พระเยซูเจ้า : สัญลักษณ์แห่งมนุษย์

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 7:26 pm

[1] บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อชี้ให้เห็นถึงภาพแห่งความเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้า
[2] บทความนี้เป็นการชี้ในอีกมุมมองหนึ่ง แต่ยังอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง รอบคอบอย่างที่สุด
[3] ทุกข้อความมุ่งเน้น ให้ผู้อ่าน
warlock
โพสต์: 642
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ค. 20, 2006 3:37 am

ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 8:54 pm

-ขอบคุณสำหรับ บทความครับ  ::011:: ::011:: ::011::
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

เสาร์ ม.ค. 13, 2007 6:33 pm

[พระคือต้นแบบแห่งมหาทรมานเกินกว่ามนุษย์ผู้ใดจะทานไหว]
.............นักบุญบริดจิทแห่งสวีเดนเคยกล่าวไว้
poloplow
โพสต์: 402
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 11:01 pm

เสาร์ ม.ค. 13, 2007 9:08 pm

ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ : emo045 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ธ.ค. 08, 2007 5:04 am

ขอบคุณมากๆนะคะที่ดึงมาอีก  ส่วนตัวแล้วชอบ  humanity  ของพระเยซู  มากกว่า  divinity ของพระองค์ซะอีก  ::001::
(หมายเหตุ.จริงๆแล้วบอร์ดนี้มีงานเขียนที่เกี่ยวกับการเจริญรอยตามองค์แห่งความรักดีดีหลายบทความ ที่ดีกว่าที่ผมเขียนยิ่งมีมากมาย ขอให้อ่านตามใจชอบ)
เคยได้ยินมั้ยคะว่า  "Spirituality is the Theology in practice."  คือ การอธิบายอะไรเป็นวิชาการอาจมองดูน่าเบื่อ  ไม่ได้อรรถรส  แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย  คือ  มันเป็นฐานของกันและกัน 

เป็นประโยชน์นะคะ  ถึงจะอ่านแล้วเข้าใจแค่  10% ก็ถือว่าคุ้มนะคะ  ::001::

อย่าท้อ  ... ขอให้เอามาลงต่อไปนะคะ  ::001:: 
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

เสาร์ ธ.ค. 08, 2007 5:00 pm

Buddy เขียน: ขอบคุณมากๆนะคะที่ดึงมาอีก  ส่วนตัวแล้วชอบ  humanity  ของพระเยซู  มากกว่า  divinity ของพระองค์ซะอีก   ::001::
(หมายเหตุ.จริงๆแล้วบอร์ดนี้มีงานเขียนที่เกี่ยวกับการเจริญรอยตามองค์แห่งความรักดีดีหลายบทความ ที่ดีกว่าที่ผมเขียนยิ่งมีมากมาย ขอให้อ่านตามใจชอบ)
เคยได้ยินมั้ยคะว่า  "Spirituality is the Theology in practice."  คือ การอธิบายอะไรเป็นวิชาการอาจมองดูน่าเบื่อ  ไม่ได้อรรถรส  แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย  คือ  มันเป็นฐานของกันและกัน 

เป็นประโยชน์นะคะ  ถึงจะอ่านแล้วเข้าใจแค่  10% ก็ถือว่าคุ้มนะคะ   ::001::

อย่าท้อ  ... ขอให้เอามาลงต่อไปนะคะ   ::001:: 
ขอบคุณครับ
Marie Antoinette
โพสต์: 626
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 26, 2007 8:07 pm
ที่อยู่: bkk

เสาร์ ธ.ค. 08, 2007 5:10 pm

Thank you  : emo045 : : emo045 : : emo045 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ธ.ค. 09, 2007 12:23 am

Man of Macedonia เขียน:
Buddy เขียน: ขอบคุณมากๆนะคะที่ดึงมาอีก  ส่วนตัวแล้วชอบ  humanity  ของพระเยซู  มากกว่า  divinity ของพระองค์ซะอีก   ::001::
(หมายเหตุ.จริงๆแล้วบอร์ดนี้มีงานเขียนที่เกี่ยวกับการเจริญรอยตามองค์แห่งความรักดีดีหลายบทความ ที่ดีกว่าที่ผมเขียนยิ่งมีมากมาย ขอให้อ่านตามใจชอบ)
เคยได้ยินมั้ยคะว่า  "Spirituality is the Theology in practice."  คือ การอธิบายอะไรเป็นวิชาการอาจมองดูน่าเบื่อ  ไม่ได้อรรถรส  แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย  คือ  มันเป็นฐานของกันและกัน 

เป็นประโยชน์นะคะ  ถึงจะอ่านแล้วเข้าใจแค่  10% ก็ถือว่าคุ้มนะคะ   ::001::

อย่าท้อ  ... ขอให้เอามาลงต่อไปนะคะ   ::001:: 
ขอบคุณครับ
อย่าง article นี้นะคะ 
จากหลายแห่งในพระคัมภีร์ทำให้เราเห็นว่าพระองค์ทรงมีความเป็นมนุษย์ อาทิ ทรงมีอารมณ์โศกเศร้า(Matthew 26:37) ปลง (Matthew 23:37-39) เมตตา (Matthew 19:13-15) หวั่นไหว (Matthew 28:46) พิโรธ (Matthew 21:12-13)
ความเป็นมนุษย์ของพระเยซูเรามักจะได้ยินประเด็นนี้  ไม่ค่อยได้ยินเรื่องความลำบาก  คือพอพูดเรื่องความลำบาก  ก็จะไปเน้นที่ ความเป็นพระเจ้าและความรักของพระองค์ที่มีต่อเรา  แบกกางเขนเพื่อเรา  แต่เราลืมว่า  ความลำบากคือความเป็นมนุษย์  จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ต้องลำบาก  มีความลำบากในชีวิต  หนีไม่ได้  พระองค์เป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้  เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์  ดังนั้น  ความลำบากที่เกิดกับพระองค์จึงไม่ใช่ความไม่สมบูรณ์  แต่คือ  ความสมบูรณ์  สมบูรณ์ในหน้าที่ของพระองค์  สมบูรณ์ในความเป็นมนุษย์

อันนี้ล่ะค่ะ  ที่บอกว่า  ชีวิตจิตคือเทววิทยาภาคปฏิบัติ  ::001::
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

อาทิตย์ ธ.ค. 09, 2007 2:06 am

Buddy เขียน:
Man of Macedonia เขียน:
Buddy เขียน: ขอบคุณมากๆนะคะที่ดึงมาอีก  ส่วนตัวแล้วชอบ  humanity  ของพระเยซู  มากกว่า  divinity ของพระองค์ซะอีก   ::001::
เคยได้ยินมั้ยคะว่า  "Spirituality is the Theology in practice."  คือ การอธิบายอะไรเป็นวิชาการอาจมองดูน่าเบื่อ  ไม่ได้อรรถรส  แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย  คือ  มันเป็นฐานของกันและกัน 

เป็นประโยชน์นะคะ  ถึงจะอ่านแล้วเข้าใจแค่  10% ก็ถือว่าคุ้มนะคะ   ::001::

อย่าท้อ  ... ขอให้เอามาลงต่อไปนะคะ   ::001:: 
ขอบคุณครับ
อย่าง article นี้นะคะ 
จากหลายแห่งในพระคัมภีร์ทำให้เราเห็นว่าพระองค์ทรงมีความเป็นมนุษย์ อาทิ ทรงมีอารมณ์โศกเศร้า(Matthew 26:37) ปลง (Matthew 23:37-39) เมตตา (Matthew 19:13-15) หวั่นไหว (Matthew 28:46) พิโรธ (Matthew 21:12-13)
ความเป็นมนุษย์ของพระเยซูเรามักจะได้ยินประเด็นนี้  ไม่ค่อยได้ยินเรื่องความลำบาก  คือพอพูดเรื่องความลำบาก  ก็จะไปเน้นที่ ความเป็นพระเจ้าและความรักของพระองค์ที่มีต่อเรา  แบกกางเขนเพื่อเรา  แต่เราลืมว่า  ความลำบากคือความเป็นมนุษย์  จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ต้องลำบาก  มีความลำบากในชีวิต  หนีไม่ได้  พระองค์เป็นพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้  เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์  ดังนั้น  ความลำบากที่เกิดกับพระองค์จึงไม่ใช่ความไม่สมบูรณ์  แต่คือ  ความสมบูรณ์   สมบูรณ์ในหน้าที่ของพระองค์  สมบูรณ์ในความเป็นมนุษย์

อันนี้ล่ะค่ะ  ที่บอกว่า  ชีวิตจิตคือเทววิทยาภาคปฏิบัติ   ::001::
พูดถูกครับ""Spirituality is the Theology in practice."
นักเทววิทยาทั้งหลาย ตั้งแต่อดีต จนปัจจุบัน ก็พยายามสื่อสารออกไปในหลายๆแนว
ผมคิดว่า เทวศาสตร์อันว่าด้วย"พระเยซูเป็นพระเจ้า" คงได้ยินกันบ่อยครั้งแล้ว
แง่มุม ของความเป็นมนุษย์สามัญ(ที่คนนอกศาสนาจะเข้าถึงอย่างเข้าใจได้มากกว่า)
แน่จะเป็นสิ่งที่ดี

และความเข้าใจเกี่ยวกับพระองค์รอบด้าน(แม้แต่ ข่าวซุบซิบของพระองค์ เช่นตำนาน เกรล)
ก็ควรรู้ไว้(อ่านให้สนุก)

ขอยืมคำคมมากๆที่ ดร.สุเมธ ท่านพูดไว้เกี่ยวในหลวง แต่ผมว่าน่าจะประยุกต์ใช้ได้

"ประชาชนมองพระองค์ แต่ไม่ได้เห็นพระองค์
ประชาชนได้ยินพระองค์ แต่ไม่ได้ฟังพระองค์"

น่าคิด?ครับ
 
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ธ.ค. 09, 2007 4:09 am

Man of Macedonia เขียน: พูดถูกครับ""Spirituality is the Theology in practice."
นักเทววิทยาทั้งหลาย ตั้งแต่อดีต จนปัจจุบัน ก็พยายามสื่อสารออกไปในหลายๆแนว
ผมคิดว่า เทวศาสตร์อันว่าด้วย"พระเยซูเป็นพระเจ้า" คงได้ยินกันบ่อยครั้งแล้ว
แง่มุม ของความเป็นมนุษย์สามัญ(ที่คนนอกศาสนาจะเข้าถึงอย่างเข้าใจได้มากกว่า)
แน่จะเป็นสิ่งที่ดี
เข้าใจว่า  เป็นมนุษย์  แต่ไม่เข้าใจความเป็นมนุษย์  ::001::  เพราะหลายครั้ง  เราก็ไม่ได้รู้จักตัวเองเท่าไหร่  ก็อาจจะรับได้ในแง่ว่า  อ๋อ  ก็เป็นคนๆนึง  แต่ว่า  ความเป็นคนคืออะไร ... ไม่รู้หรอก  เหมือนพระลงมาเพื่อมาบอกว่า  เป็นคนนี่  ต้องเป็นแบบนี้นะ  มาบอกว่า  เราคือใคร ...  คือพอเห็นแง่มุมนี้นี่  ก็เอาไปภาวนาต่อได้อีก  และก็มีแรงแบกกางเขนต่อได้อีก  ::001::
ขอยืมคำคมมากๆที่ ดร.สุเมธ ท่านพูดไว้เกี่ยวในหลวง แต่ผมว่าน่าจะประยุกต์ใช้ได้

"ประชาชนมองพระองค์ แต่ไม่ได้เห็นพระองค์
ประชาชนได้ยินพระองค์ แต่ไม่ได้ฟังพระองค์"

น่าคิด?ครับ
ดร สุเมธเอาพระคัมภีร์มาพูดปะเนี่ย    : xemo016 :

(Mt 13:13-14) This is why I speak to them in parables, because 'they look but do not see and hear but do not listen or understand.' Isaiah's prophecy is fulfilled in them, which says: 'You shall indeed hear but not understand you shall indeed look but never see.

อ่านแล้วก็สนุกดีค่ะ  ...  ว่าแต่  อ่านของพี่มากๆแล้วเนี่ย  ยังคุยกับคนรู้เรื่องอยู่ใช่มั้ยคะ  ::011::
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

อาทิตย์ ธ.ค. 09, 2007 10:18 am

Buddy เขียน:
Man of Macedonia เขียน: พูดถูกครับ""Spirituality is the Theology in practice."
นักเทววิทยาทั้งหลาย ตั้งแต่อดีต จนปัจจุบัน ก็พยายามสื่อสารออกไปในหลายๆแนว
ผมคิดว่า เทวศาสตร์อันว่าด้วย"พระเยซูเป็นพระเจ้า" คงได้ยินกันบ่อยครั้งแล้ว
แง่มุม ของความเป็นมนุษย์สามัญ(ที่คนนอกศาสนาจะเข้าถึงอย่างเข้าใจได้มากกว่า)
แน่จะเป็นสิ่งที่ดี
เข้าใจว่า  เป็นมนุษย์  แต่ไม่เข้าใจความเป็นมนุษย์   ::001::  เพราะหลายครั้ง  เราก็ไม่ได้รู้จักตัวเองเท่าไหร่   ก็อาจจะรับได้ในแง่ว่า  อ๋อ  ก็เป็นคนๆนึง  แต่ว่า  ความเป็นคนคืออะไร ... ไม่รู้หรอก  เหมือนพระลงมาเพื่อมาบอกว่า  เป็นคนนี่  ต้องเป็นแบบนี้นะ  มาบอกว่า  เราคือใคร ...  คือพอเห็นแง่มุมนี้นี่  ก็เอาไปภาวนาต่อได้อีก  และก็มีแรงแบกกางเขนต่อได้อีก   ::001::
ขอยืมคำคมมากๆที่ ดร.สุเมธ ท่านพูดไว้เกี่ยวในหลวง แต่ผมว่าน่าจะประยุกต์ใช้ได้

"ประชาชนมองพระองค์ แต่ไม่ได้เห็นพระองค์
ประชาชนได้ยินพระองค์ แต่ไม่ได้ฟังพระองค์"

น่าคิด?ครับ
ดร สุเมธเอาพระคัมภีร์มาพูดปะเนี่ย    : xemo016 :

(Mt 13:13-14) This is why I speak to them in parables, because 'they look but do not see and hear but do not listen or understand.' Isaiah's prophecy is fulfilled in them, which says: 'You shall indeed hear but not understand you shall indeed look but never see.

อ่านแล้วก็สนุกดีค่ะ  ...  ว่าแต่  อ่านของพี่มากๆแล้วเนี่ย  ยังคุยกับคนรู้เรื่องอยู่ใช่มั้ยคะ   ::011::
ยังคุยรู้เรื่องครับ(คิดว่าอย่างนั้นนะ) :angel:
ตอบกลับโพส