุณาผู้ใด เราก็จะกรุณาผู้นั้น และเราจะเมตตาใครเราก็จะเมตตาผู้นั้น เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งจึงไม่ขึ้นแก่ความตั้งใจ หรือการตะเกียดตะกาย แต่ขึ้นอยู่กับพระกรุณาของพระเจ้า
พี่ได้ยินแล้วก็คิดในใจว่า จริงนะ เราถ้าจะไปสวรรค์ได้ก็ไม่ใช้ว่าเราตะเกียดตะกายทำความดีของเรา ถ้าเช่นนั้นเราก็คงคุยอวดพระเจ้าว่า "นีแหละฉันรอดไปสวรรค์ได้เพราะตัวฉันเอง เพราะฉันทำความดีมากมาย ฉันทำข้อบัญญัติที่พระองค์ประทานให้มากมาย ยากๆ ทั้งนั้นฉันยังทำได้ ดูสิเจ้าพวกนั้นมันทำตามพระบัญญติของพระเจ้าไม่ได้มันชอบทำบาป มันจึงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฉันประสบความสำเร็จไปสวรรค์ได้ก็ด้วยตัวฉันเอง"
แต่ที่จริงแล้วคนที่ไปสวรรค์ได้ก็ไม่ใช้ตัวเขาเอง แต่เป็นเพราะพระเจ้าที่เหลือกคนผู้นั้นถึงเขาจะเป็นคนบาปสังคมมองเขาเป็นคนไม่ดี แต่ถ้าพระเจ้าเรียกแล้วไม่วันใดวันหนึ่งเขาต้องกลับใจ ในที่สุด ไม่ว่าตำแหน่ง เล็กใหญ่บนสวรรค์พระเจ้าเตียมไว้แล้วสำหรับใครบางคนตั้งแต่เขายังไม่เกิดด้วยซ้ำ แล้วที่สำหรับนรกบางทีพระเจ้าก็เตรียมไว้สำหรับใครบางคนเกินที่เขาจะเกิดด้วยซ้ำ พระเจ้าทรงทำให้กษัตริย์ฟาโรห์ให้แข็งกระด้างไป หลายครั้งที่โมเสสไปหา แต่พระเจ้าก็ทรงทำใจเขาให้แข็งกระด้าง
18แล้วเห็นฉนั้นพระองค์จะทรงพระกรุณาแก่ผู้ใด ก็จะทรงพระกรุณาผู้นั้น และพระองค์ทรงให้ผู้ใดมีใจแข็งกระด้าง ก็จะทางให้ผู้นั้นมีใจแข็งกระด้าง
19แล้วท่านก็จะกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า "ถ้าเช่นนั้น ทำไมพระองค์จึงทรงติเตียน เพราะว่าผู้ใดจะขัดขืนพระทัย่ของพระองค์ได้" 20แต่ท่านคือใคร คือมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นเอง ท่านจะโต้ตอบกับพระเจ้าได้อย่างไร สิ่งซึ่งถูกปั้นจะกล่าวแก่ผู้ปั้นได้หรือว่า "ทำไมท่านจึงปั้นข้าพเจ้าอย่างนี้" 21ส่วนช่างปั้นหม้อ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาดินก้อนเดียวกันมาปั้นเป็นภาชนะที่สวยงามอันหนึ่ง และภาชนะที่สอยอันหนึ่งหรือ รม. 9 : 18 - 21
พวกราควรรู้ตัวไว้เถิดว่าพระองค์ทรงเลือกเรา เราได้มีสิทธิ์พิเศษที่ได้รู้จักความรอดของพระองค์ ซึ่งคนจำนวนมากไม่รู้ ถึงรู้ใจเขาก็แข็งกระด้างไม่ยอมเชื่อ