เราพอจะทำอะไรได้บ้าง?

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
poloplow
โพสต์: 402
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 11:01 pm

ศุกร์ ก.พ. 09, 2007 10:27 pm

เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา  ผมได้เข้าไปในเว็บพันทิปห้องศาสนา http://www.pantip.com/cafe/religious/
และได้ไปอ่านกระทู้ที่ผ่าน ๆ มา

พบว่าปัจจุบัน  มีชาวยุโรปได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามมากขึ้น

ผมเลยมองย้อนกลับมาที่ตัวเองครับ  ว่าเรานั้นพอจะทำอะไรเพื่อเผยแพร่ข่าวดีของพระเจ้าได้บ้าง
เพราะผมเองก็อยากให้มีคนหันมากลับใจมากขึ้นด้วย

ผมเองเป็นนักเรียน(แถมยังไม่ล้างบาป)ทำอะไรได้ไม่ค่อยมาก  เลยอยากถามขอคำแนะนำจากพี่ ๆ ในบอร์ดครับ  ขอบคุณครับ ::003::
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ก.พ. 09, 2007 10:41 pm

สวดภาวนาค่ะ  เราทำอะไรไม่ได้มากนอกจากสวดภาวนาและพลีกรรม  ที่เค้าไปนับถือกันพี่ว่า  เพราะเค้าไม่รับว่า  พระเยซูเจ้าเป็นพระเจ้า  เค้าชอบพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่  มีอำนาจ (นั่นคือสิ่งที่เค้าบูชา) มากกว่าพระเจ้าที่อ่อนโยนและเปี่ยมด้วยรัก  

สวดให้ความจองหองมันอย่าได้มีอำนาจเหนือเรา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ ก.พ. 09, 2007 11:05 pm

ข้าแต่พระเยซู

ขอให้ ผู้ที่ฟังแล้วฟังเล่า แต่ไม่เข้าใจ

มองแล้ว แต่ไม่เห็น

ให้รู้ และรู้จักว่า


::017::พระเจ้า คือ ความรัก : xemo026 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ก.พ. 10, 2007 10:45 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ ก.พ. 09, 2007 11:49 pm

Buddy เขียน: สวดภาวนาค่ะ  เราทำอะไรไม่ได้มากนอกจากสวดภาวนาและพลีกรรม  ที่เค้าไปนับถือกันพี่ว่า  เพราะเค้าไม่รับว่า  พระเยซูเจ้าเป็นพระเจ้า  เค้าชอบพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่  มีอำนาจ (นั่นคือสิ่งที่เค้าบูชา) มากกว่าพระเจ้าที่อ่อนโยนและเปี่ยมด้วยรัก  

สวดให้ความจองหองมันอย่าได้มีอำนาจเหนือเรา
ใช่ครับ เราทำได้แค่นี้จริง ๆ ::008::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ ก.พ. 10, 2007 4:53 am

ไทมส์
5 กุมภาพันธ์ 2005

มุสลิมเปลี่ยนศาสนาถูกขับไล่ หวั่นภัยจากศรัทธาและครอบครัว

โดย แอนโทนี่ บราวนี่





ขณะที่ชาวคริสต์ที่ได้เปลี่ยนศาสนาสู่อิสลามได้รับการเลี้ยงต้อนรับ ชาวมุสลิมกว่า 2 แสนคนที่ได้เปลี่ยนเป็นศาสนาอื่นกลับต้องผจญกับภัยคุกคาม ความรุนแรง ถึงขั้นฆาตกรรม







อิฐก้อนแรกได้ถูกขว้างผ่านหน้าต่างห้องนั่งเล่นในยามเช้า และได้ปลุก นิสซาร์ ฮัซเซน (Nissar Hussein) ภรรยาและลูก ๆ อีก 5 คน ให้ตื่นขึ้นมาอย่างหวาดกลัว ขณะที่อิฐก้อนที่สองลอยละลิ่วผ่านกระจกรถเข้ามาต่อ

นี่เป็นเรื่องน่าตื่นตะลึง แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ก้อนอิฐอีกก้อนหนึ่งก็ถูกขว้างผ่านหน้าต่างเข้าไปขณะที่ครอบครัวนี้กำลังเตรียมจะเข้านอนในบ้านที่แบรดฟอร์ดของพวกเขา พวกเขาเหล่านี้เป็นเหยื่อของความเกลียดชังทางศาสนามาเป็นเวลากว่า 3 ปี  รถของนาย ฮัซเซน ถูกกระแทก ทุบตี และ ถูกเผา และแม้แต่ทางเข้าบ้านก็ยังมีกองขยะโปรยไว้เต็มไปหมด

เขาและครอบครัวต้องประสบกับภัยคุกคามเช่นนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะการชน การประทุษร้าย การทำร้ายร่างกาย และการตะโกนด่าว่าขับไล่ให้บ้ายไปอยู่ที่อื่น หรือแม้แต่การขู่ฆ่ายามพบเจอบนท้องถนน  ภรรยาของเขาเคยถูกจับเป็นตัวประกันในบ้านของตัวเองเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมงโดยกลุ่มม็อบ  ขณะที่รถ กำแพง และหน้าต่างของบ้านถูกพ่นสีเป็นข้อความว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ เสาร์ ก.พ. 10, 2007 5:04 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ ก.พ. 10, 2007 5:20 am

อนาคตอันไม่แน่นอนของอิสลาม


พอล มาร์แชล แห่ง ฟรีด้อม เฮาส์ กล่าวว่า ชารีอะ นั้นทั้งอันตรายน้อยและมากกว่าที่คุณคิดเอาไว้นัก
สัมภาษณ์โดย สแตน กูตรี  2 / 9 / 2006  09:30 a.m.


*ชารีอะ (Shariah = ประมวลกฎหมายอิสลาม ที่ได้รับมาจากคัมภีร์อัลกุรอ่าน และคำสอนของโมฮัมเหม็ด)




   พอล มาร์แชล สมาชิกอาวุโสแห่งศูนย์ฟรีด้อม เฮาส์ เพื่อเสรีภาพทางการศาสนา และเป็นบรรณาธิการของหนังสือ The Worldwide Spread of Extreme Shariah Law (Rowman & Littlefield Publishers, 2005)

สแตน กูตรี ในฐานะบรรณาธิการ่วมอาวุโส และเป็นผู้ประพันธ์ Missions in the Third Millennium: 21 Key Trends for the 21st Century ได้ทำการสัมภาษณ์ มาร์แชล



คุณจำแนกระหว่าง ชารีอะ กับ กฎหมายอิสลาม 2 สิ่งนี้อย่างไร ?


สองสิ่งซึ่งเป็นที่เข้าใจยอมรับและถูกใช้โดยชาวมุสลิมทั่วโลกนี้

3 ปีที่ผ่านมานี้ ผมได้เดินทางไปยังชุมชนมุสลิมหลายต่อหลายแห่งทั่วโลก และได้มีโอกาสสนทนาเรื่อง ชารีอะ

ผมได้ใช้คำว่าการถือตามชารีอะอย่างสุดโต่งสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในซาอุดิอารเบีย อิหร่าน และ ปากีสถาน   สถานที่ซึ่งผู้หลบหลู่ศาสนาถูกประหาร และผู้ทำผิดประเวณีเจอทุ่มหินใส่จนตาย และอื่น ๆ แต่ปัญหาคือมุสลิมโดยทั่วไปได้กระทำเช่นนี้กันในวงกว้างมาอย่างช้านานแล้ว ในประเทศอินโดนีเซีย หากคุณถามผู้คนว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ เสาร์ ก.พ. 10, 2007 5:35 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ ก.พ. 10, 2007 9:45 am

อ่านแล้วสงสารอ่ะครับ ช่วยกันสวดให้พวกเค้าด้วยนะครับ : xemo031 :
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ ก.พ. 10, 2007 7:02 pm

คนยุโรป ไม่มากหรอกที่เปลี่ยนศาสนา
เขาแค่ออกจกโลกเก่าพอมาเจอศาสนาต่างๆก็สนใจ
แต่ที่เปลี่ยนนั้นน้อยกว่าน้อย

ที่น่ากลัวคือเขาถือคริสต์เป็นแค่ประเพณ๊
ไปวัดสามครั้ง รับศีลล้างบาป
แต่งงาน บางทีก็ไม่แต่ง พอมีลูกก็พาไปล้างบาป
แล้วก็ไปอีกทีเขาก็หามไปฝัง ::008::
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.พ. 10, 2007 7:50 pm

Phulasso เขียน: คนยุโรป ไม่มากหรอกที่เปลี่ยนศาสนา
เขาแค่ออกจกโลกเก่าพอมาเจอศาสนาต่างๆก็สนใจ
แต่ที่เปลี่ยนนั้นน้อยกว่าน้อย

ที่น่ากลัวคือเขาถือคริสต์เป็นแค่ประเพณ๊
ไปวัดสามครั้ง รับศีลล้างบาป
แต่งงาน บางทีก็ไม่แต่ง พอมีลูกก็พาไปล้างบาป
แล้วก็ไปอีกทีเขาก็หามไปฝัง ::008::
บางคนแค่ครั้งเดียวค่ะ คนอื่นหามไปด้วย คือหลังจากตาย :cry:
demon of east
โพสต์: 50
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 28, 2006 12:49 pm

อังคาร ก.พ. 13, 2007 3:39 pm

ต้องเข้าใจประวัติศาสตร์ยุโรปย้อนหลังนะครับว่า มันเคยเกิดวิกฤติคริสตศาสนามาก่อน (หาอ่านได้จากหนังสือของท่านไมเคิล ไรต์) เมื่อสังคมเปิดกว้าง ก็รับเอาความคิดจากตะวันออกมาด้วย ไม่ใช่แค่อิสลามละครับ ฮินดูก็มี (เช่น 1 ในศิลปินใน 4 เต่าทองก็เปลี่ยนเป็นฮินดู) พุทธก็มี (ซึ่งชาวพุทธหลายท่านภมิใจไม่ใช่น้อย) เผยแผ่เข้าไปในยุโรปก็ไม่น้อย คิดในแง่ดีก็ต้องถือว่ายุโรปเป็นสังคมที่เปิดกว้างทางความคิดมากขึ้น ศาสนาก็ควรเป็นเรื่องของเสรีภาพในการนับถือละครับ คริสตศาสนิกก็ต้องไตร่ตรองทบทวนความผิดพลาดในอดีตที่ผิดพลาด
แต่บางทีประเด็นทางศาสนาก็ละเอียดอ่อนละครับ ส่วนพี่น้องของเราคงต้องสวดภาวนาของให้พระเจ้าโปรดช่วยเขาด้วยละครับ พระเยซูท่านก็ตรัสไว้แล้วว่า
"ท่านทั้งหลายจะถูกข่มเหงเพราะนามของเรา"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Florian
โพสต์: 1513
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 31, 2006 12:05 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

อังคาร ก.พ. 13, 2007 5:05 pm

ไม่เพียงแค่สวดภาวนานะครับ แต่ที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือการเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้า น้องสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องสันติภาพ ความดี ความรัก และการให้อภัย  พี่ว่าการที่ชาวคริสต์จำนวนหนึ่งหวั่นไหวสั่นคลอนกับความเชื่อของตนเองก็เพราะเขาสัมผัสไม่ได้ถึงพระเจ้า เป็นต้นพระเจ้าในฐานะที่ทรงเป็นองค์ความรัก  หลายครั้งความรักและการให้อภัยแม้เพียงสักครั้งเดียวก็อาจเปลี่ยนจิตใจคนที่แข็งดั่งศิลาให้อ่อนลงได้นะครับ ซึ่งพี่เชื่อว่าถ้าเขาได้สัมผัสหรือเข้าถึงความรักของพระเจ้าอย่างแท้จริง ได้สัมผัสหรือเข้าถึงความรักต่อเพื่อนพี่น้องอย่างแท้จริง ความเชื่อของเขาก็จะไม่หวั่นไหวคลอนแคลนไปเลยครับ

ในฐานะนักเรียนคนหนึ่ง น้องสามารถแสดงความรักต่อเพื่อนที่โรงเรียนได้ เช่น ช่วยเหลือผู้อื่น ให้กำลังใจเพื่อนที่ท้อแท้ใจ อยู่เคียงข้างเพื่อนที่กำลังรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย ฯลฯ เมื่อเราทำผิดก็กล้าขอโทษ และเมื่อมีคนทำให้น้องเจ็บช้ำน้ำใจก็กล้าที่จะให้อภัย เช่นนี้ก็จะเป็นดังที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสไว้ว่า เมื่อท่านรักกันและกัน คนทั้งหลายก็จะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา  นี่ไงครับ น้องเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้าแล้ว  เมื่อมีคนถามน้องว่าทำไมน้องจึงรัก อารีอารอบต่อผู้อื่น และให้อภัยผู้อื่นเมื่อเขาทั้งหลายทำผิดต่อน้อง  น้องก็สามารถกล่าวได้เต็มปากว่า น้องเป็นลูกของพระเจ้าองค์ความรัก  น้องเป็นศิษย์ของพระคริสตองค์  นี่ไงครับ น้องได้ทำแล้ว น้องได้ประกาศถึงพระเจ้าแล้ว

นอกจากนี้ การเป็นแบบอย่างที่ดีในการเรียน เช่น เข้าเรียนสม่ำเสมอ ตรงเวลา ขยันหมั่นเพียร ฯลฯ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการประกาศถึงพระนามของพระเจ้า เพราะเมื่อใดมีคนถามว่าทำไมน้องถึงได้เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ขยันหมั่นเพียร มีวินัยและความรับผิดชอบในหน้าที่ของการเป็นนักเรียน น้องก็สามารถตอบได้ว่า เพราะน้องเป็นคริสตชน  :angel:  ::017::

น้องบอกว่าน้องยังเป็นนักเรียน แถมยังไม่ได้ล้างบาป ทำอะไรได้ไม่ค่อยมาก  แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าน้องประกาศถึงพระเจ้าด้วยการกระทำของน้อง แล้วน้องทำอย่างต่อเนื่อง ทุกวัน สม่ำเสมอ หนึ่งวัน สองวัน สามวัน สี่วัน ห้าวัน ... หลายๆวันเข้า จากหนึ่งก็จะเป็นสองและเป็นสามและเป็นสี่และเป็นห้าและเป็นมากมาย นี่ไงครับ น้องได้ทำแล้ว และทำได้มากด้วยสิ จริงปะครับ  :cheesy:  :angel:  ::001::  ::017::

มุ่งหน้าต่อไป...เพื่อพระสิริของพระเจ้าสูงสุดครับ

Ad Gloriam Dei !!!  ::020::  ::020::  ::020::
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พุธ ก.พ. 14, 2007 12:17 am

จริงๆในระดับผู้ใหญ่น่าจะมีการส่งเสริม interreligious dialogue อย่างน้อยก็เสริมสร้างสัมพันธ์ และลดความรุนแรง 
Chay
โพสต์: 51
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 7:39 pm

อังคาร มี.ค. 13, 2007 10:21 am

ปัญหาในชีวิตทุกอย่างเกิดจากการที่เรายังมี "บาป" ในใจ แม้ว่าเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเชื่อพระเจ้า
แต่ก็ยังมีบาป เพราะฉะนั้นจะสวด หรืออธิษฐานอย่างไร พระเจ้าก็ไม่ได้ยิน
ในยอห์น บทที่ เก้า ข้อ ที่สามสิบเอ็ด หรือใน อิสยาห์บทที่ห้าสิบเก้า ข้อหนึ่งกับสอง
อธิบายแล้วว่าถ้ามีบาป นี่คือทำอะไรไม่ได้เลย ในอิสยาห์บทที่หนึ่งข้อที่สิบห้า ก็เขียนว่า
"แม้เจ้าอธิษฐานมากมาย กางแขนร้องไห้ แต่เราจะไม่ฟ้งเจ้าก็มี"
เพราะฉะนั้นอธิฐานไม่ใช่เหตุผมที่พระเจ้าจะฟัง แต่คนที่จะอธิษฐาน
ต้องเข้าใจเรื่องการล้างบาปที่ชัดเจนก่อน จึงค่อยอธิฐาน
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

อังคาร มี.ค. 13, 2007 10:25 am

Chay เขียน: ปัญหาในชีวิตทุกอย่างเกิดจากการที่เรายังมี "บาป" ในใจ แม้ว่าเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเชื่อพระเจ้า
แต่ก็ยังมีบาป เพราะฉะนั้นจะสวด หรืออธิษฐานอย่างไร พระเจ้าก็ไม่ได้ยิน
ในยอห์น บทที่ เก้า ข้อ ที่สามสิบเอ็ด หรือใน อิสยาห์บทที่ห้าสิบเก้า ข้อหนึ่งกับสอง
อธิบายแล้วว่าถ้ามีบาป นี่คือทำอะไรไม่ได้เลย ในอิสยาห์บทที่หนึ่งข้อที่สิบห้า ก็เขียนว่า
"แม้เจ้าอธิษฐานมากมาย กางแขนร้องไห้ แต่เราจะไม่ฟ้งเจ้าก็มี"
เพราะฉะนั้นอธิฐานไม่ใช่เหตุผมที่พระเจ้าจะฟัง แต่คนที่จะอธิษฐาน
ต้องเข้าใจเรื่องการล้างบาปที่ชัดเจนก่อน จึงค่อยอธิฐาน
รบกวนช่วยชี้แจงหน่อยสิครับว่าการล้างบาปที่ชัดเจนที่ว่านี่หมายถึงอะไร เพราะในเมื่อเห็นว่า"จะสวด หรืออธิษฐานอย่างไร พระเจ้าก็ไม่ได้ยิน" คืออ่านแล้วมันออกแนวคริสตจักรที่แท้จริงจริ๊งจริง ส่วนอื่นคงออกแนวไม่จริ๊งไม่จริงหรือเปล่า อืม น่าสนใจ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร มี.ค. 13, 2007 10:30 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

อังคาร มี.ค. 13, 2007 10:32 am

Chay เขียน: ปัญหาในชีวิตทุกอย่างเกิดจากการที่เรายังมี "บาป" ในใจ แม้ว่าเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเชื่อพระเจ้า
แต่ก็ยังมีบาป เพราะฉะนั้นจะสวด หรืออธิษฐานอย่างไร พระเจ้าก็ไม่ได้ยิน
ในยอห์น บทที่ เก้า ข้อ ที่สามสิบเอ็ด หรือใน อิสยาห์บทที่ห้าสิบเก้า ข้อหนึ่งกับสอง
อธิบายแล้วว่าถ้ามีบาป นี่คือทำอะไรไม่ได้เลย ในอิสยาห์บทที่หนึ่งข้อที่สิบห้า ก็เขียนว่า
"แม้เจ้าอธิษฐานมากมาย กางแขนร้องไห้ แต่เราจะไม่ฟ้งเจ้าก็มี"
เพราะฉะนั้นอธิฐานไม่ใช่เหตุผมที่พระเจ้าจะฟัง แต่คนที่จะอธิษฐาน
ต้องเข้าใจเรื่องการล้างบาปที่ชัดเจนก่อน จึงค่อยอธิฐาน

: xemo029 : โอ๊ว....ขนาดนั้นเชียวเหรอคะ งั้นคุณ chay ช่วยหาวิธีที่พระเจ้าจะได้ยินในเวลาที่เราสวด หรือ อธิษฐานให้หน่อยคะ เพราะเราเชื่อในพระเจ้า แต่เรายังมีบาปอยู่เนื่องๆ
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร มี.ค. 13, 2007 12:10 pm

Chay เขียน: ปัญหาในชีวิตทุกอย่างเกิดจากการที่เรายังมี "บาป" ในใจ แม้ว่าเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเชื่อพระเจ้า
แต่ก็ยังมีบาป เพราะฉะนั้นจะสวด หรืออธิษฐานอย่างไร พระเจ้าก็ไม่ได้ยิน
ในยอห์น บทที่ เก้า ข้อ ที่สามสิบเอ็ด หรือใน อิสยาห์บทที่ห้าสิบเก้า ข้อหนึ่งกับสอง
อธิบายแล้วว่าถ้ามีบาป นี่คือทำอะไรไม่ได้เลย ในอิสยาห์บทที่หนึ่งข้อที่สิบห้า ก็เขียนว่า
"แม้เจ้าอธิษฐานมากมาย กางแขนร้องไห้ แต่เราจะไม่ฟ้งเจ้าก็มี"
เพราะฉะนั้นอธิฐานไม่ใช่เหตุผมที่พระเจ้าจะฟัง แต่คนที่จะอธิษฐาน
ต้องเข้าใจเรื่องการล้างบาปที่ชัดเจนก่อน จึงค่อยอธิฐาน
อิสยาห์ 1.16-20 พระเจ้าตรัสผ่านท่านอิสยาห์ ว่าทำอย่างไรพระองค์ จะทรงฟังคำอธิษฐาน

16จงชำระตัว  จงทำตัวให้สะอาด 
จงเอากรรมชั่วของเจ้าออกไปให้พ้น  จากสายตาของเรา    จงเลิกกระทำชั่ว 

17จงฝึกกระทำดี    จงแสวงหาความยุติธรรม  จงบรรเทาผู้ถูกบีบบังคับ  จงป้องกันให้ลูกกำพร้าพ่อ 
จงสู้ความเพื่อหญิงม่าย 

18พระเจ้าตรัสว่า   
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

อังคาร มี.ค. 13, 2007 12:21 pm

Prod Pran เขียน:
Chay เขียน: ปัญหาในชีวิตทุกอย่างเกิดจากการที่เรายังมี "บาป" ในใจ แม้ว่าเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเชื่อพระเจ้า
แต่ก็ยังมีบาป เพราะฉะนั้นจะสวด หรืออธิษฐานอย่างไร พระเจ้าก็ไม่ได้ยิน
ในยอห์น บทที่ เก้า ข้อ ที่สามสิบเอ็ด หรือใน อิสยาห์บทที่ห้าสิบเก้า ข้อหนึ่งกับสอง
อธิบายแล้วว่าถ้ามีบาป นี่คือทำอะไรไม่ได้เลย ในอิสยาห์บทที่หนึ่งข้อที่สิบห้า ก็เขียนว่า
"แม้เจ้าอธิษฐานมากมาย กางแขนร้องไห้ แต่เราจะไม่ฟ้งเจ้าก็มี"
เพราะฉะนั้นอธิฐานไม่ใช่เหตุผมที่พระเจ้าจะฟัง แต่คนที่จะอธิษฐาน
ต้องเข้าใจเรื่องการล้างบาปที่ชัดเจนก่อน จึงค่อยอธิฐาน
อิสยาห์ 1.16-20 พระเจ้าตรัสผ่านท่านอิสยาห์ ว่าทำอย่างไรพระองค์ จะทรงฟังคำอธิษฐาน

16จงชำระตัว  จงทำตัวให้สะอาด   
จงเอากรรมชั่วของเจ้าออกไปให้พ้น   จากสายตาของเรา    จงเลิกกระทำชั่ว   

17จงฝึกกระทำดี    จงแสวงหาความยุติธรรม   จงบรรเทาผู้ถูกบีบบังคับ   จงป้องกันให้ลูกกำพร้าพ่อ   
จงสู้ความเพื่อหญิงม่าย   

18พระเจ้าตรัสว่า   
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร มี.ค. 13, 2007 12:50 pm

อ่าว แล้วทำไมที่กระทู้นี้

http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=5494.0

บอกทำนองว่า ไม่ต้องสนความประพฤติ(ทำบาปไปไม่เป็นไร)ขอให้เชื่อพระเยซูก็พอ แต่ดูเหมือนบทที่ยกมากระทู้นี้คือ ถ้ายังทำบาปอยู่พระเจ้าจะไม่ฟังล่ะ ดูมันวนๆยังไงๆม่ทราบนะครับ
ตอบกลับโพส