พระพรเหนือธรรมชาติ
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 27, 2006 11:00 am
นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน

ในพระศาสนจักรนับแต่สมัยโบราณ คริสตชนได้ประจักษ์กับพระพรเหนือธรรมชาติมากมายนับกันไม่ถ้วน ไม่หวาดไม่ไหวเลยครับ เราควรมีความเข้าใจและท่าทีต่อพระพรเหนือธรรมชาติอย่างไร ผมใคร่ขอเสนอแนวคิดของนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน บิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของคณะคาร์เมไลท์ และนักปราชญ์ของพระศาสนจักรด้านชีวิตภายในครับ ;)
พระพรเหนือธรรมชาติ(Supernatural goods) หมายถึง พระพระและพระหรรษทานต่างๆของพระเป็นเจ้าที่อยู่เหนือธรรมชาติ และพลังตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นพระคุณที่ได้รับมาเปล่าๆ เช่น พระพรแห่งการรักษาโรค การทำอัศจรรย์ พระคุณแห่งการพูดภาษาแปลกๆ ฯลฯ
นักบุญเปาโลสอนว่า"แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาทั้งหมดของมนุษย์และของทูตสวรรค์ได้ - ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็เป็นแต่เพียงฉาบและฉิ่งที่ส่งเสียงอึกทึก แม้ข้าพเจ้าจะประกาศพระวาจา เข้าใจธรรมล้ำลึกทุกข้อและมีความรู้ทุกอย่าง หรือมีความเชื่อพอที่จะเคลื่อนภูเขาไปได้ - ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด" (1 คร 13:1-2)
เมื่อบรรดาผู้ที่ภูมิใจในการงานของตน แสวงหาเกียรติรุ่งโรจน์จากพระคริสตเจ้า โดยกล่าวว่า"พระเจ้าข้า ข้าพเจ้ากล่าวพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการอัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์มิใช่หรือ?" พระองค์จะตรัสตอบว่า" เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา" ( มธ 7:22-23 )
พระผู้ไถ่จึงทรงตำหนิบรรดาศิษย์ซึ่งกำลังชื่นชมกับความสำเร็จในการขับไล่ปีศาจว่า"อย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์เพราะชื่อของท่านถูกบันทึกไว้ในบัญชีชีวิตแล้ว" ( ลก 10:12 )
ความเสียหายของการที่คนเราชื่นชมยินดีในพระพรเหนือธรรมชาติ คือ การหลอกลวงที่วิญญาณเป็นผู้กระทำและผู้รับการกระทำ หมายความว่า ในการที่คนๆหนึ่งได้รับพระพรเหนือธรรมชาติ ถ้าพระพรนั้นมาจากพระเป็นเจ้าจริงๆ พระองค์ก็จะประทานความสว่างให้สามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ พร้อมด้วยแรงจูงใจให้ใช้พระคุณและพระหรรษทานตามกาละเทศะด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อได้รับพระพรเหนือธรรมชาติแล้ว คนๆนั้น ( 1 ) จำต้องแยกแยะให้ได้ว่าเป็นพระพรของจริงหรือพระพรของปลอม ; ( 2 ) พระพรดังกล่าวจะนำไปใช้อย่างไรและในเวลาใด แต่อุปสรรคก็คือ ทั้งสองอย่างนี้จะถูกขัดขวางโดยความภูมิใจและความชื่นชมยินดีในพระพรเหนือธรรมชาตินั้นๆ และเพราะคนเราไม่เพียงแต่กระตือรือร้นที่จะเชื่อถึงการอัศจรรย์ต่างๆอย่างรวดเร็ว และเขายังถูกผลักดันให้กระทำการอัศจรรย์เหนือธรรมชาติในเวลาที่ไม่เหมาะสม เช่น นักบุญยากอบและนักบุญยอห์นอยากให้มีไฟตกลงมาเหนือชาวสะมาเรีย ซึ่งได้ปฏิเสธไม่ต้อนรับพระผู้ไถ่ของเรา แต่พระอาจารย์เจ้าทรงติเตียนท่านทั้งสองในเรื่องนี้ ( ลก 9:54-55 )
ความเสียหายประการที่สอง คือ การให้ความสำคัญกับการอัศจรรย์ คนเราก็สูญเสียความช่วยเหลือของพระพรที่มีแก่นสารของความเชื่อซึ่งเป็นปกติวิสัยที่มืดมัว ที่ใดมีเครื่องหมายและหลักฐานอยู่มากมาย ก็มีบุญกุศลความเชื่อน้อยลง นักบุญเกรโกรีกล่าวว่า ความเชื่อปราศจากบุญกุศล เมื่อความเชือมีข้อพิสูจน์จากเหตุผลตามประสามนุษย์ เช่น นักบุญโธมัสโดนพระเยซูเจ้าตำหนิที่ท่านปรารถนาจะเห็นและสัมผัสรอยแผลของพระองค์ ( ยน 20:25,29 ) และพระเยซูเจ้ายังเคยทรงตำหนิพวกฟาริสีด้วยว่า"ถ้าพวกท่านไม่เห็นหมายสำคัญและการอัศจรรย์ท่านก็จะไม่เชื่อ" ( ยน 4:48 )
ความเสียหายประการที่สาม การชื่มชมกับการอัศจรรย์ต่างๆ ตามปกติทำให้คนเราโอ้อวดหรือเย่อหยิ่ง การที่พระอาจารย์เจ้าทรงตำหนิบรรดาศิษย์ซึ่งชื่นชมยินดีที่พวกเขามีอำนาจเหนือปีศาจ ก็แสดงให้เห็นความจริงข้อนี้ ถ้าความชื่นชมยินดีนี้ไม่ไร้สาระแล้ว พระองค์ก็คงจะไม่ตำหนิ ( ลก 10:20 )
( 1 ) พระเป็นเจ้าทรงมิได้รับการเทิดทูนด้วยการที่หัวใจและความชื่นชมยินดีของน้ำใจถูกแยกออกจากทุกสิ่งที่ไม่ใช่พระเป็นเจ้าและจดจ่ออยู่กับพระเป็นเจ้าแต่ผู้เดียว
( 1.1 ) "จิตใจของมนุษย์จะได้รับการยกขึ้นให้สูงส่ง และพระเป็นเจ้าจะได้รับการเทิดทูน" ( สดด. 63:7-8 )
( 1.2 ) "จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า" ( สดด. 46:10 )
( 1.3 ) " ในดินแดนที่แห่งและอ่อนโหย ที่ที่ไม่มีน้ำ เช่นนั้นแหละ ข้าพเจ้าจึงเห็นพระฤทธานุภาพและพระสิริของพระองค์" ( สดด. 63:1-2 )
( 2 ) ยิ่งความเชื่อและการรับใช้ที่เราถวายแด่พระเจ้าปราศจากหลักฐานและเครื่องหมายมากขึ้น พระองค์ก็ได้รับการสรรเสริญมากขึ้น เนื่องจากวิญญาณเชื่อถึงพระองค์มากกว่าเชื่อสิ่งที่เครื่องหมายและการอัศจรรย์สอนเรา
ผลประโยชน์ประการที่สองคือ การถอนน้ำใจออกจากหลักฐานและเครื่องหมายทั้งหลายที่ปรากฎเด่นชัด ทำให้วิญญาณได้รับการยกให้สูงในความเชื่อบริสุทธิ์ ซึ่งพระเป็นเจ้าได้ทรงหลั่งลงสู่วิญญาณและเพิ่มพูนอย่างอุดมสมบูรณ์มากขึ้น
นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนไม่ได้ปฏิเสธพระพรเหนือธรรมชาตินะครับ เพียงแต่ท่านสอนไม่ให้ยึดติดกับพระพรนี้ สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการเนื้อหาที่ครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ"ขึ้นภูเขาคาร์แมล" ของนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนครับ

ในพระศาสนจักรนับแต่สมัยโบราณ คริสตชนได้ประจักษ์กับพระพรเหนือธรรมชาติมากมายนับกันไม่ถ้วน ไม่หวาดไม่ไหวเลยครับ เราควรมีความเข้าใจและท่าทีต่อพระพรเหนือธรรมชาติอย่างไร ผมใคร่ขอเสนอแนวคิดของนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขน บิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของคณะคาร์เมไลท์ และนักปราชญ์ของพระศาสนจักรด้านชีวิตภายในครับ ;)
พระพรเหนือธรรมชาติ(Supernatural goods) หมายถึง พระพระและพระหรรษทานต่างๆของพระเป็นเจ้าที่อยู่เหนือธรรมชาติ และพลังตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นพระคุณที่ได้รับมาเปล่าๆ เช่น พระพรแห่งการรักษาโรค การทำอัศจรรย์ พระคุณแห่งการพูดภาษาแปลกๆ ฯลฯ
นักบุญเปาโลสอนว่า"แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาทั้งหมดของมนุษย์และของทูตสวรรค์ได้ - ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็เป็นแต่เพียงฉาบและฉิ่งที่ส่งเสียงอึกทึก แม้ข้าพเจ้าจะประกาศพระวาจา เข้าใจธรรมล้ำลึกทุกข้อและมีความรู้ทุกอย่าง หรือมีความเชื่อพอที่จะเคลื่อนภูเขาไปได้ - ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด" (1 คร 13:1-2)
เมื่อบรรดาผู้ที่ภูมิใจในการงานของตน แสวงหาเกียรติรุ่งโรจน์จากพระคริสตเจ้า โดยกล่าวว่า"พระเจ้าข้า ข้าพเจ้ากล่าวพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการอัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์มิใช่หรือ?" พระองค์จะตรัสตอบว่า" เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา" ( มธ 7:22-23 )
พระผู้ไถ่จึงทรงตำหนิบรรดาศิษย์ซึ่งกำลังชื่นชมกับความสำเร็จในการขับไล่ปีศาจว่า"อย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์เพราะชื่อของท่านถูกบันทึกไว้ในบัญชีชีวิตแล้ว" ( ลก 10:12 )
ความเสียหายของการที่คนเราชื่นชมยินดีในพระพรเหนือธรรมชาติ คือ การหลอกลวงที่วิญญาณเป็นผู้กระทำและผู้รับการกระทำ หมายความว่า ในการที่คนๆหนึ่งได้รับพระพรเหนือธรรมชาติ ถ้าพระพรนั้นมาจากพระเป็นเจ้าจริงๆ พระองค์ก็จะประทานความสว่างให้สามารถเข้าใจสิ่งเหล่านี้ พร้อมด้วยแรงจูงใจให้ใช้พระคุณและพระหรรษทานตามกาละเทศะด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อได้รับพระพรเหนือธรรมชาติแล้ว คนๆนั้น ( 1 ) จำต้องแยกแยะให้ได้ว่าเป็นพระพรของจริงหรือพระพรของปลอม ; ( 2 ) พระพรดังกล่าวจะนำไปใช้อย่างไรและในเวลาใด แต่อุปสรรคก็คือ ทั้งสองอย่างนี้จะถูกขัดขวางโดยความภูมิใจและความชื่นชมยินดีในพระพรเหนือธรรมชาตินั้นๆ และเพราะคนเราไม่เพียงแต่กระตือรือร้นที่จะเชื่อถึงการอัศจรรย์ต่างๆอย่างรวดเร็ว และเขายังถูกผลักดันให้กระทำการอัศจรรย์เหนือธรรมชาติในเวลาที่ไม่เหมาะสม เช่น นักบุญยากอบและนักบุญยอห์นอยากให้มีไฟตกลงมาเหนือชาวสะมาเรีย ซึ่งได้ปฏิเสธไม่ต้อนรับพระผู้ไถ่ของเรา แต่พระอาจารย์เจ้าทรงติเตียนท่านทั้งสองในเรื่องนี้ ( ลก 9:54-55 )
ความเสียหายประการที่สอง คือ การให้ความสำคัญกับการอัศจรรย์ คนเราก็สูญเสียความช่วยเหลือของพระพรที่มีแก่นสารของความเชื่อซึ่งเป็นปกติวิสัยที่มืดมัว ที่ใดมีเครื่องหมายและหลักฐานอยู่มากมาย ก็มีบุญกุศลความเชื่อน้อยลง นักบุญเกรโกรีกล่าวว่า ความเชื่อปราศจากบุญกุศล เมื่อความเชือมีข้อพิสูจน์จากเหตุผลตามประสามนุษย์ เช่น นักบุญโธมัสโดนพระเยซูเจ้าตำหนิที่ท่านปรารถนาจะเห็นและสัมผัสรอยแผลของพระองค์ ( ยน 20:25,29 ) และพระเยซูเจ้ายังเคยทรงตำหนิพวกฟาริสีด้วยว่า"ถ้าพวกท่านไม่เห็นหมายสำคัญและการอัศจรรย์ท่านก็จะไม่เชื่อ" ( ยน 4:48 )
ความเสียหายประการที่สาม การชื่มชมกับการอัศจรรย์ต่างๆ ตามปกติทำให้คนเราโอ้อวดหรือเย่อหยิ่ง การที่พระอาจารย์เจ้าทรงตำหนิบรรดาศิษย์ซึ่งชื่นชมยินดีที่พวกเขามีอำนาจเหนือปีศาจ ก็แสดงให้เห็นความจริงข้อนี้ ถ้าความชื่นชมยินดีนี้ไม่ไร้สาระแล้ว พระองค์ก็คงจะไม่ตำหนิ ( ลก 10:20 )
( 1 ) พระเป็นเจ้าทรงมิได้รับการเทิดทูนด้วยการที่หัวใจและความชื่นชมยินดีของน้ำใจถูกแยกออกจากทุกสิ่งที่ไม่ใช่พระเป็นเจ้าและจดจ่ออยู่กับพระเป็นเจ้าแต่ผู้เดียว
( 1.1 ) "จิตใจของมนุษย์จะได้รับการยกขึ้นให้สูงส่ง และพระเป็นเจ้าจะได้รับการเทิดทูน" ( สดด. 63:7-8 )
( 1.2 ) "จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า" ( สดด. 46:10 )
( 1.3 ) " ในดินแดนที่แห่งและอ่อนโหย ที่ที่ไม่มีน้ำ เช่นนั้นแหละ ข้าพเจ้าจึงเห็นพระฤทธานุภาพและพระสิริของพระองค์" ( สดด. 63:1-2 )
( 2 ) ยิ่งความเชื่อและการรับใช้ที่เราถวายแด่พระเจ้าปราศจากหลักฐานและเครื่องหมายมากขึ้น พระองค์ก็ได้รับการสรรเสริญมากขึ้น เนื่องจากวิญญาณเชื่อถึงพระองค์มากกว่าเชื่อสิ่งที่เครื่องหมายและการอัศจรรย์สอนเรา
ผลประโยชน์ประการที่สองคือ การถอนน้ำใจออกจากหลักฐานและเครื่องหมายทั้งหลายที่ปรากฎเด่นชัด ทำให้วิญญาณได้รับการยกให้สูงในความเชื่อบริสุทธิ์ ซึ่งพระเป็นเจ้าได้ทรงหลั่งลงสู่วิญญาณและเพิ่มพูนอย่างอุดมสมบูรณ์มากขึ้น
นักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนไม่ได้ปฏิเสธพระพรเหนือธรรมชาตินะครับ เพียงแต่ท่านสอนไม่ให้ยึดติดกับพระพรนี้ สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการเนื้อหาที่ครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ"ขึ้นภูเขาคาร์แมล" ของนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนครับ