
คณะภราดาคาร์เมไลท์ไม่สวมรองเท้า

คณะภราดาคาร์เมไลท์ (Discalced Carmelite Friars)
1. ภูมิหลังของคาร์เมไลท์ ( Carmelite Background )
คณะคาร์เมไลท์มีอายุประมาณ 800 ปีแล้ว โดยเป็นคณะนักบวชคณะแรกในพระศาสนจักรที่ถวายตัวให้พระนางมารีอาเป็นองค์อุปถัมภ์ ผู้ทรงเป็นพระชนนีของพระเป็นเจ้า คณะฯก่อตั้งขึ้นโดยการรวมตัวกันของนักพรต ( hermit ) บนภูเขาคาร์แมลในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เมื่อตอนปลายศตวรรษที่ 12 อันเป็นช่วงเวลาที่เกิดสงครามครูเสด ภูเขาคาร์แมลเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ประกาศกเอลียาห์ ซึ่งถือเป็นแบบฉบับของนักพรต ( hermit )และฤาษี ( monk ) ทั้งปวง ขึ้นไปสวดภาวนา

นักพรตเหล่านี้รวมกลุ่มกันอยู่รอบๆวัดที่สร้างถวายแด่พระนางมารีอา และต่อมาไม่นานพวกเขาก็เป็นที่รู้จักกันในนาม
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 02, 2006 3:20 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
2. ชีวิตนักบวชคืออะไร ( What is Religious Life ? )
ชีวิตนักบวชเป็นรูปแบบชีวิตแบบหนึ่งในพระศาสนจักร โดยมีจุดกำเนิดเริ่มต้นในศตวรรษที่ 3 และสืบต่อมาเป็นประเพณีอันยาวนานในพระศาสนจักร นักบวชใช้ชีวิตเป็นหมู่คณะ โดยถือศีลบนแห่งความยากจน ( vow of poverty ) ศีลบนแห่งความบริสุทธิ์ ( vow of chastity ) และศีลบนแห่งความนบนอบ ( vow of obedience ) จุดใหญ่ใจความอันเป็นแก่นหลักของชีวิตนักบวชก็คือการสร้างที่(space) และโอกาส (opportunity) ในการแสวงหาพระเป็นเจ้า นักบวชจะให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการสวดภาวนา และอาจจะทำงานที่แตกต่างประเภทกันเพื่อพระศาสนจักรอีกด้วย เช่น งานสอนหนังสือ งานเทศนา หรือ งานธรรมทูต แต่วัตถุประสงค์ประการแรกของนักบวชนั้นก็คือการแสวงหาพระเป็นเจ้าในหนทางที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

ชีวิตนักบวชเป็นรูปแบบชีวิตแบบหนึ่งในพระศาสนจักร โดยมีจุดกำเนิดเริ่มต้นในศตวรรษที่ 3 และสืบต่อมาเป็นประเพณีอันยาวนานในพระศาสนจักร นักบวชใช้ชีวิตเป็นหมู่คณะ โดยถือศีลบนแห่งความยากจน ( vow of poverty ) ศีลบนแห่งความบริสุทธิ์ ( vow of chastity ) และศีลบนแห่งความนบนอบ ( vow of obedience ) จุดใหญ่ใจความอันเป็นแก่นหลักของชีวิตนักบวชก็คือการสร้างที่(space) และโอกาส (opportunity) ในการแสวงหาพระเป็นเจ้า นักบวชจะให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการสวดภาวนา และอาจจะทำงานที่แตกต่างประเภทกันเพื่อพระศาสนจักรอีกด้วย เช่น งานสอนหนังสือ งานเทศนา หรือ งานธรรมทูต แต่วัตถุประสงค์ประการแรกของนักบวชนั้นก็คือการแสวงหาพระเป็นเจ้าในหนทางที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

3. รูปแบบของชีวิตคาร์เมไลท์คืออะไร ( What is the Carmelite Way of Life )

รูปแบบของชีวิตคาร์เมไลท์มีพื้นฐานอยู่บนองค์ประกอบสำคัญสี่ประการ คือ
3.1 พระนางมารีอาแห่งภูเขาคาร์แมล ( Our Lady of Mount Carmel )
พระนางมารีอา ผู้ซึ่งได้รับการเคารพนับถือในฐานะพระชนนีของพระเป็นเจ้า เป็นเสมือนแบบอย่างและตัวอย่างในด้านการสวดภาวนาและกิจการสำหรับนักบวชคาร์เมไลท์ทุกคน วันฉลองแม่พระภูเขาคาร์แมล ซึ่งในยุคแรกเป็นวันฉลองขอบพระคุณพระนางมารีอา ในการช่วยเหลือคณะคาร์เมไลท์ให้รอดพ้นจากอุปสรรคปัญหาในเวลายากลำบากนั้น ก็ได้กลายเป็นวันฉลองของพระศาสนจักรสากลด้วยในช่วงปลายยุคกลางและยังคงดำรงอยู่สืบมาจวบจนปัจจุบันนี้ ในทุกวันนี้วันฉลองดังกล่าวกำหนดให้ตรงกับวันที่ 16 กรกฎาคมของทุกปี ความศรัทธาต่อพระนางมารีอาแห่งภูเขาคาร์แมลยังคงแรงกล้าในพระศาสนจักร โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาใต้

และสืบเนื่องจากความศรัทธาต่อพระนางมารีอา สิ่งที่มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดก็คือเสื้อจำพวกสีน้ำตาลของพระนางมารีอาแห่งภูเขาคาร์แมล ซึ่งได้ก่อให้เกิดธรรมประเพณีฝ่ายจิตอันมั่งคั่งในการถวายเกียรติพระนางมารีอาในฐานะศิษย์เอกคนแรกของพระบุตรของพระนาง เสื้อจำพวกนี้เป็นสัญลักษณ์ภายนอกถึงการปกป้องคุ้มครองของพระนางพรหมจารีมารีอา ซึ่งเป็นพี่สาว มารดา และราชินีของเรา และเป็นสัญลักษณ์อันทรงประสิทธิภาพแห่งการปกป้องคุ้มครองของพระนางมารีอาที่มีต่อสมาชิกของคณะคาร์เมไลท์ ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะที่พวกเขาดำรงชีวิตตามกระแสเรียกของพวกเขา ตามที่มีบันทึกไว้ในพระวินัยคณะคาร์เมไลท์ของนักบุญอัลเบิร์ตที่ว่า

รูปแบบของชีวิตคาร์เมไลท์มีพื้นฐานอยู่บนองค์ประกอบสำคัญสี่ประการ คือ
3.1 พระนางมารีอาแห่งภูเขาคาร์แมล ( Our Lady of Mount Carmel )
พระนางมารีอา ผู้ซึ่งได้รับการเคารพนับถือในฐานะพระชนนีของพระเป็นเจ้า เป็นเสมือนแบบอย่างและตัวอย่างในด้านการสวดภาวนาและกิจการสำหรับนักบวชคาร์เมไลท์ทุกคน วันฉลองแม่พระภูเขาคาร์แมล ซึ่งในยุคแรกเป็นวันฉลองขอบพระคุณพระนางมารีอา ในการช่วยเหลือคณะคาร์เมไลท์ให้รอดพ้นจากอุปสรรคปัญหาในเวลายากลำบากนั้น ก็ได้กลายเป็นวันฉลองของพระศาสนจักรสากลด้วยในช่วงปลายยุคกลางและยังคงดำรงอยู่สืบมาจวบจนปัจจุบันนี้ ในทุกวันนี้วันฉลองดังกล่าวกำหนดให้ตรงกับวันที่ 16 กรกฎาคมของทุกปี ความศรัทธาต่อพระนางมารีอาแห่งภูเขาคาร์แมลยังคงแรงกล้าในพระศาสนจักร โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาใต้

และสืบเนื่องจากความศรัทธาต่อพระนางมารีอา สิ่งที่มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดก็คือเสื้อจำพวกสีน้ำตาลของพระนางมารีอาแห่งภูเขาคาร์แมล ซึ่งได้ก่อให้เกิดธรรมประเพณีฝ่ายจิตอันมั่งคั่งในการถวายเกียรติพระนางมารีอาในฐานะศิษย์เอกคนแรกของพระบุตรของพระนาง เสื้อจำพวกนี้เป็นสัญลักษณ์ภายนอกถึงการปกป้องคุ้มครองของพระนางพรหมจารีมารีอา ซึ่งเป็นพี่สาว มารดา และราชินีของเรา และเป็นสัญลักษณ์อันทรงประสิทธิภาพแห่งการปกป้องคุ้มครองของพระนางมารีอาที่มีต่อสมาชิกของคณะคาร์เมไลท์ ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะที่พวกเขาดำรงชีวิตตามกระแสเรียกของพวกเขา ตามที่มีบันทึกไว้ในพระวินัยคณะคาร์เมไลท์ของนักบุญอัลเบิร์ตที่ว่า
3.2 การสวดภาวนา ( Prayer )
ในรูปแบบชีวิตคาร์เมไลท์ การสวดภาวนาถือเป็นศูนย์กลาง พระวินัยของคณะคาร์เมไลท์กระตุ้นเตือนให้ภราดา
ในรูปแบบชีวิตคาร์เมไลท์ การสวดภาวนาถือเป็นศูนย์กลาง พระวินัยของคณะคาร์เมไลท์กระตุ้นเตือนให้ภราดา
3.3 ชีวิตหมู่คณะ ( Community Life ) (รอภาพประกอบจากสิงคโปร์)
ในโลกที่แตกแยกเป็นส่วนๆอย่างในทุกวันนี้ ผู้คนทั้งหลายมีความกระหายหาชีวิตหมู่คณะเป็นอย่างยิ่ง พวกเขามักจะเห็นว่าตัวเองมีความรู้สึกเหินห่างและแปลกแยก ด้วยเหตุแห่งความกดดันของชีวิตสมัยใหม่ ชีวิตคาร์เมไลท์พยายามที่จะหยิบยื่นทางเลือกอีกทางหนึ่ง การสรรค์สร้างหมู่คณะที่มีชีวิตของหมู่พี่น้องที่ได้รับการฟื้นฟูในพระคริสตเจ้านั้น พวกเขาได้ใช้กลุ่มคริสตชนกลุ่มแรกในเยรูซาเลมเป็นแบบอย่าง ชีวิตในคณะคาร์เมไลท์เป็นชีวิตมนุษย์ที่ได้สมดุลย์ โดยติดตามแบบอย่างของบรรดาผู้ตั้งคณะของเรา พวกเรามีการหย่อนใจร่วมกันเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญในชีวิตของพวกเรา พวกเราใช้ชีวิตเป็นหมู่คณะซึ่งหมายไว้ด้วยการแบ่งปันฉันท์พี่น้อง และตามประเพณีนิยมของคณะฯ หมู่คณะของพวกเราจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก เพื่อที่ว่าบรรยากาศแห่งภราดรภาพที่แท้จริงจะได้เจริญงอกงาม พระธรรมนูญของคณะของเราบอกเราว่า
กระแสเรียกของเรารวมเราให้เป็นครอบครัวหนึ่งที่ยึดถือแบบอย่างของหมู่คณะของพระคริสตเจ้าและอัครสาวก พึงมีการยอมรับซึ่งกันและกันในความสัมพันธ์แบบครอบครัวที่แท้จริงโดยมิให้ใครรู้สึกแปลกแยกออกไป ปัญหาที่ไม่อาจเลี่ยงได้ของชีวิตหมู่คณะควรได้รับการจัดการในความจริงและความเมตตา และผ่านพ้นในความเคารพซึ่งกันและกันและมิตรภาพที่แท้จริง ( No.74 )
ในการจัดการภาคปฏิบัติประจำวัน และในโครงสร้างของบ้านของเรา เราพยายามที่จะจัดให้เอื้อต่อการตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเป็นเจ้าและการใช้ชีวิตกลุ่มที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความรัก เพื่อส่งเสริมสภาวะอันเป็นอุดมคตินี้ แต่ละหมู่คณะจะจัดให้มีการสวดภาวนาส่วนตัวเป็นเวลาสองชั่วโมงในแต่ละวัน ซึ่งใช้ในการอ่านพระคัมภีร์เพื่อการรำพึงภาวนา และหนังสือเกี่ยวกับชีวิตฝ่ายจิตด้วย
พิธีกรรมเป็นแหล่งอันอุดมซึ่งเป็นที่มาของชีวิตฝ่ายจิตของเราและเป็นหลักสำคัญของทุกหมู่คณะในการเริ่มต้นวันใหม่ ในแต่ละวันเราจัดให้มีพิธีกรรมประจำชั่วโมง โดยที่เราสรรเสริญ ขอบพระคุณ และภาวนารำพึงถึงรหัสธรรมของพระคริสตเจ้าตลอด
เราสรรเสริญพระบิดาด้วยหัวใจดวงเดียวและร่วมเป็นเสียงเดียวในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าและหมู่คณะนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่ทั่วโลก
ในแต่ละวันเราร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณด้วยกัน มิสซารวมคำภาวนาของหมู่คณะและการถวายพระองค์ของพระคริสตเจ้าแด่พระบิดาให้อยู่ในกิจการเดียวกัน ในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า เราถวายตัวเองในฐานะหมู่คณะ พร้อมกับประชากรของพระเป็นเจ้าทุกคน
ในโลกที่แตกแยกเป็นส่วนๆอย่างในทุกวันนี้ ผู้คนทั้งหลายมีความกระหายหาชีวิตหมู่คณะเป็นอย่างยิ่ง พวกเขามักจะเห็นว่าตัวเองมีความรู้สึกเหินห่างและแปลกแยก ด้วยเหตุแห่งความกดดันของชีวิตสมัยใหม่ ชีวิตคาร์เมไลท์พยายามที่จะหยิบยื่นทางเลือกอีกทางหนึ่ง การสรรค์สร้างหมู่คณะที่มีชีวิตของหมู่พี่น้องที่ได้รับการฟื้นฟูในพระคริสตเจ้านั้น พวกเขาได้ใช้กลุ่มคริสตชนกลุ่มแรกในเยรูซาเลมเป็นแบบอย่าง ชีวิตในคณะคาร์เมไลท์เป็นชีวิตมนุษย์ที่ได้สมดุลย์ โดยติดตามแบบอย่างของบรรดาผู้ตั้งคณะของเรา พวกเรามีการหย่อนใจร่วมกันเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญในชีวิตของพวกเรา พวกเราใช้ชีวิตเป็นหมู่คณะซึ่งหมายไว้ด้วยการแบ่งปันฉันท์พี่น้อง และตามประเพณีนิยมของคณะฯ หมู่คณะของพวกเราจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก เพื่อที่ว่าบรรยากาศแห่งภราดรภาพที่แท้จริงจะได้เจริญงอกงาม พระธรรมนูญของคณะของเราบอกเราว่า
กระแสเรียกของเรารวมเราให้เป็นครอบครัวหนึ่งที่ยึดถือแบบอย่างของหมู่คณะของพระคริสตเจ้าและอัครสาวก พึงมีการยอมรับซึ่งกันและกันในความสัมพันธ์แบบครอบครัวที่แท้จริงโดยมิให้ใครรู้สึกแปลกแยกออกไป ปัญหาที่ไม่อาจเลี่ยงได้ของชีวิตหมู่คณะควรได้รับการจัดการในความจริงและความเมตตา และผ่านพ้นในความเคารพซึ่งกันและกันและมิตรภาพที่แท้จริง ( No.74 )
ในการจัดการภาคปฏิบัติประจำวัน และในโครงสร้างของบ้านของเรา เราพยายามที่จะจัดให้เอื้อต่อการตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเป็นเจ้าและการใช้ชีวิตกลุ่มที่มีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความรัก เพื่อส่งเสริมสภาวะอันเป็นอุดมคตินี้ แต่ละหมู่คณะจะจัดให้มีการสวดภาวนาส่วนตัวเป็นเวลาสองชั่วโมงในแต่ละวัน ซึ่งใช้ในการอ่านพระคัมภีร์เพื่อการรำพึงภาวนา และหนังสือเกี่ยวกับชีวิตฝ่ายจิตด้วย
พิธีกรรมเป็นแหล่งอันอุดมซึ่งเป็นที่มาของชีวิตฝ่ายจิตของเราและเป็นหลักสำคัญของทุกหมู่คณะในการเริ่มต้นวันใหม่ ในแต่ละวันเราจัดให้มีพิธีกรรมประจำชั่วโมง โดยที่เราสรรเสริญ ขอบพระคุณ และภาวนารำพึงถึงรหัสธรรมของพระคริสตเจ้าตลอด
เราสรรเสริญพระบิดาด้วยหัวใจดวงเดียวและร่วมเป็นเสียงเดียวในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าและหมู่คณะนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่ทั่วโลก
ในแต่ละวันเราร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณด้วยกัน มิสซารวมคำภาวนาของหมู่คณะและการถวายพระองค์ของพระคริสตเจ้าแด่พระบิดาให้อยู่ในกิจการเดียวกัน ในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า เราถวายตัวเองในฐานะหมู่คณะ พร้อมกับประชากรของพระเป็นเจ้าทุกคน
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 02, 2006 3:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
4. การรับใช้พระศาสนจักร ( Service of the Church )
ผลของการภาวนาของคาร์เมไลท์ปรากฏอยู่ในการรับใช้ โดยผ่านทางการสวดภาวนา กิจการงานภายในถูกส่งออกจากใจไปสู่ประชากรของพระเป็นเจ้าในหลายทาง ดังนั้นสำหรับภราดาคาร์เมไลท์ กิจการงานภายนอกก็กลายมาเป็นส่วนเสริมต่อของการสวดภาวนาของคาร์เมไลท์ พวกเขาช่วยให้โลกรู้จักพระคริสตเจ้าดียิ่งขึ้น ผ่านงานของพวกเขา เช่น การประกาศพระวรสาร การเทศนา การสอน งานเขียน งานดูแลด้านสังคม และงานอภิบาลอื่นๆ และเมื่อพระศาสนจักรมีความต้องการ ภราดาคาร์เมไลท์ก็ดูแลเขตวัด บ้านเข้าเงียบ สถานภาวนา และศูนย์ชีวิตจิตอีกด้วย โดยงานของภราดานั้นจะเน้นที่การช่วยพี่น้องคริสตชนในหนทางอันยากลำบากของการภาวนา และช่วยให้สามารถเข้าถึงมิตรภาพอันเปี่ยมไปด้วยความรักกับพระเป็นเจ้าในระดับที่ลึกซึ้งขึ้นและใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
ผลของการภาวนาของคาร์เมไลท์ปรากฏอยู่ในการรับใช้ โดยผ่านทางการสวดภาวนา กิจการงานภายในถูกส่งออกจากใจไปสู่ประชากรของพระเป็นเจ้าในหลายทาง ดังนั้นสำหรับภราดาคาร์เมไลท์ กิจการงานภายนอกก็กลายมาเป็นส่วนเสริมต่อของการสวดภาวนาของคาร์เมไลท์ พวกเขาช่วยให้โลกรู้จักพระคริสตเจ้าดียิ่งขึ้น ผ่านงานของพวกเขา เช่น การประกาศพระวรสาร การเทศนา การสอน งานเขียน งานดูแลด้านสังคม และงานอภิบาลอื่นๆ และเมื่อพระศาสนจักรมีความต้องการ ภราดาคาร์เมไลท์ก็ดูแลเขตวัด บ้านเข้าเงียบ สถานภาวนา และศูนย์ชีวิตจิตอีกด้วย โดยงานของภราดานั้นจะเน้นที่การช่วยพี่น้องคริสตชนในหนทางอันยากลำบากของการภาวนา และช่วยให้สามารถเข้าถึงมิตรภาพอันเปี่ยมไปด้วยความรักกับพระเป็นเจ้าในระดับที่ลึกซึ้งขึ้นและใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
4. นักบุญของคณะคาร์เมไลท์ ( Carmelite Saints )
4.1 นักปราชญ์ของพระศาสนจักรสามองค์ในคณะคาร์เมไลท์ ( Three Carmelite Doctors of the Church )
คำสอนตามประเพณีคาร์เมไลท์มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์เป็นอย่างมากในทุกวันนี้ อันปรากฏในคำสอนของนักปราชญ์คาร์เมไลท์ผู้ยิ่งใหญ่สามองค์ ในชีวิตและงานเขียนของพวกท่าน เราจะพบว่าได้ถูกสรุปเป็นคำสอนด้านการเพ่งฌาณ ซึ่งคณะคาร์เมไลท์ได้มอบให้พระศาสนจักร ความรอบรู้ของนักปราชญ์ทั้งสามท่านได้บ่งแสดงต่อโลกสมัยใหม่ว่าคนๆหนึ่งจะดำเนินชีวิตในความสนิทสัมพันธ์ในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับพระเป็นเจ้าได้อย่างไร

4.1.1 นักบุญเทเรซาแห่งอาวิลา ( St.Teresa of Avila )
นักบุญเทเรซาเป็นสตรีที่กล้าหาญ หลังจากที่ตัวท่านเองได้เพียรพยายามในการเรียนรู้ชีวิตภาวนา และได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับลึก ท่านสามารถที่จะให้ความช่วยเหลืออันมีค่าแก่ผู้อื่นในการเดินทางไปสู่พระเจ้าได้ เมื่อได้เริ่มงานปฏิรูปคณะฯแล้ว ท่านได้เริ่มเขียนหนังสือเพื่อช่วยบรรดาภคินีของท่านและคนอื่นๆในหนทางแห่งการภาวนา งานเด่นๆของท่าน เช่น The Life, The Way of Perfection, The Interior Castle และ The Book of the Foundation งานเขียนของท่านเหล่านี้ได้กลายเป็นแหล่งแห่งความมีชีวิตชีวาของคนมากมายมาหลายศตวรรษ อาจกล่าวได้ว่า ท่านให้คำอธิบายที่ดีและสมบูรณ์เกี่ยวกับการเดินทางฝ่ายจิตจากจุดเริ่มแรกไปจนถึงความสนิทสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างที่สุดกับพระเป็นเจ้า ท่านเป็นนักเทววิทยาแห่งมนุษยภาพของพระคริสตเจ้า และยืนยันหลายต่อหลายครั้งว่า ไม่ว่าการสวดภาวนาของเรานั้นจะอยู่ในระดับสูงส่งเพียงใดก็ตาม เราก็ไม่สามารถที่จะละทิ้งมนุษยภาพของพระคริสตเจ้าได้ ท่านได้รับการประกาศเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรในปี ค.ศ.1970 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6

4.1.2 นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน ( St.John of the Cross )
นักบุญยอห์นเป็นบุคคลร่วมสมัยกับนักบุญเทเรซา และทำการปฏิรูปคณะภราดาร่วมกับนักบุญเทเรซา นักบุญยอห์นเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์เป็นอย่างยิ่งในการทำสิ่งต่างๆมากมายในช่วงเวลาต่างๆในช่วงชีวิตของท่าน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในโรงพยาบาล กวี นักเขียน ช่างสร้างบ้านและสะพาน ผู้ให้คำแนะนำฝ่ายจิต
ยอห์นไม่ใช่ผู้เผยแผ่คำสอนใหม่ และไม่ควรเรียกท่านว่าเป็นนักปราชญ์แห่งราตรีกาล ( Doctor of the Night ) อีกด้วย แต่ท่านเป็นคนที่มีความปรีชาฉลาดผู้ซึ่งได้จุดประกายคำสอนของท่านในกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและถูกต้องแม่นยำ สำหรับนักบุญยอห์นแล้ว ชีวิตเหนือธรรมชาติตั้งอยู่บนแกนของบานพับสองบาน คือวิญญาณและพระเป็นเจ้า พระเป็นเจ้าทรงเป็นเสมือนเมล็ดที่ซึมซาบเข้าไปในส่วนลึกของวิญญาณ อันเป็นที่ซึ่งพระองค์ประทับอยู่ และจากที่นั่นพระองค์ทรงปกครองวิญญาณ และพร้อมกับวิญญาณพระองค์ทรงปกครองบุคคลทั้งครบ ดังนี้ก็สำเร็จตามคำกล่าวของนักบุญเปาโลที่ว่า
4.1 นักปราชญ์ของพระศาสนจักรสามองค์ในคณะคาร์เมไลท์ ( Three Carmelite Doctors of the Church )
คำสอนตามประเพณีคาร์เมไลท์มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์เป็นอย่างมากในทุกวันนี้ อันปรากฏในคำสอนของนักปราชญ์คาร์เมไลท์ผู้ยิ่งใหญ่สามองค์ ในชีวิตและงานเขียนของพวกท่าน เราจะพบว่าได้ถูกสรุปเป็นคำสอนด้านการเพ่งฌาณ ซึ่งคณะคาร์เมไลท์ได้มอบให้พระศาสนจักร ความรอบรู้ของนักปราชญ์ทั้งสามท่านได้บ่งแสดงต่อโลกสมัยใหม่ว่าคนๆหนึ่งจะดำเนินชีวิตในความสนิทสัมพันธ์ในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับพระเป็นเจ้าได้อย่างไร

4.1.1 นักบุญเทเรซาแห่งอาวิลา ( St.Teresa of Avila )
นักบุญเทเรซาเป็นสตรีที่กล้าหาญ หลังจากที่ตัวท่านเองได้เพียรพยายามในการเรียนรู้ชีวิตภาวนา และได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับลึก ท่านสามารถที่จะให้ความช่วยเหลืออันมีค่าแก่ผู้อื่นในการเดินทางไปสู่พระเจ้าได้ เมื่อได้เริ่มงานปฏิรูปคณะฯแล้ว ท่านได้เริ่มเขียนหนังสือเพื่อช่วยบรรดาภคินีของท่านและคนอื่นๆในหนทางแห่งการภาวนา งานเด่นๆของท่าน เช่น The Life, The Way of Perfection, The Interior Castle และ The Book of the Foundation งานเขียนของท่านเหล่านี้ได้กลายเป็นแหล่งแห่งความมีชีวิตชีวาของคนมากมายมาหลายศตวรรษ อาจกล่าวได้ว่า ท่านให้คำอธิบายที่ดีและสมบูรณ์เกี่ยวกับการเดินทางฝ่ายจิตจากจุดเริ่มแรกไปจนถึงความสนิทสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างที่สุดกับพระเป็นเจ้า ท่านเป็นนักเทววิทยาแห่งมนุษยภาพของพระคริสตเจ้า และยืนยันหลายต่อหลายครั้งว่า ไม่ว่าการสวดภาวนาของเรานั้นจะอยู่ในระดับสูงส่งเพียงใดก็ตาม เราก็ไม่สามารถที่จะละทิ้งมนุษยภาพของพระคริสตเจ้าได้ ท่านได้รับการประกาศเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรในปี ค.ศ.1970 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6

4.1.2 นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน ( St.John of the Cross )
นักบุญยอห์นเป็นบุคคลร่วมสมัยกับนักบุญเทเรซา และทำการปฏิรูปคณะภราดาร่วมกับนักบุญเทเรซา นักบุญยอห์นเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์เป็นอย่างยิ่งในการทำสิ่งต่างๆมากมายในช่วงเวลาต่างๆในช่วงชีวิตของท่าน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในโรงพยาบาล กวี นักเขียน ช่างสร้างบ้านและสะพาน ผู้ให้คำแนะนำฝ่ายจิต
ยอห์นไม่ใช่ผู้เผยแผ่คำสอนใหม่ และไม่ควรเรียกท่านว่าเป็นนักปราชญ์แห่งราตรีกาล ( Doctor of the Night ) อีกด้วย แต่ท่านเป็นคนที่มีความปรีชาฉลาดผู้ซึ่งได้จุดประกายคำสอนของท่านในกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและถูกต้องแม่นยำ สำหรับนักบุญยอห์นแล้ว ชีวิตเหนือธรรมชาติตั้งอยู่บนแกนของบานพับสองบาน คือวิญญาณและพระเป็นเจ้า พระเป็นเจ้าทรงเป็นเสมือนเมล็ดที่ซึมซาบเข้าไปในส่วนลึกของวิญญาณ อันเป็นที่ซึ่งพระองค์ประทับอยู่ และจากที่นั่นพระองค์ทรงปกครองวิญญาณ และพร้อมกับวิญญาณพระองค์ทรงปกครองบุคคลทั้งครบ ดังนี้ก็สำเร็จตามคำกล่าวของนักบุญเปาโลที่ว่า

4.1.3 นักบุญเทเรซาแห่งลีซีเออซ์
นักบุญเทเรซามีชีวิตอยู่ในโลกเพียงแค่ 24 ปีเท่านั้น แต่งานเขียนของท่านมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อเรื่องชีวิตจิต ( Spirituality ) ในศตวรรษที่ยี่สิบ ในขณะที่พระศาสนจักรกำลังเผชิญกับอิทธิพลในทางลบของลัทธิJansenism ( ทัศนะทางเทววิทยาที่เชื่อว่าพระเจ้าทรงอยู่ไกลมากจากมนุษย์ ) พระศาสนจักรก็ได้รับสารแห่งการปลดปล่อย ( liberating message ) ของท่าน ซึ่งเน้นว่าพระเมตตาอันท่วมท้นของพระเป็นเจ้า การให้อภัย และการเปิดสู่ความเป็นไปได้ในความศักดิ์สิทธิ์ของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนธรรมดา โดยไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงสมาชิกชั้นผู้นำที่มีอำนาจของพระศาสนจักรบางคนเท่านั้น เพราะว่าพระเยซูเจ้าตรัสบอกพวกเราว่า พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเรา นักบุญเทเรซาปฏิบัติตามคำสอนนี้ด้วยความเข้มแข็งเป็นอย่างยิ่งและได้รื้อฟื้นความหมายดั้งเดิมของคำสอนนี้ด้วย ท่านมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าคำสอนดังกล่าวนั้นมีอยู่สองแง่ที่เสริมซึ่งกันและกัน คือ การตระหนักซึ้งถึงความเป็นบิดาของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเรา และความต้องการสำหรับเราในการพัฒนาทัศนคติแห่งความเป็นบุตรในอันที่จะมีความวางใจต่อพระบิดาของเราอย่างสิ้นเชิง และนี่ก็คือคำสอนเรื่องความเป็นเด็กฝ่ายจิต ( spiritual childhood ) ท่านได้รับการประกาศเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรโดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ในปี ค.ศ.1997
4.2 นักบุญคณะคาร์เมไลท์คนอื่นๆ ( Other Carmelite Saints )
นอกจากนักบุญสามองค์ที่เป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรแล้ว คณะคาร์เมไลท์ก็มีนักบุญตลอดเรื่อยมาในยุคสมัยใหม่ นักบุญราฟาแอล คาลิโนวสกี ( St.Raphael Kalinowski ) รื้อฟื้นคณะคาร์เมไลท์ในโปแลนด์ ในศตวรรษที่ 19 นักบุญเทเรซาแห่งอันเดส ( St.Teresa of the Andes ) นักบวชคาร์เมไลท์อายุน้อย เป็นนักบุญองค์แรกของประเทศชิลี ผู้ซึ่งเสียชีวิตลงในปี ค.ศ.1920 และได้รับการประกาศเป็นนักบุญโดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ในปี ค.ศ.1993 เอดิธ สไตน์ ( Edith Stein ) เป็นชาวยิวแล้วมารับศีลล้างบาปเป็นคาทอลิก สมัครเข้าคณะคาร์เมไลท์และสิ้นชีวิตที่เอาช์วิทซ์ ( Auschwitz ) ในปี ค.ศ.1942 ท่านได้รับการประกาศเป็นนักบุญในปี ค.ศ.1998 บุญราศีฟรันซิสโก ปาเลา ( Blessed Francisco Palau ) เป็นนักบวชคาร์เมไลท์ที่โดดเด่นจากแคว้นกาตาลูญา ประเทศสเปน ในศตวรรษที่ 19 ท่านเป็นทั้งผู้ที่มีบุคลิกลักษณะของนักพรตที่พิเศษและโดดเด่น ผู้ประกาศพระวรสาร ผู้ตั้งคณะนักบวชสามคณะ และนักเทศน์ ท่านถูกเนรเทศโดยรัฐบาลที่ต่อต้านนักบวชไปยังเกาะIbaza ท่านได้เทศน์สอนประชาชนบนเกาะ และใช้เวลานับวันนับคืนในการสวดภาวนาในถ้ำLa Vedra ในลักษณะเดียวกันกับนักพรตโบราณบนภูเขาคาร์แมล ในภายหลังท่านได้กลับมาใช้ชีวิตและทำงานบนแผ่นดินใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นบุญราศีในปี ค.ศ.1988

นักบุญเอดิธ สไตน์ ( Edith Stein )
นักบุญราฟาแอล คาลิโนวสกี ( St.Raphael Kalinowski )

นักบุญเทเรซาแห่งอันเดส ( St.Teresa of the Andes )
เราจะพบภราดาคาร์เมไลท์ได้ที่ไหน

นักบวชคาร์เมไลท์อยู่ในกว่า 80 ประเทศทั่วโลกโดยมีจำนวนภราดาประมาณ 4,000 รูป เขตของเราประกอบไปด้วย ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และฮ่องกง เรามีจุดประสงค์ในอันที่จะพัฒนาคณะฯในแต่ละที่และขยายงานอภิบาลเรื่องการภาวนา ทั้งจะช่วยให้เข้าถึงชีวิตคริสตชนในระดับที่ลึกซึ้งขึ้นด้วย

นักบวชคาร์เมไลท์อยู่ในกว่า 80 ประเทศทั่วโลกโดยมีจำนวนภราดาประมาณ 4,000 รูป เขตของเราประกอบไปด้วย ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และฮ่องกง เรามีจุดประสงค์ในอันที่จะพัฒนาคณะฯในแต่ละที่และขยายงานอภิบาลเรื่องการภาวนา ทั้งจะช่วยให้เข้าถึงชีวิตคริสตชนในระดับที่ลึกซึ้งขึ้นด้วย
จงมาและดูเถิด

พระคัมภีร์ได้ให้ตัวอย่างมากมายเกี่ยวกับการเรียกของพระเจ้ามีต่อประชากรให้ติดตามและรับใช้พระองค์ในหนทางพิเศษ อับราฮัม โมเสส และเยเรมีห์ในพันธสัญญาเดิม อัครสาวกทั้งสิบสอง เปาโล และแน่นอน พระนางมารีอา มารดาของพระเยซูเจ้าในพันธสัญญาใหม่
พระเจ้าทรงเรียกประชากรอย่างต่อเนื่องด้วยพระพรที่แตกต่างกันตลอดช่วงประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร นักบุญและผู้ตั้งคณะนักบวชเป็นพยานให้กับเราถึงเรื่องนี้ การเรียกนี้ก็ยังคงต่อเนื่องข้ามเวลานับศตวรรษ แม้แต่ในทุกวันนี้เสียงเรียกของพระเจ้าก็ยังคงได้ยินได้อยู่เฉกเช่นในอดีต พระเยซูเจ้าตรัสกับอครสาวกว่า"ท่านประสงค์สิ่งใด" ( ยน 1:39 ) ทุกวันนี้คนจำนวนมากมายสิ้นสุขและเป็นทุกข์เพราะสภาพสังคมแบบวัตถุนิยมและบรรยากาศที่เคร่งเครียดและว่างเปล่าที่พวกเขาเผชิญ พวกเขามีประสบการณ์กับความผิดหวังในงานและเริ่มสงสัยว่าจะมีหนทางที่ดีกว่าในการรับใช้มนุษยชาติหรือไม่ พวกเขาเริ่มคิดว่า บางทีพระเจ้าอาจจะทรงกำลังเรียกพวกเขาให้ไปรับใช้พระองค์และประชากรของพระองค์ในหนทางใหม่อยู่ก็ได้
ถ้าคุณรู้สึกเช่นนี้ เช่นนั้นแล้ว ทำไมไม่ลองมาที่บ้านอบรมของคณะคาร์เมไลท์ ( Carmelite Formation House ) ของเรา และลองพักอยู่กับเราสักช่วงหนึ่งล่ะ สองสามวัน สัปดาห์หนึ่ง หรือนานกว่านั้น และลองสัมผัสวิถีชีวิตของเรา สิ่งนี้จะช่วยให้คุณได้ค้นพบว่าพระเจ้ากำลังตรัสกับคุณเกี่ยวกับชีวิตของคุณอยู่หรือเปล่า บางทีอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะออกก้าวเดินติดตามพระเจ้าในหนทางใหม่ในฐานะพระสงฆ์หรือภราดาคนหนึ่งในคณะคาร์เมไลท์

พระคัมภีร์ได้ให้ตัวอย่างมากมายเกี่ยวกับการเรียกของพระเจ้ามีต่อประชากรให้ติดตามและรับใช้พระองค์ในหนทางพิเศษ อับราฮัม โมเสส และเยเรมีห์ในพันธสัญญาเดิม อัครสาวกทั้งสิบสอง เปาโล และแน่นอน พระนางมารีอา มารดาของพระเยซูเจ้าในพันธสัญญาใหม่
พระเจ้าทรงเรียกประชากรอย่างต่อเนื่องด้วยพระพรที่แตกต่างกันตลอดช่วงประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร นักบุญและผู้ตั้งคณะนักบวชเป็นพยานให้กับเราถึงเรื่องนี้ การเรียกนี้ก็ยังคงต่อเนื่องข้ามเวลานับศตวรรษ แม้แต่ในทุกวันนี้เสียงเรียกของพระเจ้าก็ยังคงได้ยินได้อยู่เฉกเช่นในอดีต พระเยซูเจ้าตรัสกับอครสาวกว่า"ท่านประสงค์สิ่งใด" ( ยน 1:39 ) ทุกวันนี้คนจำนวนมากมายสิ้นสุขและเป็นทุกข์เพราะสภาพสังคมแบบวัตถุนิยมและบรรยากาศที่เคร่งเครียดและว่างเปล่าที่พวกเขาเผชิญ พวกเขามีประสบการณ์กับความผิดหวังในงานและเริ่มสงสัยว่าจะมีหนทางที่ดีกว่าในการรับใช้มนุษยชาติหรือไม่ พวกเขาเริ่มคิดว่า บางทีพระเจ้าอาจจะทรงกำลังเรียกพวกเขาให้ไปรับใช้พระองค์และประชากรของพระองค์ในหนทางใหม่อยู่ก็ได้
ถ้าคุณรู้สึกเช่นนี้ เช่นนั้นแล้ว ทำไมไม่ลองมาที่บ้านอบรมของคณะคาร์เมไลท์ ( Carmelite Formation House ) ของเรา และลองพักอยู่กับเราสักช่วงหนึ่งล่ะ สองสามวัน สัปดาห์หนึ่ง หรือนานกว่านั้น และลองสัมผัสวิถีชีวิตของเรา สิ่งนี้จะช่วยให้คุณได้ค้นพบว่าพระเจ้ากำลังตรัสกับคุณเกี่ยวกับชีวิตของคุณอยู่หรือเปล่า บางทีอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะออกก้าวเดินติดตามพระเจ้าในหนทางใหม่ในฐานะพระสงฆ์หรือภราดาคนหนึ่งในคณะคาร์เมไลท์
ประสบการณ์สัมผัสชีวิตคาร์ไมไลท์ที่ประเทศสิงคโปร์ของผม
ผมได้มีโอกาสรู้จักคณะนี้จากเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง ซึ่งเวลานั้นเขาไปเป็นบราเดอร์เรียนปรัชญาที่ประเทศสิงค์โปร์ ในคณะคาร์เมไลท์ เขาจึงชวนผมให้ไปลองสัมผัสชีวิตคณะคาร์เมไลท์ที่นั่นดู ซึ่งพอเหมาะที่เวลานั้นผมได้ออกมาจากบ้านเณรของคณะนักบวชคณะหนึ่งแล้ว และยังแสวงหากระแสเรียกของตนเองอยู่ ผมจึงตัดสินใจลองไปสัมผัสชีวิตที่คณะคาร์เมไลท์ดูสัก 2 สัปดาห์ ผมออกเดินทางไปที่สิงคโปร์คนเดียว โดยสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ก่อนที่ผมจะไปสิงคโปร์ ผมก็ได้สอบถามข้อมูลต่าง ๆ จากพ่อของผมที่ท่านมีโอกาสได้ไปสิงคโปร์มาก่อนหน้าผมไม่นาน เพื่อร่วมพิธีถวายตัวครั้งแรกของเพื่อนรุ่นน้องของผมคนที่ชวนผมนั่นแหละ ผมก็ได้ข้อมูลมาไม่มากนัก คิดว่าเป็นไงเป็นกัน ไปเองเดี๋ยวก็รู้
ผมได้มีโอกาสรู้จักคณะนี้จากเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง ซึ่งเวลานั้นเขาไปเป็นบราเดอร์เรียนปรัชญาที่ประเทศสิงค์โปร์ ในคณะคาร์เมไลท์ เขาจึงชวนผมให้ไปลองสัมผัสชีวิตคณะคาร์เมไลท์ที่นั่นดู ซึ่งพอเหมาะที่เวลานั้นผมได้ออกมาจากบ้านเณรของคณะนักบวชคณะหนึ่งแล้ว และยังแสวงหากระแสเรียกของตนเองอยู่ ผมจึงตัดสินใจลองไปสัมผัสชีวิตที่คณะคาร์เมไลท์ดูสัก 2 สัปดาห์ ผมออกเดินทางไปที่สิงคโปร์คนเดียว โดยสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ก่อนที่ผมจะไปสิงคโปร์ ผมก็ได้สอบถามข้อมูลต่าง ๆ จากพ่อของผมที่ท่านมีโอกาสได้ไปสิงคโปร์มาก่อนหน้าผมไม่นาน เพื่อร่วมพิธีถวายตัวครั้งแรกของเพื่อนรุ่นน้องของผมคนที่ชวนผมนั่นแหละ ผมก็ได้ข้อมูลมาไม่มากนัก คิดว่าเป็นไงเป็นกัน ไปเองเดี๋ยวก็รู้
แก้ไขล่าสุดโดย Andreas เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 09, 2006 4:45 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ติดต่อเรา
Vocation Director
Carmelite Friars
203-J Ponggol Seventeenth Avenue,
Singapore 829729.
Phone : ( 65 ) 6387 0530
Fax : ( 65 ) 6387 0697
carmelitefriars_sg@hotmail.com
thai_carmelite@lycos.com
Vocation Director
Carmelite Friars
203-J Ponggol Seventeenth Avenue,
Singapore 829729.
Phone : ( 65 ) 6387 0530
Fax : ( 65 ) 6387 0697
carmelitefriars_sg@hotmail.com
thai_carmelite@lycos.com
แก้ไขล่าสุดโดย Florian เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 02, 2006 4:54 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
งั้นมีสิ่งใดที่ยังบ่งบอกละคะ
ว่าไม่สวมรองเท้า....เพราะตอนนี้สวมแล้ว
ที่บอกว่า ไม่สวมรองเท้า
แปลว่า มีอะไรที่พิเศษกว่า คณะที่สวมรองเท้าคะ
ปล.
ไม่ได้จะกวนนะคะ
อยากรู้จริงๆ *sad
ว่าไม่สวมรองเท้า....เพราะตอนนี้สวมแล้ว
ที่บอกว่า ไม่สวมรองเท้า
แปลว่า มีอะไรที่พิเศษกว่า คณะที่สวมรองเท้าคะ
ปล.
ไม่ได้จะกวนนะคะ
อยากรู้จริงๆ *sad
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ผู้ชายที่บวชคณะนี้
เรียกว่า "ฤาษี" หรือป่าวครับ
อยากรู้เหมือนกัน
เรียกว่า "ฤาษี" หรือป่าวครับ
อยากรู้เหมือนกัน
ก่อนอื่นรู้สึกขอบคุณจริงๆนะครับที่สนใจคณะของเราBatholomew เขียน: ผู้ชายที่บวชคณะนี้
เรียกว่า "ฤาษี" หรือป่าวครับ
อยากรู้เหมือนกัน
ผมขอตอบแบบสบายๆนะครับ จะได้ไม่วิชาก๊าร วิชาการ เพราะผมไม่เก่งด้วยดิ
คือแต่เดิมคณะฯของเราอยู่ที่ภูเขาคาร์แมล แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ตอนนั้นน่ะใช่ครับ พวกเราเป็นฤาษี นักพรต แต่เมื่อย้ายกลับมาอยู่ยุโรปแล้ว ก็เกิดขบวนการภิกขาจาร Mendicant Movement คณะฯของเราจึงเปลี่ยนสภาพรูปแบบชีวิตมาเป็นนักบวชแบบmendicant ภิกขาจารซะ ให้เข้ากับสภาพ ดังนั้นพวกเราจากที่เป็น hermit ( นักพรต / ฤาษี ) ก็กลายเป็น friar ( ภราดา ) เหมือนกับฟรังซิสกัน และโดมินิกัน ( ที่อยู่ที่ทวีปยุโรปแต่เดิมอยู่แล้วครับ ) สองคณะนี้ นักบวชชายก็เรียกกันว่า friar เหมือนกันครับ
ตอนที่ผมไปสิงคโปร์นั้น ก็ได้รู้จักบราเดอร์สิงคโปร์คนหนึ่ง เขายังเด็กอยู่นะ ไม่ได้แก่อะไร ก็เลยเข้ากันได้ดี คุยกับเขาบ่อย เขามีความรู้ดี ท่าทางเป็นคนเรียนเก่ง ผมเคยขอเขาว่า นี่ เล่าประวัติที่มาของคณะให้ฟังหน่อยดิ อยากรู้อะ เขาก็เล่ามาเยอะนะ เล่าอย่างอารมณ์ดี บราเดอร์คนนี้พูดอะไร ผมก็ฟังเพลินไปเสียทุกเรื่อง อาจด้วยเป็นเพราะว่า เขารู้จริง ถึงเล่าได้อย่างเป็นธรรมชาติ เขาเล่ายาว จะตัดตอนมาเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับที่ถามนะครับ ผมว่าเขาเล่าสนุกดี เป็นกันเอง ฟังแล้วไม่เครียด ผมฟังแล้วยังตลกเลย
คณะของเรานั้นแต่เดิมอยู่ที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ตอนนั้นเป็นนักพรต ฤาษี แต่พอกลับมาที่ยุโรป พวกเขาเห็นภราดาฟรังซิสกัน กับภราดาโดมินิกัน เดินไปเดินมา เห็นว่าน่าหนุกดี ก็เลยผันตัวเองมาเป็นfriar บ้าง
ฉะนั้น สรุปนะครับ พวกเราไม่ใช่ฤาษี แต่เป็นภราดา หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า friar ครับ
ให้ชมรูปสวยๆประกอบนะครับ
นี่คือประกาศกเอลียาห์ครับ ท่านถือเป็นหนึ่งในบรรดานักบุญของคณะของเรา มีวันฉลองเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะครับ

พระเป็นเจ้าดำรัสสั่งให้ท่านประกาศกละทิ้งสังคมและซ่อนตัวจากบรรดาผู้คน โดยให้ดำรงชีวิตอยู่ในความสันโดษ สนใจรายละเอียดหาอ่านได้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์ครับ

นักบวชคาร์เมไลท์สมัยที่ยังเป็นนักพรตฤาษีอยู่ เครื่องแบบนักบวชดูแปลกตาดี ใช่ไหมครับ

แต่ภายหลังก็เปลี่ยนมาเป็นภราดา ( friar ) แล้ว ก็เป็นแบบนี้ครับ

แบบนี้ ( มีภคินีมาแจมด้วย )

และแบบนี้ครับ

อืม ขอรบกวนถามน้องนิดนึงนะครับ ถือว่าเรียนรู้จากกันและกัน
1. ทำไมน้องคิดว่าพวกเราเป็นฤาษีล่ะครับ
2. น้องสนใจจะเป็นภราดาคาร์เมไลท์ ( Carmelite Friar ) บ้างไหมครับ ยินดีต้อนรับนะครับ จริงๆครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Florian เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 03, 2006 3:15 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
แล้วต่างกับฤาษียังไงหรอครับ คือว่าไม่รู้จริง ๆครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ยังรอคำตอบอยู่นะค๊า
ลักษณะของนักพรตที่เป็นฤาษีBatholomew เขียน: แล้วต่างกับฤาษียังไงหรอครับ คือว่าไม่รู้จริง ๆครับ
1.เก็บตัวเองอยู่ในอารามเท่านั้น
2.ชีวิตประจำวันประกอบด้วยการทำงานด้วยกำลังกายและการสวดภาวนา
3.เน้นการทรมานตนพลีกรรมใช้โทษบาป ไม่รับประทานเนื้อสัตว์
4.มักสร้างอารามอยู่ในที่ห่างไกลความเจริญ และกันดาร ในสมัยเริ่มแรกนั้น มักจะอยู่ตัวคนเดียวตาม้ถในทะเลทราย
5.เลี้ยงชีพด้วยการทำการเกษตร ปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ และมีรายได้จากผลิตผลทางการเกษตร และการทำศาสนภัณฑ์
ลักษณะของนักพรตที่เป็นภราดา อาทิ คณะคาร์เมไลต์ ฟรังซิสกัน ดอมินิกัน
1. ไม่เก็บตัวในอาราม แต่ออกไปทำงานอภิบาลให้แก่สัตบุรุษตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ่ของพระศาสนจักร
2.มักจะมีอารามอยู่ในชุมชน เพื่อที่จะสามารถติดต่อกับผู้คนได้สะดวก
3.เน้นการสวดภาวนาแบบพิศเพ่งรำพึง
4.ดำเนินชีวิตเป็นหมู่คณะ
การที่มีชุดเครื่องแบบสีน้ำตาลไม่ได้แสดงว่าเป็นฤาษี เพราะว่าในต่างประเทศ นักบวช พระสงฆ์ก็ใส่ชุดสีน้ำตาลหรือสีดำกันทั้งนั้น การที่คณะบางคณะไม่เปลี่ยนสีชุดให้เป็นสีขาวแบบนักบวชหลาย ๆ คณะก็เพราะต้องการรักษาเอกลักษณ์ของตนไว้ เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสมาชิกของคณะในประเทศต่าง ๆ และอีกประการหนึ่งสำหรับคณะคาร์เมไลท์ มีความเชื่อกันว่า ชุดนักบวชที่ใส่ พระแม่แห่งภูเขาคาร์แมล ป็นผู้ประทานมาให้ จึงเป็นชุดศักดิ์สิทธิ์
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 05, 2006 9:49 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
รบกวนอธิบายนิดหนึ่งได้ม๊ะค่ะ สมาชิกชั้นที่ 3 ของคณะคาร์เมไลท์Asleep but Live เขียน:คิดว่าน่าจะสมัครเป็นสมาชิกชั้นที่ 3 ของคณะคาร์เมไลท์ได้นะครับminnie เขียน: รักคณะนี้ที่สุดค่ะ ได้รัก แต่ไม่ได้รับใช้ แง๊ๆๆๆๆ
รักแม่ชีเทเรซา แห่งเอวิลลา ค่ะ
ท่านใจดีจัง
โพสเยอะ อ่านไม่ทันอะค่ะ
เป็นยังไงค่ะ เพราะไม่ทราบจริงๆๆ :D
สวัสดีครับน้องมินนี่ เมื่อวานพี่ไปเซนต์หลุยส์ อยากเจอน้องเหมือนกันครับ แต่ไม่รู้จะหาอย่างไร วัดวันอาทิตย์ที่เซนต์หลุยส์คนเยอะมากๆๆๆๆๆๆ เหมือนฉลองวัดเลย กลัวๆๆ ไม่กล้าไปอีกminnie เขียน:รบกวนอธิบายนิดหนึ่งได้ม๊ะค่ะ สมาชิกชั้นที่ 3 ของคณะคาร์เมไลท์Asleep but Live เขียน:คิดว่าน่าจะสมัครเป็นสมาชิกชั้นที่ 3 ของคณะคาร์เมไลท์ได้นะครับminnie เขียน: รักคณะนี้ที่สุดค่ะ ได้รัก แต่ไม่ได้รับใช้ แง๊ๆๆๆๆ
รักแม่ชีเทเรซา แห่งเอวิลลา ค่ะ
ท่านใจดีจัง
โพสเยอะ อ่านไม่ทันอะค่ะ
เป็นยังไงค่ะ เพราะไม่ทราบจริงๆๆ :D
คนเยอะอย่างนั้น พี่ไม่รูจะหาน้องอย่างไรดี ถ้าได้เจอตัว จะได้แนะนำคาร์เมไลท์ให้น้องรู้จักครับ
คณะนักบวชคณะใหญ่ๆหน่อย เช่น โดมินิกัน ฟรังซิสกัน หรือแม้แต่คาร์เมไลท์ เป็นคณะนักบวชที่มีจิตตารมณ์ที่โดดเด่น สมาชิกของคณะ ถ้าเป็นผู้ชาย ก็จะเรียกกันว่าเป็น"ภราดา" เขาก็นิยมจัดให้เป็นนักบวชชั้น 1 ( ไม่ใช่ชั้น 1 แบบรถทัวร์ รถไฟ เครื่องบินนะครับ และก็คงไม่ได้หมายถึง ดีเลิศ ดีเยี่ยม ชั้นหนึ่ง แจ่มแจ๋ว ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง ไม่มีใครทัดเทียมได้แล้วในโลกนี้ ) ส่วนผู้หญิงก็จะเรียกกันว่า"ภคินี" เขาก็นิยมจัดให้เป็นนักบวชชั้น 2 ( ก็คงไม่ได้หมายความรองกว่าผู้ชาย สู้ผู้ชายไม่ได้ อิ อิ ) ทีนี้ ก็คงมีคนบางกลุ่มที่มีกระแสเรียกเป็นฆราวาส แล้วอยากมีส่วนในจิตตารมณ์ของคณะนักบวชดังกล่าว เช่น จิตตารมณ์การเพ่งพิศภาวนาของคาร์เมไลท์ แต่ทีนี้พวกเขาไม่สะดวกจะมาใช้ชีวิตเต็มรูปแบบแบบนักบวชในอาราม เพราะมีครอบครัวต้องดูแล เขาก็อาจสมัครเป็นนักบวชชั้น 3 เพื่อร่วมส่วนในชีวิตจิตของคณะนั้นๆได้ครับ โดยพวกเขาก็อยู่บ้านตัวเองตามปกติ แล้วอาจมีประชุมตามกำหนดเวลา และทำกิจบางอย่างตามความเหมาะสมครับ
ในเมืองไทย นอกจากนักบวชชั้นที่ 3 ของคณะคาร์เมไลท์แล้ว ก็ยังมีนักบวชชั้น 3 ของคณะฟรังซิสกันด้วยครับ ( ถือโอกาสประชาสัมพันธ์เผื่อคณะฟรังซิสกันด้วยเลยนะครับ )
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ไม่เป้นไรคะ
รอได้ ;D
รอได้ ;D
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอบคุณครับพี่เพชร
พี่เล่น msn อะปะ ไม่ใช่อะไร เพราะต้องการหลังไมค์Asleep but Live เขียน:สวัสดีครับน้องมินนี่ เมื่อวานพี่ไปเซนต์หลุยส์ อยากเจอน้องเหมือนกันครับ แต่ไม่รู้จะหาอย่างไร วัดวันอาทิตย์ที่เซนต์หลุยส์คนเยอะมากๆๆๆๆๆๆ เหมือนฉลองวัดเลย กลัวๆๆ ไม่กล้าไปอีกminnie เขียน:รบกวนอธิบายนิดหนึ่งได้ม๊ะค่ะ สมาชิกชั้นที่ 3 ของคณะคาร์เมไลท์Asleep but Live เขียน: คิดว่าน่าจะ
สมัครเป็นสมาชิกชั้นที่ 3 ของคณะคาร์เมไลท์ได้นะครับ
โพสเยอะ อ่านไม่ทันอะค่ะ
เป็นยังไงค่ะ เพราะไม่ทราบจริงๆๆ :D
คนเยอะอย่างนั้น พี่ไม่รูจะหาน้องอย่างไรดี ถ้าได้เจอตัว จะได้แนะนำคาร์เมไลท์ให้น้องรู้จักครับ
คณะนักบวชคณะใหญ่ๆหน่อย เช่น โดมินิกัน ฟรังซิสกัน หรือแม้แต่คาร์เมไลท์ เป็นคณะนักบวชที่มีจิตตารมณ์ที่โดดเด่น สมาชิกของคณะ ถ้าเป็นผู้ชาย ก็จะเรียกกันว่าเป็น"ภราดา" เขาก็นิยมจัดให้เป็นนักบวชชั้น 1 ( ไม่ใช่ชั้น 1 แบบรถทัวร์ รถไฟ เครื่องบินนะครับ และก็คงไม่ได้หมายถึง ดีเลิศ ดีเยี่ยม ชั้นหนึ่ง แจ่มแจ๋ว ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง ไม่มีใครทัดเทียมได้แล้วในโลกนี้ ) ส่วนผู้หญิงก็จะเรียกกันว่า"ภคินี" เขาก็นิยมจัดให้เป็นนักบวชชั้น 2 ( ก็คงไม่ได้หมายความรองกว่าผู้ชาย สู้ผู้ชายไม่ได้ อิ อิ ) ทีนี้ ก็คงมีคนบางกลุ่มที่มีกระแสเรียกเป็นฆราวาส แล้วอยากมีส่วนในจิตตารมณ์ของคณะนักบวชดังกล่าว เช่น จิตตารมณ์การเพ่งพิศภาวนาของคาร์เมไลท์ แต่ทีนี้พวกเขาไม่สะดวกจะมาใช้ชีวิตเต็มรูปแบบแบบนักบวชในอาราม เพราะมีครอบครัวต้องดูแล เขาก็อาจสมัครเป็นนักบวชชั้น 3 เพื่อร่วมส่วนในชีวิตจิตของคณะนั้นๆได้ครับ โดยพวกเขาก็อยู่บ้านตัวเองตามปกติ แล้วอาจมีประชุมตามกำหนดเวลา และทำกิจบางอย่างตามความเหมาะสมครับ
ในเมืองไทย นอกจากนักบวชชั้นที่ 3 ของคณะคาร์เมไลท์แล้ว ก็ยังมีนักบวชชั้น 3 ของคณะฟรังซิสกันด้วยครับ ( ถือโอกาสประชาสัมพันธ์เผื่อคณะฟรังซิสกันด้วยเลยนะครับ )
เจอซิสเตอร์ คณะคาแมล โห รีบวิ่งไปทักเลยอะ
ทั้งที่ไม่รู้จักงะ ไปขอจับสายประคำอันยาวๆๆงะ
แก้ไขล่าสุดโดย minnie เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 05, 2006 7:35 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- lovejesus(cap)
- โพสต์: 250
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ เม.ย. 17, 2006 7:15 pm
ผมเห็นพ่อกาปูชินที่ท่าแร่.....ผมก็รีบเอาพระไปให้คุณพ่อเสกคับ
....พ่อกาปูชินองค์นี้จะเสกพระเป็นภาษาลาตินด้วยคับ......ขอบอกว่าคุณพ่อเสกนานมาก......ประทับใจมากครับ.... ;D
....พ่อกาปูชินองค์นี้จะเสกพระเป็นภาษาลาตินด้วยคับ......ขอบอกว่าคุณพ่อเสกนานมาก......ประทับใจมากครับ.... ;D
เมื่อวานนี้ ผมได้มีโอกาสพบคุณพ่อคณะคาร์เมไลท์ที่มาจากประเทศสิงคโปร์แล้วครับ ก็ได้พูดคุยกันเรื่องกระแสเรียกของผม อีกไม่นานคงมีข่าวดีครับ ตอนนี้ผมคงต้องเรียนภาษาอังกฤษเพื่อจะได้นำไปใช้เวลาอยู่ที่นั่นแล้ว ก็เหลือเพียงต้องไปทำแบบทดสอบจิตวิทยาก่อน ถ้าผ่านทางนั้นก็ยินดีรับ ...ดีจังมากเลยที่สุดเยราร์ดก็จะได้มีโอกาสเป็นนักบวชแล้ว ผมจะพยายามรักษากระแสเรียกให้ดีที่สุดครับ