† ความสำคัญของกามารมณ์ (Sexuality) †
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 20, 2007 2:47 pm
แนะแนวการศึกษาเรื่องความรักในแบบของมนุษย์
สมณกระทรวงสำหรับการศึกษาคาทอลิก, ค.ศ.1983
(แปลโดย อาจารย์ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา)
ความสำคัญของกามารมณ์ (Sexuality)
4.กามารมณ์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของบุคลิกภาพ เป็นลักษณะหนึ่งของความเป็นอยู่, การแสดงให้ปรากฏ, การสื่อความเข้าใจกับผู้อื่น, การรู้สึก, การแสดงออก, และการดำเนินชีวิตความรักในแบบของมนุษยชน ดังนั้น จึงเป็นส่วนแห่งบูรณาการ ในการพัฒนาบุคลิกภาพ และในกระบวนการให้การศึกษา “ความจริงแล้วก็จากเพศนี้เองที่บุคคลผู้เป็นมนุษย์ได้รับคุณลักษณะซึ่งทำให้เขาเป็นชายหรือหญิงทั้งจากแง่ของชีววิทยา จิตวิทยา และชีวิตภายในและดังนั้น จึงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดเงื่อนไขที่จะทำให้ชายหรือหญิงนั้น ก้าวหน้าไปสู่พฤติภาวะและการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม”
5.กามารมณ์เป็นเครื่องแสดงลักษณะของความเป็นชายหรือหญิง มีเพียงในระดังกายภาพเท่านั้นแต่ในระดับจิตวิทยา และชีวิตภายในอีกด้วย โดยแสดงเครื่องหมายให้ปรากฏ ไว้ในการแสดงออกของหญิงและชายทุกคน ความผิดแผกแตกต่างดังกล่าวนี้ เมื่อบวกกับการที่ทั้งสองเพศต่างมีลักษณะที่เกื้อกูลกันและกันให้สมบูรณ์ ก็ช่วยให้สามารถสนองตอบต่อแผนการของพระเป็นเจ้าได้อย่างเต็มที่ แล้วแต่กระแสเรียกซึ่งแต่ละคนได้รับมา
การร่วมเพศ ซึ่งบัญญัติขึ้นไว้เพื่อให้มนุษย์ได้ก่อกำเนิดบุตรหลานต่อไป เป็นการแสดงออกขั้นสูงสุดในกระดับกายภาพ ของความสนิทเป็นหนึ่งเดียวในความรัก ของบุคคลที่สมรสแล้ว การร่วมเพศนั้นหากถูกตัดขาดออกไปเสียจากภาวะที่ว่า เป็นการให้ซึ่งกันและกัน อันเป็นภาวะความเป็นจริงซึ่งคริสตชนชื่นชม โดยได้รับการสนับสนุนให้อิ่มเอมงดงามเป็นพิเศษจากพระหรรษทานของพระเจ้า แล้วก็ย่อมไร้ความหมาย ซ้ำยังแสดงถึงความเห็นแก่ตัวของแต่ละบุคคลและเป็นความยุ่งเหยิงทางจริยธรรมอีกด้วย
6.กามารมณ์นั้น หากได้รับการชี้ทิศทางที่ถูกต้อง, เชิดชูไว้ในที่สูง และสมบูรณ์ด้วยความรัก ย่อมจะทรงไว้ซึ่งคุณสมบัติอันคู่ควรแก่มนุษย์อย่างแท้จริง กามารมณ์ที่ได้รับการตระเตรียมเป็นอย่างดีให้พัฒนาทั้งทางด้านกายภาพและจิตวิทยา ย่อมเจริญเติบโตในแบบที่ประสมประสานกันอย่างกลมกลืน และจะประสบความสำเร็จในความหมายอันบริบูรณ์ ก็ต่อเมื่อได้บรลุพฤฒิภาวะในด้านของความเสน่หาแล้ว ซึ่งจะแสดงให้ปรากฏในรูปของคามรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว และในการอุทิศตนเองโดยสิ้นเชิง
สมณกระทรวงสำหรับการศึกษาคาทอลิก, ค.ศ.1983
(แปลโดย อาจารย์ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา)
ความสำคัญของกามารมณ์ (Sexuality)
4.กามารมณ์เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของบุคลิกภาพ เป็นลักษณะหนึ่งของความเป็นอยู่, การแสดงให้ปรากฏ, การสื่อความเข้าใจกับผู้อื่น, การรู้สึก, การแสดงออก, และการดำเนินชีวิตความรักในแบบของมนุษยชน ดังนั้น จึงเป็นส่วนแห่งบูรณาการ ในการพัฒนาบุคลิกภาพ และในกระบวนการให้การศึกษา “ความจริงแล้วก็จากเพศนี้เองที่บุคคลผู้เป็นมนุษย์ได้รับคุณลักษณะซึ่งทำให้เขาเป็นชายหรือหญิงทั้งจากแง่ของชีววิทยา จิตวิทยา และชีวิตภายในและดังนั้น จึงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดเงื่อนไขที่จะทำให้ชายหรือหญิงนั้น ก้าวหน้าไปสู่พฤติภาวะและการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม”
5.กามารมณ์เป็นเครื่องแสดงลักษณะของความเป็นชายหรือหญิง มีเพียงในระดังกายภาพเท่านั้นแต่ในระดับจิตวิทยา และชีวิตภายในอีกด้วย โดยแสดงเครื่องหมายให้ปรากฏ ไว้ในการแสดงออกของหญิงและชายทุกคน ความผิดแผกแตกต่างดังกล่าวนี้ เมื่อบวกกับการที่ทั้งสองเพศต่างมีลักษณะที่เกื้อกูลกันและกันให้สมบูรณ์ ก็ช่วยให้สามารถสนองตอบต่อแผนการของพระเป็นเจ้าได้อย่างเต็มที่ แล้วแต่กระแสเรียกซึ่งแต่ละคนได้รับมา
การร่วมเพศ ซึ่งบัญญัติขึ้นไว้เพื่อให้มนุษย์ได้ก่อกำเนิดบุตรหลานต่อไป เป็นการแสดงออกขั้นสูงสุดในกระดับกายภาพ ของความสนิทเป็นหนึ่งเดียวในความรัก ของบุคคลที่สมรสแล้ว การร่วมเพศนั้นหากถูกตัดขาดออกไปเสียจากภาวะที่ว่า เป็นการให้ซึ่งกันและกัน อันเป็นภาวะความเป็นจริงซึ่งคริสตชนชื่นชม โดยได้รับการสนับสนุนให้อิ่มเอมงดงามเป็นพิเศษจากพระหรรษทานของพระเจ้า แล้วก็ย่อมไร้ความหมาย ซ้ำยังแสดงถึงความเห็นแก่ตัวของแต่ละบุคคลและเป็นความยุ่งเหยิงทางจริยธรรมอีกด้วย
6.กามารมณ์นั้น หากได้รับการชี้ทิศทางที่ถูกต้อง, เชิดชูไว้ในที่สูง และสมบูรณ์ด้วยความรัก ย่อมจะทรงไว้ซึ่งคุณสมบัติอันคู่ควรแก่มนุษย์อย่างแท้จริง กามารมณ์ที่ได้รับการตระเตรียมเป็นอย่างดีให้พัฒนาทั้งทางด้านกายภาพและจิตวิทยา ย่อมเจริญเติบโตในแบบที่ประสมประสานกันอย่างกลมกลืน และจะประสบความสำเร็จในความหมายอันบริบูรณ์ ก็ต่อเมื่อได้บรลุพฤฒิภาวะในด้านของความเสน่หาแล้ว ซึ่งจะแสดงให้ปรากฏในรูปของคามรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว และในการอุทิศตนเองโดยสิ้นเชิง