++อยู่ดีๆก็อยากโพส++
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
อยู่ดีๆก็เกิดความรู้สึกอยากโพส พอโพสเสร็จกลับมาอ่านก็เห็นว่าใช้สรรพนาม เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อาจ งง นิดๆ แต่ไม่รู้สิมันเหมือนอยากพิมพ์อะไรก็พิมพ์ออกไป
เหตุไฉนองค์สูงสุดจึงยอมพลี
สิ้นชีวีบนมหากางเกนนั้น
มิใช่รักแล้วจะเป็นสิ่งใดกัน
พลีชีวันเพื่อเรา..เราทั้งมวล
เวลาลูกสำนึกผิดลูกจะร้องให้วิ่งไปหาพระองค์ วิงวอนขออภัยโทษซ้ำไปซ้ำมา...ลูกได้ยินพระองค์ ตรัสแก่ลูก แต่ในหัวลูกมีแต่คำภาวนา "อย่าลงโทษลูกเลย ลูกขอโทษๆๆ" ฉันหลับตาไม่กล้าสบตาพระองค์ กลัวพระองค์จะโกรธฉัน จนพระองค์มาโอบกอดฉัน ฉันจึงค่อยๆลืมตาแต่ใบหน้าที่อยู่ข้างหน้าฉันนั้นกลับเป็นใบหน้าแห่งความรักและความอ่อนโยน
ฉันชอบคุยกับพระบิดา พระเยซูและแม่พระ และอารักขเทวดาของฉัน เวลาฉันคุยฉันจะคุยแบบสบายๆไม่ใช่แบบมนุษย์-พระเจ้า แต่เป็นแบบ พ่อ-ลูก แม่-ลูก พี่ชาย-น้องชาย ฉันไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมบางทีฉันถึงไม่มีความเชื่อ ทำไมฉันยังลังเลเคลือบแคลงสงสัยในพระบิดาของฉัน จนบางทีฉันโมโหตัวเองมากจนต้องบอกพ่อ(พระบิดา)ของฉันว่า "ช่วยเอาความแคลงใจสงสัยนี้ไปจากตัวลูกด้วยๆ" แล้วฉันก็สบายใจขึ้น
มีอยู่วันนึงฉันทุกข์ใจมากทุกข์ใจจนร้องให้ตอนนั้นฉันวิงวอนขอแม่ฉันอยาก ซบลงบนตักของแม่ฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยหาหมอนนุ่มๆมาติ๊ต่างว่าเป็นตักของแม่ แล้วก็นอนหลับไปทั้งคืน สบายใจมากไม่เคยสบายใจอย่างคืนนั้นมาก่อน
ฉันเป็นพวกวัตถุนิยมนิดๆ วันนึงฉันวิงวอนต่อพี่ชายและแม่ให้ช่วยตื้อพ่อเพราะฉันอยากได้รถใหม่แต่พ่อของฉันได้ยินเข้า(ฉันรู้ว่าพ่อของฉันได้ยินฉันเสมอ) พ่อฉันบอกฉันในใจว่า "รถมันขับไปสวรรค์ไม่ได้นะลูก" ทำเอาอยู่ดีๆฉันขำและเผลอยิ้มออกมาจริงๆเลย จนคุณแม่ในโลกของฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันเลยเล่าให้ฟัง คุณแม่บนโลกของฉันก็ขำเหมือนกัน เลยขอบคุณพระองค์ยกใหญ่เลย
จะว่าไปแล้วคุณแม่บนโลกของฉันคนนี้ฉันรักมากๆคุณแม่คนนี้เค้าสนิทกับอารักขเทวดาเป็นพิเศษ ฉันก็แอบอิจฉาอยู่นิดๆ เพราะฉันอยากคุยกับท่าน อยากทราบชื่อท่านจนถึงขนาดลงวิงวอนของให้ได้คุยกับท่านเลย ...แต่แล้วความคิดแวปนึกก็เข้ามาในหัวฉัน ฉันคิดได้ว่าฉันกลัวผีมากถ้าฉันเห็นอารักขาเทวดาหรือเสียงของท่าน ฉันต้องเป็นลมตายตรงนั้นเบิ่งไปหาพ่อของฉันแน่นอน ฉันเลยเปลี่ยนใจไม่เอาดีกว่า ฉัยตั้งชื่อให้ท่านเองแต่ตอนนี้ฉันลืมแล้วว่าตั้งว่าอะไร ก็เลยกะจะตั้งใหม่ทุกๆครั้งที่อยากตั้ง ฉันว่าไม่น่าเบื่อดีออก หวังว่าท่านก็ชอบเหมือนกัน(ช่วยไม่ได้ไม่ยอมบอกเราเอง ฮิ๊ๆ) แต่ยังไงผมก็ขอบคุณท่านที่ท่านช่วยสวดภาวนาให้ผมทุกคืนเวลาผมหลับ เวลาผมถูกล่อลวง แต่เป็นผมเองที่ไม่ฟังและดื้อรั้น
เมื่อหลายปีก่อนที่ฉันไม่ศรัทธาฉันเคยคิดว่าเรื่องร้ายๆต่างๆต้องเป็นฝีมือพ่อของฉันแน่นอน นเลยด่าว่าพ่อของฉัน ฉันทุเรศตัวเองในตอนนั้นสุดจะบรรยายได้ และฉันจะไม่ขอพูดถึงมันอีก
อ่อเกือบลืมที่ฉันบอกว่าฉันกลัวผีนั้นฉันเคยบอกพ่อฉันว่าทำไมไม่เอาความกลัวนี้ออกไปจากฉันสักที ก็มีเสียงข้างในพูดกับฉันว่า "เวลาลูกกลัว ลูกจะนึกถึงเรา" ลูกเลยคิดได้ว่าชีวิตลูกมีเรื่องบันเทิงมากมาย และเรื่องต่างๆนาๆ เรื่องน่ายินดีต่างๆลูกกลับนึกถึงตัวเอง ต่อไปนี้ไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตามลูกจะพยายาม(และต้องทำให้ได้) ที่จะนึกถึงพ่อของฉันอยู่ตลอดเวลา
ทุกครั้งที่ฉันมองรูปนักบุญฉันอยากเป็นอย่างเขาบ้างแต่ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงไม่ใช่เด็ดขาด แต่เพราะฉันแอบอิจฉาเขาที่ว่าเมื่อตายแล้วจะได้ไปหาพ่อโดยตรง ฉันกลัวว่าเมื่อถึงเวลาของฉันจะไม่เป็นอย่างนั้น ฉันรู้ว่าฉันไม่มีความเชื่อเอาซะเลย ฉันสมเพชตัวเองตอนนี้สุดบรรยายได้รู้สึกสมเพชจนบรรยายไม่ถูก ฉันอยากเป็นคนที่มีศรัทธาเต็มเปี่ยม มีความเชื่อมากๆ เพื่อที่จะภาวนาได้อย่างมีสมาธิดีๆและรักการภาวนา แต่ฉันในตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นเลยฉันพูดว่าฉันทำอย่างโน้นทำอย่างนี้แต่ก็ไม่ได้ทำจริงๆสักที
แต่ความทุกข์ใจของฉันได้รับการปลอบโยน ปลอยโยนจากพ่อแม่พี่ชาย และเพื่อนพี่น้องของฉัน ฉันรักพ่อแม่พี่ชายและเพื่อนฉันมาก ฉันอ่านพระคำภีร์ ฉันเห็นยูดาสทรยศพี่ชายฉัน ฉันไม่โกรธยูดาสหรอก แต่ฉันโกรธปีศาจที่มาล่อลวงยูดาสให้เขาเป็นอย่างนี้ แต่ฉันก็มักจะแพ้ปีศาจอยู่บ่อยๆ เพราะฉันอ่อนแอเอง
สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดคือฉันกลัวว่าความอ่อนแอของตัวเองนี้จะถึงขีดสุด ขีดสุดคือการปฏิเสธพ่อแม่และพี่ชายของฉัน ฉันไม่สามารถอยู่ถึงวันนั้นได้ ขออย่าให้มีวันนั้นเลย ฉันขอตายอย่างอนาถตอนที่ยังมีความเชื่อ ดีกว่าตายอย่างโก้หรูแต่ไม่มีคามเชื่อ ลูกกลัวความอ่อนแอเหลือเกิน แต่ลูกก็รู้ว่าความอ่อนแอนี้ทำให้ลูกถ่อมตัวและนึกถึงพ่ออยู่ตลอดซึ่งลูกก็ยินดีและน้อมรับในความอ่อนแอนี้ แต่ลูกขอพ่อว่าอย่าให้ลูกและคนอื่นๆมีวันนั้นเลยพระองค์เจ้าข้า
รุ่งโรจน์ดุจเพลิงสว่างไสว
ลบล้างความชั่วไปหมดสิ้น
เสด็จประทับ ณ พระที่นั่งเป็นอาจิณ
วิญญานเหล่าข้าสุดสิ้นใจถวายแด่พระองค์
เหตุไฉนองค์สูงสุดจึงยอมพลี
สิ้นชีวีบนมหากางเกนนั้น
มิใช่รักแล้วจะเป็นสิ่งใดกัน
พลีชีวันเพื่อเรา..เราทั้งมวล
เวลาลูกสำนึกผิดลูกจะร้องให้วิ่งไปหาพระองค์ วิงวอนขออภัยโทษซ้ำไปซ้ำมา...ลูกได้ยินพระองค์ ตรัสแก่ลูก แต่ในหัวลูกมีแต่คำภาวนา "อย่าลงโทษลูกเลย ลูกขอโทษๆๆ" ฉันหลับตาไม่กล้าสบตาพระองค์ กลัวพระองค์จะโกรธฉัน จนพระองค์มาโอบกอดฉัน ฉันจึงค่อยๆลืมตาแต่ใบหน้าที่อยู่ข้างหน้าฉันนั้นกลับเป็นใบหน้าแห่งความรักและความอ่อนโยน
ฉันชอบคุยกับพระบิดา พระเยซูและแม่พระ และอารักขเทวดาของฉัน เวลาฉันคุยฉันจะคุยแบบสบายๆไม่ใช่แบบมนุษย์-พระเจ้า แต่เป็นแบบ พ่อ-ลูก แม่-ลูก พี่ชาย-น้องชาย ฉันไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมบางทีฉันถึงไม่มีความเชื่อ ทำไมฉันยังลังเลเคลือบแคลงสงสัยในพระบิดาของฉัน จนบางทีฉันโมโหตัวเองมากจนต้องบอกพ่อ(พระบิดา)ของฉันว่า "ช่วยเอาความแคลงใจสงสัยนี้ไปจากตัวลูกด้วยๆ" แล้วฉันก็สบายใจขึ้น
มีอยู่วันนึงฉันทุกข์ใจมากทุกข์ใจจนร้องให้ตอนนั้นฉันวิงวอนขอแม่ฉันอยาก ซบลงบนตักของแม่ฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยหาหมอนนุ่มๆมาติ๊ต่างว่าเป็นตักของแม่ แล้วก็นอนหลับไปทั้งคืน สบายใจมากไม่เคยสบายใจอย่างคืนนั้นมาก่อน
ฉันเป็นพวกวัตถุนิยมนิดๆ วันนึงฉันวิงวอนต่อพี่ชายและแม่ให้ช่วยตื้อพ่อเพราะฉันอยากได้รถใหม่แต่พ่อของฉันได้ยินเข้า(ฉันรู้ว่าพ่อของฉันได้ยินฉันเสมอ) พ่อฉันบอกฉันในใจว่า "รถมันขับไปสวรรค์ไม่ได้นะลูก" ทำเอาอยู่ดีๆฉันขำและเผลอยิ้มออกมาจริงๆเลย จนคุณแม่ในโลกของฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันเลยเล่าให้ฟัง คุณแม่บนโลกของฉันก็ขำเหมือนกัน เลยขอบคุณพระองค์ยกใหญ่เลย
จะว่าไปแล้วคุณแม่บนโลกของฉันคนนี้ฉันรักมากๆคุณแม่คนนี้เค้าสนิทกับอารักขเทวดาเป็นพิเศษ ฉันก็แอบอิจฉาอยู่นิดๆ เพราะฉันอยากคุยกับท่าน อยากทราบชื่อท่านจนถึงขนาดลงวิงวอนของให้ได้คุยกับท่านเลย ...แต่แล้วความคิดแวปนึกก็เข้ามาในหัวฉัน ฉันคิดได้ว่าฉันกลัวผีมากถ้าฉันเห็นอารักขาเทวดาหรือเสียงของท่าน ฉันต้องเป็นลมตายตรงนั้นเบิ่งไปหาพ่อของฉันแน่นอน ฉันเลยเปลี่ยนใจไม่เอาดีกว่า ฉัยตั้งชื่อให้ท่านเองแต่ตอนนี้ฉันลืมแล้วว่าตั้งว่าอะไร ก็เลยกะจะตั้งใหม่ทุกๆครั้งที่อยากตั้ง ฉันว่าไม่น่าเบื่อดีออก หวังว่าท่านก็ชอบเหมือนกัน(ช่วยไม่ได้ไม่ยอมบอกเราเอง ฮิ๊ๆ) แต่ยังไงผมก็ขอบคุณท่านที่ท่านช่วยสวดภาวนาให้ผมทุกคืนเวลาผมหลับ เวลาผมถูกล่อลวง แต่เป็นผมเองที่ไม่ฟังและดื้อรั้น
เมื่อหลายปีก่อนที่ฉันไม่ศรัทธาฉันเคยคิดว่าเรื่องร้ายๆต่างๆต้องเป็นฝีมือพ่อของฉันแน่นอน นเลยด่าว่าพ่อของฉัน ฉันทุเรศตัวเองในตอนนั้นสุดจะบรรยายได้ และฉันจะไม่ขอพูดถึงมันอีก
อ่อเกือบลืมที่ฉันบอกว่าฉันกลัวผีนั้นฉันเคยบอกพ่อฉันว่าทำไมไม่เอาความกลัวนี้ออกไปจากฉันสักที ก็มีเสียงข้างในพูดกับฉันว่า "เวลาลูกกลัว ลูกจะนึกถึงเรา" ลูกเลยคิดได้ว่าชีวิตลูกมีเรื่องบันเทิงมากมาย และเรื่องต่างๆนาๆ เรื่องน่ายินดีต่างๆลูกกลับนึกถึงตัวเอง ต่อไปนี้ไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตามลูกจะพยายาม(และต้องทำให้ได้) ที่จะนึกถึงพ่อของฉันอยู่ตลอดเวลา
ทุกครั้งที่ฉันมองรูปนักบุญฉันอยากเป็นอย่างเขาบ้างแต่ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงไม่ใช่เด็ดขาด แต่เพราะฉันแอบอิจฉาเขาที่ว่าเมื่อตายแล้วจะได้ไปหาพ่อโดยตรง ฉันกลัวว่าเมื่อถึงเวลาของฉันจะไม่เป็นอย่างนั้น ฉันรู้ว่าฉันไม่มีความเชื่อเอาซะเลย ฉันสมเพชตัวเองตอนนี้สุดบรรยายได้รู้สึกสมเพชจนบรรยายไม่ถูก ฉันอยากเป็นคนที่มีศรัทธาเต็มเปี่ยม มีความเชื่อมากๆ เพื่อที่จะภาวนาได้อย่างมีสมาธิดีๆและรักการภาวนา แต่ฉันในตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นเลยฉันพูดว่าฉันทำอย่างโน้นทำอย่างนี้แต่ก็ไม่ได้ทำจริงๆสักที
แต่ความทุกข์ใจของฉันได้รับการปลอบโยน ปลอยโยนจากพ่อแม่พี่ชาย และเพื่อนพี่น้องของฉัน ฉันรักพ่อแม่พี่ชายและเพื่อนฉันมาก ฉันอ่านพระคำภีร์ ฉันเห็นยูดาสทรยศพี่ชายฉัน ฉันไม่โกรธยูดาสหรอก แต่ฉันโกรธปีศาจที่มาล่อลวงยูดาสให้เขาเป็นอย่างนี้ แต่ฉันก็มักจะแพ้ปีศาจอยู่บ่อยๆ เพราะฉันอ่อนแอเอง
สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดคือฉันกลัวว่าความอ่อนแอของตัวเองนี้จะถึงขีดสุด ขีดสุดคือการปฏิเสธพ่อแม่และพี่ชายของฉัน ฉันไม่สามารถอยู่ถึงวันนั้นได้ ขออย่าให้มีวันนั้นเลย ฉันขอตายอย่างอนาถตอนที่ยังมีความเชื่อ ดีกว่าตายอย่างโก้หรูแต่ไม่มีคามเชื่อ ลูกกลัวความอ่อนแอเหลือเกิน แต่ลูกก็รู้ว่าความอ่อนแอนี้ทำให้ลูกถ่อมตัวและนึกถึงพ่ออยู่ตลอดซึ่งลูกก็ยินดีและน้อมรับในความอ่อนแอนี้ แต่ลูกขอพ่อว่าอย่าให้ลูกและคนอื่นๆมีวันนั้นเลยพระองค์เจ้าข้า
รุ่งโรจน์ดุจเพลิงสว่างไสว
ลบล้างความชั่วไปหมดสิ้น
เสด็จประทับ ณ พระที่นั่งเป็นอาจิณ
วิญญานเหล่าข้าสุดสิ้นใจถวายแด่พระองค์
แก้ไขล่าสุดโดย พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เมื่อ ศุกร์ มี.ค. 25, 2005 3:37 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
:D จริงแหะ
พระองค์คงต้องจำใจทำให้รู้สึกกล่า เพราะอยากให้เรานึกถึงพระองค์ 8)
5555 บางคนกลัวแล้วถึงจะเรียกหาพระเจ้า"เวลาลูกกลัว ลูกจะนึกถึงเรา"
พระองค์คงต้องจำใจทำให้รู้สึกกล่า เพราะอยากให้เรานึกถึงพระองค์ 8)
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เยี่ยมเลยเจ๊ทา
แค่นี้ก็เป็นการแสดงถึงความเชื่อที่มีแล้วครับ
พระองค์เคยตรัสว่า
"แม้เพียงท่านมีความเชื่อเพียงเท่าเมล็ดมัสคาร์ด ก็สามารถที่จะเคลื่อนที่ภูเขาได้"
แค่นี้ก็เป็นการแสดงถึงความเชื่อที่มีแล้วครับ
พระองค์เคยตรัสว่า
"แม้เพียงท่านมีความเชื่อเพียงเท่าเมล็ดมัสคาร์ด ก็สามารถที่จะเคลื่อนที่ภูเขาได้"
-
- โพสต์: 363
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.พ. 12, 2008 10:21 pm
- ที่อยู่: World
ดีจาง ๆ ๆ แต่สงสัยการที่มันตกมาหน้าสุดท้ายแบบนี้ คนใหม่ ๆหรือ คนที่หลงลืม เค้าจะได้อ่านกันมั้ย ??
ขออนุญาติขุดนะขอร้าบบบบ ~
น่ารัก ๆ ๆ
เพราะพระองค์ทรงอยากให้เรานึกถึงพระองค์ตลอดเวลา
เหมือนดั่งที่พระองค์สถิตกับเราตลอดเวลา เช่นเดียวกัน
ขออนุญาติขุดนะขอร้าบบบบ ~
น่ารัก ๆ ๆ
เพราะพระองค์ทรงอยากให้เรานึกถึงพระองค์ตลอดเวลา
เหมือนดั่งที่พระองค์สถิตกับเราตลอดเวลา เช่นเดียวกัน
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
ชอบประโยคนี้มากเลยครับพระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: คือการปฏิเสธพ่อแม่และพี่ชายของฉัน ฉันไม่สามารถอยู่ถึงวันนั้นได้ ขออย่าให้มีวันนั้นเลย ฉันขอตายอย่างอนาถตอนที่ยังมีความเชื่อ ดีกว่าตายอย่างโก้หรูแต่ไม่มีคามเชื่อ
แต่ก็ตระหนักอย่างว่า "พระองค์ไม่ประสงค์ให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศแม้แต่คนเดียว" ถ้าไม่ใช่เราเดินละจากพระองค์ไปเอง พระเจ้าไม่มีวันทอดทิ้งเราแน่นอน
โอ้ว ... กระทู้ ขึ้นรา ...
แต่ก็เป็นเห็ดพันปี ที่ช่วยเป็นยาชุบชูกำลังในใจของเราได้ (คิดได้ไงเนี่ย )
แต่ก็เป็นเห็ดพันปี ที่ช่วยเป็นยาชุบชูกำลังในใจของเราได้ (คิดได้ไงเนี่ย )
ผมเสียใจ และก็เสียดายกับหลาย ๆ คนที่เอาอารมณ์แบบมนุษย์ ๆ มาใช้ต่อหน้าพระเจ้า
เมื่อถึงวันนั้น เราร้องไห้ต่อหน้าพระองค์ แล้วยังพูดเรื่อย ๆ ว่า "ข้ามันบาป ข้ามันอ่อนแอ" มันจะน่ากลัวแค่ไหน?
อย่าจำแต่ความเมตตาของพระเจ้านะครับ เพราะว่าพระองค์ก็มีความเข้มงวดในเรื่องการเข้าใจชีวิตในโลกของความเชื่อด้วย
ความเชื่อ ไม่ใช่การร้องไห้ต่อหน้าพระเจ้า.....
ขอบคุณครับ
089-4948458
เมื่อถึงวันนั้น เราร้องไห้ต่อหน้าพระองค์ แล้วยังพูดเรื่อย ๆ ว่า "ข้ามันบาป ข้ามันอ่อนแอ" มันจะน่ากลัวแค่ไหน?
อย่าจำแต่ความเมตตาของพระเจ้านะครับ เพราะว่าพระองค์ก็มีความเข้มงวดในเรื่องการเข้าใจชีวิตในโลกของความเชื่อด้วย
ความเชื่อ ไม่ใช่การร้องไห้ต่อหน้าพระเจ้า.....
ขอบคุณครับ
089-4948458
Chay เขียน: ผมเสียใจ และก็เสียดายกับหลาย ๆ คนที่เอาอารมณ์แบบมนุษย์ ๆ มาใช้ต่อหน้าพระเจ้า
เมื่อถึงวันนั้น เราร้องไห้ต่อหน้าพระองค์ แล้วยังพูดเรื่อย ๆ ว่า "ข้ามันบาป ข้ามันอ่อนแอ" มันจะน่ากลัวแค่ไหน?
อย่าจำแต่ความเมตตาของพระเจ้านะครับ เพราะว่าพระองค์ก็มีความเข้มงวดในเรื่องการเข้าใจชีวิตในโลกของความเชื่อด้วย
ความเชื่อ ไม่ใช่การร้องไห้ต่อหน้าพระเจ้า.....
ขอบคุณครับ
089-4948458
รม 8:14-17 บุตรของพระเจ้า
ทุกคนที่มีพระจิตของพระเจ้าเป็นผู้นำ ย่อมเป็นบุตรของพระเจ้า ท่านทั้งหลายไม่ได้รับจิตการเป็นทาสซึ่งมีแต่ความหวาดกลัวอีก แต่ได้รับจิตการเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งทำให้เราร้องออกมาว่า
- ~*Little`Child*~
- ~@
- โพสต์: 202
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 11:52 pm
บทความนี้เป็นบทความที่น่ารักนะคะ รู้สึกถึงการที่พระองค์จะไม่ทอดทิ้งเราChay เขียน: ผมเสียใจ และก็เสียดายกับหลาย ๆ คนที่เอาอารมณ์แบบมนุษย์ ๆ มาใช้ต่อหน้าพระเจ้า
เมื่อถึงวันนั้น เราร้องไห้ต่อหน้าพระองค์ แล้วยังพูดเรื่อย ๆ ว่า "ข้ามันบาป ข้ามันอ่อนแอ" มันจะน่ากลัวแค่ไหน?
อย่าจำแต่ความเมตตาของพระเจ้านะครับ เพราะว่าพระองค์ก็มีความเข้มงวดในเรื่องการเข้าใจชีวิตในโลกของความเชื่อด้วย
ความเชื่อ ไม่ใช่การร้องไห้ต่อหน้าพระเจ้า.....
ขอบคุณครับ
089-4948458
แต่เราเองก็คงต้องเข้มงวดตัวเอง เพื่อพระองค์ด้วย
อ่านแล้วสัมผัสถึงความอ่อนโยนของพระองค์นะคะ
แต่คุณ Chay คะ อย่าลืมนะคะ...
ว่าพระเยซูเจ้าเคยมาบังเกิดเป็นมนุษย์ โดยผ่านทางพระแม่มารี
และใช้พระชีพของพระองค์ในฐานะมนุษย์ก่อนหน้าที่เราจะเกิด
พระองค์เองได้ร้องไห้ขอความเมตตาจากพระบิดาเจ้า
ในคืนวันก่อนการสิ้นพระชนม์ที่สวนเกทเสมณี ในอารมณ์แบบมนุษย์
เพราะพระองค์เป็นมนุษย์ในขณะนั้น วิงวอนให้พระบิดาเจ้า
" นำถ้วยกาลิกนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด แต่ทั้งนี้ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์"
พระเยซูเจ้ายังร้องไห้ในความกลัว วิงวอนความเมตตาจากพระบิดาเจ้า
เพราะมนุษย์อ่อนแอนะคะ ย่อมมีความกลัวเสมอ และวิงวอนพระเมตตาต่อหน้าพระเจ้าเช่นกัน
ถ้าอย่างนั้น ความเชื่อในพระบิดาเจ้าของพระเยซูเจ้า ก็ไม่ใช่การร้องไห้ต่อหน้าพระบิดา อย่างที่บอกรึป่าวคะ
ก็คงไม่ใช่...เพราะเมื่อมนุษย์อ่อนแอ เค้าย่อมเรียกร้อง ร้องไห้ วิงวอน ต่อหน้าพระบิดา(พ่อ)ของเค้าทุกคนได้ไม่ใช่หรอคะ
เพราะพระเยซูเจ้าเองก็เชื่อในพระบิดาสุดจิตวิญญาณ เพราะเชื่อถึงวิงวอน ถึงร่ำไห้
ถึงเราจะผิดบาปกี่ครั้ง แล้วกลับมาขอโทษ สำนึกผิดในบาป จะร้องไห้หรือไม่ก็ตาม
พระองค์ย่อมดีใจเสมอ เพราะมนุษย์จะเดินวนกลับที่เดิมทุกครั้ง
เพียงแค่เราต้องเข้มแข็งขึ้น ไม่พ่ายแพ้ต่อสิ่งผิดบาปเดิมๆ
เราผิดอะไรมา ก็จะกลับไปผิดมันได้อีกเสมอๆ (เราอ่อนแอ)
แต่เราไม่ได้รักพระองค์น้อยลง...กลับกลายเป็นเราที่สัมผัสได้ถึงพระเมตตาของพระองค์มากขึ้น
แต่เราต้องพยายามเข้มงวดกับตัวเองมากขึ้น
ที่จะไม่ผิดมันอีกครั้ง แต่ก็อาจมีเรื่องอื่นที่คุณจะไปผิดพลาดแทน
ก็ต้องขอโทษพระองค์และแก้ไขมันต่อไป เพราะเราคือคนบาป
คงไม่มีวันที่เราจะชนะทุกบาปได้เลย เพียงแต่เราต้องทำให้มันเกิดน้อยที่สุด
แล้ววางใจในพระองค์
พระเจ้าอวยพรคะ
เพลงสดุดีบทที่6
:บทวอนขอยามทุกข์ลำบาก
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าได้ทรงดุด่าข้าพเจ้าในยามที่ทรงพระพิโรธ
อย่าได้ทรงลงโทษข้าพเจ้าด้วยความกริ้ว
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้ากำลังจะสิ้นแรงอยู่แล้ว
โปรดทรงบำบัดรักษาข้าพเจ้าด้วย กระดูกของข้าพเจ้าสั่นคลอน
จิตข้าพเจ้าวุ่นวายอย่างยิ่ง
ข้าแต่พระยาห์เวห์
:บทวอนขอยามทุกข์ลำบาก
ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าได้ทรงดุด่าข้าพเจ้าในยามที่ทรงพระพิโรธ
อย่าได้ทรงลงโทษข้าพเจ้าด้วยความกริ้ว
ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงเมตตาข้าพเจ้าด้วยเถิด ข้าพเจ้ากำลังจะสิ้นแรงอยู่แล้ว
โปรดทรงบำบัดรักษาข้าพเจ้าด้วย กระดูกของข้าพเจ้าสั่นคลอน
จิตข้าพเจ้าวุ่นวายอย่างยิ่ง
ข้าแต่พระยาห์เวห์
-
- โพสต์: 363
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.พ. 12, 2008 10:21 pm
- ที่อยู่: World
เพราะพระองค์ทรงอ่อนโยน และ ทรงพระเมตตาเป็นที่สุด ขอรับ
สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความเน้อออ ^^
สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความเน้อออ ^^
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ผมเข้าใจว่าคุณ chay เป็นคนที่มีความคิดเฉียบคม และกล้ามองอะไรที่หลายๆคนไม่ได้มอง และสามารถคิดอะไรที่หลายคนไม่สามารถคิดได้(ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์ประทานให้) แต่ในบางทีพระพรที่พระเจ้าประทานให้ถ้าใช้ผิดทางก็ก่อให้เกิดผลร้ายได้ เช่นสมมติพระองค์ให้ดาบ..ก็อยู่ที่เราแล้วว่าจะใช้มันเพื่อปกป้อง หรือเพื่อเข่นฆ่า หรือพระพรอย่างพระพรปรีชาญาณ คนที่ได้รับพระพรนี้ก็อาจใช้พระพรนี้บรรยายสิ่งที่ตนรับรู้และเข้าใจในพระเป็นเจ้าเพื่อก่อให้เกิดความรักและสันติสุขมากมาย แต่ถ้าใช้ไม่เป็น...ก็อาจจะทำให้ก่อความเข้าใจผิดในพระเจ้าและเกิดความเศร้าใจด้วยนะครับ
อย่าลืมว่าปรีชาญาณาณสำคัญกว่าความรู้..และต้องเป็นปรีชาญาณที่มาจากพระเจ้าด้วยนะครับ การแยกแยะนั้นก็มีอยู่ในพระคำภีร์อยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่มาจากพระเจ้านั้นต้องก่อให้เกิดผลดีเช่นความรัก ความหวัง และความเชื่อ..... การแยกแยะเรื่องเหล่านี้คงไม่ได้ยากไปสำหรับคนที่มีปรีชาญาณใช่ไหมครับ
อย่าลืมว่าปรีชาญาณาณสำคัญกว่าความรู้..และต้องเป็นปรีชาญาณที่มาจากพระเจ้าด้วยนะครับ การแยกแยะนั้นก็มีอยู่ในพระคำภีร์อยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่มาจากพระเจ้านั้นต้องก่อให้เกิดผลดีเช่นความรัก ความหวัง และความเชื่อ..... การแยกแยะเรื่องเหล่านี้คงไม่ได้ยากไปสำหรับคนที่มีปรีชาญาณใช่ไหมครับ
ชอบวะ (ขอโทษพูดไม่เพราะ แต่ว่าสื่อความในใจได้ดีที่สุดแล้ว)พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: ผมเข้าใจว่าคุณ chay เป็นคนที่มีความคิดเฉียบคม และกล้ามองอะไรที่หลายๆคนไม่ได้มอง และสามารถคิดอะไรที่หลายคนไม่สามารถคิดได้(ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์ประทานให้) แต่ในบางทีพระพรที่พระเจ้าประทานให้ถ้าใช้ผิดทางก็ก่อให้เกิดผลร้ายได้ เช่นสมมติพระองค์ให้ดาบ..ก็อยู่ที่เราแล้วว่าจะใช้มันเพื่อปกป้อง หรือเพื่อเข่นฆ่า หรือพระพรอย่างพระพรปรีชาญาณ คนที่ได้รับพระพรนี้ก็อาจใช้พระพรนี้บรรยายสิ่งที่ตนรับรู้และเข้าใจในพระเป็นเจ้าเพื่อก่อให้เกิดความรักและสันติสุขมากมาย แต่ถ้าใช้ไม่เป็น...ก็อาจจะทำให้ก่อความเข้าใจผิดในพระเจ้าและเกิดความเศร้าใจด้วยนะครับ
อย่าลืมว่าปรีชาญาณาณสำคัญกว่าความรู้..และต้องเป็นปรีชาญาณที่มาจากพระเจ้าด้วยนะครับ การแยกแยะนั้นก็มีอยู่ในพระคำภีร์อยู่แล้ว ซึ่งสิ่งที่มาจากพระเจ้านั้นต้องก่อให้เกิดผลดีเช่นความรัก ความหวัง และความเชื่อ..... การแยกแยะเรื่องเหล่านี้คงไม่ได้ยากไปสำหรับคนที่มีปรีชาญาณใช่ไหมครับ