++อยู่ดีๆก็อยากโพส++
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 25, 2005 3:20 am
อยู่ดีๆก็เกิดความรู้สึกอยากโพส พอโพสเสร็จกลับมาอ่านก็เห็นว่าใช้สรรพนาม เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อาจ งง นิดๆ แต่ไม่รู้สิมันเหมือนอยากพิมพ์อะไรก็พิมพ์ออกไป
เหตุไฉนองค์สูงสุดจึงยอมพลี
สิ้นชีวีบนมหากางเกนนั้น
มิใช่รักแล้วจะเป็นสิ่งใดกัน
พลีชีวันเพื่อเรา..เราทั้งมวล
เวลาลูกสำนึกผิดลูกจะร้องให้วิ่งไปหาพระองค์ วิงวอนขออภัยโทษซ้ำไปซ้ำมา...ลูกได้ยินพระองค์ ตรัสแก่ลูก แต่ในหัวลูกมีแต่คำภาวนา "อย่าลงโทษลูกเลย ลูกขอโทษๆๆ" ฉันหลับตาไม่กล้าสบตาพระองค์ กลัวพระองค์จะโกรธฉัน จนพระองค์มาโอบกอดฉัน ฉันจึงค่อยๆลืมตาแต่ใบหน้าที่อยู่ข้างหน้าฉันนั้นกลับเป็นใบหน้าแห่งความรักและความอ่อนโยน
ฉันชอบคุยกับพระบิดา พระเยซูและแม่พระ และอารักขเทวดาของฉัน เวลาฉันคุยฉันจะคุยแบบสบายๆไม่ใช่แบบมนุษย์-พระเจ้า แต่เป็นแบบ พ่อ-ลูก แม่-ลูก พี่ชาย-น้องชาย ฉันไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมบางทีฉันถึงไม่มีความเชื่อ ทำไมฉันยังลังเลเคลือบแคลงสงสัยในพระบิดาของฉัน จนบางทีฉันโมโหตัวเองมากจนต้องบอกพ่อ(พระบิดา)ของฉันว่า "ช่วยเอาความแคลงใจสงสัยนี้ไปจากตัวลูกด้วยๆ" แล้วฉันก็สบายใจขึ้น
มีอยู่วันนึงฉันทุกข์ใจมากทุกข์ใจจนร้องให้ตอนนั้นฉันวิงวอนขอแม่ฉันอยาก ซบลงบนตักของแม่ฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยหาหมอนนุ่มๆมาติ๊ต่างว่าเป็นตักของแม่ แล้วก็นอนหลับไปทั้งคืน สบายใจมากไม่เคยสบายใจอย่างคืนนั้นมาก่อน
ฉันเป็นพวกวัตถุนิยมนิดๆ วันนึงฉันวิงวอนต่อพี่ชายและแม่ให้ช่วยตื้อพ่อเพราะฉันอยากได้รถใหม่แต่พ่อของฉันได้ยินเข้า(ฉันรู้ว่าพ่อของฉันได้ยินฉันเสมอ) พ่อฉันบอกฉันในใจว่า "รถมันขับไปสวรรค์ไม่ได้นะลูก" ทำเอาอยู่ดีๆฉันขำและเผลอยิ้มออกมาจริงๆเลย จนคุณแม่ในโลกของฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันเลยเล่าให้ฟัง คุณแม่บนโลกของฉันก็ขำเหมือนกัน เลยขอบคุณพระองค์ยกใหญ่เลย
จะว่าไปแล้วคุณแม่บนโลกของฉันคนนี้ฉันรักมากๆคุณแม่คนนี้เค้าสนิทกับอารักขเทวดาเป็นพิเศษ ฉันก็แอบอิจฉาอยู่นิดๆ เพราะฉันอยากคุยกับท่าน อยากทราบชื่อท่านจนถึงขนาดลงวิงวอนของให้ได้คุยกับท่านเลย ...แต่แล้วความคิดแวปนึกก็เข้ามาในหัวฉัน ฉันคิดได้ว่าฉันกลัวผีมากถ้าฉันเห็นอารักขาเทวดาหรือเสียงของท่าน ฉันต้องเป็นลมตายตรงนั้นเบิ่งไปหาพ่อของฉันแน่นอน ฉันเลยเปลี่ยนใจไม่เอาดีกว่า ฉัยตั้งชื่อให้ท่านเองแต่ตอนนี้ฉันลืมแล้วว่าตั้งว่าอะไร ก็เลยกะจะตั้งใหม่ทุกๆครั้งที่อยากตั้ง ฉันว่าไม่น่าเบื่อดีออก หวังว่าท่านก็ชอบเหมือนกัน(ช่วยไม่ได้ไม่ยอมบอกเราเอง ฮิ๊ๆ) แต่ยังไงผมก็ขอบคุณท่านที่ท่านช่วยสวดภาวนาให้ผมทุกคืนเวลาผมหลับ เวลาผมถูกล่อลวง แต่เป็นผมเองที่ไม่ฟังและดื้อรั้น
เมื่อหลายปีก่อนที่ฉันไม่ศรัทธาฉันเคยคิดว่าเรื่องร้ายๆต่างๆต้องเป็นฝีมือพ่อของฉันแน่นอน นเลยด่าว่าพ่อของฉัน ฉันทุเรศตัวเองในตอนนั้นสุดจะบรรยายได้ และฉันจะไม่ขอพูดถึงมันอีก
อ่อเกือบลืมที่ฉันบอกว่าฉันกลัวผีนั้นฉันเคยบอกพ่อฉันว่าทำไมไม่เอาความกลัวนี้ออกไปจากฉันสักที ก็มีเสียงข้างในพูดกับฉันว่า "เวลาลูกกลัว ลูกจะนึกถึงเรา" ลูกเลยคิดได้ว่าชีวิตลูกมีเรื่องบันเทิงมากมาย และเรื่องต่างๆนาๆ เรื่องน่ายินดีต่างๆลูกกลับนึกถึงตัวเอง ต่อไปนี้ไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตามลูกจะพยายาม(และต้องทำให้ได้) ที่จะนึกถึงพ่อของฉันอยู่ตลอดเวลา
ทุกครั้งที่ฉันมองรูปนักบุญฉันอยากเป็นอย่างเขาบ้างแต่ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงไม่ใช่เด็ดขาด แต่เพราะฉันแอบอิจฉาเขาที่ว่าเมื่อตายแล้วจะได้ไปหาพ่อโดยตรง ฉันกลัวว่าเมื่อถึงเวลาของฉันจะไม่เป็นอย่างนั้น ฉันรู้ว่าฉันไม่มีความเชื่อเอาซะเลย ฉันสมเพชตัวเองตอนนี้สุดบรรยายได้รู้สึกสมเพชจนบรรยายไม่ถูก ฉันอยากเป็นคนที่มีศรัทธาเต็มเปี่ยม มีความเชื่อมากๆ เพื่อที่จะภาวนาได้อย่างมีสมาธิดีๆและรักการภาวนา แต่ฉันในตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นเลยฉันพูดว่าฉันทำอย่างโน้นทำอย่างนี้แต่ก็ไม่ได้ทำจริงๆสักที
แต่ความทุกข์ใจของฉันได้รับการปลอบโยน ปลอยโยนจากพ่อแม่พี่ชาย และเพื่อนพี่น้องของฉัน ฉันรักพ่อแม่พี่ชายและเพื่อนฉันมาก ฉันอ่านพระคำภีร์ ฉันเห็นยูดาสทรยศพี่ชายฉัน ฉันไม่โกรธยูดาสหรอก แต่ฉันโกรธปีศาจที่มาล่อลวงยูดาสให้เขาเป็นอย่างนี้ แต่ฉันก็มักจะแพ้ปีศาจอยู่บ่อยๆ เพราะฉันอ่อนแอเอง
สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดคือฉันกลัวว่าความอ่อนแอของตัวเองนี้จะถึงขีดสุด ขีดสุดคือการปฏิเสธพ่อแม่และพี่ชายของฉัน ฉันไม่สามารถอยู่ถึงวันนั้นได้ ขออย่าให้มีวันนั้นเลย ฉันขอตายอย่างอนาถตอนที่ยังมีความเชื่อ ดีกว่าตายอย่างโก้หรูแต่ไม่มีคามเชื่อ ลูกกลัวความอ่อนแอเหลือเกิน แต่ลูกก็รู้ว่าความอ่อนแอนี้ทำให้ลูกถ่อมตัวและนึกถึงพ่ออยู่ตลอดซึ่งลูกก็ยินดีและน้อมรับในความอ่อนแอนี้ แต่ลูกขอพ่อว่าอย่าให้ลูกและคนอื่นๆมีวันนั้นเลยพระองค์เจ้าข้า
รุ่งโรจน์ดุจเพลิงสว่างไสว
ลบล้างความชั่วไปหมดสิ้น
เสด็จประทับ ณ พระที่นั่งเป็นอาจิณ
วิญญานเหล่าข้าสุดสิ้นใจถวายแด่พระองค์
เหตุไฉนองค์สูงสุดจึงยอมพลี
สิ้นชีวีบนมหากางเกนนั้น
มิใช่รักแล้วจะเป็นสิ่งใดกัน
พลีชีวันเพื่อเรา..เราทั้งมวล
เวลาลูกสำนึกผิดลูกจะร้องให้วิ่งไปหาพระองค์ วิงวอนขออภัยโทษซ้ำไปซ้ำมา...ลูกได้ยินพระองค์ ตรัสแก่ลูก แต่ในหัวลูกมีแต่คำภาวนา "อย่าลงโทษลูกเลย ลูกขอโทษๆๆ" ฉันหลับตาไม่กล้าสบตาพระองค์ กลัวพระองค์จะโกรธฉัน จนพระองค์มาโอบกอดฉัน ฉันจึงค่อยๆลืมตาแต่ใบหน้าที่อยู่ข้างหน้าฉันนั้นกลับเป็นใบหน้าแห่งความรักและความอ่อนโยน
ฉันชอบคุยกับพระบิดา พระเยซูและแม่พระ และอารักขเทวดาของฉัน เวลาฉันคุยฉันจะคุยแบบสบายๆไม่ใช่แบบมนุษย์-พระเจ้า แต่เป็นแบบ พ่อ-ลูก แม่-ลูก พี่ชาย-น้องชาย ฉันไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมบางทีฉันถึงไม่มีความเชื่อ ทำไมฉันยังลังเลเคลือบแคลงสงสัยในพระบิดาของฉัน จนบางทีฉันโมโหตัวเองมากจนต้องบอกพ่อ(พระบิดา)ของฉันว่า "ช่วยเอาความแคลงใจสงสัยนี้ไปจากตัวลูกด้วยๆ" แล้วฉันก็สบายใจขึ้น
มีอยู่วันนึงฉันทุกข์ใจมากทุกข์ใจจนร้องให้ตอนนั้นฉันวิงวอนขอแม่ฉันอยาก ซบลงบนตักของแม่ฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยหาหมอนนุ่มๆมาติ๊ต่างว่าเป็นตักของแม่ แล้วก็นอนหลับไปทั้งคืน สบายใจมากไม่เคยสบายใจอย่างคืนนั้นมาก่อน
ฉันเป็นพวกวัตถุนิยมนิดๆ วันนึงฉันวิงวอนต่อพี่ชายและแม่ให้ช่วยตื้อพ่อเพราะฉันอยากได้รถใหม่แต่พ่อของฉันได้ยินเข้า(ฉันรู้ว่าพ่อของฉันได้ยินฉันเสมอ) พ่อฉันบอกฉันในใจว่า "รถมันขับไปสวรรค์ไม่ได้นะลูก" ทำเอาอยู่ดีๆฉันขำและเผลอยิ้มออกมาจริงๆเลย จนคุณแม่ในโลกของฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันเลยเล่าให้ฟัง คุณแม่บนโลกของฉันก็ขำเหมือนกัน เลยขอบคุณพระองค์ยกใหญ่เลย
จะว่าไปแล้วคุณแม่บนโลกของฉันคนนี้ฉันรักมากๆคุณแม่คนนี้เค้าสนิทกับอารักขเทวดาเป็นพิเศษ ฉันก็แอบอิจฉาอยู่นิดๆ เพราะฉันอยากคุยกับท่าน อยากทราบชื่อท่านจนถึงขนาดลงวิงวอนของให้ได้คุยกับท่านเลย ...แต่แล้วความคิดแวปนึกก็เข้ามาในหัวฉัน ฉันคิดได้ว่าฉันกลัวผีมากถ้าฉันเห็นอารักขาเทวดาหรือเสียงของท่าน ฉันต้องเป็นลมตายตรงนั้นเบิ่งไปหาพ่อของฉันแน่นอน ฉันเลยเปลี่ยนใจไม่เอาดีกว่า ฉัยตั้งชื่อให้ท่านเองแต่ตอนนี้ฉันลืมแล้วว่าตั้งว่าอะไร ก็เลยกะจะตั้งใหม่ทุกๆครั้งที่อยากตั้ง ฉันว่าไม่น่าเบื่อดีออก หวังว่าท่านก็ชอบเหมือนกัน(ช่วยไม่ได้ไม่ยอมบอกเราเอง ฮิ๊ๆ) แต่ยังไงผมก็ขอบคุณท่านที่ท่านช่วยสวดภาวนาให้ผมทุกคืนเวลาผมหลับ เวลาผมถูกล่อลวง แต่เป็นผมเองที่ไม่ฟังและดื้อรั้น
เมื่อหลายปีก่อนที่ฉันไม่ศรัทธาฉันเคยคิดว่าเรื่องร้ายๆต่างๆต้องเป็นฝีมือพ่อของฉันแน่นอน นเลยด่าว่าพ่อของฉัน ฉันทุเรศตัวเองในตอนนั้นสุดจะบรรยายได้ และฉันจะไม่ขอพูดถึงมันอีก
อ่อเกือบลืมที่ฉันบอกว่าฉันกลัวผีนั้นฉันเคยบอกพ่อฉันว่าทำไมไม่เอาความกลัวนี้ออกไปจากฉันสักที ก็มีเสียงข้างในพูดกับฉันว่า "เวลาลูกกลัว ลูกจะนึกถึงเรา" ลูกเลยคิดได้ว่าชีวิตลูกมีเรื่องบันเทิงมากมาย และเรื่องต่างๆนาๆ เรื่องน่ายินดีต่างๆลูกกลับนึกถึงตัวเอง ต่อไปนี้ไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตามลูกจะพยายาม(และต้องทำให้ได้) ที่จะนึกถึงพ่อของฉันอยู่ตลอดเวลา
ทุกครั้งที่ฉันมองรูปนักบุญฉันอยากเป็นอย่างเขาบ้างแต่ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงไม่ใช่เด็ดขาด แต่เพราะฉันแอบอิจฉาเขาที่ว่าเมื่อตายแล้วจะได้ไปหาพ่อโดยตรง ฉันกลัวว่าเมื่อถึงเวลาของฉันจะไม่เป็นอย่างนั้น ฉันรู้ว่าฉันไม่มีความเชื่อเอาซะเลย ฉันสมเพชตัวเองตอนนี้สุดบรรยายได้รู้สึกสมเพชจนบรรยายไม่ถูก ฉันอยากเป็นคนที่มีศรัทธาเต็มเปี่ยม มีความเชื่อมากๆ เพื่อที่จะภาวนาได้อย่างมีสมาธิดีๆและรักการภาวนา แต่ฉันในตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นเลยฉันพูดว่าฉันทำอย่างโน้นทำอย่างนี้แต่ก็ไม่ได้ทำจริงๆสักที
แต่ความทุกข์ใจของฉันได้รับการปลอบโยน ปลอยโยนจากพ่อแม่พี่ชาย และเพื่อนพี่น้องของฉัน ฉันรักพ่อแม่พี่ชายและเพื่อนฉันมาก ฉันอ่านพระคำภีร์ ฉันเห็นยูดาสทรยศพี่ชายฉัน ฉันไม่โกรธยูดาสหรอก แต่ฉันโกรธปีศาจที่มาล่อลวงยูดาสให้เขาเป็นอย่างนี้ แต่ฉันก็มักจะแพ้ปีศาจอยู่บ่อยๆ เพราะฉันอ่อนแอเอง
สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดคือฉันกลัวว่าความอ่อนแอของตัวเองนี้จะถึงขีดสุด ขีดสุดคือการปฏิเสธพ่อแม่และพี่ชายของฉัน ฉันไม่สามารถอยู่ถึงวันนั้นได้ ขออย่าให้มีวันนั้นเลย ฉันขอตายอย่างอนาถตอนที่ยังมีความเชื่อ ดีกว่าตายอย่างโก้หรูแต่ไม่มีคามเชื่อ ลูกกลัวความอ่อนแอเหลือเกิน แต่ลูกก็รู้ว่าความอ่อนแอนี้ทำให้ลูกถ่อมตัวและนึกถึงพ่ออยู่ตลอดซึ่งลูกก็ยินดีและน้อมรับในความอ่อนแอนี้ แต่ลูกขอพ่อว่าอย่าให้ลูกและคนอื่นๆมีวันนั้นเลยพระองค์เจ้าข้า
รุ่งโรจน์ดุจเพลิงสว่างไสว
ลบล้างความชั่วไปหมดสิ้น
เสด็จประทับ ณ พระที่นั่งเป็นอาจิณ
วิญญานเหล่าข้าสุดสิ้นใจถวายแด่พระองค์