โลกพึ่งสร้างมา 5-6พันปี
แต่ที่ทางวิทยาศาสตร์มีการขุดค้นพบซาก ฟอลซิลต่างๆของไดโนเสาว์ มากมาย แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ใช้เทคโนโลยีในการตรวจความเก่าแก่ของมัน ก็ประมาณได้ว่าย้อนหลังไปกว่า หลายร้อยล้านปี
แล้วอย่างนี้มันจะมีไดโนเสาว์ได้อย่างไรครับ
นอกเสียจากว่าไอนักวิทยศาสตร์มันโกหกคนทั้งโลกว่า นี่คือสัตว์ในยุค หลายร้อยล้านปีก่อน
แต่
ในไบเบิ้ลเขาบอกว่ามีเขียนถึงสัตว์ชนิดหนึ่งเหมือนไดโนเสาว์ด้วย ชื่อ เบฮีมอส อะไรเนี่ยแหละ
พี่ๆคริสเตียนหลายๆท่านก็บอกผมว่ามีไดโนเสาว์จริง
แต่มันอาจจะสูญพันธ์ไปตอน พระเจ้าทรงให้น้ำท่วมโลก
หรือไม่ก็อาจสูญพันไปเอง เพราะภัยธรรมชาติ หรือ หาอาหารกินไมได้ เพระตัวมานหย่ายยยย
พี่ๆคิดว่าไงครับ
มีใครให้คำตอบผมให้กระจ่างกว่านี้หน่อย จะได้เอาไปบอกกับคนอื่นที่ไม่เชื่อพระเจ้า เรื่องการสร้างโลกได้ครับ
ได้โปรดครับ
พี่ๆ คิดว่าไดโนเสาว์มันมีจริงไหม แล้วถ้ามีมันหายไปไหนครับ ตอบให้หน่อยครับผม
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ไดโนเสาร์ คงมีจริง ถึงแรม่ได้เจอตัวเป็นๆ
>>: อายุของโลก ที่ถกเถียงกันอยู่ ว่าเป็นล้านๆปี หรือ ตามหลักของฟอสซิลอะไรทำนองนี้ มันมีเรื่องทฤษฏีของการตอบ เรื่องการทรงสร้างของพระเจ้า
1. ที่ว่าการทรงสร้างโลก 6 วัน วันที่ถกเถียงกันว่า วันที่ว่า คือ 24 ชั่วโมง หรือ วัน คือระยะ เวลาหนึ่ง อาจะเป็นเดือน เป็นปี เป็นพันปีก็ได้
2. ต่อมาก็ถกเถียง เรื่อง ว่าเมื่อพระเจ้าทรงสร้างมาปั๊บ ทุกอย่างเป็นเบบี้ ทั้งหมด หรือทุกอย่างสมบูรณ์แล้ว และเมื่อ นักวิทยาศาสตร์ มาดู มาวิจัยพิสูจน์ ด้วยทฤษฏี ที่ตนเองตั้ง ขึ้นมา ซึ่งอายุ กี่ปีก็ได้ เช่นดูจากการทรงสร้างมนุษย์คู่แรก ซึ่งพอสร้างเสร็จปั๊บ ทั้งอาดัม และเอวาไม่ใช่เด็กชาย หรือเด็กหญิงเป็นต้น
3. มีอีกหลายข้อ ลืมๆๆๆๆๆ ไปแล้ว และไม่ได้สงสัยอะไรมากมาย ....เพราะวิทยาศาสตร์ ก็แค่มนุษย์ ตั้งทฤษฏี กับสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมา
ปีนี้ ดาวพลูโต ยังตกกะป๋องไปเลย :afro:
>>: อายุของโลก ที่ถกเถียงกันอยู่ ว่าเป็นล้านๆปี หรือ ตามหลักของฟอสซิลอะไรทำนองนี้ มันมีเรื่องทฤษฏีของการตอบ เรื่องการทรงสร้างของพระเจ้า
1. ที่ว่าการทรงสร้างโลก 6 วัน วันที่ถกเถียงกันว่า วันที่ว่า คือ 24 ชั่วโมง หรือ วัน คือระยะ เวลาหนึ่ง อาจะเป็นเดือน เป็นปี เป็นพันปีก็ได้
2. ต่อมาก็ถกเถียง เรื่อง ว่าเมื่อพระเจ้าทรงสร้างมาปั๊บ ทุกอย่างเป็นเบบี้ ทั้งหมด หรือทุกอย่างสมบูรณ์แล้ว และเมื่อ นักวิทยาศาสตร์ มาดู มาวิจัยพิสูจน์ ด้วยทฤษฏี ที่ตนเองตั้ง ขึ้นมา ซึ่งอายุ กี่ปีก็ได้ เช่นดูจากการทรงสร้างมนุษย์คู่แรก ซึ่งพอสร้างเสร็จปั๊บ ทั้งอาดัม และเอวาไม่ใช่เด็กชาย หรือเด็กหญิงเป็นต้น
3. มีอีกหลายข้อ ลืมๆๆๆๆๆ ไปแล้ว และไม่ได้สงสัยอะไรมากมาย ....เพราะวิทยาศาสตร์ ก็แค่มนุษย์ ตั้งทฤษฏี กับสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมา
ปีนี้ ดาวพลูโต ยังตกกะป๋องไปเลย :afro:
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เรื่องนี้เคยถามพี่จิงนานมาแล้วครับ นี่คือคำตอบของพี่จิงนะครับ (ไม่รู้ว่าพี่จำได้หรือป่าว
)
คุณพูดถูกต้องครับ เรื่องการสร้างโลกเหมือนเป็นนิทาน
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปรียบเทียบครับ
ให้เราเข้าใจอย่างหนึ่งก่อนว่า คนยิวโบราณ
ไม่เคยได้เรียนหนังสือ ไม่เคยมีการขุดพบซากไดโนเสาร์
พวกเขาไม่มีความรู้ หรือ วิทยาการก้าวไกลเลย
การที่จู่ๆ เขียนพระคัมภีร์ว่า
ยุคที่1 ยุคพรี-แคมเบียน พระเจ้าสร้าง ไตรโลไบท์ ลักษณะมีเปลือกแข็งลอกคราบได้.....
ยุคที่2 .............
ยุคออร์โดวิเชียน พระเจ้าสร้างสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ฯลฯ
คนสมัยโบราณก็คงงงเป็นไก่ตาแตกว่า พระคัมภีร์กำลังเขียนเรื่อง
ตลกอะไรอยู่.....เพราะพวกเขาไม่เคยเห็น หรือ มีควมรู้มาก่อน
หรือแม้แต่คุณเอง....ไอ้ยุคหรือไอ้ตัวที่ผมพูดถึงข้างบนนั้น...คุ ณยังนึกไม่ออกเลยว่าหน้าตาเป็นยังงัย
ดังนั้น การเขียนพระคัมภีร์ในสมัยเริ่มแรก
จึงเป็นการเขียนเน้นให้เห็นถึงบทบาทของพระเจ้า
มากกว่าจะมาบรรยายรายละเอียดครับ
เปรียบง่ายๆก็เหมือนว่า วันที่1 ก็อาจจะหมายถึงยุคที่1
ประมาณนี้ครับ
ขืนมาลงระเอียดอย่างที่คุณอยากจะเห็ น ก็คงไม่ใช่หนังสือพระคัมภีร์แล้วละครับ
แต่จะเป็นหนังสือ เล็คเชอร์วิชาโบราณคดี
Credit พี่จิงครับ

คุณพูดถูกต้องครับ เรื่องการสร้างโลกเหมือนเป็นนิทาน
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปรียบเทียบครับ
ให้เราเข้าใจอย่างหนึ่งก่อนว่า คนยิวโบราณ
ไม่เคยได้เรียนหนังสือ ไม่เคยมีการขุดพบซากไดโนเสาร์
พวกเขาไม่มีความรู้ หรือ วิทยาการก้าวไกลเลย
การที่จู่ๆ เขียนพระคัมภีร์ว่า
ยุคที่1 ยุคพรี-แคมเบียน พระเจ้าสร้าง ไตรโลไบท์ ลักษณะมีเปลือกแข็งลอกคราบได้.....
ยุคที่2 .............
ยุคออร์โดวิเชียน พระเจ้าสร้างสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ฯลฯ
คนสมัยโบราณก็คงงงเป็นไก่ตาแตกว่า พระคัมภีร์กำลังเขียนเรื่อง
ตลกอะไรอยู่.....เพราะพวกเขาไม่เคยเห็น หรือ มีควมรู้มาก่อน
หรือแม้แต่คุณเอง....ไอ้ยุคหรือไอ้ตัวที่ผมพูดถึงข้างบนนั้น...คุ ณยังนึกไม่ออกเลยว่าหน้าตาเป็นยังงัย
ดังนั้น การเขียนพระคัมภีร์ในสมัยเริ่มแรก
จึงเป็นการเขียนเน้นให้เห็นถึงบทบาทของพระเจ้า
มากกว่าจะมาบรรยายรายละเอียดครับ
เปรียบง่ายๆก็เหมือนว่า วันที่1 ก็อาจจะหมายถึงยุคที่1
ประมาณนี้ครับ
ขืนมาลงระเอียดอย่างที่คุณอยากจะเห็ น ก็คงไม่ใช่หนังสือพระคัมภีร์แล้วละครับ
แต่จะเป็นหนังสือ เล็คเชอร์วิชาโบราณคดี
Credit พี่จิงครับ

- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
จ๊า...จำได้ และขอบใจสำหรับเครดิต
ขอเสริมอีกว่า คำว่า "ไดโนเสาร์" เพิ่งถูกบัญญัติคำนี้ขึ้นมาในศตวรรษที่ 18 หรือ 19 เอง
ดังนั้น เราจึงไม่เห็นคำว่าไดโนเสาร์ในพระคัมภีร์
แต่เราจะเห็นคำว่า "มังกร" แทนค่ะ
ขอเสริมอีกว่า คำว่า "ไดโนเสาร์" เพิ่งถูกบัญญัติคำนี้ขึ้นมาในศตวรรษที่ 18 หรือ 19 เอง
ดังนั้น เราจึงไม่เห็นคำว่าไดโนเสาร์ในพระคัมภีร์
แต่เราจะเห็นคำว่า "มังกร" แทนค่ะ
ก่อนจะตอบว่าไดโนเสาร์มีหรือไม่
อยากเปิดประเด็นก่อนว่า วิทยาศาสตร์ เป็นวิชาที่สนับสนุนให้เราเข้าใจและเข้าถึงพระมากขึ้น
ความรู้ของวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่สิ่งที่ทำลายความเชื่อของศาสนา
เช่นเมื่อก่อนเชื่อกันว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
แต่ปัจจุบันเราทราบว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
เห็นไหม โลกจะเป็นศูนย์กลางหรือโคจรรอบดวงอาทิตย์ก็ไม่ได้ทำให้
พระเจ้าเปลี่ยนไป
เคยมีคนคำนวนว่า โลกอายุไม่กี่พันปี จากการแปลตำต่อคำจากไบเบิ้ล
โดยคิดจากอายุของคนที่มีอยู่ในบันทึกของไบเบิ้ล ซึ่งเป็นตรรกที่ไม่ถูกต้อง
เพราะ ไบเบิ้ลไม่ได้บอกว่าได้บันทึกครบทุกสิ่ง
ถ้าโลกอายุ 4500 ล้านปี จะทำให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงหรือ
พระองค์ยังทรงฤทธานุภาพเช่นเดิม
วืทยาศาสตร์ทำให้เรายิ่งเห็นพระฤทฑานุภาพว่ายิ่งใหญ่เกินกว่าสติปัญญาของเรามากมายนัก
พระให้สติปัญญาเรามาเพื่อให้หาเหตุผลทีจะรักพระองค์ ไม่ใช่ปฏิเสธพระองค์
แต่มนุษย์บางครั้งพอมีความรู้เพียงเล็กน้อยก็คิดว่าตนยิ่งใหญ่ จะเทียบพระเช่นการสร้างหออาเบล
เห็นความเขลาในสติปัญญาไหม เคยมีคนคิดว่าพระอยู่บนฟ้า
เพราะเขาไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์พอ เมื่อเรามีควาวมรู้ทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น
ไม่มีใครคิดจะสร้างจรวดไปหาพระแล้ว
ต้องสร้างความดีแทนเพื่อที่จะไปอยู่กับพระองค์
เจ้าสัตว์ตัวนั้นมีจริง และมีอีกหลายชนิดตัวที่เกิดมาแล้วตายหมดไปโดยที่เราไม่รู้
และไบเบิ้ลก็ไม่ได้เขียนถึง สมเสร็จ ควายไบซัน ฯลฯ แต่มันก็มีอยู่
น้องเชื่อไหมว่าแรดที่เรารู้จักดีนี้ เมื่อสร้างกรุงเทพ คน กทมยุคนั้น ไม่มีใครรู้จักเลย
เจ้าเมืองน่านจับส่งมาถวาย ร.3 เป็นแรดตัวแรกที่คน กทม รู้จัก
แต่คนเหนือรู้จักมานานแล้ว หรือสมันที่หมดไป ใครเคยเห็นบ้าง
วิทยาศาสตร์ทำงานด้วยเหตุผล ซึ่งเป้นปรีชาญาณที่เราได้รับจากพระนะจ๊ะ
อยากเปิดประเด็นก่อนว่า วิทยาศาสตร์ เป็นวิชาที่สนับสนุนให้เราเข้าใจและเข้าถึงพระมากขึ้น
ความรู้ของวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่สิ่งที่ทำลายความเชื่อของศาสนา
เช่นเมื่อก่อนเชื่อกันว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
แต่ปัจจุบันเราทราบว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
เห็นไหม โลกจะเป็นศูนย์กลางหรือโคจรรอบดวงอาทิตย์ก็ไม่ได้ทำให้
พระเจ้าเปลี่ยนไป
เคยมีคนคำนวนว่า โลกอายุไม่กี่พันปี จากการแปลตำต่อคำจากไบเบิ้ล
โดยคิดจากอายุของคนที่มีอยู่ในบันทึกของไบเบิ้ล ซึ่งเป็นตรรกที่ไม่ถูกต้อง
เพราะ ไบเบิ้ลไม่ได้บอกว่าได้บันทึกครบทุกสิ่ง
ถ้าโลกอายุ 4500 ล้านปี จะทำให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลงหรือ
พระองค์ยังทรงฤทธานุภาพเช่นเดิม
วืทยาศาสตร์ทำให้เรายิ่งเห็นพระฤทฑานุภาพว่ายิ่งใหญ่เกินกว่าสติปัญญาของเรามากมายนัก
พระให้สติปัญญาเรามาเพื่อให้หาเหตุผลทีจะรักพระองค์ ไม่ใช่ปฏิเสธพระองค์
แต่มนุษย์บางครั้งพอมีความรู้เพียงเล็กน้อยก็คิดว่าตนยิ่งใหญ่ จะเทียบพระเช่นการสร้างหออาเบล
เห็นความเขลาในสติปัญญาไหม เคยมีคนคิดว่าพระอยู่บนฟ้า
เพราะเขาไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์พอ เมื่อเรามีควาวมรู้ทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น
ไม่มีใครคิดจะสร้างจรวดไปหาพระแล้ว
ต้องสร้างความดีแทนเพื่อที่จะไปอยู่กับพระองค์
เจ้าสัตว์ตัวนั้นมีจริง และมีอีกหลายชนิดตัวที่เกิดมาแล้วตายหมดไปโดยที่เราไม่รู้
และไบเบิ้ลก็ไม่ได้เขียนถึง สมเสร็จ ควายไบซัน ฯลฯ แต่มันก็มีอยู่
น้องเชื่อไหมว่าแรดที่เรารู้จักดีนี้ เมื่อสร้างกรุงเทพ คน กทมยุคนั้น ไม่มีใครรู้จักเลย
เจ้าเมืองน่านจับส่งมาถวาย ร.3 เป็นแรดตัวแรกที่คน กทม รู้จัก
แต่คนเหนือรู้จักมานานแล้ว หรือสมันที่หมดไป ใครเคยเห็นบ้าง
วิทยาศาสตร์ทำงานด้วยเหตุผล ซึ่งเป้นปรีชาญาณที่เราได้รับจากพระนะจ๊ะ
พระคัมภีร์เป็นหนังสือประวัติศาสตร์แห่งความรอด เรื่องการไถ่กู้ให้มนุษย์รอดพ้นจากบาป ไม่ใช่ตำราทางวิทยาศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์โลก
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ถูกต้องแล้วจ้า ถ้าอ่านพระคัมภีร์ ให้อ่านเพื่อช่วยให้จิตวิญญาณเติบโต อ่านเพื่อให้พระเจ้าทรงตอบปัญหาฝ่ายจิตวิญญาณ และพึ่งฤทธิ์เดชของพระเจ้าAndreas เขียน: พระคัมภีร์เป็นหนังสือประวัติศาสตร์แห่งความรอด เรื่องการไถ่กู้ให้มนุษย์รอดพ้นจากบาป ไม่ใช่ตำราทางวิทยาศาสตร์ หรือประวัติศาสตร์โลก
ถ้าอ่านเพื่อค้นหาอย่างอื่น จะยิ่งทำให้สับสน และสงสัยในพระเจ้ามากขึ้น ในที่สุดคุณอาจจะไม่เจอแก่นความจริง และพระประสงค์ของพระเจ้า
และน้ำพระทัยที่ดีเลิศของพระเยซูคริสต์ ผู้ประทานพระองค์เอง เพื่อนำผู้เชื่อกลับไปหาพระเจ้าพระบิดา
พระเจ้าไม่ได้โกหกอะไรพวกเรา
แต่ไม่ได้เปิดเผยให้มนุษย์รุ้ทั้งหมดต่างหาก
แต่ไม่ได้เปิดเผยให้มนุษย์รุ้ทั้งหมดต่างหาก