การเดินรูป 14 ภาคเป็นประเพณีปฏิบัติของคริสตชนนิกายโรมันคาทอลิกมาตั้งแต่ยุคกลาง จุดประสงค์แรกคือ เพื่อให้ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมเดินทางตามถนนสายที่เรียกว่า Via Dolorosa ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อกันว่าพระเยซูเจ้าทรงแบกไม้กางเขนบนเส้นทางนี้ไปสู้เนินเขากัลวารีโอ ได้สามารถร่วมจิตใจรำพึงภาวนาถึงพระทรมานของพระเยซูเจ้าได้ที่วัดของตนเอง โดยในวัดคาทอลิกจะมีรูปเหตุการณ์พระทรมานของพระเยซูเจ้าติดอยู่ที่ฝาผนังของโบสถ์ 14 รูป เวลาคริสตชนจะรำพึงพระทรมาน ก็จะเดินไปคุกเข่าที่รูปภาพนั้น ตั้งแต่รูปที่ 1และรำพึงภาวนาตามบทสวดที่มี แล้วก็เดินไปคู่เข่าที่รูปที่ 2 และทำเหมือนกัน เราจึงเรียกว่า การเดินรูป 14 ภาค ส่วนภาษาอังกฤษจะเรียกว่า The Stations of the Cross ส่วนการเดินรูป 14 ภาคที่บ้านนั้น มีในระยะหลัง เพื่ออณุโลมให้แก่ผู้ที่ไม่สะดวกจะไปที่โบสถ์ เช่น คนเจ็บป่วย และคนทั่วไปที่ปรารถนาจะรำพึงถึงพระทรมานของพระเยซูเจ้า แต่ไม่สะดวกไปที่โบสถ์ ก็จะมีหนังสือที่ทำขึ้นไว้เฉพาะสำหรับการำพึงแบบนี้ ซึ่งมีหลายเวอร์ชั่น แต่ข้อรำพึงจะเหมือนกันหมด คือ
1. พระเยซูเจ้าทรงถูกตัดสินประหารชีวิต
2. พระเยซูเจ้าทรงรับแบกไม้กางเขน
3. พระเยซูเจ้าทรงหกล้มครั้งที่ 1
4. พระเยซูเจ้าทรงพบกับพระมารดา
5. ซีมอนชาวไซรีนช่วยพระเยซูเจ้าแบกไม้กางเขน
6. นางเวโรนิกามาเช็ดพระพักตร์พระเยซูเจ้า
7. พระเยซูเจ้าทรงหกล้มครั้งที่ 2
8. พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับสตรีชาวเยรูซาเล็มที่ร้องไห้
9. พระเยซูเจ้าทรงหกล้มครั้งที่ 3
10. พระเยซูเจ้าทรงถูกถอดพระภูษา
11. พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงกางเขน
12. พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
13. การเชิญพระศพของพระเยซูเจ้าลงจากไม้กางเขน
14. การฝังพระศพของพระเยซูเจ้าในอุโมง
ซึ่งบทรำพึงที่นักบุญยอห์น มารีย์ เวียนเนย์ได้แต่งขึ้น ที่ผมกล่าวถึงนั้น หลายคนคงไม่ทราบว่านักบุญท่านนี้เป็นใคร และมีอะไรพิเศษ นักบุญท่านนี้เป็นคนในศตวรรษที่ 18 เกิดที่ประเทศฝรั่งเศษ เมื่อตอนเป็นเณรใคร ๆ ก็มองว่าท่านเป็นคนด้อยปัญญา ไม่เหมาะที่จะเรียนเป็นพระสงฆ์ แต่ด้วยความที่ท่านเป็นคนสุภาพถ่อมตน และมีความศรัทธาเต็มเปี่ยม ผู้ใหญ่จึงอนุญาตให้ท่านได้บวชเป็นพระสงฆ์ แต่ท่านก็ถูกส่งไปดูแลวัดในชนบทห่างไกล ชื่อว่าเมืองอาสน์ ซึ่งวัดนั้นเกือบจะเป็นวัดร้างอยู่แล้ว เพราะมีคนมาร่วมพิธีมิสซาเพียงไม่กี่คน แต่เนื่องจากท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีความศรัทธาร้อนรนในพระเจ้าและแม่พระอย่างมาก ท่านจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยพระจิตเจ้า การเทศน์สอนของท่านนั้น เป็นแบบเรียบง่ายแต่มีความหมายแทงทะเลในจิตใจที่เย็นชาของผู้คนได้ คนบาปมากมายได้กลับใจจากการเทศน์สอนของท่าน ท่านใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันเพื่อสวดภาวนา พลีกรรมใช้โทษบาป และนั่งฟังการสารภาพบาปของผู้คนที่หลั่งไหลมาแก้บาปกับท่าน ท่านมีเวลานอนหลับเพียงวันละ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น จนในที่สุดจากวัดที่ไร้ผู้คนได้กลับกลายเป็นวัดที่คราคร่ำไปด้วยผู้คนจากสาระทิศ เมื่อท่านมรณภาพศพของท่านไม่เน่าเปื่อย และได้รับการประดิษฐานไว้ในวัดที่ท่านดูแล ซึ่งบัดนี้กลายเป็นพระวิหาร
ส่วนการเดินรูป 14 ภาค ที่ท่านนักบุญได้แต่งขึ้น มีอยู่ในหนังสือที่ทางสังฆมณฑลจันทบุรีได้ทำขึ้นมามาหลายปีแล้ว หน้าปกสีขาว มีรูปพระเยซูถูกตรึงกางเขนสีน้ำเงิน ซึ่งที่วัดผมก็ใช้มาหลายปีเช่นกัน แต่ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยที่ใช้บทรำพึงนี้ ลักษณะของบทรำพึงเป็นเหมือนการสนทนาระหว่างเราทุกคนกับพระเยซูเจ้า จะมีบทพูดของพระเยซูเจ้า และของเราที่พูดโต้ตอบกัน แต่บทพูดของพระเยซูเจ้าไม่ได้มาจากพระคัมภีร์ ผมคิดว่าน่าจะมาจากการรำพึงส่วนตัวหรือการเผยแสดงที่ท่านนักบุญได้รับ เป็นการให้ความหมายของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พระเยซูเจ้าได้ประสบ ทำให้เรารู้ว่าพระองค์ทรงรักเรามากเพียงไหน ดังพระวาจาของพระเจ้าจากหนังสือวิวรณ์ 1:5 ที่ว่า "พระองค์ทรงรักเราและปลดเราให้พ้นจากบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์"