วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน 2006
สมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า
บทอ่านจากหนังสืออพยพ อพย 24.3-8
ในครั้งนั้น โมเสสไปบอกให้ประชากรรู้พระวาจาทุกคำ และข้อกำหนดทั้งหมดของพระยาห์เวห์ ประชากรทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "พวกเราจะปฏิบัติตามพระวาจาทุกคำที่พระยาห์เวห์ตรัสกับเรา"
โมเสสบันทึกพระวาจาทุกคำของพระยาห์เวห์ไว้ เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เขาสร้างพระแท่นบูชาไว้ที่เชิงเขา และตั้งหินสิบสองก้อนไว้เป็นตัวแทน ทั้งสิบสองเผ่าของอิสราเอลเขาให้ชายหนุ่มชาวอิสราเอลเป็นผู้ถวายเครื่องบูชาและฆ่าโคถวายแด่พระยาห์เวห์เป็นศานติบูชา โมเสสรองเลือดครึ่งหนึ่งใส่ชามไว้แล้วพรมเลือดอีกครึ่งหนึ่งบนพระแท่นบูชา เขาเอาหนังสือพันธสัญญาขึ้นมาอ่านให้ประชากรฟัง ประชากรตอบว่า
"พวกเราจะเชื่อฟังและปฏิบัติตามพระวาจาที่พระยาห์เวห์ตรัส"
โมเสสนำเลือดในชามประพรมประชากรพูดว่า "นี่คือโลหิตแห่งพันธสัญญาที่พระยาห์เวห์ทรงกระทำกับท่าน ตามพระวาจาเหล่านี้ทั้งหมด"
เพลงสดุดี สดด 116.12-13, 14-16, 17-18
ก) ข้าพเจ้าจะตอบแทนพระยาห์เวห์ได้อย่างไร
ให้สมกับที่ทรงดีต่อข้าพเจ้า?
ข้าพเจ้าจะชูถ้วยแห่งความรอดพ้น
และเรียกขานพระนามพระยาห์เวห์
ข) ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามคำปฏิญาณที่ให้ไว้แก่พระยาห์เวห์
ต่อหน้ามวลประชากรของพระองค์
ความตายของผู้จงรักภักดีต่อพระยาห์เวห์มีค่ายิ่งนักเฉพาะพระพักตร์พระองค์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เป็นบุตรของหญิงรับใช้พระองค์
พระองค์ทรงปลดโซ่ตรวนที่จองจำข้าพเจ้า
ค) ข้าพเจ้าจะถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณ
และจะเรียกขานพระนามพระยาห์เวห์
ข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามคำปฏิญาณที่ให้ไว้แก่พระยาห์เวห์
ต่อหน้ามวลประชากรของพระองค์
บทอ่านจากจดหมายถึงชาวฮีบรู ฮบ 9.11-15
พระคริสตเจ้าเสด็จมาเป็นมหาสมณะผู้นำพระพรต่างๆที่พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานมาให้ พระองค์เสด็จผ่านกระโจมที่ยิ่งใหญ่กว่าและสมบูรณ์กว่าทั้งมิ ใช่กระโจมที่สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ คือมิใช่กระโจมของโลกนี้พระองค์เสด็จเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งเพียงครั้งเดียวตลอดไปสิ่งที่พระองค์ทรงนำไปด้วยมิใช่เลือด แพะ และเลือดลูกโค แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เข้าไป และทรงกระทำให้การไถ่กู้นิรันดรสำเร็จ
ถ้าการประพรมบุคคลที่มีมลทินด้วยเลือดแพะ เลือดลูกโค รวมกับเถ้าของโคเพศเมีย ยังทำให้บุคคลนั้นบริสุทธิ์ร่วมศาสนพิธีได้ พระโลหิตของพระคริสตเจ้า ย่อมทำได้มากกว่านั้น พระคริสตเจ้าทรงถวายพระองค์โดยปราศจากตำหนิมลทินแด่พระเจ้าเดชะพระจิตเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่ตลอดนิรันดร พระโลหิตชำระจิตใจของเรา ให้บริสุทธิ์จากกิจการที่ตายแล้วเพื่อจะได้รับใช้พระเจ้าผู้ทรงชีวิต
ดังนั้น พระคริสตเจ้าทรงเป็นคนกลางในการทำพันธสัญญาใหม่ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับเรียกเป็นทายาทกองมรดกนิรันดรได้รับตามพระสัญญา เพราะพระองค์ทรงยอมรับความตายเพื่อลบล้างการล่วงละเมิด ตามเงื่อนไขของพันธสัญญาเดิมแล้ว
บทเสริม
1. นี่คือปังของทูตสวรรค์ ที่กลายเป็นอาหารสำหรับมนุษย์ผู้เดินทาง
เป็นอาหารสำหรับบรรดาบุตร จึงต้องไม่ให้อาหารนี้แก่สุนัข
2. ศีลมหาสนิทนี้มีเครื่องหมายแสดงไว้แล้วในอดีต เมื่ออิสอัคถูกถวายเป็นบูชา
เมื่อลูกแกะปัสกาถูกฆ่าเป็นบูชา เมื่อพระเจ้าประทานมานนาแก่บรรพบุรุษ
3. ข้าแต่พระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ทรงเป็นอาหารแท้จริง
โปรดทรงพระกรุณาข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด ขอพระองค์ทรงเลี้ยงดู
และปกปักรักษาข้าพเจ้าทั้งหลาย
โปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้พบความสุขในแดนของผู้มีชีวิตด้วยเถิด
4. พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง พระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง
พระองค์ทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าทั้งหลาย ผู้รู้ตายในแผ่นดินนี้แล้ว
ขอพระองค์ทรงบันดาลให้ผู้ที่ทรงเชิญให้มาร่วมโต๊ะกับพระองค์
ได้ร่วมรับมรดกและเป็นมิตรสหายกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ชาวสวรรค์ด้วยเถิด
บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก มก 14.12-16, 22-25
วันแรกของเทศกาลกินขนมปังไร้เชื่อ เมื่อเขาฆ่าลูกแกะปัสกา บรรดาศิษย์ทูลถามพระเยซูเจ้าว่า "พระองค์มีพระประสงค์ให้เราจัดเตรียมการเลี้ยงปัสกาที่ไหน" พระองค์จึงทรงใช้ศิษย์สองคนไป สั่งเขาว่า "จงเข้าไปในกรุง แล้วจะพบชายคนหนึ่งกำลังเดินแบกหม้อน้ำอยู่ จงตามเขาไป เขาเข้าไปที่ไหน จงถามเจ้าของบ้านว่า "พระอาจารย์ถามว่า ห้องที่เราจะกินปัสกากับบรรดาศิษย์นั้นอยู่ที่ไหน"
เขาจะชี้ให้ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบนปูพรมไว้เรียบร้อย จงจัดเตรียมปัสกาไว้สำหรับพวกเราที่นั่นแหละ" ศิษย์ทั้งสองคนออกเดินทางเข้าไปในกรุง พบสิ่งต่างๆดังที่พระองค์ทรงบอกไว้ จึงจัดเตรียมปัสกา
ขณะที่ทุกคนกำลังกินอาหารอยู่นั้น พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ตรัสถวายพระพรทรงบิขนมปัง ประทานให้เขาเหล่านั้น ตรัสว่า "จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา" แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย ตรัสขอบพระคุณ ประทานให้เขาและทุกคนดื่มจากถ้วยนั้น พระองค์ตรัสกับเขาว่า "นี่เป็นโลหิตของเราโลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลองุ่นใดจนกว่าจะถึงวันที่เราจะดื่มเหล้าองุ่นใหม่ในพระอาณาจักรของพระเจ้า"
บทเทศน์จากพระวาจาของพระเจ้า
อาทิตย์สมโภชพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า
อาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน 2006
วันนี้ วินาที่นี้ เพื่อที่เราจะตัดสินใจทำสิ่งใด ผลที่ได้จะได้ดีหรือไม่ดีมีองค์ประกอบหลายด้านเหลือเกินที่เข้ามาพัวพันเกี่ยวข้องด้วย ประการแรก สิ่งที่เราคิดและตั้งใจจะทำในวันนั้น ในวินาทีนั้น ออกมาจากความคิดความตั้งใจที่ดีและมุ่งมั่นขนาดไหน ประการที่สอง อดีตที่ผ่านมาในชีวิตมีความดีความเลวที่จะเข้ามารบกวนบ่อนทำลายความตั้งใจอันดีงามในขณะนี้หรือไม่มากน้อยขนาดไหน ประการที่สาม องค์ประกอบแวดล้อมถึงตัวบุคคลหรือธรรมชาติต่างๆในสิ่งสร้างทั้งหลายในโลกที่เต็มไปด้วยบาปจะเข้ามามีส่วนเอื้อหรือขัดขวางความตั้งใจอันดีงามในครั้งนี้หรือไม่มากน้อยเพียงใด และประการสุดท้ายที่สำคัญยิ่ง พระเจ้าทรงมีแผนการกับชีวิตของเราให้พึงต้องเป็นเช่นไรในขณะนี้และจะส่งผลให้เกิดผลดีอะไรต่อไปในอนาคต สิ่งที่เราคิดว่าดีนั้นๆสอดคล้องหรือขัดต่อพระประสงค์ในแผนการของพระองค์หรือไม่
หากเราสามารถจัดการกับชีวิตของเราให้คิดดีทำดีอย่างสอดคล้องกับพระประสงค์และแผนการของพระเจ้าได้ ชีวิตของเราก็จะรู้สึกปลอดโปร่งผ่องใส ทำให้ก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่นมั่นใจ เช่นเดียวกัน หากเราสามารถจัดการกับอดีตที่มีความบาปผิดพลาดติดอยู่ ให้สามารถเปลี่ยนมาเป็นชีวิตใหม่ในปัจจุบันที่ปราศจากมลทินบาปความผิด รวมทั้งพลิกฟื้นจัดการความบาปผิด และสิ่งเลวร้ายทั้งหลายทั้งจากบุคคลรอบข้างและธรรมชาติในสิ่งสร้างทั้งหลายให้กลายเป็นสิ่งดีๆบริสุทธิ์ผุดผ่อง หากทำได้เช่นนี้ การดำเนินชีวิตก็สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นจนบรรลุถึงความสุขความพึงพอใจเสมอ แต่น่าเสียดายที่ความจริงในชีวิตนั้น การจัดการกับชีวิตมิได้ง่ายอย่างที่กล่าวถึง เพราะเรามนุษย์แต่ละคนเต็มไปด้วยความจำกัดสารพัด เราจะสามารถจัดการกับองค์ประกอบต่างๆที่มีส่วนเข้ามากระทบกับความคิดความตั้งใจของเรา เพื่อทำให้ชีวิตของเราประสบความสำเร็จดังตั้งใจได้อย่างไรในเมื่อชีวิตของเราแต่ละคนมีเพียง "สองมือสองเท้า" และสิ่งที่มีอยู่ก็มีอย่างจำกัดก็ถูกคลอบงำไปด้วยผลร้ายของบาปทั้งที่ตกทอดสืบกันมาและที่ทำด้วยมือตนเองอีกด้วย ต่อให้นำเอาผู้คนทั้งโลกเข้ามาร่วมกันจัดการกับองค์ประกอบทั้งหลายดังกล่าวข้างต้นก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ ดีไม่ดียิ่งเข้ามาช่วยกันมากๆแทนที่จะมาช่วยกลับนำความยุ่งยากเข้ามาสมทบด้วย เพราะโลกของเรารวมทั้งสิ่งสร้างทั้งหลายได้ชื่อว่าเป็นโลกและสิ่งสร้างที่เวียนว่ายอยู่ในความบาปนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ความหวังของเรามนุษย์จึงอยู่ที่พระหัตถ์ของพระเจ้าที่จะทรงพระกรุณายื่นเข้ามาชำระล้างปลดเปลื้องปลดล็อคความบาปผิดให้กับเรามนุษย์และธรรมชาติของสิ่งสร้างทั้งหลาย เมื่อชีวิตและสิ่งสร้างทั้งหลายได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ความตั้งใจของเราที่จะทำสิ่งใดๆก็ย่อมบริสุทธิ์สอดคล้องกับแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า เมื่ออดีตที่ผ่านมาของชีวิตได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ การตัดสินใจทำสิ่งดีในวันนี้ก็ไม่มีความมัวหมองเข้ามารบกวน เมื่อชีวิตของผู้คนรอบข้างได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ความสัมพันร่วมมือกับผู้คนรอบข้างก็ย่อมราบรื่น และในที่สุดเมื่อธรรมชาติและสิ่งสร้างทั้งหลายรอบข้างที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์พ้นจากอิทธิพลของบาป ธรรมชาติและสิ่งสร้างทั้งหลายก็มีแต่จะเอื้อเกื้อกูลสนับสนุนให้สิ่งที่เราตั้งใจกระทำดีสามารถก้าวเดินไปได้อย่างสะดวกราบรื่นบรรลุผลสอดคล้องกับเป้าประสงค์ที่พระเจ้าทรงมีต่อชีวิตของเราเองป็นส่วนตัว กับมวลมนุษย์เป็นส่วนรวม และกับธรรมชาติสิ่งสร้างอีกด้วย
คำตอบทั้งหลายทั้งปวงกับสิ่งที่พ่อกล่าวมาทั้งหมดนี้อยู่ใน "ศีลมหาสนิท" ที่เราสมโภชกันในอาทิตย์นี้ เพราะศีลมหาสนิทเป็นโลหิตของพระเยซูเจ้า เป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาที่ทรงยินดีหลั่งออกเพื่อชำระมวลมนุษย์และสิ่งสร้างทั้งหลาย ตามที่ท่านนักบุญเปาโลกล่าวไว้ในบทจดหมายของท่านถึงชาวฮีบรูว่า "พระโลหิตชำระจิตใจของเราให้บริสุทธิ์จากกิจการที่ตายแล้วเพื่อจะได้รับใช้พระเจ้าผู้ทรงชีวิต" อีกทั้งศีลมหาสนิทยังเป็น อาหารที่กลั่นออกมาจากเนื้อขององค์พระเยซูเจ้า ที่จะเป็นพลังให้เราก้าวเดินไปได้ดีดังที่ตั้งใจได้ตลอดรอดฝั่งที่พระเยซูเจ้าทรงพระกรุณาประทานให้กับเราตามที่ทรงตรัสไว้ในพระวรสารโดยท่านนักบุญมารโกประจำอาทิตย์นี้ว่า "จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา" แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย ตรัสขอบพระคุณ ประทานให้เขาและทุกคนดื่มจากถ้วยนั้น พระองค์ตรัสกับเขาว่า "นี่เป็นโลหิตของเรา โลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก"
ศีลมหาสนิทคือชีวิตของพระเยซูเจ้าที่แม้เรามองเห็นปรากฏเป็นแต่เพียงแผ่นปังต่อหน้า แต่แท้ที่จริงแล้ว "ธาตุแท้" ในแผ่นปังขาวๆที่เรามองเห็นได้เปลี่ยนไปกลายเป็น "ธาตุแท้" ใหม่ กลายเป็น "เนื้อชีวิตของพระเยซูเจ้า" บรรจุอยู่ เพียงแต่ตาของเรามองเห็นธาตุแท้ที่เป็นเนื้อชีวิตของพระเยซูเจ้าไม่ได้ด้วยตาเปล่า จะเห็นได้ด้วยใจที่มีความเชื่อในพระองค์ ตาของเรามนุษย์มีความจำกัดมองเห็นความจริงของศีลมหาสนิทได้เท่าที่ตามีความสามารถอยู่อันน้อยนิดเท่านั้น เปรียบเหมือนการมองเห็น "เนื้อสี" บนจอมอนิเตอร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีคามสามารถแสดงผลอย่างจำกัด จริงๆแล้วสีที่เรามองเห็นสีจากจอมอนิเตอร์นั้นไม่ตรงกับเนื้อสีจริงของไฟล์ภาพที่อาจจะมีความละเอียดของเม็ดสีมากกว่า แต่ความสามารถของจอภาพสามารถแสดงผลออกให้เห็นได้จำกัดเท่าที่คุณภาพของจอมีอยู่เท่านั้น ในทำนองเดียวกัน แผ่นปังขาวๆที่พระสงฆ์เสกในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณมีความสามารถจำกัดไม่สามารถแสดงผล "พระธรรมชาติของพระเจ้า" ในแผ่นปังเสกนั้นออกมาให้เราได้สัมผัสอย่างครบถ้วนเหมือนจอมอนิเตอร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์เช่นกัน แต่โดยอาศัยความเชื่อในจิตใจร่วมประสานกับสายตาอันจำกัดของเรา เราจึงสามารถมองเห็นและรับผลแห่งการชำระล้างจากพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทให้กับชีวิตของเราได้ การเข้ามารับศีลมหาสนิทด้วยจิตใจที่สำนึกถึงความจริงเช่นนี้จะส่งผลทำให้พระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทกลายเป็นท่อธารแห่งพระหรรษทานที่พระเจ้าประทานให้กับชีวิตของเราตามที่ท่านนักบุญเปาโล กล่าวไว้ในบทจดหมายของท่านถึงชาวฮีบรูประจำอาทิตย์นี้ว่า "พระคริสตเจ้าเสด็จมาเป็นมหาสมณะผู้นำพระพรต่างๆที่พระเจ้าทรงสัญญาจะประทานมาให้"
พี่น้องที่เคารพโอกาสวันสามโภชพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทประจำอาทิตย์นี้ พ่อขอเชิญชวนให้พี่น้องเปิดใจน้อมรับความจริงแห่งศีลมหาสนิทและเข้ามารับศีลมหาสนิท เพื่อให้พระองค์ได้มีโอกาสเข้ามาประทับใจจิตของพี่น้องทุกคน จะได้สามารถเข้ามาชำระจัดการกับชีวิตของพี่น้องเองและองค์ประกอบต่างๆรอบชีวิตของพี่น้องให้บริสุทธิ์อย่างลงตัว พี่น้องจะได้ก้าวเดินไปในภารกิจการงานที่พี่น้องกระทำอยู่อย่างสงบสุขและบังเกิดผล ประสบการณ์ดีๆที่พี่น้องได้รับจากพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทนี้เองเป็นเป็นประสบการณ์ที่พี้องพึงต้องนำเอาไปประกาศเป็นข่าวดีให้กับผู้คนทั้งหลายรอบข้างให้ได้รับรู้ ตามคำขวัญของปีแพร่ธรรมปีนี้ที่ว่า "บอกเรื่องราวของพระเยซูให้แก่ชาวเอเชีย" ซี่งพระศาสนจักรในประเทศไทยได้ปรับคำขวัญดังกล่าวให้เข้ากับเราคริสตังไทยว่า "บอกเล่าเรื่องราวของพระเยซูให้แก่ชาวไทย"
http://www.catholic.or.th/spiritual/hom ... une06.html