เราถือศาสนาด้วยหัวใจหรือไม่ ? (นักบุญยอห์น มารี เวียนเนย์)
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 16, 2006 4:35 pm

บทเทศน์ของนักบุญยอห์น มารี เวียนเนย์ เจ้าอาวาสผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอารฺส



มีสักกี่คน, ลูกที่รัก , ที่ดูเหมือนว่าอยากจะรักพระเป็นเจ้าจริงๆแต่เพียงชั่วครู่เขาก็ทิ้งพระองค์ไป ! และลูกจะพบว่า การปฏิบัติรับใช้พระเป็นเจ้าอย่างไม่สมควรนั้นจะทำให้ลูกถูกเนรเทศและเปลี่ยนลูกให้ไปอยู่ฝ่ายเดียวกับโลก ? เมื่อถึงเวลาที่พระเป็นเจ้าจะทรงแสดงให้ลูกเห็นสภาพวิญญาณของลูก , ลูกจะร้องไห้และตระหนักถึงความหนักหนาสาหัสในความผิดพลาดที่ลูกได้กระทำในชีวิตของลูก ถ้าเพียงแต่ลูกจะตระหนักสักเล็กน้อยในเรื่องนี้ , เจ้าปีศาจก็จะเจ็บใจยิ่งนักที่มันสูญเสียลูกไป เพราะมันได้ลงแรงทำหลายอย่างที่จะทำให้ลูกกลับไปหามัน. ตอนนี้มันหวังจะรวบรวมพวกลูกไปอยู่กับมัน. มีคนจำนวนมากทีเดียวที่เลิกนับถือศาสนาและเป็นคริสตชนแต่เพียงชื่อเท่านั้น.
แต่ , ลูกอาจถามพ่อว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราถือศาสนาด้วยจิตใจของเรา , ถือศาสนาอย่างคงมั่น ? พี่น้องที่รัก , จงฟังดีดีแล้วลูกจะเข้าใจว่าลูกได้ถือศาสนาตามแบบที่พระเป็นเจ้าทรงมีพระประสงค์หรือไม่เพื่อที่มันจะได้นำลูกไปสู่สวรรค์ ? คนที่มีคุณธรรมอย่างแท้จริง, ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถมาเปลี่ยนแปลงเขาได้ . เขาจะเป็นเหมือนหินผาที่ตั้งตระหง่านอยู่ในทะเลที่บ้าคลั่ง. ไม่ว่าจะมีใครมาเหยียดหยามเขา , มากล่าวร้าย หรือมาดูหมิ่น หรือเรียก เขาว่าเป็นคนโกหกหลอกลวง หรือเป็นคนเสแสร้งเป็นคนมีศีลธรรม , ก็ไม่อาจทำลายสันติสุขในใจของเขาได้เลยแม้แต่น้อย ลูกยังคงรักคนเหล่านั้นเสมอเหมือนกับเวลาที่พวกเขาพูดถึงลูกในสิ่งที่ดี ลูกจะปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความดีและยังคงช่วยเหลือพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพูดติเตียนการช่วยเหลือของลูกก็ตาม ลูกจะยังคงสวดภาวนา , ไปสารภาพบาป , รับศีลมหาสนิท , ไปร่วมมิสซา ตามที่ลูกกระทำอยู่เป็นประจำ
เพิ่อให้ลูกมีความเข้าใจมากขึ้น , พ่อจะเล่าเรื่องหนึ่งเป็นอุทาหรณ์ เรื่องนี้เกิดในเขตสังฆมณทลหนึ่งเป็นเรื่องของชายหนุ่มใจศรัทธาคนหนึ่ง เขาไปร่วมมิสซาเกือบทุกวันและรับศีลบ่อยๆ มีชายอีกคนหนึ่งรู้สึกอิจฉาในความศรัทธาของชายผู้นี้. และวันหนึ่งเมื่อทั้งสองคนได้ไปสังสรรที่บ้านของเพื่อนซึ่งร่ำรวยมากและเป็นเจ้าของกล่องยานัตถ์ทำด้วยทองที่สวยงาม. ชายที่อิจฉาแอบขโมยจากเจ้าของและนำไปใส่ไว้ในกระเป๋าของชายหนุ่มโดยไม่มีใครสังเกตุเห็น หลังจากนั้น,ก็แสร้งทำเป็นขอดูกล่องยานัตถ์จากเจ้าของ เจ้าของพยายามค้นหาเมื่อไม่พบจึงห้ามทุกคนออกจากบริเวณนั้นเพื่อตรวจค้น แล้วกล่องยาก็ถูกพบในตัวของชายหนุ่มผู้มีคุณธรรม แน่นอน, ทุกคนต่างประนามชายหนุ่มว่าเป็นขโมยและพูดว่าร้ายเขาว่า เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกแสร้งทำเป็นคนดี. ชายหนุ่มไม่สามารถปกป้องตนเองได้ เพราะหลักฐานถูกพบที่กระเป๋าของเขา เขาจึงนิ่งเงียบ เขาเป็นทุกข์แต่ยอมรับเหมือนเป็นสิ่งที่มาจากพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้า. เมื่อยามที่เขาเดีนไปตามถนน ยามที่เขากลับจากโบสถ์, หรือกลับจากการร่วมมิสซาหรือรับศีล ทุกๆคนจะชี้และเรียกเขาว่าเป็นคนหลอกลวง, นักเสแสร้ง, เป็นหัวขโมย. เป็นเช่นนี้อยู่นาน ทั้งๆที่เป็นดังนี้, ชายหนุ่มยังคงปฏิบัติศาสนกิจตามที่เคยกระทำอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าประชาชนจะประนามเขาไม่ให้เกียรติเขา หลายปีต่อมา, ชายผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องก็ล้มป่วยลง. เขาได้สารภาพแก่ผู้ที่มาเยี่ยมเขาว่า เขาเป็นต้นเหตุของสิ่งเลวร้ายที่กระทำต่อชายหนุ่ม ซึ่งเป็นผู้มีคุณธรรมดังนักบุญ , เพราะความอิจฉาของเขาเองที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของเขา เขาเองเป็นคนที่เอากล่องยาไปใส่ไว้ในกระเป๋าของชายหนุ่ม.

อนิจจา....พี่น้องที่รัก, คุณความดีต่างๆที่เราสังเกตุเห็นในผู้ที่ดูเสมือนว่าเป็นคริสตชนจำนวนมากนั้นเป็นเหมือนดอกไม้ที่ขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ , แต่ด้วยกระแสลมร้อนเพียงวูบเดียวก็ทำให้มันร่วงโรยไป.