Belong to the Truth Jesus Christ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลวันนี้ ท่านเขียนว่า
พระจิตเจ้าประทานพรแก่แต่ละคนตามที่พอพระทัย
คนหนึ่งทีพระพรรอบรู้
มีความเชื่อ
รักษาโรค
ประกาศพระวาจา
พูดภาษาพิเศษได้
แปลภาษานั้นได้ ฯลฯ

น้องพี่ลองคิดดูเราได้พระพรอะไรพิเศษจากพระจิต
อ่านภาษาอังกฤษได้ ใช่หรือป่าวเอ่ย?

ของผมคิดว่าคงเป็นพระพรแห่งความเชื่อครับ  เพราะผ่าเหล่าจากญาติพี่น้องทุกคนเลย

การสังเกตุวิญญาณครับ บางครั้งก็รู้ความคิดคนด้วยเหมือนกัน คือจิตผมละเอียดมากๆ  กับความเข้าใจและการประกาศพระวาจาครับ  ยิ่งเราละทิ้งตัวตนมากเท่าไร พระเจ้าก็ทรงปรากฏในตัวเรามากเท่านั้น ผมขอให้พวกเราจงละทิ้งธรรมชาติบาป เพื่อพระจิตเจ้าจะได้เกิดผล และเปี่ยมด้วยพระปรีชาญาณ  อาเมน ครับ::017::

Stephen เขียน: การสังเกตุวิญญาณครับ บางครั้งก็รู้ความคิดคนด้วยเหมือนกัน คือจิตผมละเอียดมากๆ  กับความเข้าใจและการประกาศพระวาจาครับ  ยิ่งเราละทิ้งตัวตนมากเท่าไร พระเจ้าก็ทรงปรากฏในตัวเรามากเท่านั้น ผมขอให้พวกเราจงละทิ้งธรรมชาติบาป เพื่อพระจิตเจ้าจะได้เกิดผล และเปี่ยมด้วยพระปรีชาญาณ  อาเมน ครับ::017::

ทำไมถึงแน่ใจว่าคุณรู้ความคิดคนอื่นล่ะครับ  :huh:

Suchan เขียน: ของผมคิดว่าคงเป็นพระพรแห่งความเชื่อครับ  เพราะผ่าเหล่าจากญาติพี่น้องทุกคนเลย

ผมก็เหมือนกันครับ

คิดว่าได้รับพระพรเรื่องความรักนะครับ

คงจะได้รับหน้าที่มาทำให้....ผู้อื่นมีความสุข      ละมั้งครับ 



(แต่ตัวเองไม่ค่อยจะมีเลย 555+  )

ผมเคยมีประสบการณ์ "หูสว่าง" หลังจากสวดขอพระจิตครับ

ชอบบทอ่านของอาทิตย์นี้เหมือนกัน

จดหมายจากนักบุญเปาโล ทำให้เราเข้าใจอะไรขึ้นเยอะ

เห็นด้วยกับพี่เอ้ครับ นักบุญเปาโลแจกแจงพระพรต่างๆของพระจิตเจ้าได้อย่างกระจ่างและเป็นรูปธรรมมากครับ 

ชอบบทอ่านที่สองของสัปดาห์นี้มาก อ่านเองจากไบเบิ้ลไดอารี่รอบหนึ่ง แล้วไปฟังจากผู้อ่านในมิสซาอีกรอบหนึ่ง ประทับใจก็พยายามจำไว้ อืม บทอ่านนี้มาจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่ 1  เผื่ออนาคตอาจใช้อ้างอิงได้ 

Holy เขียน:

Stephen เขียน: การสังเกตุวิญญาณครับ บางครั้งก็รู้ความคิดคนด้วยเหมือนกัน คือจิตผมละเอียดมากๆ  กับความเข้าใจและการประกาศพระวาจาครับ  ยิ่งเราละทิ้งตัวตนมากเท่าไร พระเจ้าก็ทรงปรากฏในตัวเรามากเท่านั้น ผมขอให้พวกเราจงละทิ้งธรรมชาติบาป เพื่อพระจิตเจ้าจะได้เกิดผล และเปี่ยมด้วยพระปรีชาญาณ  อาเมน ครับ::017::

ทำไมถึงแน่ใจว่าคุณรู้ความคิดคนอื่นล่ะครับ  :huh:

การสังเกตวิญญาณและการหยั่งรู้ความคิดคนเป็นของคู่กัน เหมือนการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรค  คือผมรู้ว่าเขาพูดออกมาโดยมีเจนตนาอะไรซ่อนเร้นในใจ คิดอะไรอยู่ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ

Stephen เขียน:

Holy เขียน:

Stephen เขียน: การสังเกตุวิญญาณครับ บางครั้งก็รู้ความคิดคนด้วยเหมือนกัน คือจิตผมละเอียดมากๆ  กับความเข้าใจและการประกาศพระวาจาครับ  ยิ่งเราละทิ้งตัวตนมากเท่าไร พระเจ้าก็ทรงปรากฏในตัวเรามากเท่านั้น ผมขอให้พวกเราจงละทิ้งธรรมชาติบาป เพื่อพระจิตเจ้าจะได้เกิดผล และเปี่ยมด้วยพระปรีชาญาณ  อาเมน ครับ::017::

ทำไมถึงแน่ใจว่าคุณรู้ความคิดคนอื่นล่ะครับ  :huh:

การสังเกตวิญญาณและการหยั่งรู้ความคิดคนเป็นของคู่กัน เหมือนการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรค  คือผมรู้ว่าเขาพูดออกมาโดยมีเจนตนาอะไรซ่อนเร้นในใจ คิดอะไรอยู่ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ

เอ๋ ทำไม ของประทานการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรคต้องคู่กันล่ะครับ เพราะผมรู้จักผู้มีพระพรการวางมือรักษาโรคมากกว่า1ท่านที่ไม่ได้ของประทานการพูดภาษาแปลกๆ ว่าแต่ว่าคุณรู้ว่าใครคิดอะไรได้ตอนเขาพูดเท่านั้นเหรอครับ

Holy เขียน:

Stephen เขียน:

Holy เขียน: ทำไมถึงแน่ใจว่าคุณรู้ความคิดคนอื่นล่ะครับ  :huh:

การสังเกตวิญญาณและการหยั่งรู้ความคิดคนเป็นของคู่กัน เหมือนการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรค  คือผมรู้ว่าเขาพูดออกมาโดยมีเจนตนาอะไรซ่อนเร้นในใจ คิดอะไรอยู่ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ

เอ๋ ทำไม ของประทานการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรคต้องคู่กันล่ะครับ เพราะผมรู้จักผู้มีพระพรการวางมือรักษาโรคมากกว่า1ท่านที่ไม่ได้ของประทานการพูดภาษาแปลกๆ ว่าแต่ว่าคุณรู้ว่าใครคิดอะไรได้ตอนเขาพูดเท่านั้นเหรอครับ

คงคล้ายๆสัมผัสที่หกละกระมัง ผมก็มีเป็นช่วงๆ แต่ก่อนโน้น ตอนนี้ไม่มีแล้ว

Holy เขียน:

Stephen เขียน:

Holy เขียน: ทำไมถึงแน่ใจว่าคุณรู้ความคิดคนอื่นล่ะครับ  :huh:

การสังเกตวิญญาณและการหยั่งรู้ความคิดคนเป็นของคู่กัน เหมือนการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรค  คือผมรู้ว่าเขาพูดออกมาโดยมีเจนตนาอะไรซ่อนเร้นในใจ คิดอะไรอยู่ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ

เอ๋ ทำไม ของประทานการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรคต้องคู่กันล่ะครับ เพราะผมรู้จักผู้มีพระพรการวางมือรักษาโรคมากกว่า1ท่านที่ไม่ได้ของประทานการพูดภาษาแปลกๆ ว่าแต่ว่าคุณรู้ว่าใครคิดอะไรได้ตอนเขาพูดเท่านั้นเหรอครับ

ใช่ครับตอนที่พูดต่อหน้ากันนี่แหละ  การพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรคมักจะคู่กันนะครับ ไม่ใช่ว่าต้องมาคู่กันเสอมไป

Stephen เขียน:

Holy เขียน:

Stephen เขียน: การสังเกตวิญญาณและการหยั่งรู้ความคิดคนเป็นของคู่กัน เหมือนการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรค  คือผมรู้ว่าเขาพูดออกมาโดยมีเจนตนาอะไรซ่อนเร้นในใจ คิดอะไรอยู่ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ

เอ๋ ทำไม ของประทานการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรคต้องคู่กันล่ะครับ เพราะผมรู้จักผู้มีพระพรการวางมือรักษาโรคมากกว่า1ท่านที่ไม่ได้ของประทานการพูดภาษาแปลกๆ ว่าแต่ว่าคุณรู้ว่าใครคิดอะไรได้ตอนเขาพูดเท่านั้นเหรอครับ

ใช่ครับตอนที่พูดต่อหน้ากันนี่แหละ  การพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรคมักจะคู่กันนะครับ ไม่ใช่ว่าต้องมาคู่กันเสอมไป

ขออณุญาติถามต่อ เพราะจะว่าไปถ้าคนพูดจาไม่จริงใจ บางครั้งก็ภาษากายเช่นสายตาน้ำเสียง ฯลฯ ไม่สอดคล้องกับคำพูด หรือกรณีคนที่รู้จักนิสัยกัน ก็พอจะเดาได้ว่า จริงๆน่าจะคิดอะไร จึงอยากเรียนถามว่าเหตุใดคุณจึงมั่นใจว่า สิ่งนี้ไม่ใช่การ "ประเมินคน" ตามประสบการณ์และความชำนาญตามธรรมชาติ แต่เป็น "พระพรพิเศษ" ครับ ที่ถามนี้เพราะอยากทราบเท่านั้น กรุณาอย่าคิดทางลบ

ส่วนกรณีภาษาแปลกๆกับการรักษาโรค จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม พบว่าส่วนมากมักไม่ค่อยได้อยู่ในคนเดียวกัน แต่พระพรในการรักษาโรคมักมาคู่กับพระพรการขับจิตชั่วมากกว่า ผมอาจมีประสบการณ์น้อยก็ได้แต่ก็แสดงความเห้นตามประสบการณ์ครับ

ขอพระเจ้าอวยพร

อันตน เขียน:

Holy เขียน:

Stephen เขียน: การสังเกตวิญญาณและการหยั่งรู้ความคิดคนเป็นของคู่กัน เหมือนการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรค  คือผมรู้ว่าเขาพูดออกมาโดยมีเจนตนาอะไรซ่อนเร้นในใจ คิดอะไรอยู่ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ

เอ๋ ทำไม ของประทานการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรคต้องคู่กันล่ะครับ เพราะผมรู้จักผู้มีพระพรการวางมือรักษาโรคมากกว่า1ท่านที่ไม่ได้ของประทานการพูดภาษาแปลกๆ ว่าแต่ว่าคุณรู้ว่าใครคิดอะไรได้ตอนเขาพูดเท่านั้นเหรอครับ

คงคล้ายๆสัมผัสที่หกละกระมัง ผมก็มีเป็นช่วงๆ แต่ก่อนโน้น ตอนนี้ไม่มีแล้ว

ไม่มีเป็นเพราะ สมาธิไม่นิ่งแล้วหรือเปล่าพี่ เพราะบางที ถ้าเรามีเรื่องต้องคิดต้องทำเยอะ ๆ เราก็จะไปเน้นประสาททั้ง ห้ามากกว่าแทน อะไรที่เราไม่ค่อยได้ใช้ มันก็จะฝ่อไปเอง อย่างประสาทสัมผัสที่หกนี่ ต้องอาศัยสมาธิ ถึงจะสามารถพัฒนาให้แม่นยำได้ อันนี้เคยอ่านมา อ่ะนะ ก้คิดดุก็น่าจะเป้นไปได้ อยู่เหมือนกัน เพราะการฝึกสมาธิทำให้เราสามารถแยกประสาทสัมผัสได้ 

คือมันหมดไปแล้ว ก็ไม่ได้ติดใจจะไปตามมันกลับมาอะเอ้ เลยไม่รู้ว่าเหตุที่มันหายไปเพราะอะไร มันหายไปแบบไม่ทันสังเกตุ

อันตน เขียน: คือมันหมดไปแล้ว ก็ไม่ได้ติดใจจะไปตามมันกลับมาอะเอ้ เลยไม่รู้ว่าเหตุที่มันหายไปเพราะอะไร มันหายไปแบบไม่ทันสังเกตุ

อืมม์ เข้าใจ ไม่ค่อยสนใจเหมิอนกัน ก็ปล่อย ๆมันไป ไม่สนใจพัฒนาด้านนี้เหมือนกัน ไม่ค่อยอยากรู้ในสิ่งที่มองไม่เห้น รู้เยอะไปก็ไม่ดี ปวดหัว กลัวด้วย ตอนนี้คงจะหาย ๆไปบ้างแล้ว

อันตน เขียน: ผมเคยมีประสบการณ์ "หูสว่าง" หลังจากสวดขอพระจิตครับ

เป็นยังไงหรอครับ :huh:

Batholomew เขียน:

อันตน เขียน: ผมเคยมีประสบการณ์ "หูสว่าง" หลังจากสวดขอพระจิตครับ

เป็นยังไงหรอครับ :huh:

เมื่อก่อนเคยหูมืดไงฮับ พอได้ฟังอะไรดีดีเลยหูสว่าง น่าจะเหมือนกับตาสว่างประมาณนี้ อิอิอิอิ

:+: seraphim :+: เขียน:

Batholomew เขียน:

อันตน เขียน: ผมเคยมีประสบการณ์ "หูสว่าง" หลังจากสวดขอพระจิตครับ

เป็นยังไงหรอครับ :huh:

เมื่อก่อนเคยหูมืดไงฮับ พอได้ฟังอะไรดีดีเลยหูสว่าง น่าจะเหมือนกับตาสว่างประมาณนี้ อิอิอิอิ

ใช่หรอพี่

พระเจ้าประทานพระพรด้าน ดนตรี ศิลปะ วิทยาศาสตร์(ชีวะเท่านั้น ) ภาษาอื่นๆ(อังกฤษ เยอรมัน ละติน) เเละความเชื่อมาให้
รักพระเจ้า   : xemo023 :
เเต่ภาษาเเปลกๆนี่ไม่เคยเจออ่ะค่ะ

Stephen เขียน:

Holy เขียน:

Stephen เขียน: การสังเกตวิญญาณและการหยั่งรู้ความคิดคนเป็นของคู่กัน เหมือนการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรค  คือผมรู้ว่าเขาพูดออกมาโดยมีเจนตนาอะไรซ่อนเร้นในใจ คิดอะไรอยู่ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ

เอ๋ ทำไม ของประทานการพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรคต้องคู่กันล่ะครับ เพราะผมรู้จักผู้มีพระพรการวางมือรักษาโรคมากกว่า1ท่านที่ไม่ได้ของประทานการพูดภาษาแปลกๆ ว่าแต่ว่าคุณรู้ว่าใครคิดอะไรได้ตอนเขาพูดเท่านั้นเหรอครับ

ใช่ครับตอนที่พูดต่อหน้ากันนี่แหละ  การพูดภาษาแปลกๆกับการรักษาโรคมักจะคู่กันนะครับ ไม่ใช่ว่าต้องมาคู่กันเสอมไป

ต้องพยายามสวดขอพระว่า  อย่าให้เราต้องตัดสินผู้อื่นนะคะ  ไม่อย่างนั้น อาจทำให้เราหลง  และตกสู่บาปได้ 

พระพรจากพระเป็นเจ้ามีให้เรา  เพื่อรับใช้ผู้อื่น  และทำให้เรารักผู้อื่นมากขึ้น  ลองสังเกตุตัวเองดูนะคะว่า  ถ้าเรารู้ความคิดคนอื่นแล้ว  เรารักเค้ามากขึ้นรึเปล่า  หรือมีแต่จะยิ่งเกลียดเค้า  ไม่ชอบเค้า  หาว่า เค้าหลอกลวงเรา   

แต่ถ้าเรารู้ความคิดเค้า  แล้วเราไม่ชอบเค้า  แต่เราสามารถที่จะกลับมารักและให้อภัยเค้าได้  อันนั้นก็จะเป็นอีกทางที่จะทำให้เรากลับมาหาพระได้  สามารถชนะการประจญได้  แต่ก็จะยากหน่อยนะคะ  บางครั้ง  การที่พระไม่ให้เรารู้อะไรเลย อาจทำให้เรารักคนๆนึงอย่างไม่มีเงื่อนไข  และไม่ตัดสินเค้า  ง่ายกว่าที่เรารู้อะไร 

การรักษาโรคก็ดี  การรู้ความคิดผู้อื่นก็ดี  ไม่ใช่แค่พระเท่านั้นที่ทำได้  ปีศาจก็ทำได้เหมือนกัน  และสามารถใช้เราได้เหมือนกัน  สิ่งที่ทำให้เราชนะปีศาจได้  คือความสุภาพและนบนอบต่อพระเป็นเจ้า  โดยอาศัยความรัก

พระให้พระพรในการรู้ความคิดคนอื่น  เพื่อรับใช้ผู้อื่น  เช่น เพื่อให้เรารู้ความต้องการของเค้าและรับใช้เค้าได้ถูกต้อง  อันนี้เป็นคุณสมบัติของผู้อภิบาลนะคะ  ซึ่งบางคนต้องฝึกนาน  แต่บางคนก็รู้เลย  เพราะได้รับพระพร  แต่ปีศาจก็สามารถใช้ตรงนี้เพื่อประโยชน์ของมันได้  เช่น  ทำให้เราไม่ชอบใครคนใดคนหนึ่ง  จริงอยู่  คนๆนั้นอาจไม่ชอบเรา  อาจเป็นคนไม่ดี  คิดร้ายกับเรา  แต่พระก็สอนให้เรารักเค้าใช่มั้ยคะ  บางครั้งการที่เราไม่เคยรู้ว่า  คนๆนั้นเกลียดเรา  เราอาจรักเค้าง่ายกว่าที่รู้ว่า  เค้าเกลียดเราซะอีก  และปีศาจมันก็ไม่ชอบให้ใครรักกันซะด้วยสิ  .....  อันนี้เป็นตัวอย่างนะคะ  พระพรเดียวกัน  แต่ถูกใช้โดยพระหรือโดยปีศาจ 

ตรงประเด็นที่สุดเลยครับ buddy พระพรที่ใหญ่ที่สุดคือความรักครับ

Stephen เขียน: ตรงประเด็นที่สุดเลยครับ buddy พระพรที่ใหญ่ที่สุดคือความรักครับ

เอ่อ...   ที่จริงต้องการสื่อมากกว่าเรื่องความรักนะคะ  ประเด็นคือเรื่อง  การแยกแยะว่า  สิ่งใดมาจากพระ  สิ่งใดจากปีศาจ  สิ่งที่มาจากพระไม่ใช่เรื่องความรักอย่างเดียว  แต่คือเรื่องของการรับใช้ด้วย  ....  และก็เรื่อง  ถึงแม้จะมาจากปีศาจ  เราก็สามารถเอาชนะได้  ถ้าเรานบนอบกับพระ  ให้พระทำงาน

ถ้าแน่ใจว่า  ตัวเองได้รับพระพรให้รู้ความคิดคน  อยากชวนให้ลองไปทำงานอภิบาลดูนะคะ  จะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นมากเลย  ลองทำอาสาสมัครดูก่อนก็ได้ค่ะ


 

Buddy เขียน:

Stephen เขียน: ตรงประเด็นที่สุดเลยครับ buddy พระพรที่ใหญ่ที่สุดคือความรักครับ

เอ่อ...   ที่จริงต้องการสื่อมากกว่าเรื่องความรักนะคะ  ประเด็นคือเรื่อง  การแยกแยะว่า  สิ่งใดมาจากพระ  สิ่งใดจากปีศาจ  สิ่งที่มาจากพระไม่ใช่เรื่องความรักอย่างเดียว  แต่คือเรื่องของการรับใช้ด้วย  ....  และก็เรื่อง  ถึงแม้จะมาจากปีศาจ  เราก็สามารถเอาชนะได้  ถ้าเรานบนอบกับพระ  ให้พระทำงาน

ถ้าแน่ใจว่า  ตัวเองได้รับพระพรให้รู้ความคิดคน  อยากชวนให้ลองไปทำงานอภิบาลดูนะคะ  จะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นมากเลย  ลองทำอาสาสมัครดูก่อนก็ได้ค่ะ


 

เสริมสรุปของคุณบัดดี้ครับ

พระพรที่มาจากพระ จะสังเกตุได้คือ 1.ต้องเสริมสร้างผู้อื่นพระศาสนจักร  2.เสริมสร้างจิตวิญญาณคนผู้นั้นให้เติบโต

พระพรของพระจะไม่มาเพื่อประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น ผู้มีพระพร จะมีภาระใจที่ต้องใช้พระพรในการรับใช้ตามมา

และถ้าใครบอกว่าตนมีพระพรแต่ จิตวิญญาณไม่เติบโตในทางที่ดีหรือชิดสนิทกับพระมากขึ้น อันนี้อาจต้องพิจารณาพระพรหรือไม่ก็ต้องปรับตัวให้ไปให้ถูกทาง

ผมรู้จักกรณีคนที่มีพระพรที่สามารถรับใช้ผู้อื่นได้มาก แต่กลับไม่นำไปใช้ และแม้แต่ไม่รู้จักใช้เพื่อเสริมสร้างตนเองด้วย ซึ่งปรกติจำเป็นต้องมีผู้นำวิญญาณ หรือคุณพ่อวิญาณรักษ์ ที่จะช่วยชี้แนะให้ไปในทิศทางที่ถูก ปัจจุบันเขาก็ไม่ก้าวหน้าเท่าไหร่ในพระพรดังกล่าว ซึ่งจะเปรียบไปกลายเป็นเหมือนคนได้ตะแลนมาก แต่ไม่เอาไปใช้ให้งอกเงยเกิดผล อาจโดนริบในที่สุด


และยังเคยพบกรณีคนที่คิดว่าตนมีพระพรพูดภาษาแปลกๆ แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ ตรงข้ามกลับกลายเป็นถูกผีสิง และผีเป็นผู้ที่แกล้งพูดภาษาแปลกๆเพื่อต่อต้านการวางมือรับพระจิตมาตลอด สุดท้ายเมื่อทำพิธีไล่ผีตามจารีตพระศาสนจักรคาทอลิค ผีไปแล้วก็พูดภาษาแปลกๆไม่ได้อีกเลย

สรุปว่าต้องรอบคอบและต้องไปให้ถูกทางครับ

1ยน 4:1
ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าเชื่อการดลใจทุกประการ แต่จงทดสอบการดลใจต่าง ๆ ก่อน ว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่

เสริมพี่โฮลี่ 

จริงๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นพระพรเหนือธรรมชาตินะคะ ที่เราต้องแบ่งปันให้กับผู้อื่น  พระพรตามธรรมชาติที่เราทุกคนมี  ก็ต้องแบ่งปันเช่นกัน  อย่างเช่น เราเก่งเลข  เราก็ควรช่วยเพื่อนที่ไม่เก่งด้วย  ไม่ใช่งกความรู้ไว้คนเดียว 

Buddy เขียน: เสริมพี่โฮลี่ 

จริงๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นพระพรเหนือธรรมชาตินะคะ ที่เราต้องแบ่งปันให้กับผู้อื่น  พระพรตามธรรมชาติที่เราทุกคนมี  ก็ต้องแบ่งปันเช่นกัน  อย่างเช่น เราเก่งเลข  เราก็ควรช่วยเพื่อนที่ไม่เก่งด้วย  ไม่ใช่งกความรู้ไว้คนเดียว   : xemo016 :

แต่ก็ต้องแบ่งปันให้ถูกวิธีนะครับ ไม่ใช่ เป็นต้นฉบับให้เพื่อนลอกข้อสอบ :emotion_057: อิๆ

Buddy เขียน: เสริมพี่โฮลี่ 

จริงๆแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นพระพรเหนือธรรมชาตินะคะ ที่เราต้องแบ่งปันให้กับผู้อื่น  พระพรตามธรรมชาติที่เราทุกคนมี  ก็ต้องแบ่งปันเช่นกัน  อย่างเช่น เราเก่งเลข  เราก็ควรช่วยเพื่อนที่ไม่เก่งด้วย  ไม่ใช่งกความรู้ไว้คนเดียว   : xemo016 :

สิ่งใดที่เรายังทำไม่ได้ เราก็บอกว่าเหนือธรรมชาติ
พอเราทำได้ก็บอกว่าเป็นธรรมชาติ
พระพรต่างๆหลายประการ แต่เราเคยชินจนรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ
เช่นการบินได้ เราก็นั่งเรือบิน คุยกับน้องบัดดี้ทางโทรศัพท์ที่อเมริกาได้
เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติเมื่อร้อยปีก่อน
ถ้าวันหนึ่งเราสามารถผลิตเครื่องอ่านใจคนได้ ก็จะเป็นเรื่องธรรมชาติอีก
พระทำงานอย่างซับซ้อน และไม่ให้เราตกใจกลัวสิ่งที่พระองค์ประทานให้
และเราใช้พระพรของพระองค์อย่างไร
มีอินเตอร์เนต ไว้เปิดรูปโป๊ หรือ
ปีศาจก็แฝงเข้ามาทำงานเหล่านี้ดว้ยเหมือนกัน
สนบสนุนความเห็นของน้อบัดดี้ที่ให้ระวังการใชพระพรให้ถูกทาง

พระเจ้าคุ้มครอง : emo034 :