รวมกระทู้ของเพื่อนใหม่
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 18, 2007 10:32 pm
ตอนนี้เรามาดูหัวข้อที่น่าสงสัย ซึ่งเป็นคำถามที่มนุษย์หลายคนสงสัยนั่นก็คือคำถามที่ว่า "พระเจ้าสร้างความชั่วใช่ไหม? ลูกไก่พันธุ์เลวต้องมาจากพ่อไก่พันธ์เลว เมื่อมนุษย์เลวนั่นแสดงว่าพระเจ้าเลวด้วยใช่ไหม?"
พระเจ้าไม่ได้สร้างความชั่ว
เมื่อคนหนึ่งบอกว่า "สิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนี้ชั่ว" เราก็ต้องถามเขาว่า "คุณรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนี้ชั่ว ใครบอกคุณ ในเมื่อคุณบอกว่าสิ่งนี้ชั่ว นั่นแสดงว่าคุณรู้ว่าสิ่งที่ดีเป็นอย่างไรใช่ไหม?"
ถ้าเราไปถามปลาว่า "มันรู้จักเปียก ไหมว่าเป็นอย่างไร?" ถ้ามันตอบได้มันคงตอบว่า "ไม่รู้เพราะมันเกิดมามันก็อยู่ในน้ำแล้ว" แต่มนุษย์เรารู้จักเปียก เพราะแต่เดิมเราไม่ได้อยู่ในความเปียก แต่เราอยู่ในความแห้ง เมื่อเราเห็นเก้าอี้ตัวหนึ่งขาหักและมีรอยขีดข่วนเต็มไปหมด เรารู้ว่าเก้าอี้ตัวนี้ "มันไม่ดี มันเสียแล้ว" คุณรู้ได้อย่างไรว่า เก้าอี้ตัวนี้มันไม่ดี มันเสียแล้ว นอกเสียจากคุณรู้ว่าดีหรือไม่เสียมันเป็นอย่างไร? เมื่อเก้าอี้ตัวนี้มันเสีย ก็ไม่ใช่หมายความว่าคนที่สร้างมันไม่ดี แต่คนสร้างมันทำมันอย่างดี แต่ต่อมามันเสียแล้ว มันเคยดีมาก่อนแต่เดี๋ยวนี้มันเสียแล้ว เริ่มต้นมันดี แต่ตอนนี้เสียแล้ว
เช่นเดียวกัน เมื่อคุณบอกว่ามนุษย์ชั่ว ไม่ดี คุณรู้ได้อย่างไรว่า ไม่ดีหรือชั่ว นั่นแสดงว่ามนุษย์นั้นเคยดีมาก่อน แต่ตอนนี้มันชั่วแล้ว พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ดีทุกประการ แต่เดี๋ยวนี้มนุษย์ไม่ดีแล้ว แล้วความไม่ดี ความชั่ว และความผิดบาปของมนุษย์เกิดมาจากไหนกันล่ะ?
กฏ 4 กฎ
เมื่อพระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งนั้น พระองค์ทรงมีกฏเกณฑ์ให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างนอกเหนือจากมนุษย์จะต้องทำตามกฏที่พระเจ้าวางไว้ มันจะแหกกฏไม่ได้และมันไม่มีอิสระในการเลือก
กฏของวัตถ - เมื่อเราโยนวัตถุขึ้นฟ้า กฏของมันก็คือตก และเมื่อมันตก มันก็จะอยู่ตรงนั้นเคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้ พระเจ้ากำหนดให้ดวงอาทิตย์ขึ้น มันจะเลือกไม่ได้ว่า "ฉันไม่ขึ้น" มันต้องขึ้นและแหกกฏไม่ได้
กฏของพืช - มันจะต้องทำตามกฏเกณฑ์ที่ถูกวางกฏไว้ เช่น ใบของไมยราบเมื่อเราไปแตะมัน มันจะหุบ มันจะเลือกไม่หุบไม่ได้ ดอกของต้นไม้เมื่อถึงเวลาจะบาน มันต้องบาน มันจะเลือกไม่บานไม่ได้เลย
กฏของสัตว์ - มันจะต้องทำตามกฏและสัญชาติญาณที่มันถูกวางไว้เท่านั้น สัญชาติญาณคืออะไร ก็คือ การตอบสนองต่อสิ่งที่เข้ามาในชีวิตทันทีโดยไม่มีปิดบัง เมื่อมีคนหนึ่งยื่นนิ้วมาเพื่อจะจี้คุณที่เอว คุณจะเบี่ยงตัวหลบทันที เมื่อมีคนจะเอาปากกามาวาดหนวดให้คุณ คุณก็จะเอาใบหน้าหนีทันที นี่คือสัญชาติญาณ แต่มนุษย์เรามีลึกกว่าสัตว์เพราะเรามีจิตวิญญาณ(สิ่งนี้ทำให้เราแตกต่างจากสัตว์อย่างสิ้นเชิง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราสามารถที่จะยิ้มข้างนอก แต่ภายในใจยังฆ่ากันได้ สิ่งนี้ทำให้มนุษย์ดูภายนอกอาจจะว่าเป็นคนดี แต่ภายในอาจจะเต็มไปด้วยความชั่วก็ได้) แต่สัตว์มันมีแค่สัญชาติญาณ และมันจะต้องทำตามกฏของสัญชาติญาณที่มันถูกวางไว้ทุกประการเลือกไม่ได้เลย เช่น พระเจ้าทรงวางกฏเกณฑ์ให้แมงมุมต้องทำบ้านด้วยใย มันก็ต้องทำด้วยใยจะแหกกฏไม่ได้เลย เมื่อหมามันโกรธหรือเห็นคนแปลกหน้ามันจะแยกเขี้ยวหรือขู่คำรามทันที เมื่อหมามันเห็นหมาตัวอื่นเข้ามาในถิ่นมัน มันจะมีปฏิกริยาทันที เมื่อหมาตัวผู้เห็นหมาตัวเมีย มันจะวิ่งเข้าไปดมก้นหมาตัวเมียทันที เมื่อหมามันต้องการผสมพันธุ์ มันก็ไม่มีปิดบังและไม่เลือกด้วยว่า ตัวผู้หรือตัวเมียที่มันผสมพันธ์ด้วยนั้นจะเป็นพ่อ แม่ พี่ น้องหรือลูกมัน มันจะทำตามสัญชาติญาณเท่านั้น
กฏของมนุษย์ - จากข้างต้นเราจะเห็นว่าทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็น วัตถุ พืชหรือสัตว์มันจะต้องทำตามกฏที่พระเจ้าวางไว้ทุกประการ มันเลือกไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันไม่ต้องรับผิดชอบ หรือมีคนต้องให้มันรับผิดชอบการกระทำของมัน แต่มนุษย์เราไม่ใช่อย่างนั้น ถึงแม้เรามีกฏแต่เราสามารถแหกกฏได้ คุณเคยพูดกับคนอื่นด้วยประโยคต่อไปนี้ไหม? "ทำไมคุณทำอย่างนี้?" "คุณไม่น่าทำอย่างนี้" ประโยคเหล่านี้ที่คุณถามคนอื่นกำลังชี้ให้เห็นว่า คุณกำลังต่อว่าเขาว่า "เขาไม่ทำตามกฏ เขาไม่เล่นตามกฏ เขากำลังแหกกฏ"
มนุษย์เรารู้ดีอยู่แก่ใจว่า ภายในจิตใจของเรามีกฏ และเรารู้ว่ากฏนั้นดี แต่เรามีอิสระในการเลือกได้ว่าจะทำตามหรือไม่ทำตามกฏนั้น ถ้าเราทำตามเราจะไม่รู้สึกผิด แต่ถ้าเราไม่ทำตามเราจะรู้สึกผิดทันที และเรายังรู้สึกว่าเราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเราด้วย เช่น เมื่อหมาตัวผู้ทำหมาตัวเมียท้อง มันไม่ต้องรับผิดชอบและมันก็ไม่รู้สึกว่ามันต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของมัน และก็ไม่มีใครที่เรียกร้องให้มันรับผิดชอบ แต่ถ้าผู้ชายคนหนึ่งทำผู้หญิงท้อง เขาจะรู้สึกถึงการรับผิดชอบทันที(ถ้าหากเขาไม่รับผิดชอบและบอกว่าไม่รู้สึกผิด แต่เขาก็โกหกตัวเองไม่ได้เพราะลึกๆของเขาจะรู้สึกขัดแย้งหรือรู้สึกผิดอย่างแน่นอน)
จากข้างต้นเราจะเห็นว่าพระเจ้าไม่ได้สร้างความชั่วและพระองค์ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ แต่มนุษย์ต่างหากที่ใช้อิสระในการเลือกที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่เขาในทางที่ผิด ความชั่วจึงได้เกิดขึ้นและมนุษย์จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง พระเจ้าสร้างดีทุกประการ แต่เพราะมนุษย์ใช้อิสระในทางที่ผิดความชั่วจึงได้เกิดขึ้น เหมือนกับคุณเป็นเจ้าของโรงงานสร้างเครื่องพิมพ์ดีดที่ดีที่สุดในโลก ต่อมาผมได้ไปซื่อเครื่องพิมพ์ดีดของโรงงานคุณมาเครื่องหนึ่ง แล้วนำมาพิมพ์ ต่อมาพิมพ์ผิด ผมก็ยกเครื่องพิมพ์ดีดไปหาคุณแล้วบอกว่า "คุณต้องรับผิดชอบในคำผิดที่เกิดขึ้นน่ะ เพราะคุณทำไมสร้างเครื่องพิมพ์ดีดที่พิมพ์ผิดได้" คุณลองนั่งคิดดูซิว่า ใครต้องรับผิดชอบกันแน่ คนสร้างหรือคนที่ใช้ คำตอบก็คือคนที่นำไปใช้อย่างแน่นอน ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าคนที่นำไปใช้ไม่ได้ควบคุมหรือไม่ระมัดระวังในการพิมพ์ คำผิดจึงเกิดขึ้น คนที่ใช้ต้องรับผิดชอบไม่ใช่ผู้สร้าง
มีคนหนึ่งเดินเข้าไปใช้ส้วมสาธารณะ เมื่อออกมาก็พูดว่า "สกปรกฉิบเป๋ง..คนสร้างมันนี้คงสกปรกน่าดู" พอดีคนคนสร้างได้ยินก็เลยตอบเขาว่า "ผมไม่ได้สกปรก ผมสร้างมันอย่างสะอาด ต่อมาเมื่อมีคนใช้ไม่ยอมรักษาความสะอาด มันจึงสกปรก และเมื่อคุณเข้าไปก็ยิ่งทำให้มันสกปรกมากขึ้น"
พระเจ้าไม่ได้สร้างความชั่ว
เมื่อคนหนึ่งบอกว่า "สิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนี้ชั่ว" เราก็ต้องถามเขาว่า "คุณรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนี้ชั่ว ใครบอกคุณ ในเมื่อคุณบอกว่าสิ่งนี้ชั่ว นั่นแสดงว่าคุณรู้ว่าสิ่งที่ดีเป็นอย่างไรใช่ไหม?"
ถ้าเราไปถามปลาว่า "มันรู้จักเปียก ไหมว่าเป็นอย่างไร?" ถ้ามันตอบได้มันคงตอบว่า "ไม่รู้เพราะมันเกิดมามันก็อยู่ในน้ำแล้ว" แต่มนุษย์เรารู้จักเปียก เพราะแต่เดิมเราไม่ได้อยู่ในความเปียก แต่เราอยู่ในความแห้ง เมื่อเราเห็นเก้าอี้ตัวหนึ่งขาหักและมีรอยขีดข่วนเต็มไปหมด เรารู้ว่าเก้าอี้ตัวนี้ "มันไม่ดี มันเสียแล้ว" คุณรู้ได้อย่างไรว่า เก้าอี้ตัวนี้มันไม่ดี มันเสียแล้ว นอกเสียจากคุณรู้ว่าดีหรือไม่เสียมันเป็นอย่างไร? เมื่อเก้าอี้ตัวนี้มันเสีย ก็ไม่ใช่หมายความว่าคนที่สร้างมันไม่ดี แต่คนสร้างมันทำมันอย่างดี แต่ต่อมามันเสียแล้ว มันเคยดีมาก่อนแต่เดี๋ยวนี้มันเสียแล้ว เริ่มต้นมันดี แต่ตอนนี้เสียแล้ว
เช่นเดียวกัน เมื่อคุณบอกว่ามนุษย์ชั่ว ไม่ดี คุณรู้ได้อย่างไรว่า ไม่ดีหรือชั่ว นั่นแสดงว่ามนุษย์นั้นเคยดีมาก่อน แต่ตอนนี้มันชั่วแล้ว พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ดีทุกประการ แต่เดี๋ยวนี้มนุษย์ไม่ดีแล้ว แล้วความไม่ดี ความชั่ว และความผิดบาปของมนุษย์เกิดมาจากไหนกันล่ะ?
กฏ 4 กฎ
เมื่อพระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งนั้น พระองค์ทรงมีกฏเกณฑ์ให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างนอกเหนือจากมนุษย์จะต้องทำตามกฏที่พระเจ้าวางไว้ มันจะแหกกฏไม่ได้และมันไม่มีอิสระในการเลือก
กฏของวัตถ - เมื่อเราโยนวัตถุขึ้นฟ้า กฏของมันก็คือตก และเมื่อมันตก มันก็จะอยู่ตรงนั้นเคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้ พระเจ้ากำหนดให้ดวงอาทิตย์ขึ้น มันจะเลือกไม่ได้ว่า "ฉันไม่ขึ้น" มันต้องขึ้นและแหกกฏไม่ได้
กฏของพืช - มันจะต้องทำตามกฏเกณฑ์ที่ถูกวางกฏไว้ เช่น ใบของไมยราบเมื่อเราไปแตะมัน มันจะหุบ มันจะเลือกไม่หุบไม่ได้ ดอกของต้นไม้เมื่อถึงเวลาจะบาน มันต้องบาน มันจะเลือกไม่บานไม่ได้เลย
กฏของสัตว์ - มันจะต้องทำตามกฏและสัญชาติญาณที่มันถูกวางไว้เท่านั้น สัญชาติญาณคืออะไร ก็คือ การตอบสนองต่อสิ่งที่เข้ามาในชีวิตทันทีโดยไม่มีปิดบัง เมื่อมีคนหนึ่งยื่นนิ้วมาเพื่อจะจี้คุณที่เอว คุณจะเบี่ยงตัวหลบทันที เมื่อมีคนจะเอาปากกามาวาดหนวดให้คุณ คุณก็จะเอาใบหน้าหนีทันที นี่คือสัญชาติญาณ แต่มนุษย์เรามีลึกกว่าสัตว์เพราะเรามีจิตวิญญาณ(สิ่งนี้ทำให้เราแตกต่างจากสัตว์อย่างสิ้นเชิง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราสามารถที่จะยิ้มข้างนอก แต่ภายในใจยังฆ่ากันได้ สิ่งนี้ทำให้มนุษย์ดูภายนอกอาจจะว่าเป็นคนดี แต่ภายในอาจจะเต็มไปด้วยความชั่วก็ได้) แต่สัตว์มันมีแค่สัญชาติญาณ และมันจะต้องทำตามกฏของสัญชาติญาณที่มันถูกวางไว้ทุกประการเลือกไม่ได้เลย เช่น พระเจ้าทรงวางกฏเกณฑ์ให้แมงมุมต้องทำบ้านด้วยใย มันก็ต้องทำด้วยใยจะแหกกฏไม่ได้เลย เมื่อหมามันโกรธหรือเห็นคนแปลกหน้ามันจะแยกเขี้ยวหรือขู่คำรามทันที เมื่อหมามันเห็นหมาตัวอื่นเข้ามาในถิ่นมัน มันจะมีปฏิกริยาทันที เมื่อหมาตัวผู้เห็นหมาตัวเมีย มันจะวิ่งเข้าไปดมก้นหมาตัวเมียทันที เมื่อหมามันต้องการผสมพันธุ์ มันก็ไม่มีปิดบังและไม่เลือกด้วยว่า ตัวผู้หรือตัวเมียที่มันผสมพันธ์ด้วยนั้นจะเป็นพ่อ แม่ พี่ น้องหรือลูกมัน มันจะทำตามสัญชาติญาณเท่านั้น
กฏของมนุษย์ - จากข้างต้นเราจะเห็นว่าทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็น วัตถุ พืชหรือสัตว์มันจะต้องทำตามกฏที่พระเจ้าวางไว้ทุกประการ มันเลือกไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันไม่ต้องรับผิดชอบ หรือมีคนต้องให้มันรับผิดชอบการกระทำของมัน แต่มนุษย์เราไม่ใช่อย่างนั้น ถึงแม้เรามีกฏแต่เราสามารถแหกกฏได้ คุณเคยพูดกับคนอื่นด้วยประโยคต่อไปนี้ไหม? "ทำไมคุณทำอย่างนี้?" "คุณไม่น่าทำอย่างนี้" ประโยคเหล่านี้ที่คุณถามคนอื่นกำลังชี้ให้เห็นว่า คุณกำลังต่อว่าเขาว่า "เขาไม่ทำตามกฏ เขาไม่เล่นตามกฏ เขากำลังแหกกฏ"
มนุษย์เรารู้ดีอยู่แก่ใจว่า ภายในจิตใจของเรามีกฏ และเรารู้ว่ากฏนั้นดี แต่เรามีอิสระในการเลือกได้ว่าจะทำตามหรือไม่ทำตามกฏนั้น ถ้าเราทำตามเราจะไม่รู้สึกผิด แต่ถ้าเราไม่ทำตามเราจะรู้สึกผิดทันที และเรายังรู้สึกว่าเราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเราด้วย เช่น เมื่อหมาตัวผู้ทำหมาตัวเมียท้อง มันไม่ต้องรับผิดชอบและมันก็ไม่รู้สึกว่ามันต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของมัน และก็ไม่มีใครที่เรียกร้องให้มันรับผิดชอบ แต่ถ้าผู้ชายคนหนึ่งทำผู้หญิงท้อง เขาจะรู้สึกถึงการรับผิดชอบทันที(ถ้าหากเขาไม่รับผิดชอบและบอกว่าไม่รู้สึกผิด แต่เขาก็โกหกตัวเองไม่ได้เพราะลึกๆของเขาจะรู้สึกขัดแย้งหรือรู้สึกผิดอย่างแน่นอน)
จากข้างต้นเราจะเห็นว่าพระเจ้าไม่ได้สร้างความชั่วและพระองค์ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ แต่มนุษย์ต่างหากที่ใช้อิสระในการเลือกที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่เขาในทางที่ผิด ความชั่วจึงได้เกิดขึ้นและมนุษย์จะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง พระเจ้าสร้างดีทุกประการ แต่เพราะมนุษย์ใช้อิสระในทางที่ผิดความชั่วจึงได้เกิดขึ้น เหมือนกับคุณเป็นเจ้าของโรงงานสร้างเครื่องพิมพ์ดีดที่ดีที่สุดในโลก ต่อมาผมได้ไปซื่อเครื่องพิมพ์ดีดของโรงงานคุณมาเครื่องหนึ่ง แล้วนำมาพิมพ์ ต่อมาพิมพ์ผิด ผมก็ยกเครื่องพิมพ์ดีดไปหาคุณแล้วบอกว่า "คุณต้องรับผิดชอบในคำผิดที่เกิดขึ้นน่ะ เพราะคุณทำไมสร้างเครื่องพิมพ์ดีดที่พิมพ์ผิดได้" คุณลองนั่งคิดดูซิว่า ใครต้องรับผิดชอบกันแน่ คนสร้างหรือคนที่ใช้ คำตอบก็คือคนที่นำไปใช้อย่างแน่นอน ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะว่าคนที่นำไปใช้ไม่ได้ควบคุมหรือไม่ระมัดระวังในการพิมพ์ คำผิดจึงเกิดขึ้น คนที่ใช้ต้องรับผิดชอบไม่ใช่ผู้สร้าง
มีคนหนึ่งเดินเข้าไปใช้ส้วมสาธารณะ เมื่อออกมาก็พูดว่า "สกปรกฉิบเป๋ง..คนสร้างมันนี้คงสกปรกน่าดู" พอดีคนคนสร้างได้ยินก็เลยตอบเขาว่า "ผมไม่ได้สกปรก ผมสร้างมันอย่างสะอาด ต่อมาเมื่อมีคนใช้ไม่ยอมรักษาความสะอาด มันจึงสกปรก และเมื่อคุณเข้าไปก็ยิ่งทำให้มันสกปรกมากขึ้น"