[ดูเพิ่ม Angelus ad Virginem,Angelus,Commemoratio Sancti Gabrielis Archangeli,etc.]
หมายเหตุ หากผิดพลาดทางข้อมูลประการใดกรุณา ซักถาม เพื่อประโยชน์สูงสุด

........................เป็นธรรมดาที่จะมีศัพท์คำว่า “เทวดา” เกิดขึ้นในหลากหลายภาษาและวัฒนธรรม หากจะค้นคว้าทั้งหมดแล้วเป็นการยากที่จะศึกษาและแสวงหาความเชื่อมโยงเป็นองก์รวม เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้เขียนจึงมุ่งสนใจเฉพาะผองเทวดาตามความเชื่อของศาสนาคริสต์ (นิกายโรมันคาธอลิค) ซึ่งมีปรากฎอยู่บ้างในพระคัมภีร์เก่าและใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อทำการศึกษาลงลึกไปในรายละเอียดทางเทววิทยาแล้ว พบว่า “เทวดาตามขนบคริสต์” มีความเกี่ยวโยงกับ ศาสนาและวัฒนธรรมอื่นๆหลายประการ อาทิ ศาสนาของพวกยิว เป็นต้น ฉะนั้น ในการศึกษาจึงมีความจำเป็นต้องค้นคว้าเพิ่มเติมนอกเหนือคัมภีร์พันธสัญญาเดิมและใหม่ไปบ้าง(แต่ก็ไม่ได้นำงานเขียน Gnostic เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะพระศาสนจักรไม่รับรอง) จึงเรียนมาเพื่อทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อน
........................“เทวดา (Angel)”นั้น เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาฮีบรู จากคำว่า Malach, Malachim ซึ่งมีความหมายว่า ผู้แจ้งสาร (Messenger) โดยคำว่าผู้แจ้งสารนั้นปรากฎชัดในพระคัมภีร์หลายต่อหลายครั้ง เช่น ในโยบบทที่ 1 บาทที่ 14 [Job 1:14] หรือในพระวรสารนักบุญลูกา บทที่ 9 บาทที่ 52[Luke 9:52] เห็นได้ชัดว่า เทวดาเป็นผู้ช่วยสื่อสารและกระทำกิจการต่างๆให้ลุล่วงตามพระประสงค์ แม้กระนั้นสถานะของเขาที่ปรากฎในพระคัมภีร์กลับลึกลับและไร้ที่มาที่ไปยิ่ง ยังให้เกิดปริศนามากมายเกี่ยวกับเหล่าเทวดา
[ดู Psalm 104:4, 2Samuel 24:16,2King 19:35, Ravelution 1:20 เพิ่มเติม]
........................หลังจากพระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์และเสด็จขึ้นสรวงสวรรค์ได้ไม่นาน ได้มีสานุศิษย์ผู้ทำการศึกษาเรื่องราวในพระคัมภีร์เก่า โดยเราต้องยอมรับว่าพระคัมภีร์เก่าในขณะนั้นได้รับอิทธิพลจากศาสนายิวมาไม่น้อย(ซึ่งมักเขียนด้วยภาษาฮีบรู)และสานุศิษย์ท่านนั้นได้ค้นคว้าพระคัมภีร์ใหม่(ในขณะนั้นน่าจะยังกระจัดกระจาย) อันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระประวัติของพระเยซูเจ้า จากการศึกษานั้นเอง ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับ “เทวดา”ถูกจัดทำไว้อย่างเป็นระบบมากขึ้น พวกเราจึงได้รู้จักกับคำว่า “เซราฟิม (Seraphim), เครูบีม (Cherubim) และอื่นๆ”
........................บุคคลที่ถือว่าเป็นคนแรกที่จัดลำดับเหล่าเทพนิกรนั้นได้แก่ นักบุญดิโอนิซุสแห่งอาโรพาไกต์(St.Dionysius the Areopagite/St. Denis the martyr) สานุศิษย์แห่งนักบุญเปาโล อัครสาวก (St.Paul Apostle) โดยท่านได้เขียนหนังสือสำคัญไว้หลายเล่ม เล่มที่มีคุณค่าทางเทววิทยาที่สุดเห็นจะเป็น De coelesti hierarchia(The Celestial Hierarchies) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ การศึกษาเกี่ยวกับอัครทูตและเทวดาที่ปรากฎในเอกสาร ม้วนคัมภีร์ต่างๆ ซึ่งท่านได้แบ่งเป็นหลักๆ 3 ชั้น(hierarchy) 9 คณะ(order)[นักตำนานและเทววิทยา บางท่านอาจจะแบ่งไปมากกว่านั้น เกี่ยวกับ พวก illumination ผู้ซึ่งเป็นแสงสว่างจากพระฉาย ซึ่งจะร้อนแรงมาก เพราะในชั้นแค่ Seraphim นี้มีถึง 6 ปีกแล้ว เพื่อป้องแสงศักดิ์สิทธิ์อันร้อนแรง สูงกว่านั้นอาจจะไม่นับเป็นลำดับชั้นได้ เพราะเกินกว่าจะนิยาม]
........................ดังนั้น ในที่นี้ผู้เขียนจะกล่าว แบบ ยกชั้นสูงสุดไว้เป็น Seraphim ซึ่งนั่นจะหมายความว่า เรายังแบ่งกลุ่มเทพนิกรออกเป็น 3 ชั้น (hierarchy) 9 คณะ (order) ดังเดิม [ซึ่งจุดมุ่งหมายผู้เขียน ต้องการให้คริสตชนมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นที่ถูกต้องเกี่ยวกับเทวดาเท่านั้น]
[จะทยอยนำมาลงต่อไป-พระเจ้าอวยพร]