<<<:Holy Week & Good Friday:>>>

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 8:41 am

ในปีนี้ สัปดาห์ศักดิ์ของคริสตชน จะเริ่มต้น วันอาทิตย์ ที่ 20 มีนาคม 2005 คือ วันอาทิตย์ทางตาล หรือใบลาน หรือ วันอาทิตย์มหาทรมาน สำหรับคริสตชนถือว่าช่วงสัปดาห์นี้สำคัญมาก เนื่องจาก ผู้เรียบเรียงเป็นคริสตชนนิกายโปรเตสแตนต์ ดังนั้นภาษา และพิธีกรรมต่างๆจะเป็นแนวของโปรเตสแตนต์ หวังว่าพี่น้องคริสตังเอง คงจะเข้าใจได้

ขอพระเจ้าทรงอวยพรทุกๆท่าน

โปรดปราน( พีพี )
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 8:46 am

..สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Week, Passion Week)..

   สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์จะเริ่มต้นในวันอาทิตย์ทางตาล (Palm Sunday) และสิ้นสุดลงในวันอาทิตย์ที่ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย (Easter Sunday) ในช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ยังมีอีกหลายวันที่มีความสำคัญอย่างมากต่อคริสตจักร ประกอบด้วย

   ก.วันอาทิตย์ทางตาล *(Palm Sunday) เป็นการระลึกถึงการเสด็จมาสู่กรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต ขององค์พระเยซูคริสต์

*หมายเหตุ:คาทอลิกเรียก อาทิตย์มหาทรมาน แห่ใบตาล ( Palm Sunday of the Lord
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 8:48 am

Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 8:53 am

Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 8:55 am

ประมวลเรื่องวันศุกร์ประเสริฐ หรือศุกร์ศักดิ์สิทธิ์( Good Friday ).

คือวันที่พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน หลังจากที่พระเยซูคริสต์ประสูติ พระองค์ก็เจริญวัยขึ้นในครอบครัวของโยเซฟ ซึ่งเป็นช่างไม้ในเมืองนาซาเร็ธ (ลูกา 2:52) จนกระทั่งถึงวัย 30 พระชันษา พระองค์ได้เสด็จออกสั่งสอนตามหมู่บ้าน ในชนบท ตามเขตแดนต่างๆ ของประเทศอิสราเอล ทรงสั่งสอนเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า พระองค์ตรัสว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้ นอกจากมาทางเรา" (ยอห์น 14:6) พระองค์รักษาคนป่วยให้หาย คนตายให้ฟื้น และทรงขับผีออกโดยฤทธิ์ของพระเจ้า

พระองค์ทรงสถาปนาอาณาจักรของพระเจ้า บนพื้นฐานของความรัก พระองค์ได้สรุปหลักการดำเนินชีวิตที่สำคัญที่สุดว่า "จงรักพระเจ้าด้วยสุดจิต สุดใจ สุดกำลัง สุดความคิด และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง" (มาระโก 12:30-31) มีผู้คนมากมายเลื่อมใสพระเยซู ทำให้ผู้นำศาสนาไม่พอใจ จึงได้ยุยงให้ประชาชนอีกส่วนหนึ่งต่อต้านพระองค์ และได้ติดสินบนยูดาสให้ชี้ตัวพระเยซู

ช่วงสัปดาห์สุดท้าย พระเยซูได้เสด็จประทับที่กรุงเยรูซาเล็ม จนถึงวันพฤหัสบดีและได้ร่วมโต๊ะเสวยกับเหล่าสาวกเป็นครั้งสุดท้าย ที่เรียกว่า "LAST SUPPER" (มัทธิว 26:26-29) หลังจากนั้น พระองค์จึงพาสาวกของพระองค์ไปอธิษฐานที่สวนเกทเสมนี พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าถึง 3 ครั้ง (มัทธิว 26:36-46) จากนั้นยูดาสสาวกของพระองค์ และคนเป็นอันมากมาจับพระองค์ไป พระองค์ก็เสด็จไปหาคนที่มาจับกุมโดยมิได้ขัดขืน และทรงห้ามสาวกไม่ให้ต่อสู้ด้วย

เช้าวันศุกร์ (ศุกร์ประเสริฐ) บรรดามหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ ได้ปรึกษาหารือกัน เพื่อจะประหารพระเยซู จึงจับพระองค์ไปให้ปิลาตไต่สวน แต่ปิลาตเห็นว่าพระเยซูไม่มีความผิด จึงคิดจะปล่อยพระองค์ไป แต่บรรดาประชาชน ได้ตะโกนให้ปล่อยบารนาบัสนักโทษประหาร ปิลาตไม่อาจขัดใจประชาชนได้ จึงสั่งให้นำน้ำมาล้างมือต่อหน้าฝูงชน ประกาศไม่รับผิดชอบต่อคดีของผู้บริสุทธิ์นี้ ประชาชนทั้งหลายต่างตะโกนว่า "ให้เลือดของเขาตกอยู่บนเราและลูกหลานของเรา" ปิลาตจึงปล่อยบารนาบัสและมอบพระเยซูให้เขานำไปตรึง

ทหารโบยตีพระเยซู เปลื้องฉลองพระองค์ออก เอาเสื้อสีแดงเข้มมาสวมให้ เอาหนามสานเป็นมงกุฎสวมและให้พระองค์ถือไม้อ้อไว้ในพระหัตถ์เบื้องขวา แล้วคุกเข่าเยาะเย้ยว่า "กษัตริย์ชาติยูดาห์จงทรงพระเจริญ" แล้วถ่มน้ำลายรดพระองค์ เอาไม้อ้อตีพระเศียร และให้พระองค์แบกกางเขน พาไปที่ภูเขากลโกธา (กระโหลกศีรษะ) และใช้ตะปูตอกตรึงพระองค์ไว้บนไม้กางเขน (มัทธิว 27:32-34) โดยมีโจร 2 คน ถูกตรึงไว้ที่ข้างซ้ายและข้างขวา เกิดมืดมัวทั่วแผ่นดินตั้งแต่เวลาเที่ยงจนถึงบ่าย 3 โมง พระเยซูตรัสเป็นครั้งสุดท้ายว่า "สำเร็จแล้ว" และทรงสิ้นพระชนม์ พอพลบค่ำมีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อโยเซฟมาขอพระ ศพพระเยซูไปฝังไว้ที่อุโมงค์ใหม่ เอาผ้าป่านที่สะอาดพันพระศพไว้ และเอาหินก้อนใหญ่ปิดปากอุโมงค์ไว้

พระเยซูผู้บริสุทธิ์ต้องรับโทษที่พระองค์ไม่ได้กระทำ เพื่อคนบาปอย่างเรา เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่พระองค์ได้สละชีวิตเพื่อเรา ในขณะที่เราเป็นคนบาป

ดังนั้นคริสตชนจึงถือว่า การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเป็นสิ่งประเสริฐ หรือศักดิ์สิทธิ์ เมื่อถึงวันนี้ของทุกปี คริสตจักร และพระศาสนจักรทั่วโลกจึงได้รวมตัวกันในแต่ละแห่ง ร่วมนมัสการระลึกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระเยซูคริสต์ ที่ได้ทรงวายพระชนม์เพื่อเราบนไม้กางเขน จนถึงทุกวันนี้
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ จันทร์ มี.ค. 14, 2005 8:56 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 8:59 am

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้คือ

พระเยซู ทำนายถึงมรณกรรมของตัวเอง 3 ครั้ง คำทำนายคือ การบอกเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ครั้งแรก พระคัมภีร์มัทธิว16:21-23 พระเยซูตรัสแก่เหล่าสาวกว่าพระองค์ต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ จากพวกผู้ใหญ่ จากมหาปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์ และในที่สุดต้องถูกประหารชีวิต แต่จะทรงฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่ 3 แล้วอัครสาวกเปโตร บอกว่าขออย่าให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเลย พระเยซู ทรงตำหนิอย่างแรงว่า เขาเป็นซาตานเพราะคิดอย่างคน ไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า

ครั้งที่ สอง พระคัมภีร์มัทธิว 17: 22-23

พระเยซูตรัสแก่บรรดาสาวกที่ชุมนุมกันที่แคว้นกาลิลีว่าบุตรมนุษย์ จะต้องถูกอายัดไว้ และจะประหารชีวิต แล้วในวันที่ สาม ก็จะคืนพระชนม์ บรรดาสาวกพากันทุกข์ใจยิ่งนัก

ครั้งที่สาม พระคัมภีร์ มัทธิว 20:17-19

พระเยซูกำลังจะเสด็จขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็ม พร้อมกับอัครสาวก 12 คน ระหว่างทางพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า บุตรมนุษย์จะถูกมอบไว้ในมือของปุโรหิต และพวกธรรมาจารย์ และคนพวกนั้นจะปรับโทษพระองค์จนต้องมรณา พวกเขาจะมอบพระองค์ไว้กับคนต่างชาติ จะถูกเยาะเย้ย ถูกโบยตี และในที่สุดต้องถูกตรึงที่กางเขน และในวันที่ สามพระองค์ก็จะฟื้นคืนพระชนม์

ต่อจากนั้นต้นสัปดาห์นี้พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าสู่เยรูซาเล็ม อย่างผู้พิชิต

พระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องคือ มัทธิว 21:1-11, มาระโก 11:1-11, ลูกา 19:28-40, ยอห์น 12: 12-19

Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 9:02 am

…พระราชกิจของพระคริสต์…

..การสิ้นพระชนม์..
The Work of Christ : His Death

   พระราชกิจของพระคริสต์มีความหมายเจาะจงถึง การสิ้นพระชนม์ การเป็นขึ้นจากความตาย การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ และการรับพระสิริของพระคริสต์ เราจะพิจารณาทั้ง 4 เหตุการณ์นี้ตามลำดับเวลาที่เกิดขึ้น โดยจะพิจารณาเรื่องการสิ้นพระชนม์ก่อน
   ความตายของพระคริสต์เป็น “ราชกิจ” อย่างหนึ่งที่พระองค์ทรงกระทำ เพราะว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับพระองค์โดยที่พระองค์ทรงหลีกเลี่ยงไม่ได้หรือไม่ทรงรู้ตัว ตรงกันข้ามสิ่งนี้เป็นผลที่เกิดจากการตัดสินพระทัยอันแน่วแน่ของพระองค์ โดยไม่ทรงหลีกหนีจึงถือได้ว่านี้เป็น “ราชกิจ” ของพระองค์ นอกจากนี้ ความตายยังเป็น “ราชกิจ” ได้เพราะทำให้มนุษย์ได้รับผลประโยชน์จากงานนั้น ตามแนวคิดในพระคัมภีร์การใช้คำว่า “ราชกิจ” คงเหมาะสมกับวัตถุประสงค์และความหมายของการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์
   1.การสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์เป็นสิ่งสำคัญ ( The Importance of the Death )
   โดยทั่วไปชีวิตของมนุษย์สำคัญกว่าความตายแต่สำหรับพระคริสต์แล้วตรงกันข้าม เพราะความตายของพระองค์เป็นสิ่งสำคัญสุดยอดสำหรับชีวิตของพระองค์ในโลกนี้ มีเหตุผลหลายประการดังนี้
   ก.เป็นสิ่งที่พระคัมภีร์เดิมได้พยากรณ์ไว้ ( It is Foretold in the Old Testament )
   มีคำพยากรณ์ต่างๆ ในพระคัมภีร์เดิมหลายตอนเล็งถึงความตายของพระคริสต์ เรื่องนี้ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ทั้งเล่ม เริ่มตั้งแต่เครื่องบูชาของอาเบลในปฐมกาลบทที่ 4:4 “ส่วนอาแบลก็นำแกะหัวปีจากฝูงและไขมันของแกะมาถวาย พระเจ้าทรงพอพระทัยอาแบลและเครื่องบูชาของเขา”หรือแกะผู้บนเขาโมรียาห์ “อับราฮัมเงยหน้าขึ้นมองดู เห็นข้างหลังท่านมีแกะผู้ตัวหนึ่ง เขาของมันติดอยู่ในพุ่มไม้ทึบ อับราฮัมก็ไปจับแกะตัวนั้นมาถวายเป็นเครื่องเผาบูชาแทนบุตรชาย” (ปฐก. 22:13) เครื่องบูชาทั่วไปของอัครปิตา (ปฐก. 8:20; 12:8; 26:25; 33:20; 35:7) แกะของเทศกาลปัสกาในอียิปต์ (อพย. 12:1-28) บูชาตามระบบเลวี (ลนต. 1-7) เครื่องบูชาของมาโนอาห์ (วนฉ. 13:16-19) เครื่องถวายบูชาประจำปีของเอลคานาท์ (1 ซมอ. 1:21) เครื่องบูชาของซามูเอล (1 ซมอ. 7:9-10; 16:2-5) เครื่องถวายบูชาของดาวิด (2 ซมอ. 6:18) เครื่องบูชาของเอลียาห์ (1 พกษ. 18:38) เครื่องบูชาของเฮเซคียาห์ (2 พศด. 29:21-24) จนถึงเครื่องบูชาในสมัยของโยชูวาและเศรุบบาเบล (อสร. 3:3-6) และเนหะมีย์ (นหม. 10:32-33) ทั้งหมดนี้เล็งถึงเครื่องบูชาเพียงอย่างเดียว คือ เครื่องบูชาใหญ่ยิ่งกว่าของพระคริสต์
   มีคำพยากรณ์ที่เล็งถึงความตายของพระคริสต์ เช่น ผู้เขียนสดุดีทำนายถึงการทรยศต่อพระคริสต์ “แม้ว่าเพื่อนในอกของข้าพระองค์ ผู้ซึ่งข้าพระองค์ไว้วางใจ ผู้รับประทานอาหารของข้าพระองค์ ก็ยกส้นเท้าใส่ข้าพระองค์” (สดด. 41:9; ดู ยน. 13:18; กจ. 1:16) การตรึงและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานั้น (สดด. 22:1, 7-8, 18; ดู มธ. 27:39-40, 46; มก. 15:34; ยน. 19:23-24) การเป็นขึ้นจากความตาย (สดด. 16:8-11 เปรียบเทียบกับ กจ. 2:25-28) อิสยาห์กล่าวว่า “พระองค์ถูกแทงเพราะความทรยศของเราทั้งหลาย และต้องฟอกช้ำเพราะความบาปผิดของเรา” (อสย. 53:5) ดาเนียลก็ระบุไว้ว่าหลังจาก 69 สัปตะ พระเมสสิยาห์จะต้องถูกตัดออกและจะไม่มีอะไรสำหรับท่าน (ดนล. 9:26) เศคาริยาห์เองก็พยากรณ์ว่าพระคริสต์จะถูกขายด้วยเงิน 30 เหรียญ และเงินนั้นถูกนำไปซื้อทุ่งช่างหม้อ (ศคย. 11:12; มธ. 26:15; 27:9-10) นอกจากนี้เศคาริยาห์ได้กล่าวถึงการตีเมษบาล (ศคย. 13:7) และบ่อน้ำพุพลุ่งขึ้นเพื่อชำระให้พ้นบาปและความไม่สะอาด (13:1) จากทั้งหมดที่กล่าวมา เราเห็นได้ชัดว่าเรื่องความตายของพระคริสต์เป็นคำสอนที่สำคัญของพระคัมภีร์เดิม
   ข.เป็นเรื่องเด่นของพันธสัญญาใหม่ ( It is Prominent in the New Testament )
ในพระกิตติคุณทั้งสี่ หรือพระวรสาร ( คือ มัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น ) บรรยายเรื่องสัปดาห์สุดท้ายของชีวิตพระเยซูพระคริสต์ในโลกโดยใช้เนื้อที่ประมาณหนึ่งในห้าของทั้งหมด ในจดหมายฝากเองก็คล้ายกัน เต็มไปด้วยข้ออ้างอิงมากมายที่กล่าวถึงเหตุการณ์อันสำคัญยิ่งนี้ จึงเห็นได้ชัดว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงดลใจผู้เขียนพระคัมภีร์ให้ความสำคัญสุดยอดต่อเรื่องความตายและการเป็นขึ้นจากความตายขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา



ค.เป็นจุดประสงค์หลักของการเสด็จมาประสูติ ( It is the Chief Purpose of the Incarnation )
ดังได้กล่าวมาแล้วว่าจุดประสงค์แรกที่พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จมาก็เพื่อตายเพื่อเราไม่ใช่มาวางแบบอย่างหรือให้คำสอนแก่เรา (มก. 10:45; ฮบ. 2:9, 14; 9:26; 1 ยน. 3:5) ความตายของพระองค์จึงไม่ใชสิ่งที่คิดขึ้นภายหลังหรือเกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นการทำให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ประการหนึ่งในการมารับสภาพเป็นมนุษย์ของพระองค์ ดังนั้นการเสด็จมารับสภาพมนุษย์จึงไม่ได้เป็นเป้าหมาย แต่เป็นเพียงหนทางเพื่อจะบรรุลเป้าหมายแห่งการไถ่คนบาปโดยทางความตายบนไม้กางเขนขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 9:06 am

���ง.เป็นหัวข้อพื้นฐานของกิตติคุณ ( It is the Fundamental Theme of the Gospel )
���
คำว่า “กิตติคุณ” [ gospel] แปลว่า “ข่าวดี”[good news] ดังนั้นจึงใช้คำนี้ในหลายลักษณะ เช่นสี่เรื่องที่บันทึกเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูในโลกนี้เรียกว่า “กิตติคุณ” การสำแดงของพระเจ้าต่อมนุษย์ที่ทรงสร้างก็เรียกว่า กิตติคุณ และถ้าจะเจาะจงอาจกล่าวได้ว่าคำนี้หมายถึง
“ข่าวดี” เกี่ยวกับความรอดนั่นเอง อัครทูตเปาโลกล่าวว่ากิตติคุณนี้ประกอบด้วยเรื่อง ความตายของพระคริสต์เพราะบาปของเรา การถูกฝังไว้ และการเป็นขึ้นจากความตาย (1 คร. 15:1-5) การที่พระคริสต์ตายเพราะบาปของเรานั้นเป็น [ข่าวดี ] เพราะมนุษย์ไม่ต้องตายเพราะบาปของเขาอีก กฎบัญญัติของโมเสส คำเทศนาบนภูเขา คำสอนและแบบอย่างของพระเยซูคริสต์เจ้าก็ล้วนทำให้เราเห็นบาปของเรา และแสดงให้เราเห็นความจำเป็นที่ต้องมีผู้ช่วย แต่ไม่ได้ให้วิธีแก้ไขบาปของเรา ทางออกจึงมีทางเดียวเท่านั้นคือ ความตายของพระเยซูคริสต์นั่นเอง

���จ.เป็นหัวใจของคริสตชน ( It is Essental to Christianity )

���ศาสนา หรือความเชื่ออื่นๆ ตั้งอยู่บนรากฐานของคำสอนของศาสดาของเขา แต่ความเชื่อและศรัทธาของ คริสตชนแตกต่างจากความเชื่อของศาสนาอื่นๆ เพราะคริสตชนให้ความสำคัญที่ความตายของศาสดา เพราะถ้าเรานำเอาความตายของพระเยซูคริสต์ออกไป คริสตชนก็จะลดคุณค่าลง เพราะระบบความเชื่อและคำสอนจะเหมือนระบบจริยธรรมมากกว่า

แต่เราก็ไม่มีทางนำถึงของความรอด พูดง่ายๆได้ว่าถ้านำเรื่องของกางเขนออกไป หัวใจของคริสตชนจะหายไป หัวใจคำเทศนาของอัครสาวกคือเรื่องของพระคริสต์และการถูกตรึงของพระองค์ “คนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่พวกเราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า” (1 คร. 1:18, 23; 2:2; กท. 6:14)

���ฉ.จำเป็นสำหรับความรอดของเรา ( It is Essential to Our Salvation )

���พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่าบุตรมนุษย์จะต้องถูกยกขึ้นเพื่อมนุษย์จะได้รับความรอด (ยน. 3:14-15) และเมล็ด ข้าวจะต้องตกลงไปในดินและเปื่อยเน่าไปเพื่อจะงอกเกิดผล “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงไปในดินและเปื่อยเน่าไป ก็จะคงอยู่เป็นเมล็ดเดียว แต่ถ้าเปื่อยเน่าไปแล้ว ก็จะงอกขึ้นเกิดผลมาก” (ยน. 12:24) พระเจ้าผู้ทรงชอบธรรมไม่สามารถอภัยโทษบาปมนุษย์ได้เพียงเพราะมนุษย์รู้สึกสำนึกผิด แต่จะต้องมีการชดใช้หนี้บาปนั้นก่อน ฉะนั้นพระเยซูคริสต์จึงเสด็จมาเพื่อชดใช้หนี้บาปนี้ เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงสามารถอภัยโทษบาปได้และยังทรงความชอบธรรมได้ในเวลาเดียวกัน (รม. 3:25-26) พระคริสต์เองได้ทรงตรัสไว้หลายครั้งว่าพระองค์จะต้องทนทุกข์หลายประการ จะถูกฆ่า และจะเป็นขึ้นในวันที่สาม (มธ. 16:21; มก. 8:31; ลก. 9:22; 17:25; ยน. 12:32-34) และชายสองคนที่อุโมงค์เตือนหญิงเหล่านั้นที่มาชโลมพระศพของพระคริสต์ว่า พระองค์จะต้องถูกตรึงและจะเป็นขึ้นมาจากความตาย (ลก. 24:7) อัครทูตเปาโลก็ได้พยายามพิสูจน์ให้ชาวเธสะโลนิกาเห็นว่า พระเยซูคริสต์จำต้องตาย (กจ. 17:3) ทำให้ เราเห็นได้ว่าความตายของพระเยซูคริสต์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งจากจุดยืนของพระเจ้า เพื่อมนุษย์จะได้รับความรอด

���ช.เป็นจุดสนใจสุดยอดในสวรรค์ ( It is of Supreme Interest in Heaven )

���มีเหตุการณ์ที่พระคริสต์ทรงจำแลงพระกาย เมื่อโมเสสและเอลียาห์ปรากฏบนภูเขา พวกเขาได้สนทนากับพระคริสต์เรื่อง “การจากไปของพระองค์ ซึ่งจะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม” (ลก. 9:31) นอกจากนี้ในสวรรค์ยังมีสัตว์ที่มีชีวิตทั้ง 4 และผู้อาวุโสทั้ง 24 ร้องเพลงสรรเสริญถึงการไถ่บาปที่สำเร็จทางความตายของพระคริสต์ (วว. 5:8-10) บรรดาทูตสวรรค์รอบพระที่นั่งก็ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระเมษโปดก ผู้ถูกปลงพระชนม์(the Lamb who was slain) (วิวรณ์ 5:11-12) แม้ว่าพวกเขาเองไม่จำเป็นต้องรับการไถ่ก็ตาม เมื่อผู้ที่ไม่มีความจำกัดแบบมนุษย์เข้าใจอย่างสมบูรณ์ถึงการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระคริสต์ พวกเขาจึงสรรเสริญยกย่องความตายของพระคริสต์เหนือทุกสิ่ง
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ จันทร์ มี.ค. 14, 2005 9:15 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 9:08 am

2.ความหมายที่แท้จริงของการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ( The True Meaning of Christ
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 9:11 am

ข.เป็นการชดใช้บาป ( It is Satisfaction )   เนื่องจากพระลักษณะพื้นฐานของพระเจ้าคือความบริสุทธิ์จึงต้องมีการชดใช้บาปจนสามารถระงับพระพิโรธต่อความบาปได้ ความตายของพระเยซูคริสต์ดูเป็นสิ่งที่เหมาะสมเพราะเหตุผลดังนี้

1.เป็นการชดใช้ตามความยุติธรรมของพระเจ้า ( It is satisfies the justice of God )

มนุษย์ได้ทำบาปต่อพระเจ้า ทำให้พระองค์ไม่พอพระทัย พระองค์จึงจำเป็นต้องลงโทษผู้ที่ละเมิดกฎเกณฑ์ของพระองค์ คนบาปจะเป็นอิสระไม่ได้จนกว่าจะมีการจัดการอย่างยุติธรรม นั่นคือ พระเจ้าจะต้องลงโทษความบาป การยกโทษจะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีการชดใช้ (อพย. 34:7; กดว. 14:18) พระเจ้าจะยังทรงยุติธรรมและคนบาปถูกนับว่าชอบธรรมได้ มีทางออกทางเดียวเท่านั้นคือ ทางความตายของพระคริสต์ (รม. 3:25-26) ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำล้วนยุติธรรม หนทางนี้เหมาะสมกับที่พระเจ้าทรงต้องการทั้งหมด
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 9:14 am

4.เกี่ยวข้องกับการระงับพระพิโรธ ( It is involved in propiation )

พระคัมภีร์เซ็พทัวจินท์ แปลคำภาษาฮีบรู คาฟาร์ เป็น เอกซิลาซคอไม (exilaskomai) โดยเปลี่ยนจุดเน้นไปบ้างให้มีความหมายของ
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 9:17 am

3.ขอบเขตของผลแห่งการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ ( The Extent of Christ
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 9:20 am

Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 9:22 am

DokPeepHorm

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 3:19 pm

ขอบคุณพี่พีพีมากนะคะ อ่านแล้วเข้าใจดีค่ะ ... วันนี้นั่งอ่านจนจบ (ธรรมดาแล้วจะค่อยๆอ่าน) กว่าจะอ่านจบก็กระทบใจเพราะหลายต่อหลายตอนค่ะ ...

ต้องขอบคุณพี่พีพีด้วยค่ะสำหรับ "7 พระวาทะของพระเยซูคริสต์เจ้าบนกางเขน ก่อนสิ้นพระชนม์
แก้ไขล่าสุดโดย DokPeepHorm เมื่อ จันทร์ มี.ค. 14, 2005 3:20 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ มี.ค. 14, 2005 4:44 pm

ขอบพระคุณครับพี่พีพี
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อังคาร มี.ค. 15, 2005 7:59 am

วันสำคัญวันแรกในช่วงสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ก็คือวัน อาทิตย์ใบลานที่เรียกกันตามภาษาคาทอลิกไทย ถ้าภาษาอังกฤษก็เรียกว่า ปาล์มซันเดย์ เมื่อวานนี้ดูข่าวพระราชสำนักเห็นโครงการส่วนพระองค์ฯสวนจิตรลดาได้ทดลองปลูกมะกอกโอลีฟ แถว ๆ รังสิต มา 9 ปีแล้ว ก็เลยทำให้ทราบว่าเมืองไทยก็ปลูกมะกอกพันธุ์นี้ได้เหมือนกัน ซึ่งทางโครงการได้นำพันธุ์มาจากประเทศแถบเมดิเตอเรเนียน ที่จริงทางโบสถ์เราน่าจะขอพระราชทานมาปลูกที่โบสถ์บ้างนะครับ เผื่อจะได้ใช้กิ่งมะกอกในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วยังเป็นต้นไม้ที่ระลึกถึงความทุกข์ของพระเยซูเจ้าในสวนเกตเสมนีด้วย
รูปภาพ

นี่เป็นบทความข่าวครับ http://www.tabco.co.th/news27.asp
แก้ไขล่าสุดโดย Andreas เมื่อ อังคาร มี.ค. 15, 2005 8:00 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
spirit

อังคาร มี.ค. 15, 2005 4:01 pm

*sob เศร้าใจ ตื้นตัน ขอบคุณ .ตื้นตันในคราเดียวกัน เพราะบาปของลูก ที่ทำให้พระองค์ MY Lord เจ้านายของข้า ทรงต้องรับมหาทรมาน หนักเพียงนี้เทียวหรือ :'( :'(
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ มี.ค. 26, 2005 8:04 am

วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์

อ่าน อิสยาห์ บทที่ ๕๒.๑๓-๕๓.๑๒

52:13 ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะทำอย่างมีสติปัญญาท่านจะสูงเด่นและเป็นที่เทิดทูน และท่านจะสูงนัก
52:14 ด้วยคนเป็นอันมากตะลึงเพราะท่านฉันใด (หน้าตาของท่านเสียโฉมมาก เหลือที่จะเหมือนมนุษย์และรูปร่างของท่านก็เสียโฉมเหลือที่จะเหมือนบุตรของมนุษย์)
52:15 ท่านก็จะกระทำให้บรรดาประชาชาติเป็นอันมากตกตะลึง {หรือ ประพรม} ฉันนั้น บรรดาพระราชาก็จะปิดพระโอษฐ์เพราะท่านนั้น เพราะเขาทั้งหลายจะเห็นสิ่งที่ไม่มีใครบอกเขา และเขาจะเข้าใจสิ่งซึ่งเขาไม่เคยได้ยิน

53:1 ใครเล่าจะเชื่อสิ่งที่เราทั้งหลายได้ยิน พระกรของพระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ผู้ใด
53:2 เพราะท่านได้เจริญขึ้นต่อพระพักตร์พระองค์อย่างต้นไม้อ่อน และเหมือนรากแตกหน่อมาจากพื้นดินแห้ง ท่านไม่มีรูปร่างหรือความสวยงามซึ่งเราทั้งหลายจะมองท่าน และไม่มีความงามที่เราจะพึงปรารถนาท่าน
53:3 ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเจ็บปวด และคุ้นเคยกับความเจ็บไข้และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน
53:4 แน่ทีเดียวท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลายและหอบความเจ็บปวดของเราไป กระนั้นเราทั้งหลายก็ยังถือว่าท่านถูกตี คือพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ
53:5 แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความทรยศของเราทั้งหลายท่านฟกช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนอันทำให้เราทั้งหลายสมบูรณ์นั้น ตกแก่ท่านที่ท่านต้องฟกช้ำนั้นก็ให้เราหายดี
53:6 เราทุกคนได้เจิ่นไปเหมือนแกะ เราทุกคนต่างได้หันไปตามทางของตนเอง และพระเจ้าทรงวางลงบนท่าน ซึ่งความบาปผิดของเราทุกคน
53:7 ท่านถูกบีบบังคับและท่านถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เป็นใบ้อยู่หน้าผู้ตัดขนของมันฉันใดท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยฉันนั้น
53:8 ท่านถูกนำเอาไปด้วยการบีบบังคับและการตัดสินและเกี่ยวกับเชื้อสายของท่านผู้ใดเล่าคิดว่า ท่านต้องถูกตัดออกไปจากแดนคนเป็น ต้องถูกตีเพราะการทรยศของชนชาติของเรา
53:9 และเขาจัดหลุมศพของท่านไว้กับคนอธรรม ในความตายของท่านเขาจัดไว้กับเศรษฐี {ฉบับพากย์ไทยเก่าอ่านว่า จัดอุโมงค์ไว้ร่วมกับคนอธรรม ทั้งนี้โดยอาศัยฉบับฮีบรูที่แก้ไขแล้ว} แม้ว่าท่านมิได้กระทำการทารุณประการใดเลย และไม่มีการหลอกลวงในปากของท่าน
53:10 แต่ก็ยังเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะให้ท่านฟกช้ำ ด้วยความเจ็บไข้ เมื่อพระองค์ทรงกระทำให้วิญญาณของท่านเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ท่านจะเห็นพงศ์พันธุ์ของท่าน ท่านจะยืดวันทั้งหลายของท่าน น้ำพระทัยของพระเจ้าจะเจริญขึ้นในมือของท่าน
53:11 ท่านจะเห็นผลแห่งความทุกข์ลำบากแห่งวิญญาณจิตของท่าน {ต้นฉบับอิสยาห์ฉบับทะเลตายอ่านว่า ท่านจะแลเห็นความสว่างภายหลังความลำบากแห่งวิญญาณจิตของท่าน} และพอใจ โดยความรู้ของท่านผู้ชอบธรรมคือผู้รับใช้ของเรา จะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม และท่านจะแบกบรรดาความบาปผิดของเขาทั้งหลาย
53:12 ฉะนี้ เราจะแบ่งส่วนหนึ่งให้ท่านกับผู้ยิ่งใหญ่และท่านจะแบ่งรางวัลกับคนแข็งแรง {หรือ เพราะฉะนั้นเราจะแบ่งคนมากให้ท่าน และท่านจะรับมวลชนเป็นส่วนแบ่งที่ริบมา} เพราะท่านเทวิญญาณจิตของท่านถึงความมรณะ และถูกนับเข้ากับคนทรยศ ถึงกระนั้นท่านก็แบกบาปของคนเป็นอันมาก และทำการอ้อนวอนเพื่อผู้ทรยศ


ฮีบรู

4:14 เหตุฉะนั้น เมื่อเรามีมหาปุโรหิตผู้เป็นใหญ่ที่ผ่านฟ้าสวรรค์เข้าไปถึงพระเจ้าแล้ว คือพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ขอให้เราทั้งหลายมั่นคงในพระศาสนาของเรา
4:15 เพราะว่า เรามิได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา แต่ได้ทรงถูกทดลองใจเหมือนอย่างเราทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป
4:16 ฉะนั้นขอให้เราทั้งหลาย จงมีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่ต้องการ

5:7 ฝ่ายพระเยซู {กรีกว่า พระองค์} ขณะเมื่อพระองค์ทรงเป็นมนุษย์อยู่นั้น พระองค์ได้ทรงร้องอธิษฐาน และทูลวิงวอนด้วยน้ำพระเนตรไหล ต่อพระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยพระองค์ให้พ้นจากความตายได้ และพระเจ้าได้ทรงสดับเนื่องด้วยความยำเกรงของพระเยซู
5:8 ถึงแม้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตร พระองค์ก็ทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อมยอมเชื่อฟังโดยความทุกข์ลำบาก ที่พระองค์ได้ทรงทน
5:9 เมื่อพระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเพียบพร้อมทุกประการแล้ว พระเยซูก็เลยทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความรอดนิรันดร์ สำหรับคนทั้งปวงที่เชื่อพระองค์


ยอห์น

18:1 เมื่อพระเยซูตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ได้เสด็จออกไปกับเหล่าสาวกของพระองค์ ข้ามห้วยขิดโรนไปยังสวนแห่งหนึ่ง พระองค์เสด็จเข้าไปในสวนนั้นกับเหล่าสาวก
18:2 ยูดาสผู้ที่จะอายัดพระองค์ก็รู้จักสวนนั้นด้วย เพราะว่าพระเยซูกับเหล่าสาวกเคยมาพบกันที่นั่นบ่อยๆ
18:3 ยูดาสก็พาพวกทหารกับเจ้าหน้าที่มาจากพวกปุโรหิตและพวกฟาริสีถือโคมถือไต้ และเครื่องอาวุธไปที่นั่นด้วย
18:4 พระเยซูทรงทราบทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์ พระองค์จึงเสด็จออกไปถามเขาว่า "ท่านทั้งหลายมาหาใคร"
18:5 เขาทูลตอบพระองค์ว่า "มาหาเยซูชาวนาซาเร็ธ" พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราคือผู้นั้นแหละ" ยูดาสผู้อายัดพระองค์ก็ยืนอยู่กับคนเหล่านั้น
18:6 เมื่อพระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า "เราคือผู้นั้นแหละ" เขาทั้งหลายได้ถอยหลังและล้มลงที่ดิน
18:7 พระองค์ตรัสถามเขาอีกว่า "ท่านมาหาใคร" เขาทูลตอบว่า "มาหาเยซู ชาวนาซาเร็ธ"
18:8 พระเยซูตรัสตอบว่า "เราบอกท่านแล้วว่าเราคือผู้นั้น ถ้าท่านแสวงหาเราก็จงปล่อยคนเหล่านี้ไปเถิด"
18:9 ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นจริงตามพระดำรัสซึ่งพระองค์ตรัสว่า "คนเหล่านั้นซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ ไม่ได้เสียไปสักคนเดียว"
18:10 ซีโมนเปโตรมีดาบจึงชักออก ฟันทาสคนหนึ่งของมหาปุโรหิตผู้ประจำการถูกหูข้างขวาขาดไป ทาสคนนั้นชื่อมัลคัส
18:11 พระเยซูตรัสกับเปโตรว่า "จงเอาดาบใส่ฝักเสีย เราจะไม่ดื่มถ้วย ซึ่งพระบิดาของเราประทานแก่เราหรือ"
18:12 พวกพลทหารกับนายทหารและเจ้าหน้าที่ของพวกยิว จึงจับพระเยซูมัดไว้
18:13 แล้วพาพระองค์ไปหาอันนาสก่อน เพราะอันนาสเป็นพ่อตาของคายาฟาสผู้ซึ่งเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น
18:14 คายาฟาสผู้นี้แหละที่แนะนำพวกยิวว่า ควรให้คนหนึ่งตายแทนพลเมืองทั้งหมด
18:15 ซีโมนเปโตร กับสาวกอีกคนหนึ่งได้ติดตามพระเยซูไป สาวกคนนั้นรู้จักกับมหาปุโรหิตผู้ประจำการ เขาได้เข้าไปกับพระเยซูถึงลานบ้านของมหาปุโรหิต
18:16 แต่เปโตรยืนอยู่ข้างนอกริมประตู สาวกอีกคนหนึ่งนั้นที่รู้จักกับมหาปุโรหิตได้ออกไปพูดกับหญิงที่เฝ้าประตู แล้วก็พาเปโตรเข้าไป
18:17 ผู้หญิงคนที่เฝ้าประตูถามเปโตรว่า "ท่านเป็นพวกสาวกของคนนั้นด้วยหรือ" เขาตอบว่า "ไม่เป็น"
18:18 พวกบ่าวกับเจ้าหน้าที่ก็ยืนอยู่ที่นั่น เอาถ่านมาก่อไฟเพราะอากาศหนาว แล้วก็ยืนผิงไฟกัน เปโตรก็ยืนผิงไฟอยู่กับเขาด้วย
18:19 มหาปุโรหิตก็ได้ถามพระเยซูถึงเหล่าสาวกของพระองค์ และคำสอนของพระองค์


>>>: วันนี้เราต้องคิดถึงชีวิตพระเยซูคริสต์ที่ทรงกระทำพันธกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นคือ
การสละพระชนม์ชีพ เพื่อช่วยคนบาป ให้ได้รับความรอดนิรันดร และนำเขากลับสู่
บ้านพระเจ้าพระบิดา ...พระองค์ทรงายพระชนม์เพื่อพวกเรา แล้วพวกเรา ได้ทำตัวเหมาะสมหรือไม่
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ มี.ค. 26, 2005 8:14 am

วันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ ( เสกน้ำ เสกไฟ )

บทอ่าน โรม บทที่ ๖


6:3 ท่านไม่รู้หรือว่า เราทั้งหลายที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับบัพติศมานั้นเข้าในความตายของพระองค์
6:4 เหตุฉะนั้น เราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้ว โดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในการตายนั้น เพื่อว่าเมื่อพระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตายโดยเดชพระสิริของพระบิดาแล้ว เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยเหมือนกัน
6:5 เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเข้าสนิทกับพระองค์ ในการเป็นขึ้นมาอย่างพระองค์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายด้วย
6:6 เราทั้งหลายรู้แล้วว่า ตัวเก่าของเรานั้นได้ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวที่บาปนั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป และเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป
6:7 เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็พ้นจากบาป
6:8 แต่ถ้าเราตายแล้วกับพระคริสต์ เราเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย
6:9 เราทั้งหลายรู้อยู่ว่า พระคริสต์ที่ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากตายนั้นแล้วจะหาตายอีกไม่ ความตายหาครอบงำพระองค์ต่อไปไม่
6:10 ด้วยว่าซึ่งพระองค์ได้ทรงตายนั้นพระองค์ได้ทรงตายต่อบาปหนเดียวเป็นพอ แต่ซึ่งพระองค์ทรงชีวิตอยู่นั้น พระองค์ทรงชีวิตสนิทกับพระเจ้า
6:11 เหมือนกันเช่นนั้นแหละ ท่านทั้งหลายจงถือว่าท่านได้ตายต่อบาป และมีชีวิตสนิทกับพระเจ้าในพระเยซูคริสต์


มัทธิว ๒๘

28:1 ภายหลังวันสะบาโต เวลาใกล้รุ่งเช้าวันต้นสัปดาห์ มารีย์ชาวมักดาลากับมารีย์อีกคนหนึ่งนั้นมาดูอุโมงค์
28:2 ในทันใดนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ยิ่งนัก มีทูตของพระเจ้าองค์หนึ่ง ได้ลงมาจากสวรรค์กลิ้งก้อนหินนั้นออกจากปากอุโมงค์ แล้วก็นั่งอยู่บนหินนั้น
28:3 สัณฐานของทูตนั้นเหมือนแสงฟ้าแลบ เสื้อก็ขาวเหมือนหิมะ
28:4 ยามที่เฝ้าอยู่นั้นกลัวทูตองค์นั้นจนตัวสั่นและเป็นเหมือนคนตาย
28:5 ทูตสวรรค์นั้นจึงกล่าวแก่หญิงนั้นว่า "อย่ากลัวเลย เรารู้แล้วว่า พวกเจ้าทั้งหลายมาหาพระเยซูซึ่งถูกตรึงไว้ที่กางเขน
28:6 พระองค์หาได้ประทับอยู่ที่นี่ไม่ ทรงเป็นขึ้นมาแล้วตามซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้นั้น มาดูที่ซึ่งพระองค์ได้บรรทมอยู่นั้น
28:7 แล้วจงรีบไปบอกพวกสาวกของพระองค์เถิดว่า พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และพระองค์เสด็จไปยังแคว้นกาลิลีก่อนเจ้าทั้งหลาย เจ้าทั้งหลายจะเห็นพระองค์ที่นั่น นี่แหละเราก็บอกเจ้าแล้ว"
28:8 หญิงเหล่านั้นก็ไปจากอุโมงค์โดยเร็ว ทั้งกลัวทั้งยินดีเป็นอันมากวิ่งไปบอกพวกสาวกของพระองค์
28:9 ดูเถิด พระเยซูได้เสด็จพบเขาและตรัสว่า "จงจำเริญเถิด" หญิงเหล่านั้นก็มากอดพระบาทนมัสการพระองค์
28:10 พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า "อย่ากลัวเลย จงไปบอกพวกพี่น้องของเราให้ไปยังกาลิลี จะได้พบเราที่นั่น"


ข้อคิด

โดยศีลล้างบาป ( บัพติสมา ) เราได้เข้าส่วนกับความตายของพระคริสต์ และการกลับคืนชีพ (คืนพระชนม์ )ของพระเยซู เป็นความหวังที่เราจะเป็นขึ้นมากับพระองค์

เราได้ตายจากบาปแล้ว ต่อไปนี้ชีวิตของเรา อยู่เพื่อถวายเกียรติ แด่พระเจ้า เท่านั้น
claustrophobia

เสาร์ มี.ค. 26, 2005 12:11 pm

ข้าพเจ้าเชื่อในพระบุตรของพระเป็นเจ้าอาแมน..
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ มี.ค. 27, 2005 7:26 pm

เมื่อวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์
มีบทสร้อยบทหนึ่ง ไม่รู้ว่าเหมือนกันทุกวัดหรือเปล่า*?
ที่บอกว่า "ประชากรของเราเอ๋ย เราได้ไปทำอะไรให้เจ้า หรือว่าเราได้ทำให้เจ้าขุ่นข้องหมองใจด้วยเรื่องอะไร จงบอกเราซิ"
ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจฟังหรอกครับ แต่เมื่อย้ำมาก ๆ ตอนที่จะไปจูบกางเขน ผมจะร้องไห้ สงสารพระ เหมือนว่าพระต้องการที่พูดกับเรานะครับ
spirit

อาทิตย์ มี.ค. 27, 2005 11:03 pm

ราชกิจที่ทรงกระทำ อย่าไปดูแค่ตอนแรกที่ได้รับ แต่ต้องดูผลสุดท้าย อีสเตอร์นี้ที่โบสถ์บอกมา ในยามที่พระกำลังจะตายมารอาจกำลังหัวเราะ แต่พอพระองค์สิ้นมาอาจจะตกใจที่ความบาปทั่วโลกาได้ชำระ แต่พอพระเยซู ฟื้นพระชนม์ มารซาตานและโรคร้ายก็พ่ายแพ้ เพราะการฟื้นพระชนม์ เป็นหลักชัยที่พระเยซูคริสต์ทรงชนะความตาย ซึ่งป็นฤทธิ์ของบาป

ใน 1 Cor 15:54 วรรค2

สภาพอมตะ เมื่อนั้นตามซึ่งเขียนไว้ในพระคัมภีร์จะสำเร็จว่า ความตายก็ถูกกลืนถึงปราชัยแล้ว
55 โอ มัจจุราชเอ๋ย ชัยชนะของเจ้าอยู่ที่ไหน โอ มัจจุราชเอ๋ย เหล็กไนของเจ้าอยู่ที่ไหน
56 เหล็กไนของความตายนั้นคือบาป และฤทธิ์ของบาปคือธรรมบัญญัติ
57 สาธุการแด่พระเจ้าผู้ทรงประทานชัยชนะแก่เราทั้งหลาย โดยพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ เม.ย. 14, 2006 12:56 pm

วันนี้คือ วันศุกร์ประเสริฐ ของโปรเตสแตนต์ วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ของคาทอลิก


ขอดึงกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อจะได้อ่านทบทวนชีวิตของพวกเรา อีกครั้งหนึ่งค่ะ
Tawan
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 21, 2006 10:54 pm
ที่อยู่: Nakhonsawan

เสาร์ เม.ย. 15, 2006 12:35 am

วันนี้ได้เข้าร่วมพิธีกรรม ในวันศุกร์สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ครั้งแรก ในชีวิตค่ะ ตอนจะไปจูบกางเขน ก็กลัว นิด ๆ ไม่กล้าด้วยค่ะ เลยกะจะไหว้อย่างเดียวแต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ มีความกล้าขึ้นมา แล้วก้มไปจูบที่ปลายกางเขนค่ะ อิอิ ขอบพระคุณใจความรักของพระองค์ ;D
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ เม.ย. 15, 2006 7:19 am

วันนี้แว๊บไปร่วมที่วัดราชินี สุขุมวิท 101 เจอ คุณ TPP เลยนั่งด้วยกัน
TPP ชี้ให้ ดู คุณมิว ( ลุงพรของเจี๊ยบ ) เป็นคนอ่าน พระวาจาด้วย
ตอนเลิก คอยจะเจอ ไม่ได้เจอ เพราะคุณมิวมัวโม้ หรือไงน่ะ
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ เม.ย. 15, 2006 5:19 pm

Prod Pran เขียน:
วันนี้แว๊บไปร่วมที่วัดราชินี สุขุมวิท 101 เจอ คุณ TPP เลยนั่งด้วยกัน
TPP ชี้ให้ ดู คุณมิว ( ลุงพรของเจี๊ยบ ) เป็นคนอ่าน พระวาจาด้วย
ตอนเลิก คอยจะเจอ ไม่ได้เจอ เพราะคุณมิวมัวโม้ หรือไงน่ะ
เสียดายนะครับ อยากเจอพี่พีพีเหมือนกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ เม.ย. 16, 2006 1:31 am

Tawan เขียน: วันนี้ได้เข้าร่วมพิธีกรรม ในวันศุกร์สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ครั้งแรก ในชีวิตค่ะ ตอนจะไปจูบกางเขน ก็กลัว นิด ๆ ไม่กล้าด้วยค่ะ เลยกะจะไหว้อย่างเดียวแต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ มีความกล้าขึ้นมา แล้วก้มไปจูบที่ปลายกางเขนค่ะ อิอิ ขอบพระคุณใจความรักของพระองค์ ;D

ดีแล้วคะ ที่วัดพี่
ระหว่างจูบกางเขน เปิดThe Passion ไปด้วย
โอว์.... บิวอารมณ์กันสุด ๆ พี่ตาฉ่ำไปเลย
บางช่วงทนไม่ไหวจริง ๆ ก็ก้มหน้าไปเลย ไม่งั้นน้ำตาร่วงกลางวัดแหง๋ ๆ :-[
ภาพประจำตัวสมาชิก
Good Nanny
~@
โพสต์: 227
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 13, 2005 10:32 pm
ที่อยู่: BKK

จันทร์ เม.ย. 17, 2006 8:21 pm

Tawan เขียน: วันนี้ได้เข้าร่วมพิธีกรรม ในวันศุกร์สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ครั้งแรก ในชีวิตค่ะ ตอนจะไปจูบกางเขน ก็กลัว นิด ๆ ไม่กล้าด้วยค่ะ เลยกะจะไหว้อย่างเดียวแต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ มีความกล้าขึ้นมา แล้วก้มไปจูบที่ปลายกางเขนค่ะ อิอิ ขอบพระคุณใจความรักของพระองค์ ;D
เหมือนกันเลย...เราก้อเพิ่งเคยไปครั้งแรก
ไปวัดเดียวกับ LL แต่ว่าเราไม่ดู The Passion ที่วัดเปิด
เพราะว่าแค่ไม่ดูน้ำตาก้อจะไหลอยู่แล้ว...เลยก้มหน้ามองเท้าตัวเอง แทน :-\
ตอบกลับโพส